|
ความคิดเห็นที่ 9 |
วันโลกาวินาศแห่ง ศก.สหรัฐฯ จะได้เห็นกันในเร็ววันแน่นอน โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 12 กันยายน 2553 20:40 น. เอเอฟพี - ระบบเศรษฐกิจรายใหญ่โตที่สุดของโลก ซึ่งก็คือสหรัฐอเมริกา ได้ตกต่ำลงสู่ขอบเหวแห่งการล่มสลายแล้ว เพราะถูกบีบคั้นรอบด้านด้วยปัญหาการว่างงานและปัญหาหนี้ภาครัฐที่ควงสว่านลง สู่ก้นบึ้งของอเวจี เสียงเตือนในประการนี้จากบรรดานักเศรษฐศาสตร์ค่ายต่างๆ นับวันแต่จะสะท้อนก้องกังวานไปทั่ววงการ อาทิ กูรูคนดังอย่าง นูรีล รูบินี ผู้เป็นนักเศรษฐศาสตร์คนแรกๆ ที่เตือนถึงหายนะแห่งวิกฤตตลาดหนี้สินเชื่ออสังหาริมทรัพย์กลุ่มซับไพรม์ ตลอดจนเตือนว่าภาวะฟองสบู่ในตลาดบ้านที่อยู่อาศัยของสหรัฐฯ จะแตกสลายอย่างแน่นอน เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา รูบินีกล่าวต่อที่ประชุมทางเศรษฐกิจในอิตาลีว่า “สหรัฐฯ นั้นใช้บุญเก่าหมดแล้ว หากเกิดแรงกระแทกช็อกเข้าไปครั้งใดจะสามารถดึงสหรัฐฯ กลับเข้าสู่ภาวะถดถอยได้” ขณะเดียวกัน นักเศรษฐศาสตร์อื่นๆ ที่อาจไม่ได้เป็นข่าวบ่อยเท่ารูบินีก็พากันเรียงหน้าเทกันมาในข้างที่เห็น นิมิตอันตรายในระบบเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ภายในอนาคตอันใกล้นี้ ศาสตราจารย์แห่งมหาวิทยาลัยบอสตัน ลอเรนซ์ คอตลิคอฟฟ์ ซึ่งเตือนไว้นานมากแล้วตั้งแต่ทศวรรษที่ 1980 ว่าให้ระวังอันตรายจากการเดินนโยบายสาธารณะแบบขาดดุล ได้ออกมาย้ำอีกครั้งถึงลางมรณะของระบบเศรษฐกิจสหรัฐฯ โดยกล่าวไว้ในสิ่งพิมพ์ของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) คือ นิตยสาร F&D Finance & Development Magazine ฉบับเดือนกันยายน 2010 ที่เผยแพร่เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว โดยมีการนำเสนอภาพการปะทะกันทางเศรษฐกิจระหว่างสองมหาอำนาจของโลก คือ สหรัฐฯ กับจีน ประเทศซึ่งถือพันธบัตรกระทรวงการคลังอเมริกันไว้มากกว่า 843,000 ล้านดอลลาร์ ทั้งนี้ ท่านศาสตราจารย์ชี้ประเด็นว่า ความขัดแย้งด้านการค้าอันเป็นประเด็นเล็กๆ ระหว่างสหรัฐฯ กับจีน อาจทำให้คนบางกลุ่มคิดว่า คนอื่นๆ อาจตัดสินใจเทขายระบายความเสี่ยงในการถือพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ และเมื่อความเชื่ออย่างนั้นถูกสำทับด้วยความวิตกในภาวะเงินเฟ้อ ย่อมอาจนำไปสู่การแตกตื่นเทกระจาดขายพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อย่างบ้าคลั่ง พร้อมกับส่งผลไปกระตุ้นให้สาธารณชนผวาถึงเสถียรภาพของระบบเศรษฐกิจ และโกลาหลกันไปถอนเงินฝากออกจากธนาคาร เพื่อไปซื้อสินทรัพย์ที่คงทนกว่า สิ่งที่ตามมาคือ การจุดชนวนให้เกิดภาวะสภาพคล่องฝืดเคืองรุนแรงในแวดวงของบรรดาธนาคารพาณิชย์ และตลาดเงิน ตลอดจนบริษัทประกันภัยทั้งปวงเพราะผู้ถือกรมธรรม์ขอไถ่ถอนเพื่อหาความ ปลอดภัยให้ตนเอง “ในระยะเวลาเพียงสั้นแบบนั้น ธนาคารกลางสหรัฐฯ ย่อมต้องออกธนบัตรเพิ่มขึ้นมาหลายล้านล้านดอลลาร์ เพื่อแก้ปัญหาและสร้างหลักประกัน แล้วเงินใหม่เหล่านั้นย่อมจะทวีความรุนแรงของปัญหาเงินเฟ้อ จนอาจทำให้ถึงขึ้นไฮเปอร์” ศ.คอตลิคอฟฟ์เขียนเตือน ด้านสถาบัน StrategyOne Institute รายงานเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (10) ในเรื่องผลการสำรวจความวิตกต่อภาวะเศรษฐกิจถดถอยรอบใหม่ พบว่าชาวอเมริกัน 65% เชื่อว่าจะต้องเกิดขึ้นแน่ เดวิด บรูกส์ ผู้เขียนบทนำของหนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทมส์ นำเสนอไว้ว่า “เป็นความจริงที่ว่า ปัญหาเศรษฐกิจในปัจจุบันเป็นปัญหาระดับโครงสร้าง มิใช่ปัญหาชั่วคราวที่มาๆ ไปๆ ตามวงจรขึ้นลง” นอกจากนั้น บรูกส์ชี้ว่า สหรัฐฯ ทยอยสูญเสียพลังการครอบงำโลก ในลักษณะที่คล้ายมากกับตอนที่อาณาจักรอังกฤษเริ่มเสื่อมสลายเมื่อกว่าหนึ่ง ศตวรรษที่ผ่านมา “เราอยู่ในท่ามกลางการฟื้นตัวของปัญหาว่างงานรอบใหม่ ความยากลำบากในตลาดแรงงานของเรานั้นลึกซึ้งและตึงตัวมาก” บรูกส์ระบุไว้อย่างนั้น ในเวลาเดียวกัน จอมกูรูคนดังระดับโลกอย่างพอล ครุกแมน เจ้าของรางวัลโนเบลสาขาเศรษฐศาสตร์ แสดงความกังวลถึงชะตากรรมย่ำแย่ที่จะเกิดขึ้นกับการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของ สหรัฐฯ ที่ขณะนี้ยังเปราะบางมาก โดยเตือนไม่ให้ประชาชนวิ่งกลับไปดึงพรรครีพับลิกันได้กลับสู่อำนาจ “ยากที่จะบอกได้ว่ามันจะเสียหายรุนแรงเพียงใดกับความคิดที่เสนอเมื่อ ต้นสัปดาห์นี้โดย จอห์น โบห์เนอร์ ผู้นำเสียข้างน้อยในสภาผู้แทนฯ ถ้าแนวคิดดังกล่าวถูกนำไปดำเนินการจริง” ครุกแมนเขียนไว้ในบทบรรณาธิการเมื่อเร็วๆ นี้ โดยฟันธงด้วยว่า “มันคือการที่ปริมาณงานน้อยลงผนวกดับการขาดดุลที่มหาศาลมากขึ้น - ช่างเป็นการผสมผสานที่ลงตัวสมบูรณ์เหลือเกิน” ส่วนหนังสือพิมพ์วอลล์สตรีท เจอร์นัล ซึ่งปกติจะเชียร์ข้อเรียกร้องของโบห์เนอร์ในเรื่องหั่นภาษี กลับนำเสนอบทวิจารณ์เขียนโดย เวอร์นอน สมิธ นักเศรษฐศาสตร์รางวัลโนเบลอีกผู้หนึ่งที่พูดฟันธงว่า “ข้อเท็จจริงนี้จำเป็นที่เราจะต้องกล้าเข้าไปเผชิญ นั่นคือ แทบจะเป็นที่แน่นอนแล้วว่าเราจะถูกตีกระหน่ำอย่างยาวนาน” และไอเอ็มเอฟเองก็ส่งเสียงเตือนเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาเช่นกันว่า หนี้ของสหรัฐฯ ซึ่งอยู่ในระดับที่สูงอย่างเหลือเกิน ประกอบกับภาคการเงินที่สั่นคลอน กำลังคุกคามว่าจะทำให้การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ล้มเหลว “การยึดจำนองและขายทอดตลาดสินทรัพย์ในตลาดอสังหาริมทรัพย์ของสหรัฐฯ นั้น นับว่ามหาศาลและขยายขึ้นเรื่อยๆ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะช่วงของการให้ยกเว้นภาษีแก่ผู้ซื้อได้หมดรอบลง สิ่งนี้อาจยิ่งซ้ำเติมสภาพย่ำแย่ในด้านของระดับราคาอสังหาริมทรัพย์สาหัสมาก ยิ่งๆ ขึ้นไป” ไอเอ็มเอฟร้องเตือนไว้อย่างนั้น
จากคุณ |
:
kaninmike
|
เขียนเมื่อ |
:
14 ก.ย. 53 15:19:52
|
|
|
|
|