จุดชี้เป็นชี้ตายหรือจุดทำกำไร ของระบบโทรคมนาคมคืออะไร?
คนที่อยู่นอกวงการมักมองข้าม
ลูกข่าย (Handset & Terminal) ครับ
2G ก่อน: GSM vs CDMA
จะเป็นว่าในโลกนี้ทำไม GSM ประสบผลสำเร็จมากกว่า CDMA สาเหตุหลัก เพราะลูกข่าย GSM ผลิตออกมามากรุ่นมากกว่า
็Hutch สู้กับ 3 เจ้า ไม่ใช่ว่า Hutch ไม่มีฝีมือ แต่เพราะเสียเปรียบเรื่องนี้
ไปลองนับรุ่นมือถือ ทั้งสองมาตรฐานเปรียบเทียบกันเอง แล้วจะประจักษ์ว่า GSM แทบจะขี้เกียจนับ
สาเหตุลึกกว่านั้น เพราะ GSM มาตรฐานยุโรป บุกโลก Digital ก่อน CDMA อเมริกา แม้แต่ในบ้านเกิด CDMA อย่างอเมริกาเอง ยอดก็ถุก GSM ข้ามไปมาก อาจมีประเทศเดียวในโลก คือเกาหลี ที่ CDMA ชนะ GSM ขาด
3G ก็เช่นกัน
ข้อเท็จจริงก็คือ 3G มีมา 5-6 ปีแล้ว แล้ว แต่ทำไมเพิ่งมา boom เพราะตลาด mass production หรือการทำลูกข่ายจำนวน volume มากๆ ราคาถูกๆ เพิ่งเริ่มมาเมื่อ 2-3 ปีนี่เอง
และลูกข่ายที่แพร่หลายที่สุด มันเป็นความถี่ 2100MHz
ที่ขัดแข้งขัดขากันอยู่ทุกวันนี้ ไม่ใช่ความถี่ 850, 900, 1800, 1900 ที่ถือกันอยู่
ข้อเท็จจริงก็คือ ที่ TOT เปิด 3G แล้ว คนทำไมลืมๆ เพราะเหตุผลว่าจะมีเครื่องจำนวนมาก ไม่รองรับความถี่นั้น
แต่ 3G ทุกเครื่องในโลกที่ผลิตออกมา จะรองรับความถี่ 2100 "เสมอ" เพราะเป็น primary bandที่เริ่มบุกเบิกกันด้วยความถี่นี้ ถ้าลูกข่ายเครื่องไหนจะทำเป็น Dual-Band (2 ความถี่ในเครื่องเดียว), Triple-band (3 ความถี่ในเครื่องเดียว), Quadruple-Band (4 ความถี่ในเครื่องเดียว) 2100 จะเป็นตัวยืน
เช่น
Dual-Band 2100 กับ 850,
หรือ 2100 กับ 1900
จะไม่มี Dual-Band 850 กับ 1900 โดยขาด 2100 เป็นอันขาด
2100 จึงเป็นความถี่ทองคำ
4G ก็อีกเช่นกัน 4G เป็นจริงในทางปฏิบัติแล้ว ยอดเยี่ยมกว่า 3G ไม่เห็นฝุ่น
ยุโรปเปิดเครือข่าย LTE หรือ 4G Wimax แล้ว
แต่ตลาดยังไม่โต สาเหตุคือ มีเครื่องไม่ถึง 5 รุ่น ที่ใช้งาน 4G ได้! ใครจะเอามาทำตลาด
ข้างบนว่าด้วย technical ล้วนๆ นะครับ ส่วนการประมูล 3G 2100 MHz ปัญหา political เบื้องหลังอย่างไร มันอีกประเด็นหนึ่ง ไม่มีข้อมูลลึกพอ จึงไม่ขอพูดถึง แต่โครงการระดับชาติแบบนี้ มีแน่นอน