ความคิดเห็นที่ 1 แรงดีครับ ผมชอบ จากคุณ : อาตี๋อินเทอร์เน็ต เขียนเมื่อ : วันเกิด PANTIP.COM 53 23:23:12

ความคิดเห็นที่ 2 เห็นด้วยครับ อยากให้ 1 ดอลเท่ากับ 1 บาทเลย จากคุณ : เม่าลัลล้า เขียนเมื่อ : วันเกิด PANTIP.COM 53 23:28:23

ความคิดเห็นที่ 3 ถ้าต้องเลือกระหว่างเงินบาทอ่อน กับเงินบาทแข็ง ผมคงเลือกเงินบาทแข็งเหมือนกันครับ จากคุณ : Jungfrail เขียนเมื่อ : วันเกิด PANTIP.COM 53 23:37:25

ความคิดเห็นที่ 4 ส่วนตัวเชื่อว่านักการเมืองบีบแบงก์ชาติไม่สำเร็จครับ จากคุณ : Cycle..คิด เขียนเมื่อ : วันเกิด PANTIP.COM 53 23:40:19

ความคิดเห็นที่ 5 ได้ใจเต็มๆครับ จากคุณ : aromatichydrocarbon เขียนเมื่อ : วันเกิด PANTIP.COM 53 23:53:54

ความคิดเห็นที่ 6 เมื่อไหร่ๆๆๆจะได้ซื้อ Iphone 499บาท จากคุณ : Toh loneliness เขียนเมื่อ : วันเกิด PANTIP.COM 53 23:56:47

ความคิดเห็นที่ 7 คิดได้แค่นี้ ประเทศคงไม่เจริญ!!! ...เขาให้แทรกแทรงเพราะเขาต้องการเวลาปรับตัว การที่แข็งอย่างเร็วเกินไป เขาก้อปรับตัวไม่ทันนะคับ และที่สำคัญ ถ้าธุรกิจ พวกนี้ตาย ประเทศไทย ก้อไม่เจริญ เพราะหาเงินเข้าประเทศไม่ได้ มันต้องช่วยๆกันคับ อย่าคิดอะไรแคบเกินไป พวกส่งออกเขาก้อมีหน้าที่หาเงินเข้าประเทศนะคับ จำไว้นะคับว่าประเทศไทย พึงพาการส่งออก ครับ!!! จากคุณ : Nakata_thai (nakata_thai) เขียนเมื่อ : 8 ต.ค. 53 00:10:15

ความคิดเห็นที่ 8 เดาได้เลยครับว่า แบงค์ชาติ หมดตูด แน่ ถ้าเอาเงินมาซื้อดอลใ้ห้บาทอ่อน จากคุณ : Grand Marshal1 เขียนเมื่อ : 8 ต.ค. 53 00:11:06

ความคิดเห็นที่ 9 ตอนเงินบาทร่วงไปห้าสิบกว่าบาทไม่เห็นใครช่วยอะไรเลย แบงค์พิมพ์ได้เองมันไม่ควรจะมีค่าอะไรเลยด้วยซ้ำ นอกจากค่ากระดาษ+ค่าพิมพ์ จากคุณ : ohlalla เขียนเมื่อ : 8 ต.ค. 53 00:12:08

ความคิดเห็นที่ 10 เรากลับอยากให้ค่าเงินอ่อนมากกว่าค่ะ  เพราะ 1.การท่องเที่ยว  คนมาเที่ยวไทยเพราะใช้ค่าใช้จ่ายน้อยก็เป็นส่วนสำคัญอย่างหนึ่งนะคะ 2.อุตสาหกรรมไทยก็เน้นให้ต่างชาติเข้ามาลงทุน โดยที่ไทยขายแรงงานให้  ถ้าแพงเขาก้ย้ายฐาน 3.สินค้าส่งออกของประเทศเราก็เป็นพวกพื้นฐาน พวกอาหาร ซึ่งก็เน้นแข่งกันราคาถูกอยู่แล้ว  ถ้าแพงก็สู้ราคาประเทศอื่นไม่ได้ USA มีทอง มีน้ำมันสำรองเยอะ เขาอยากจะบันดาลเงินตัวเองให้แข็งเมื่อไหร่ก็ได้ ทำไมเขาไม่ทำ  เขาก็ทำให้เงินตัวเองอ่อนเข้าไว้จะได้ขายของออก ประเทศอื่นเขาก็ทันเกมส์ ..............เงินเยน เงินหยวน ยังแทรกแซงราคาไม่ให้เงินแข็ง  จะมีก็รัฐบาลประหลาดชอบเงินแข็งนี่ล่ะค่ะ(อาจจะไม่ชอบแต่ไม่มีปัญญาทำให้อ่อน) ท่าจะมองแค่อยากโกยเงินในตลาดหุ้น เพียงเพราะเงินบาทแข็ง เงินนอกทะลักเข้า หุ้นเราจึงขึ้น   จะมองมุมนี้แต่เพียงมุมเดียวมันก็กระไรนะคะ จากคุณ : กันดัมจัง เขียนเมื่อ : 8 ต.ค. 53 00:16:57

ความคิดเห็นที่ 11 ผมก็แอบเห็นด้วยในส่วนหนึ่งของ จขกท.ครับ แต่ในอีกส่วนหนึ่งคือผมเองก็อยากให้มันค่อยๆปรับตัวของมันเองแบบช้าๆ เพื่อให้ทั้งภาคส่งออกและนำเข้า สามารถปรับตัวกับค่าเงินที่แข็ง/อ่อนค่าในตัวของมันเองได้ ถ้าทำอะไรแบบผลีผลาม อยู่ๆสกัดในบัดดล หรือปล่อยให้ อ่อนจนพุ่งกระจุย ก็คงมีภาคใดภาคหนึ่งไม่ส่งออกก็นำเข้า บาดเจ็บล้มตายจากพิษสงครามเงินตราเป็นแน่แท้ ตามจริงเราก็ต้องเห็นใจกันทั้งสองฝ่ายครับ ฝ่ายนำเข้า,ฝ่ายที่มีหนี้ต่างประเทศ ชอบที่เงินบาทแข็งค่าเพราะค่าใช้จ่าย ถูกลงกว่าเดิมเยอะ ส่วนฝ่ายส่งออก ก็ชอบที่จะให้เงินบาทแข็งค่า เพราะจะได้มูลค่าเพิ่มมากขึ้น ผมว่าหาทางสายกลางที่เราทุกคนไปด้วยกันได้น่าจะดีกว่า แต่ก็ยังคงแอบเห็นด้วยกับ จขกท. นิดๆ จากคุณ : venezier เขียนเมื่อ : 8 ต.ค. 53 00:22:52

ความคิดเห็นที่ 12 ผมเห็นด้วยนะครับ แต่ถึงอย่างไรพวกส่งออกก็ต้องการเวลาในการปรับตัว ผมว่าสาระมันน่าจะอยู่ตรงนี้ด้วยครับ จากคุณ : Biot Savart เขียนเมื่อ : 8 ต.ค. 53 00:26:43

ความคิดเห็นที่ 13 ถ้าค่าเงินมันเท่ากันหมด ก็ไม่มีเหตุผลอะไรให้  บริษัทดังๆอย่าง  โตโยต้า ฮอนด้า  แคนนอน  นิคอน  โซนี่  ซีเกท เข้ามาตั้งฐานการผลิตในไทยหรอก เค้าเอากลับไปตั้งบ้านเค้าไม่ดีกว่าหรอ ช่วยคนประเทศเค้ามีงานทำด้วย   ยิ่งตอนนี้ ไม่ต้องเก็บภาษีอีก เค้าย้ายไปอินโดไม่ก็มาเลไม่ดีกว่าหรือเพราะมีท่าเรือส่งไปได้ทั้งสองฝั่งทะเล จะเข้าจีนก็ได้ จะเข้าอินเดียก็ได้ เรื่องค่าน้ำมันแพงต้องไปคุยกับรัฐบาลแล้วละ ถ้าลดหรือเลิกเก็บเข้ากองทุนน้ำมันราคาก็จะลดได้เกือบๆห้าบาทต่อลิตรเลยทีเดียว   หรือลดภาษีต่างๆนาๆได้เราจะได้ใช้น้ำมันราคาที่สิบบาทต้นๆเท่านั้น แต่รัฐบาลจะยอมหรือกรณ์จะยอมหรือ  เพราะนี่คือเงินก้อนใหญ่ทีเดียว จากคุณ : Bach_Ho เขียนเมื่อ : 8 ต.ค. 53 00:28:28

ความคิดเห็นที่ 14 ถ้าค่าเงินเราเป็นไปตามภูมิภาค ก็ไม่สมควรที่จะแทรกแซงครับ ผมว่าส่งออกก็ไม่ได้กระทบมากมายอะไร ถ้าค่าเงินเป็นไปตามภูมิภาค ถ้าแข็งกว่าคนอื่นมากๆค่อยคิดแทรกแซง .... จากคุณ : NoNameLFC เขียนเมื่อ : 8 ต.ค. 53 00:30:49

ความคิดเห็นที่ 15 แรงไปมั้ยครับ ระบบมันมีอยู่ การเปลี่ยนแปลงมันก็ต้องมีแน่ แต่ต้องปรับอย่างสมดุล ค่อยเป็นค่อยไป ให้ทุกคนอยู่ได้ จากคุณ : dream walking เขียนเมื่อ : 8 ต.ค. 53 00:32:54

ความคิดเห็นที่ 16 ตอนค่าเงินอ่อน 52 บาท ประเทศไทยคงรวยมากมายดิ จากคุณ : เก่ง-ชุมแสง เขียนเมื่อ : 8 ต.ค. 53 00:37:57

ความคิดเห็นที่ 17 ถ้ามันแข็งเป็นอัตราส่วนเท่าๆกันทั้งภูมิภาคน่าจะโอเค ถ้าแข็งโด่กว่าชาวบ้านเขานานๆก็ไม่ไหว ผมไปดูกราฟอย่างหยาบๆ ย้อนหลัง 3 เดือน thb:usd แข็งขึ้นประมาณ 7.7 %  myr:usd แข็งขึ้นประมาณ 2.5 % http://finance.yahoo.com/currency-converter/#from=USD;to=THB;amt=1 ถ้าเป็นแบบนี้ส่งออกคงสู้เขาไม่ได้ บริษัทส่งออกแย่ลงหรือเจ๊ง ต้อง lay off หรือลดเงินเดือน คนงานคงเดือนร้อนน่าดู จะอย่างไรก็ตามไม่เชื่อน้ำยารัฐ.เทพประทานอยู่แล้ว อยากทำอะไรก็ทำพูดได้คำเดียวว่าฉันไม่แคร์ จากคุณ : fiftydee เขียนเมื่อ : 8 ต.ค. 53 00:39:14

ความคิดเห็นที่ 18 ชอบใจ แจกกิ๊ฟ  แถมโหวตด้วย อยากให้  สัก  10 us = 1 บาท เลย สะใจดี จากคุณ : pumkapal เขียนเมื่อ : 8 ต.ค. 53 00:44:18

ความคิดเห็นที่ 19 แรงไปนะ จขกท ถ้าส่งออกโง่คงไม่ทำส่งออกหรอก คงจะซื้อ-ขายอยู่แถวๆ ตลาดสดนั่นแหละ ทุกอย่างมีเรื่องราวของมัน เหรียญมี 2 ด้าน เงินบาทแข็งคนได้ประโยชน์ก็ไม่อยากให้รัฐบาลทำอะไร ส่วนคนที่เสียประโยชน์ทั้งที่เสียจริงหรือแอบเนียน ก็ออกมา เรียกร้องให้ทำนั่นทำนี่   ความจริงก็คือทุกคนต่างก็หวังเอาประโยชน์ของตนเองเป็นที่ตั้ง ก็เท่านั้น จากคุณ : แมวเหนือ เขียนเมื่อ : 8 ต.ค. 53 01:36:03

ความคิดเห็นที่ 20 ปล่อยเป็นกลไลตลาดดีที่สุดอย่าไปแตะมันเลย สิ่งเดี๋ยวพีี่ำผมรู้คือ people are very selfish ชอบเอาปรโยชน์แต่ส่วนตนเป็นที่ตั้ง เอาอันนี้ไปดูว่าเงิน บาทควรจะเป็นเท่าไหร่ จากคุณ : casper_eng เขียนเมื่อ : 8 ต.ค. 53 03:26:17

ความคิดเห็นที่ 21 จริงๆมันมีเหตุการณ์ลักษณะนี้มาตั้งนานแล้ว แถมมันก็ไม่ได้แข็งแบบรวดเร็วขนาดนั้น กว่าจะมา 29 นี้ก็ใช้เวลาเป็นเดือน ธุรกิจนะไม่ใช้การกศุล ถ้าปรับตัวไม่ได้ เจ๊งๆไปได้ก็ดี วงการธุรกิจมันก็เป็นแบบนี้ ถ้าคิดจะเป็นนักธุรกิจ ก็ต้องเล่นตามกฏ ถ้าเล่นไม่ได้แพ้ไปก็ไม่ต้องโทษคนอื่น โทษตัวเองที่ไม่ได้รองรับความเสียงเอง ที่งี้คนนำเข้าไม่เห็นออกมาโว้ยวายบ้างละว่าบาทแข็งเกินทำให้ได้กำไรมากขึ้น จะเอาแต่ได้แท้ๆ ก็เหมือนเล่นหุ้นนั้นแหละ เลือกหุ้นไม่ดี ผิดจังหวะ เล่นหุ้นปั่น พอเจ๊ง ก็ออกมาโว้ยวายว่า กลต บางละ ตลาดหลักทรัพย์บ้างละ ไม่เห็นมาคุมเลย ทำนองเดียวกัน จากคุณ : Miracle Boy เขียนเมื่อ : 8 ต.ค. 53 03:26:24

ความคิดเห็นที่ 22 ค่าเงินต้องสะท้อนพื้นฐานที่แท้จริงของเศรษฐกิจ และไม่ผันผวน นั่นถึงจะถูกต้องที่สุด ถ้าเรามีทรัพยากรมาก มีเทคโนโลยีสูง สินค้ามีสัดส่วนกำไรสูง ให้บาทมันแข็ง 1 บาทต่อ 1 ดอลล่าห์ ก็ไม่มีใครเดือนร้อน แต่นี่ประเทศต้องพี่งการส่งออก สินค้าเกษตร ท่องเที่ยว แล้วค่าเงินแข็งกว่าพื้นฐาน นานๆ เข้า กิจการที่ทนไม่ไหวก็ต้องเลิก จะพูดว่าทำธุรกิจแข่งขันไม่ได้ก็เลิกสิ อันนั้นมันก็คิดง่ายไป ผลกระทบมันลามเป็นลูกโซ่ทีเดียวเชียว ต้องมีคนตกงาน ปัญหาสังคม เงินฝืด นาน ๆ เข้าธุรกิจต้องสูญเสียให้ประเทศที่เขามีการจัดการค่าเงิน พอถึงจังหวะที่ค่าเงินอ่อนอย่างรวดเร็ว เราก็กลายเป็นเป็ดง่อย ที่ต้องเริ่มหัดเดินใหม่ ต้นทุนธุรกิจที่ต้องเริ่มดำเนินการใหม่ บุคลากร สารพัด กว่าจะออกวิ่งได้อีกก็เสียโอกาสไปแล้ว         ทำไมจีนไม่ยอมให้ค่าเงินแข็ง เพราะกลัวคนตกงาน ปัญหาสังคม การประท้วง ยอมที่จะเก็บแบงค์กงเต็ก ของอเมริกา แล้วอเมริกาก็พิ่มพ์แบงค์กงเต็กออกมากดดัน ส่งสัญญาณแรง ๆ ว่าถ้าอยากต่อสู้ค่าเงิน ก็เชิญ สงครามค่าเงินนี้ ถ้าแบงค์ชาติรู้ไม่เท่าทัน หรือไม่ทำอะไร ประมาณว่ากรูไม่เดือดร้อน เงินเดือนมีจ่ายทุกเดือน มันก็คงเป็นเวรเป็นกรรมของคนทำธุรกิจส่งออก ความสามารถในการแข่งขันของเราก็จะหดหายไปเพียงเพราะค่าเงินที่แข็งแบบชั่วครั้งชั่วคราว จากคุณ : BigMooHuHu เขียนเมื่อ : 8 ต.ค. 53 05:42:17

ความคิดเห็นที่ 23 ผมเลือกบาทอ่อนครับประเทศอยู่ได้เพราะผู้ประกอบการส่งออก จากคุณ : guyver เขียนเมื่อ : 8 ต.ค. 53 06:02:30

ความคิดเห็นที่ 24 นำเข้า-ส่งออก อืมมม.. ไม่ทราบค่ะ ที่แน่ๆ เพื่อนฝรั่ง 12 คน บอกว่า ขอเลื่อนมาไทยไปก่อน เพราะมาแล้ว แลกเงินได้น้อย ฟังแล้วก็ได้แต่เฮ้อ.. จากคุณ : ลำเนา เขียนเมื่อ : 8 ต.ค. 53 06:25:42

ความคิดเห็นที่ 25 ใช่แล้วครับ. ตอนนี้เศรษฐกิจประเทศเรามาแรงที่สุดในเอเซีย เงินเรามันต้องแข็งที่สุดในเอเซียถึงจะยุติธรรม คนไทยเราสมควรได้รับโอกาสไปเที่ยวรอบโลกอย่างแท้จริง !!! (จขกท.หมายความว่าแบบนี้ใช่ไหมครับ ?) แก้ไขเมื่อ 08 ต.ค. 53 06:51:02 จากคุณ : everandever เขียนเมื่อ : 8 ต.ค. 53 06:32:04

ความคิดเห็นที่ 26 หลายคนอยากให้บาทอ่อน แต่หารู้ไม่ว่าการที่เงินUS-Dollar อ่อนค่าเรื่อยๆมันไม่มีใครหยุดยั้งได้ กระแสเงินเฟ้อของสหรัฐเหมือนน้ำป่าที่เชี่ยวกราก ถ้าฝืนก็จมน้ำตายกัน บางคนเข้าใจผิดมหันต์ที่บอกว่ารัฐบาลสหรัฐอยากให้แข็งหรืออ่อนก็ได้ ท่านรู้หรือไม่ว่าสิ่งที่รัฐบาลสหรัฐทำลงไปตั้งแต่ปี 1971 มันกำลังส่งผลร้ายต่อตัวเองและทั้งโลก ลูกโป่งกำลังจะแตก ขยะที่ซุกไว้ใต้พรมมันกำลังไม่มีที่ซ่อนอีกต่อไป การแก้ปัญหาของรัฐบาลสหรัฐช่วง 3 ปีที่ผ่านมา หากไม่สำเร็จสิ่งที่ตามมาคือเงินเฟ้อขั้นรุนแรงที่กำลังเกิดขึ้น มีเรื่องตลกทางการเงินเกี่ยวกับเงินมาร์คเยอรมันสมัยก่อนที่มีหญิงวัยกลางคนเข็นรถเข็นที่เต้มไปด้วยเงินมาร์คเพื่อไปซื้อขนมปังเพียงแถวเดียว เพียงแค่วางรถเข็นไว้แปบเดียวเพื่อไปเข้าห้องน้ำสาธารณะกลับมาอีกทีปรากฏว่ารถเข็นถูกขโมยหายไปแล้วทิ้งแต่เงินมาร์คไว้ดูต่างหน้าไม่หายไปซักปึกเดียว สิ่งที่สหรัฐทำวันนี้กำลังแก้ปัญหาเศรษฐกิจแบบเดียวกับเยอรมันแล้วมันจะจบลงอย่างไร แก้ไขเมื่อ 08 ต.ค. 53 06:53:29 จากคุณ : คนรักน้ำมัน เขียนเมื่อ : 8 ต.ค. 53 06:50:12

ความคิดเห็นที่ 27 เรื่องเงินดอลล์ร่วงทั้งโลกรับรู้ ส่วนใหญ่พยายามแก้ไขรับมือ ส่วนประเทศเราทำอะไรบ้างครับ ??? ถามว่าการที่ค่าเงินเราแข็งและแรงที่สุดในเอเซียแบบนี้ แสดงว่าเศรษฐกิจเรากำลังเข้าขาขึ้นครั้งใหญ่หรือไม่ ? ผมไม่รู้นะเพราะผมเล่นหุ้นเป็นอาชีพ ปีนี้ผมรวยขึ้น 20% ผมก็คิดว่าเศรษฐกิจเราดีขึ้นจริงๆ แต่คนอื่นๆเป็นยังไงผมไม่รู้ ถ้าคิดแต่ในแง่คนเล่นหุ้นผมก็ว่าบาทสมควรแข็งไปซัก 20% จริงๆนั่นแหละ แต่คนไทยเราจริงๆจะเล่นหุ้นซักกี่คนหนอ ??? จากคุณ : everandever เขียนเมื่อ : 8 ต.ค. 53 06:54:28

ความคิดเห็นที่ 28 ค่าเงินมันควรจะสมดุลนิครับ ไม่ใช่แข็งโป๊กหรืออ่อนยวบเกินไปเพราะมันจะมีคนเจ๊งครับ ถ้าค่าเงินแข็งเร็วไปเดี๋ยวกลุ่มส่งออกเคาก็ต้องกู้อีกคราวนี้ยาว... จากคุณ : เค้าหาว่าผมเป็นเกย์ เขียนเมื่อ : 8 ต.ค. 53 07:26:25

ความคิดเห็นที่ 29 ส่งออกนี่ภาคเกษตรนะครับ ภาคบริการก็กระเทือน นักท่องเที่ยวก็เข้าน้อย น้ำมันแพงก็ช่างสิ ใครให้ใช้น้ำมันเยอะหล่ะ จากคุณ : I love Alpha เขียนเมื่อ : 8 ต.ค. 53 08:02:56

ความคิดเห็นที่ 30 ผมว่า ทำอย่างไงก็ได้  "ไม่ให้ผันผวน" ซึ่งมี "แนวโน้มที่แน่นอนและสามารถคาดการได้"   โดยเป็นไปตาม "พื้นฐานเศรษฐกิจที่แท้จริง" และ "ไม่ได้มาจากการเก็งกำไรระยะสั้น" คับ เพราะฉะนั้น นโยบายต้องชัดเจน ไม่ใช่โยนกันไป โยนกันมา จากคุณ : worthneverdie เขียนเมื่อ : 8 ต.ค. 53 08:03:55

ความคิดเห็นที่ 31 ได้ความรู้ตรึ่มเลยครับ จากคุณ : หนูน้อยฟ้าใส เขียนเมื่อ : 8 ต.ค. 53 08:05:05

ความคิดเห็นที่ 32 แต่ถ้าพูดตามบรรยากาศตอนนี้ ผมคิดว่า ไม่ต้องกลัวว่าเงินบาทจะอ่อนครับ มันจะแข็งขึ้นไปอีก เพื่อให้หุ้นขึ้นไปเรื่อยๆ เดือนนี้อาจจะพักฐานเล็กๆ แต่ก่อนจะถึงช่วงหาเสียง หุ้นยังไม่น่าจะลงมา ผมว่า เขาแค่ทะเลาะกันให้เราดู เพื่อลดแรงกดดันจากเจ้าของธุรกิจที่กระทบ มันเลยออกมาเป็นแบบนี้ และฝรั่งผมว่า "รู้ดี" เพราะสังเกตหุ้นกลุ่มที่ขึ้น และ NVDR ก็น่าจะพอเดาออก ว่า Win-Win กัน อย่างไร จากคุณ : worthneverdie เขียนเมื่อ : 8 ต.ค. 53 08:08:44

ความคิดเห็นที่ 33 จริงๆ กำลังสงสัยอยู่พอดีในเรื่องนี้กำลังจะเอามาถามอยู่ ผมกำลังสงสัยว่าเวลาบาทอ่อนทำไมรัฐไม่เข้ามาดูแลเรื่องค่าเงินอย่างจริงจังบ้าง คนนำเข้าสินค้าก็ลำบาก เวลาบาทอ่อน ต้องจ่ายเงินให้ต่างชาติมาก ก็ไม่เห็นรัฐจะออกมาช่วยเหลือ แต่เวลาบาทแข็ง พวกส่งออกก็โอดโอยกันแล้ว แล้วรัฐบาลทำไมต้องเข้ามาช่วยด้วยล่ะ ผมมองว่ามันไม่ค่อยยุติธรรม และไม่เป็นไปตามกลไลตลาด จริงอยู่ว่าธุรกิจส่งออก เป็นธุรกิจหาเงินให้ประเทศ แต่การที่จะดูแลแต่ส่งออก ไม่ดูแลนำเข้าเลย ผมว่ามันก็ไม่เหมาะสม และไม่เป็นธรรมซักเท่าไร ผมมองตอนนี้ผมรู้เลยว่า หากใครอยากรวยต้องทำธุรกิจส่งออก แต่ธุรกิจนำเข้านี่ห้ามทำเด็ดขาด เพราะดูรัฐไม่ส่งเสริมเลย ตอนปล่อยค่าเงินลอยตัว ธุรกิจส่งออกรวยกันเละ ธูรกิจนำเข้าล้มละลายกันเป็นแถบ ผมคิดว่าหากรัฐบาลไม่ปล่อยค่าเงินให้เป็นไปตามกลไลตลาด ก็ให้กำหนดมาตรการแบบเมื่อก่อนเลยดีกว่า ให้คงที่ค่าเงินไว้ อย่างน้อยก็ไม่เดือดร้อนทั้งส่งออก และนำเข้า มันแฟร์กว่ากันเยอะ แถมรัฐยังไม่อยากให้เก็งกำไรค่าเงินด้วย ผมว่าคงที่ค่าเงินน่าจะเหมาะสมที่สุด แก้ไขเมื่อ 08 ต.ค. 53 08:16:35 จากคุณ : bigzaa เขียนเมื่อ : 8 ต.ค. 53 08:15:37

ความคิดเห็นที่ 34 เพราะนำเข้าเป็นรายจ่ายไง ส่งออกเป็นรายได้ ส่งออกแยะ รายได้มาก ภาษีมาก ทุนสำรองมาก คนที่ปรับตัวจึงต้องเป็นคนนำเข้าเสมอ จากคุณ : น้องสามสี เขียนเมื่อ : 8 ต.ค. 53 08:30:40

ความคิดเห็นที่ 35 สรุปว่า ถ้ารัฐฯลดค่าเงินบาทเท่ากับปล้นเงินคนไทยทั้งประเทศ ไปสังเวยความโง่เง่าของพวกส่งออกเท่านั้น ---------------- พูดมาได้ ไม่มีฝีมือทำ ไม่มีปัญญาจัดการเงินบาทให้มันไม่อ่อนไม่แข็ง ก็อ้างโน้นอ้างนี้ สิงที่ผู้ส่งออกต้องการคือฝีมือ ผลงาน ไม่ใช้ฝีปาก และลมปาก จักการอะไรไม่ได้ก็ ออกไปให้คนอื่นเขามีฝีมือจัดการให้เกิดผลงานเข้ามาทำ แก้ไขเมื่อ 08 ต.ค. 53 08:58:55 จากคุณ : ขนมสาคู เขียนเมื่อ : 8 ต.ค. 53 08:52:58

ความคิดเห็นที่ 36 ขอตอบแบบคนเคยทำงานพวกส่งออกนำเข้านะ มันก็มองได้หลายกรณีมากๆๆ ไม่ใช่ว่าคนทำส่งออกเห็นแก่ตัวอย่างจขกท ว่านะ ถ้าทำ 2 ขา อย่างนำเข้าวัตถุดิบและส่งออกกลับไป อย่าลืมนะคะว่าทำงานผลิตไม่ใช่แค่เดือนเดียวเคาะราคาค้าขาย เค้าเคาะกันล่วงหน้าเป็นปี ครึ่งปี ถ้าตอนตีราคาวัตถุดิบที่นำเข้าอยู่ที่ 31-32 บาท/us เพราะราคาวัตถุดิบถูกเคาะมาจากเมืองนอก ปกติตัวลูกค้าเองจะเป็นคน dominate supplier ด้วยซ้ำไป เค้าจะรู้ราคาหมด ยกเว้นค่าแรงที่เราเป็นคนเคาะให้เค้า เค้าก็จะเอาไปเปรียบเทียบกับโรงงานที่อื่น ค่าแรงก็เคาะออกมาเป็น us จาก 31-32/us พออีก 3 เดือนผ่านไป ค่าเงินแข็งเหลือ 30-29 บาท โรงงานก็แทบไม่เหลืออะไรแล้ว ยิ่งถ้าลูกค้ามีโรงงานอื่นอยู่ที่จีนด้วย อันนี้ไม่ต้องพูดถึง ตอน quote ราคามันจะถูก compare กับรง ที่เมืองจีนถ้าไม่รับงานก็ไม่มีงานทำ ไม่มีเงินเลี้ยงคนงาน บางแห่งยอมเฉือนเนือ้ตัวเอง เพือ่รักษาแรงงานไว้ อย่าลืมว่าคนงานที่จะทำรง เดี๋ยวนี้หายากมาก เข้าเมืองมาทำงานในห้าง หรือร้านอาหารหมด ดังนั้นค่าแรงก็กดไม่ได้มาก มันไม่ใช่แค่อเมริกาอย่างเดียวนะคะที่ทำแบบนี้ อย่าง mexico หรือ UK ก็เป็นทำนองเดียวกันหมด ตอนนี้ปัญหาค่าเงินมันเป็นไปทั่ว เราเคยเคาะราคาส่งออกไป UK ตอนแรกๆๆก็ประมาณ 55 บาท ผ่านไป 1/2 เดือนค่าเงินมันดันปรับเป็น 50 บาท ขาดทุนทันที เจ็บหนักมาก แต่รับงานมาแล้วก็ต้องกัดฟันทำ กรณีที่ Hedge ค่าเงิน ก็อีกนะ ใครจะไปรู้ว่าต่อไปค่าเงินมันจะไปทางไหน อ่อนขึ้น หรือแข็งขึ้น ถ้าตอนนี้ค่าเงินอยู่ 31 บาท สมมตินะ เราขอซื้อ us ล่วงหน้ากับธนาคารไว้ที่ 31 บาท 1 ล้านเหรียญ ซึ่งเป็นเงินที่ cover ประมาณ 5 - 6 เดือน เดือนถัดไป ค่าเงินแข็งอยู่ที่ 30-31 บาท เราก็เสมอตัว ยอดส่งออกประมาณ 30% ของ 1/2 ปี พออีกเดือนถัดมาเกิดมีการแทรกแซงค่าเงินหรือมีเหตุการณ์ให้ค่าเงินอ่อนลง ไปที่ 32-33 บาท ส่งออกจะเสียประโยชน์ทันที่ ธนาคารได้ส่วนต่างไปกินเต็มๆๆ ยอดส่งออกช่วงเดือนนี้เกิดเป็นช่วงพีคออเดอร์ 70% ของ 1/2 ปี ล่ะ โอย คนทำ Hedge ก็จะเกิดอาการเจ็บปวดหัวใจ ถ้านำเข้าอย่างเดียว บาทแข็งก็เป็นประโยชน์ บาทอ่อนก็เสียประโยชน์ ไปบ้างนะเราว่า แต่จะไม่เจ็บตัวเท่าส่งออกอย่างเดียว เพราะส่งออกจะรับภาระค่าเงินไปเต็มๆๆ จะ Hedge หรือไม่ Hedge ค่าเงินไว้ก็มักจะเจ็บตัว เพราะราคาค้าขายมัก quote กันล่วงหน้า ถ้าสินค้าแบบเดียวกันหน้าตาเหมือนกับที่เคยส่งไปแล้ว ราคาต่างกันแค่ 1/2 เหรียญต่อชิ้นก็ทำให้ลูกค้าหดหายได้ อย่าลืมว่าเราไม่ได้ส่งออกเจ้าเดียวในโลก คู่แข่งทางด้านราคาก็ยังมีจีนอีก เวียดนามเองก็มาแรงไม่ใช่ยอ่ยนะคะ ลูกค้าเราตอนหลายเจ้า move เกือบทั้ง order ไปลงเลย บางทีเค้าก็ไม่สนเรือ่งคุณภาพนิดๆๆ หน่อยๆๆ ที่เราบอกว่าเราทำได้ดีกว่า เพราะราคาที่แตกต่างกันอย่างโดดเด่น หรืองานที่เราเคยทำแล้วเค้าเอามาลงซ้ำเค้าก็จะขอกดราคาอีก เหมือนเราต่อของตลาดนัด ชั้นกลับมาซื้ออีกแล้วนะเป็นขาประจำทำไมเธอไม่ลดให้ชั้น ลูกค้าที่ดูดีที่สุด เราว่าเป็นญี่ปุ่นนะ เค้าจะน่ารักมาก ทำงานมีปัญหาเค้าก็จะเข้ามาช่วยเราแก้ไขว่าจะไปช่องทางไหนดี ไม่ใช่จะเคลมเราอย่างเดียว ก็อยากให้ จขกท มองหลายๆๆด้านด้วย ไม่ใช่ว่าส่งออกจะเห็นแก่ตัวเรือ่งค่าเงินอย่างเดียว แต่การแข่งขันมีมากอยู่แล้ว ถ้าเจอผลกระทบเรื่องค่าเงินไม่ใช่ทุกคนหรือทุกที่ ที่จะผ่านมันไปได้ อย่างบริษัทที่เราทำก็ทำให้หนี้สินเพิ่มเป็นร้อยล้าน จนเจ้าของต้องขายหุ้นออก พอเงินฝืดปัญหาที่ไม่เคยมี ก็จะมี งานที่ทำต่อหัวก็หนักขึ้นเพราะต้องพยายามเพิ่มยอดเงินให้ได้เพียงพอต่อค่าใช้จ่าย แต่กำไรต่อชิ้นน้อยลงอย่างเห็นได้ชัด อะไรประมาณเนี้ย จากคุณ : I know who am i เขียนเมื่อ : 8 ต.ค. 53 09:11:41

ความคิดเห็นที่ 37 ตอนนี้ บาทแข็งเราเลยไม่ทำ 3 g รอให้ 1 ดอล = 100 บาท ก่อนค่อยทำครับ จากคุณ : ton_21 เขียนเมื่อ : 8 ต.ค. 53 09:12:57

ความคิดเห็นที่ 38 การที่บาทอ่อนหรือบาทแข็ง มันก็อาจจะเปนคนเดียวกันที่ได้ประโยชน์ สินค้าส่งออกหลายอย่างต้องนำเข้าวัสดุมาประกอบแล้วส่งออกีกที  หากกาสที่ได้รับและฉวยมาใช้ ไม่ว่า บาทอ่อน แข็ง และซื่อสัตย์ต่อผู้ซื้อ ในกรณีนำเข้ามาขายส่งหรือปลีก มันจะไม่มีใครเดืดร้อนจนสู้ไม่ไหว แต่สำหรับคนส่งออกที่ใช้ของในประเทศมาประกอบเปนสินค้า อันนี้ไม่แน่ใจว่าเดือดร้อนจนสู้ไม่ไหวหรือไม่ สรุป อ่อนแข็ง ไม่สะเทือนจนสู้ไม่ไหวไปได้เลย หากทุกคนจะไม่เห็นแก่ตัวและมีความซื่อสัตย์เปนสรณะ จากคุณ : โสมรัศมี เขียนเมื่อ : 8 ต.ค. 53 09:13:03

ความคิดเห็นที่ 39  เงินที่แข็งขึ้นรัฐก็รีบพัฒนาinfrastructure อุตสาหกรรมก็นำเข้าเครื่องจักร พัฒนาเทคโนโลยี่กันสิครับ มัวแต่บ่นโอดโอย เพราะว่ากำไรน้อย(กว่าเมื่อก่อน) มันคงไม่ได้ประโยชน์อะไร...   จากคุณ : galadinner เขียนเมื่อ : 8 ต.ค. 53 09:16:25

ความคิดเห็นที่ 40 จขกท พูดไว้ก็ถูกครับ แต่ ณ วันนี้บาทแข็งกว่าภูมิภาค ถ้าจะพบกันครึ่งทางก็ควรตบลงมาให้แข็งระดับเดียวกับภูมิภาค อย่าลืมว่าผู้ส่งออกต้องใช้เวลาปรับตัว เราเคยเหรียญละ 25 มาแล้วก็ยังส่งออกได้ ตอนนี้ 30 ก็ต้องส่งได้แต่สภาพการณ์มันต่างกันเพราะเรามาจาก 33-35 บาท ผมคิดว่าถ้าไม่มีวิศวกรรมทางการเงินขั้นเทพ เงินดอลน่าจะอ่อนไปอีกยาว เพื่อนผมอาศัยอยู่ที่อมเริกาบอกว่า คนที่โน่นไม่มีงานทำ แต่ซื้อของจากจีนหมด ร้านเหรียญเดียวขายดีมากของจากจีนทั้งนั้น เงินมันไหลออกตลอดก็เจ๊งอยู่แล้ว จะแก้ด้วยการพิมพ์แบงค์กงเต๊กเพิ่มก็เหมือนหลอกตัวเอง เพราะยิ่งพิมพ์ออกมามาก เงินมันก็ไม่ต่างกับกระดาษ อเมริกาเป็นชาติที่ติดหนี้มากที่สุดในประวัติศาสตร์โลก นี่คือความจริงที่ผู้ว่าแบงค์ชาติคนไหนก็เปลี่ยนแปลงได้ยาก จากคุณ : Mr. Prodigy เขียนเมื่อ : 8 ต.ค. 53 09:23:27

ความคิดเห็นที่ 41 อ่านดูก็รู้ว่ามีความรู้เรื่องนี้แค่หางอึ่ง การซื้อขายกะต่างประเทศเขากำหนดอัตราแลกเปลี่ยนเป็น ดอลกันเป็นส่วนมากไม่เกี่ยวกับการค้าขายกับประเทศเมกาเลย คุณจะขายให้ใครก็กำหนดเป็นดอลกันส่วนมาก  อย่างคห  34 ว่าไว้ถูกต้อง   คุณมีแต่คิดจะจ่ายออกโดยนำเงินไปซื้อสินค้ามา บริโภคภายในแต่ไม่คิดจะหาเงินเข้าโดยส่งสินค้าไปขายให้ต่างประเทศถ้าเงินที่สะสมไว้หมดจะทำไง กู้หรือขอทานจากต่างประเทศรอว่าเขาจะเมตาให้หรือไม่งั้นหรือ   อ่านหนังสือมากๆๆนะ จากคุณ : cocohill (cocohill) เขียนเมื่อ : 8 ต.ค. 53 09:39:12

ความคิดเห็นที่ 42 ขอเสริมสิ่งที่  คห.  36   ได้แปะเอาไว้ซึ่งได้กล่าวไว้ค่อนข้างละเอียดและครอบคลุม เพิ่มส่วนของการ hedge  เดี๋ยวบางท่านจะหาว่า  ถ้า hedge แล้วกลัวเงินอ่อน นั่นคือคุณไม่ทำประกันความเสี่ยง ซึ่งเป็นการ fix กำไรที่แน่นอนไว้แล้วจะไปโทษ ใคร ทราบหรือไม่ว่า ตัวธนาคารเองซึ่งทำงานในสายการเงิน จะรู้กระแสดีว่าตอนนี้เงินจะ เป็นอย่างไร  ถ้าเห็นว่าแนวโน้มจะแข็งขึ้้นอีก บางครั้งจำกัดจำนวนที่จะ hedge ด้วยเลยก็มี เพราะทุกคนก็อยากกำไร  แต่คนทำการค้า ไม่มีเวลามารู้หรอกว่าเงินบาทอ่อน หรือ แข็งอย่างไร   สิ่งที่ต้องการของผู้ส่งออกจริงๆคือ การเคลื่อนไหวที่ไม่ผันผวนในเวลาอันสั้น ซึ่งเป็น เรื่องยากในโลกปัจจุบันที่ การติดต่อข้ามโลกหรือธุรกรรมการเงิน เป็นเรื่องง่ายเพียงลัดนิ้วมือ ส่วนตัวเคยเจอปัญหาตอนรอบก่อนที่ลงมา 30 บาทเมื่อ3 ปีที่แล้ว หลังจากรอเงินเข้าจาก ลูกค้าเป็นเวลา เกือบ 2 เดือนหลังส่งของให้ลูกค้าไปแล้ว  ซึ่งทำให้กำไรล๊อตนั้นแทบไม่ เหลือเลย เพิ่มเติม  จากประสบการณ์ที่เจอมาครับผม จากคุณ : คนเขลาเบาปัญญา เขียนเมื่อ : 8 ต.ค. 53 09:41:57

ความคิดเห็นที่ 43 ให้ทุกอย่างเป็นไปตามกลไกตลาดครับ  ตอนบาทอ่อน  ..พวกส่งออกแดรกค่าเงินกันสบายเฉิบ  ไม่เห็นมันจะมาช่วยเสียภาษี หรือจ่ายเงินเข้ารัฐมากขึ้นเลย.. ตอนนี้ขาดทุนกำไร  ..เพราะบาทแข็งค่า  จะให้รัฐเอาเงินภาษีของประชาชนทั้งประเทศ  มาช่วยประคองเงินกำไรของพวกมัน  ผมว่าไม่เห็นควรด้วย  หลายๆทางที่เอาวิกฤตมาเป็นโอกาสได้  เช่น  สั่งเครื่องจักรมาเพิ่ม  หรือเอาเทคโนโลยีจากเมืองนอกมาใช้  ไปดูงานต่างประเทศ ฯลฯ  ถือโอกาสปรับปรุงไลน์การผลิดให้มันดีขึ้น  ที่มันมีปัญหาตอนนี้น่ะ  คือบาทแข็งเมื่อเทียบกับดอลลาร์  แต่เทียบกับยูโรแล้วก็ไม่เท่าไหร่  ทำไมไม่รู้จักผ่อนหนักผ่อนเบา  เปิดทางเลือกให้กับตัวเองมากขึ้น  ธนาคารแห่งประเทศไทย  ก็พูดเรื่องแฮมเบอร์เกอร์ไครซิสมาชาติหนึ่งแล้ว  มีธุรกิจใหญ่ๆส่งออกกันทั้งนั้น  แต่มีปัญญากันแค่หางอึ่งเหรอ..  ร้องโอดครวญกัน  แต่ทุกเดือนยังกินโต๊ะจีนกันอยู่  มันลำบากยังไงเหรอ.. ที่น่าเป็นห่วงตอนนี้คือ  การท่องเที่ยว..  นักท่องเที่ยวหายไปเกินกว่าครึ่งตลอดทั้งปี  โดยปัจจัยสำคัญ ไม่ได้เกี่ยวข้องกับค่าเงินบาทแข็งเลยแม้แต่น้อย  แต่มันหายตั้งแต่ประเทศนี้แบ่งออกเป็นสองสี   เงินที่เข้ามาในระบบเศรษฐกิจจริงๆ  ไม่ใช่เงินที่เข้ามาแสวงหาผลกำไรในตลาดทุน  ...หายจ้อย..  ไม่หวลกลับมา จากคุณ : nai_aoum เขียนเมื่อ : 8 ต.ค. 53 09:45:39

ความคิดเห็นที่ 44 ขอบคุณทุกคนที่มาแชร์นะครับ ผมไม่ได้หากินกะหุ้นหรือนำเข้าหรอกนะ แต่อยากชี้ประเด็นว่า บาทอ่อนดูเหมือนจะดีต่อการส่งออก แต่พอน้ำมันแพง เงินเฟ้อขึ้น อาหารทุกอย่างก็ขึิ้น คนงานที่ได้เงินเดือนต่ำๆก็อยู่ไม่ได้ เป็นวงจรที่เขาต้องขอเพิ่มค่าแรงขั้นต่ำอีก บาปนะครับ กดเงินเดือนเขาต่ำๆ แล้วมาขอให้ลดบาทให้เขาใช้น้ำมันแพงๆ ต่างจังหวัดลิตรละเกือบสี่สิบบาทแล้ว แน่จริงคนกรุงเทพใช้น้ำมันราคาเดียวกันทัั้งประเทศสิ สรุปบาทอ่อนไปก็จะไปเพิ่มราคาต้นทุนอยู่ดี แต่ที่เสียหายเป็นวงกว้างต้องมาตามแก้กันอีกหลายประเด็น ที่สำคัญตอนนี้ฝรั่งเอาเงินมาถมตลาดหุ้น ขนาดบาทแพงมันยังโหมซื้อ ถ้ารัฐฯแทรกแซงบาทอ่อนตอนนี้ เท่ากับเอื้อประโยชน์ฝรั่งเข้ามาซื้อหุ้นถูก เงินดอลฯจะยิ่งโถมเข้าตลาด สกัดอย่างไรก็ไม่อยู่ ผมว่านะ จะแทรกแซงเหมือนสร้างเขื่อน เราต้องรู้ว่าเรามีวัสดุสร้างเขื่อนได้สูงใหญ่แค่ไหน และรู้ว่าน้ำหลาก(ดอลฯที่โถมเข้ามา)มีระยะเวลาและปริมาณเท่าไหร่ ถ้ายังไม่รู้ อย่าทำ เพราะทำแล้วเขื่อนแตก มันจะหนักกว่า ปล่อยให้เป็นไปตามกลไกตลาด จากคุณ : คุณก็รู้ว่าไคร เขียนเมื่อ : 8 ต.ค. 53 09:51:08

ความคิดเห็นที่ 45 ใช่ครับ ฟังเพื่อนๆหลายๆคนที่ค้าขายบอกมา อ่อนแข็งน่ะได้หมด แค่ขอให้มันค่อยๆปรับเท่านั้น อย่าให้ผันผวนเพราะมันคำนวนอะไรๆได้ลำบาก มีเพื่อนคนนึงจะขายของไป ตปทต้นปีหน้ายังไม่รุ้เลยว่าจะตั้งราคาเท่าไหร่ เพราะมันผันผวนนี่แหละครับ จากคุณ : +One Side Love+ เขียนเมื่อ : 8 ต.ค. 53 09:59:42

ความคิดเห็นที่ 46 ส่วนตัว ... สงสัยว่า FX Reserve 160,000 ล้านดอลลาห์เนี่ย ... บางส่วนแปรสภาพไปซ่อนที่ใหน เตรียมออกทะเลแล้ว Just a halucination . ว่าแต่ดอลลาห์มีโอกาสอ่อนค่าและเสี่ยงขนาดนี้  ......  ทำไมเอาเงินเราไปอุ้มมันตั้งเยอะตั้งแยะ ทำ FX Reserve โตซะตั้งอันดับ 12 ของโลกเนี่ย? ทำยังกับเข้าบ่อนพนัน .... (อยากรู้สัดส่วนที่ ธปท. ถือเป็น USD) http://en.wikipedia.org/wiki/Foreign_reserves แก้ไขเมื่อ 08 ต.ค. 53 10:14:19 จากคุณ : iamdanai เขียนเมื่อ : 8 ต.ค. 53 10:06:20

ความคิดเห็นที่ 47 เรื่องบาทแข็งบาทอ่อน พี่ๆในนี้ยังมีความคิดที่ต่างกันเลย ก็น่าหนักใจแทนภาครัฐนะครับที่ต้องดูแลผลประโชน์ให้คนทั้งประเทศ ว่าแต่บาทมันก็อ่อนมาตั้งนานแล้ว ให้มันแข็งค่าเอาใจคนอีกกลุ่มหนึ่งบ้างเถอะ จากคุณ : Toh loneliness เขียนเมื่อ : 8 ต.ค. 53 10:35:21

ความคิดเห็นที่ 48 ผมว่า เงินเยน (ของญี่ปุ่น) ก็แข็งนะครับ แข็งมากๆเลย รออยู่ว่าเมื่อไรจะ 100 เยน เท่ากับ 33 บาท TT^TT จากคุณ : Miracle_X เขียนเมื่อ : 8 ต.ค. 53 11:43:06

ความคิดเห็นที่ 49 ผมว่าน่าจะเลิกเอาบาทไปอิงค่าเงินดอลได้แล้วนะทำไมถึงไม่ใช้เงินสกุลอื่นในการชำระหนี้บ้าง อย่างที่รู้ว่าเมกา เป็นประเทศเดียวที่พิมพ์ได้เอง ปัญหาก็สะสมขึ้นเรื่อยๆ แถมนโยบายแก้ปัญหาเศรษฐกิจการตกงานของเมกา อย่างนึงก็คือทำให้ค่าเงิน(ตัวเอง)อ่อนลงซะด้วย จากคุณ : F-MISSILE เขียนเมื่อ : 8 ต.ค. 53 11:53:26

ความคิดเห็นที่ 50 ถึงแม้ว่าบาทจะแข็ง แต่ค่าเงินภายในประเทศก็ยังเฟ้อ... บาทแข็ง...มีอะไรบ้างที่ลดลง...แม้แต่น้ำมัน ราคายังแพงเว่อร์อยู่ดี... ถึงให้ 1 ดอลเท่ากับ 1 บาท...  1 ดอล ซื้อของก็ได้ปริมาณเยอะกว่า 1 บาทแน่ๆ ไม่ว่าบาทจะแข็ง หรือ อ่อน ก็มีทั้งประโยชน์และมีผลกระทบแน่นอน ขึ้นอยู่กับว่า คนกลุ่ม นั้นได้รับผลประโยชน์ หรือ มีผลกระทบ มากกว่า... จากคุณ : One2FLU เขียนเมื่อ : 8 ต.ค. 53 13:19:05

ความคิดเห็นที่ 51 เอาง่ายๆนะครับ บาทแข็งกว่า 7% ใน2-3เดือน เวียดนามลดค่าเงินอีก 2% หลังจากปรับลดมากว่า 5% ตั้งแต่ต้นปี ไป-กลับ เกือบ 10% แล้วยังงี้สินค้า made in Thailand จะสู้เค้าได้มั้ยครับ ในฐานะผู้ส่งออก ต้องปรับตัวน่ะ แน่นอนอยู่แล้ว แต่การผลิตจริงๆ ปรับสายการผลิต ติดตั้งเครื่องจักรใหม่ เทรนพนักงานใช้เครื่อง มันไม่ได้ง่ายเหมือนคีย์ขายหุ้นแค่ปลายนิ้วนะครับ ใช้เวลาไปต่ำกว่า 6-12เดือน บาทแข็งน่ะ ผู้ส่งออกไปค่อยบ่นหรอกครับ ที่บ่นคือ มันเร็วเกินไป เกินหน้าเกินตาคู่แข่ง เกินหน้าเกินตาเพื่อนบ้าน จากคุณ : เถ้าลอย เขียนเมื่อ : 8 ต.ค. 53 13:29:52

ความคิดเห็นที่ 52 ความคิดเห็นที่ 49   [ถูกใจ]  [แจ้งลบ] ผมว่าน่าจะเลิกเอาบาทไปอิงค่าเงินดอลได้แล้วนะทำไมถึงไม่ใช้เงินสกุลอื่นในการชำระหนี้บ้าง อย่างที่รู้ว่าเมกา เป็นประเทศเดียวที่พิมพ์ได้เอง ปัญหาก็สะสมขึ้นเรื่อยๆ แถมนโยบายแก้ปัญหาเศรษฐกิจการตกงานของเมกา อย่างนึงก็คือทำให้ค่าเงิน(ตัวเอง)อ่อนลงซะด้วย จากคุณ : F-MISSILE ^ ^ ปัญหาอยู่ที่ลูกค้าด้วยครับ ขายของให้ญี่ปุ่น quoted เป็น JPY เค้ายังไม่เอาเลย จะให้ quoted เป็น USD ขายของให้ยุโรป quoted เป็น EUR เค้ายังไม่เอาเลย จะให้ quoted เป็น USD จากคุณ : เถ้าลอย เขียนเมื่อ : 8 ต.ค. 53 13:33:13

ความคิดเห็นที่ 53 เห็นด้วยกับฝ่ายคนที่ไม่เห็นด้วยกับจขกท.ว่าจขกท.แรงเกินไปนิดหนึ่ง แต่เห็นด้วยกับจขกท.ว่า เงินบาทที่ว่าแข็งนั้น เป็นเพราะเทียบกับดอลลาร์ซึ่งมีปัญหา ภายในประเทศ พิมพ์เงินออกมาเพิ่มเพื่อให้ค่าเงินลดลง เพิ่มการใช้จ่ายในประเทศ ถ้าเทียบเงินไทยกับเงินเยน เงินยูโร หรือสกุลเงินอื่น ๆ ก็ไม่ได้มีปัญหาเท่าไร ผู้ส่งออกในวินาทีนี้ควรโฟกัสอยู่กับการทำการค้ากับประเทศอื่น ๆ ที่ไม่ใช้อเมริกา ส่วนที่ว่าจะลงไปดอลลาร์ละบาทนั้นเป็นไปไม่ได้หรอกครับ นี่อีกเดี๋ยวคอยดูถ้า ดอลลาร์อ่อนไป กลไกตลาดก็จะทำงานของมันเอง ทำให้ดอลลาร์แข็งขึ้นเอง การที่ดอลลาร์อ่อนพรวดพราดก็ไม่ได้เป็นผลดีกับตัวศก.อเมริกาซะทีเดียว เดี๋ยวพอคนรู้สึกว่าค่าเงินผันผวนเร็วเกินไปทำให้ศก.แย่ ก็ะมีการขายเงินเอเชีย ออกมา เงินดอลลาร์ก็จะแข็งขึ้นมาเอง ก่อนที่จะอ่อนตัวตามแนวโน้มระยะยาวต่อไป และอีกข้อหนึ่งคือต่อให้คิดจะแทรกแซงจริงจะให้ทำยังไง อย่างที่หลาย ๆ คนบอกว่า การแทรกแซงค่าเงินไม่ใช่เรื่องที่ทำกันง่าย ๆ ธปท.จะหมดตูดเอาได้ง่าย ๆ นโยบายที่ไม่ใช้เงินซื้อดอลลาร์ก็มีแต่นโยบายแบบหม่อมอุ๋ย ถ้าจะเอาแบบนั้นละก็ กระซิบบอกกันบ้างนะครับ ผมจะได้ short หุ้นไว้ก่อน อเมริกาเองก็ฮึ่ม ๆ กดดันประเทศต่าง ๆ ที่คิดจะแทรกแซงค่าเงินอยู่ ถ้าหากว่านักการ เมืองของแต่ละประเทศเอาใจผู้ส่งออก แทรกแซงค่าเงินกันหมด ก็จะมี Currency War อย่างที่เขาว่ากัน ถ้ามีเรื่องแบบนั้นเกิดขึ้นละก็ ขนเงินไปซื้อทองคำได้เลยครับ กลียุค แน่ ๆ ยุโรปและอเมริกาจะเข้าสู่วิกฤต Depression อีกครั้งหนึ่ง จากคุณ : umdadevil เขียนเมื่อ : 8 ต.ค. 53 15:38:42

ความคิดเห็นที่ 54 ถ้าจะเจ๊งเพราะบริหารความเสี่ยงไม่เป็นก็สมควรแหละ พอตอนกำไรไม่เห็นมาแบ่งให้รัฐบ้างเลยละ ที่ตอนขาดทุนจะให้รัฐเอาเงิน ปชช เข้าไปอุ้ม น่าเกียจจริงๆ ส่วนที่ว่าถ้าบาทแข็ง แล้วสินค้าไทยจะไปแข่งกับเขาได้ไง ถ้าแข่งไม่ได้ก็ช่วยไม่ได้ อยากไม่พัฒนาเองนิ ดูอย่างจีนเป็นตัวอย่าง เริ่มแรกก็สินค่าเกษตร มา เครื่องนุ่งห่ม ต่อมาก็สินค้าจำพวกอิเล็กโทรนิค ก๊อปปี้บ้าง คิดเองบ้าง ต่อมาก็เป็น ท่องเที่ยว ต่อมาก็ พลังงาน โทรคมนาคม แล้วของไทยละ 20 ปีก่อน ส่งออกสินค้าเกษตร สินค้าเครื่องนุ่งหุ่ม มาวันนี้ก็ไม่ได้มีอะไรพัฒนา ติดอยู่กับคำว่า ฝีมือคนของเราดี ตัดเย็บเยี่ยม โลกมันพัฒนาแล้ว FTA, WTO, กำแพงภาษี การข่นส่งงายขึ้น อยากไม่พัฒนา มัวแต่ติดกับอดีต ก็สมควรแล้ว จริงๆแล้วเราน่าจะพัฒนาไปไกลกว่าสินค้าเกษตรแล้ว ถ้าพัฒนาจริงเป็นผู้นำตลาด ไม่ใช่ผู้ตาม หรือเป็นสินค้าที่คนทำตามยาก ป่านนี้ก็สบายไปแล้ว ส่วนเรื่อง ท่องเที่ยวว่าบาทแข็ง คนเข้ามาเทียวน้อย ก็ทำให้คนไทยเที่ยวดิ ไม่เห็นยาก แต่นี้อะไรจ้องจะเอาใจ ต่างชาติอย่างเดียว สมน้ำหน้า รร ที่เจ๊งเพราะคนเทียวน้อย ดูตอนสถานการ์บ้านเมืองไม่ดีซิ สม พูดได้คำเดียว ทำตัวเอง อย่างสองมาตรฐานดีนัก ฝรั่งละโอซะ แต่คนไทยละไม่เห็นหัว อีกอย่างราคานะเอาให้มันสมน้ำสมเนื้อหน่อย คนเขาก็เทียว แต่นี้ เทียวภูเก็ต สองวันสามคืน นี้แพงกว่าเทียวฮองกง สิงค์โปร หรือเกาหลี ซะด้วยซ้ำ แล้วแบบนี้ใครเขาจะเที่ยว แก้ไขเมื่อ 08 ต.ค. 53 16:51:31 จากคุณ : Miracle Boy เขียนเมื่อ : 8 ต.ค. 53 16:47:12

ความคิดเห็นที่ 55 ถ้า USD ไม่เป็นสกุลเงินหลักในการทำธุรกรรมของโลก  และค่าเงินเราไม่แข็งเกินกว่าในกลุ่มประเทศผู้ส่งออกด้วยกัน  ก็คงไม่ทำให้ภาคการส่งออกได้รับผลกระทบเยอะหรอกครับ จากคุณ : JYRO เขียนเมื่อ : 8 ต.ค. 53 16:54:03

ความคิดเห็นที่ 56 เพิ่งอ่านพ่อรวยเล่าเรื่อง เกมการเงินของคนรวย มา คนเมกา สาวใส้เมกาเอง นั่งอ่านแล้วนึกภาพตอนนี้ ใกล้เคียงเลย แก้ไขเมื่อ 08 ต.ค. 53 19:51:45 จากคุณ : oatzhu เขียนเมื่อ : 8 ต.ค. 53 19:51:08

ความคิดเห็นที่ 57 ละครตบตา ไอ้โม่งเอาไปกินตามระเบียบ จากคุณ : pk_ray เขียนเมื่อ : 8 ต.ค. 53 20:35:38

ความคิดเห็นที่ 58 ไม่มีใครไปถามความเห็นจากบิ๊กจิ๋วมั่งเลย จากคุณ : mrsorn เขียนเมื่อ : 8 ต.ค. 53 22:21:05

ความคิดเห็นที่ 59 ที่ผ่านมาอัตราแลกเปลี่ยนมีผลกับราคาน้ำมันไทยน้อยครับเมื่อเทียบกับพวกภาษีต่างๆ รวมถึงค่าการตลาด ค่าการกลั่น อยากใช้น้ำมันถูกก็ไปบอกรัฐบาลเถอะครับว่าใช้สมองทำมาหากินหน่อยอย่ารีดเลือดกับปู จากคุณ : sagitta เขียนเมื่อ : 8 ต.ค. 53 23:24:36

ความคิดเห็นที่ 60 ผมอ่านความเห็นและนั่งถกเถียงกับคนทำส่งออก ผมขอสรุปเพื่อเป็นประโยชน์ต่อนักลงทุนดังนี้นะครับ (ถูกผิดอย่างไรช่วยกันตบๆเพื่อให้เราตกผลึกเรื่องเงินแข็งกับการส่งออกเพร้อมๆกันก็น่าจะดีครับ) **ถ้าไม่ทำ hedging ประกันค่าเงินกับสถาบัน ค่าเงินบาทแข็งกระทบรายได้แน่นอน ไม่ว่าวัตถุดิบจะนำเข้าหรือในประเทศแต่ผลกระทบจะไม่เท่ากันขึ้นอยู่กับว่าสินค้านั้นเป็นสินค้ากินค่าแรง หรืองานฝีมืออธิบายแบบนี้นะครับ** กรณีวัตถุดิบนำเข้า สมมุติคุณขายของ 10 เหรียญ โดยมีต้นทุนสินค้า (นำเข้าทั้งหมด) 8 เหรียญ ค่าแรง 2 เหรียญ กำไรคุณมาจากค่าแรงเข้าใจได้ไม่ยาก ดังนั้นไม่ว่าค่าเงินจะอ่อนจะแข็ง 8 เหรียญแรกจะไม่กระทบเพราะมัน hedge กันเอง แต่ที่จะกระทบคือ 2 เหรียญหลัง อธิบายแบบนี้ สมมุติแต่เดิมดอลละ 33 บาท 2 เหรียญคือ 66 บาท คุณคำนวณแล้วว่าค่าจ้างค่าไฟค่าจิปาถะที่เป็นต้นทุนเงินบาทเท่ากับ 60 บาท ดังนั้นกำไรสุทธิคือ 6 บาท ต่อมาเงินบาทพุ่งไป 30 ต่อเหรียญ กำไร 2 เหรียญที่เป็นค่าแรงจะเท่ากับ 60 บาท ซึ่ง 60 บาทนี้จะกลายเป็นต้นทุนแรงงาน ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าใช้จ่ายทุกอย่างที่เกิดในประเทศซึ่งคุณไปขอลดไม่ได้ เท่ากับว่าตอนนี้คุณทำฟรีไม่มีกำไร ถ้าค่าเงินไปที่ 29 บาทก็จะขาดทุน 2 บาทในทุกหน่วยสินค้าที่ขาย ถ้ามองมุมนี้ยังไงก็กระทบครับ โดยเฉพาะพวกสินค้าเทคโนโลยีต่ำเน้นกำไรต่ำปริมาณมากๆ เช่นสินค้าเกษตร กรณีวัตถุดิบในประเทศ แต่ขายส่งออก กรณีนี้ก็ยังกระทบเพราะสินค้าส่วนมากมีคู่แข่งอยู่แล้ว และคู่แข่งก็ไม่ค่อยตั้งสมาคมฮั้วกันซะด้วย ดังนั้นโดยปกติแม้จะขายต่างชาติก็ต้องแข่งกันด้านราคา ถ้าเงินดอลอ่อนลงการปรับราคามักจะช้ากว่าเสมอ ช่วงเวลาที่ยังไม่ปรับคือช่วงที่ผู้ผลิตต้องรับผลจากกำไรที่ลดลง เช่น ต้นทุน 25 บาท ขาย 1 ดอล (ที่ 33 บาท) ต่อมาดอลเหลือ 30 บาท แต่ต้นทุน 25 บาทเท่าเดิม ถ้าผู้ผลิตใช้เวลา 2 เดือนในการปรับราคาก็เท่ากับว่า 2 เดือนนั้นจะต้องทนกับกำไรที่ลดลงเมื่อเปลี่ยนเป็นบาท แย่กว่านั้นถ้าสินค้าดังกล่าวสามารถผลิตได้ในประเทศอื่นๆที่ค่าเงินแข็งเมื่อเทียบกับดอลลาร์น้อยกว่าเรา ก็เป็นไปได้ว่าเราอาจไม่สามารถปรับราคาเพื่อรักษา margin ได้ ดังนั้นผมสรุปว่ายังไงก็กระทบกับส่งออกครับ ในฐานะนักลงทุนก็ควรจะรู้เท่ากันบริษัท ผมเห็นหลายที่บอกว่า natural hedge ไม่กระทบ ถ้าอธิบายตามที่ผมเข้าใจยังไงก็กระทบ แต่จะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับสินค้า ถ้าสินค้าเราเจ๋งจริง margin สูง กำไรที่ลดลงจาก 25% เหลือ 18% ก็คงจะกระทบไม่มาก อย่างน้อยบริษัทก็น่าจะแข็งแรงอยู่ แต่ถ้า สินค้าเทคโนโลยีต่ำเน้นปริมาณ margin แค่ 10% แล้วมันเหลือ 2-3% แบบนี้ก็น่าคิดว่าเรายังจะควรลงทุนกับบริษัทนี้ต่อไปในสถานการณ์ที่เงินยังแข็งอยู่หรือไม่ ส่วนกรณีที่ไม่กระทบเลยคือมีการทำ hedging กับสถาบันการเงินเช่นถ้าใครทำประกันไว้ที่ 32 บาทต่อเหรียญตอนนี้ก็ยังไม่รับผลกระทบ แถมอาจจะได้เปรียบด้วย เพราะสามารถอ้างกับลูกค้าได้ว่าคุณไม่ได้ทำประกันราคา ทำให้รายได้ไม่ cover ต้นทุน (อย่างน้อยก็ต้นทุนในประเทศ) ก็อาจจะขอปรับราคาได้เล็กน้อย แต่เมื่อสิ้นสุดการ Hedging สิ้นสุดลงก็ไม่ได้ต่างอะไรกับบริษัทอื่นๆ ถูกผิดอย่างไรช่วยกัน comment นะครับจะได้ตกผลึกไปด้วยกัน จากคุณ : Mr. Prodigy เขียนเมื่อ : 9 ต.ค. 53 00:45:27

ความคิดเห็นที่ 61 ถูกต้อง แม้จะเป็นการขายให้ต่างชาติ ก็ต้องแข่งขันเรื่องราคา ตามปกติการบริหารความเสี่ยงด้วยการ fix forward rate จะ มีกำหนดระยะเวลาสั้น-กลาง เช่น 3-6 เดือน โดยแบ่ง level ของค่า premium กันไป ซึ่งถือเป็นต้นทุนที่เพิ่มขึ้น บริษัทใหญ่มากๆ จะสามารถต่อรองกับ bank ได้ดีกว่า SME ซึ่งบริษัทใหญ่มากๆ เหล่านี้จะกระทบเหมือนกัน แต่น้อยกว่า ส่งออกรายย่อยมากกกก ส่วนใหญ่แล้วพวกนี้รู้วงใน และ สามารถคาดการณ์ได้แม่นยำกว่า SME เยอะมาก แล้วยิ่งหากบริษัทใหญ่มากๆ เหล่านั้นออกมาให้ข่าวว่าปีนี้เงิน จะแข็งอย่างนั้นอย่างนี้ จะยิ่งทำให้ SME ตาม ไปเก็บ forward จะทำให้เงินบาทยิ่งแข็งเร็วขึ้น (แต่บริษัทใหญ่ๆ เก็บ forward ที่ดีกว่านั้นไว้ก่อนแล้ว) บริษัทใหญ่มากๆ ก็ C_F ที่มูลค่าหุ้นดูไม่จืดอยู่ขณะนี้ จากคุณ : Lechery เขียนเมื่อ : 9 ต.ค. 53 01:57:10

ความคิดเห็นที่ 62 อยากให้คนที่ไม่เห็นด้วยกับจขกท.+รัฐบาล+ธปท.+กนง. ฯลฯ ลองให้ความรู้หน่อยสิว่าจะป้องกันบาทแข็งได้วิธีใดบ้าง เผื่อเขาจะเอาไปใช้ได้นะครับ อย่ามัวแต่ด่าๆอย่างเดียวเลย หรือเอา30%มั้ยหรือไง เท่าที่ผมดูหน่วยงานต่างๆก็มีนโยบายตามลำดับออกมาแล้วตามความเหมาะสม เพียงแต่ที่ผมเห็นด้วยกับจขกท.เพราะว่ากลุ่มส่งออกดูเหมือนจะทำตัวมีปัญหาอยู่คนเดียว ในขณะที่คนอื่นๆที่อาจได้รับผลกระทบจากมาตรการป้องกันบาทแข็งไม่เห็นมีใครว่าอะไร จึงมองว่าเห็นแก่ตัวน่ะครับ หากไม่อยากให้คนอื่นมองว่าเห็ฯแก่ตัวก็กรุณาแนะนำวิธีการ ที่เป็นประโยชน์กับทุกฝ่ายด้วยจะเป็นพระคุณอย่างยื่ง จากคุณ : Tamจัง เขียนเมื่อ : 9 ต.ค. 53 02:01:06

ความคิดเห็นที่ 63 เหรียญมีสองด้านครับ ตอนเงินบาทอ่อน การส่งออก ท่องเที่ยวดี นำเงินเข้าประเทศมหาศาล พวกเค้าก็คงเสียภาษีให้รัฐตามสมควร ขณะที่ ผู้ที่กู้เงินต่างประเทศร้องจ๊าก รัฐบาลตอนนั้น ต้องเข้าไปโอบอุ้มธนาคารที่เกิดหนี้เสียจำนวนมาก และหนี้ดังกล่าวได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของหนี้กองทุนฟื้นฟู ซึ่งว่ากันตามจริง ก็คนทั้งประเทศต้องร่วมรับผิดชอบ ในขณะนั้น มีการออกพรบ กู้เงินมาชดเชยเงินกองทุนฟื้นฟู ซึ่งถือว่าเป็นหนี้ก้อนใหญ่สุดของประเทศ ตอนนั้น เค้าว่ากันว่าเกิดจากการเปิดเสรีทางการเงิน แต่ไม่เปิดให้ค่าเงินขึ้นลงได้ตามธรรมชาติ คนก็กู้เงินนอกดอกถูกมาฝากแบงค์ไทย ลงทุนอสังหาอะไรมากมาย พอค่าเงินลด ก็เป็นหนี้มหาศาล ตรงนั้นบ้างบอกว่าเพราะว่าเราให้ต่างชาติมีเงินมากเกินไป ภายหลังเราจัดการค่าเงินโดยเวลาเราขายบาทเพื่อซื้อดอลลาร์ เราก็ต้องดูดซับเงินบาทโดยออกพันธบัตรเพื่อระดมเงินบาทไม่ให้เขามีเงินบาทมาโจมตีเรามากไป สำหรับภาคส่งออก การที่ทำ hedge ก็เหมาะสมดี แต่สำหรับรายเล็กการเข้าถึงการทำประกันความเสี่ยงไม่ง่าย ประกอบกับความไม่เชื่อชาญทางการเงิน ประกันความเสี่ยงอาจจะทำให้เกิดการขาดทุนได้เช่นกัน สำหรับเมืองจีน เค้าทำเงินหยวนให้อ่อนค่าตลอดเวลาโดยการผูกติดค่าเงินหยวนไว้กับเงินดอลลาร์ ในขณะที่เศรษฐกิจอเมริกาตกสะเก็ดค่าเงินลดลงทุกวัน เค้ายังไม่ยอมให้ค่าเงินเค้าแข็งเลย นัย่ว่าเพื่อผลประโยชน์ทางด้านการค้า เพราะว่า เงินดอลตก เงินหยวนก็อ่อนตาม เมื่อเทียบกะเงินประเทศอื่น อเมริกา ก็ยังขายได้ เพราะว่าไม่ได้แพงมากขึั้นมาก ขณะที่ขายกับชาติอื่นได้ดีขึ้นเพราะว่าของราคาถูกลง จากคุณ : bangkokguy เขียนเมื่อ : 9 ต.ค. 53 11:08:31

ความคิดเห็นที่ 64 ตอนฝรั่งขนเงินเข้ามา 1 us$=40 baht แลกบาทได้เยอะ ตอนฝรั่งขนเงินกำไรจากตลาดหุ้นกลับ 1us$=29 baht เอาบาทแลกดอลล์ถูกๆกลับบ้าน ถ้าอยากให้ชิบ...กันเร็วๆ ก็ให้แข็งโป็กกันไป เพราะวันที่ฝรั่งจะหอบเงินดอลล์กลับบ้าน ความจริงจะปรากฎ จากคุณ : มาตรฐานชายไทย เขียนเมื่อ : 9 ต.ค. 53 11:28:38

ความคิดเห็นที่ 65 เงินเยนเเข็ง รัฐบาลญี่ปุ่นออกปากว่าเเย่เเน่ เศรษฐกิจเเย่เเน่ ลำบากเเน่ ตอนนี้ทุ่มงบประมาณมาเเล้ว ไม่รู้จะเเก้ไขได้ไหม เงินเเข็งใช่ว่าเศรษฐกิจดีนะคะ จากคุณ : Hana* เขียนเมื่อ : 9 ต.ค. 53 12:36:00

ความคิดเห็นที่ 66 พวกส่งออกนี่แปลก ถามคำ เวลาค่าเงินบาทอ่อน ทำไมไม่ออกมาโวยวาย ว่ากำไรเยอะเกินไปเห็นแก่ตัว ผมก็ไม่ได้เชียร์ให้ค่าเงินบาทแข็ง หรือ อ่อน เพียงแต่ทุกอย่างถ้าสมดุลย์กันก็อยู่กันได้ แล้วรัฐบาลก็เชิดหน้าชูตาว่าเป็น ผลงานของรัฐบาลชุดนั้นๆ ว่าส่งออกดี ทำให้รายได้เข้าประเทศ ก็แค่บาง ส่วน ส่วนใหญ่เข้ากระเป๋าเจ้าของหมด อย่าโวยวายดีกว่าเสียตัวเองเปล่า ๆ ทำไมไม่ทำประกันราคาก่อนเซ็นสัญญารับงาน เป็นเพราะความโลภ ไม่ยอม จ่ายค่าใช้จ่าย ถูกไม๊ ถ้าเลี่ยงภาษีได้คงเลี่ยงทั้งระบบ ขอบอกพวกส่งออก ก่อนนะว่า คนเราต้องรู้จักพอ ถ้าโลภมากจนเกินเหตุ อาจจะไม่ได้อะไรเลย แม้แต่นิดเดียว (เจ๊ง) ตัวอย่างก้มีให้เห็นมากมาย ทำเพื่อพ่อหลวงและประเทศ บ้าง ชีวิตที่เกิดมาอยู่บนโลกนี้.....จะได้มีค่าขึ้นบ้างก่อนที่จะตายไปแบบไร้ค่า จากคุณ : ฉลามบุก เขียนเมื่อ : 9 ต.ค. 53 13:13:46

ความคิดเห็นที่ 67 ช่วยกันขนเงินไปลงทุนต่างประเทศซิครับ^^ เอ่อ อ่านหนังสือกันเยอะๆครับ จากคุณ : Crazy Rabbit เขียนเมื่อ : 9 ต.ค. 53 23:05:47

ความคิดเห็นที่ 68 ***  บาทจะแข็ง/ จะอ่อน   ...ขอให้มีเวลาปรับตัว  *** การค้าขายภาคส่งออก  กำไรต่อหน่วย ไม่ถึง 10% เพียงแต่ขายของจำนวนมากๆ ส่วนใหญ่เป็น Mass Product การที่ค่าเงินแข็งขึ้น จาก 32.xx  เป็น  29.xx   หายไป 10% ต่อให้ทำฟอร์เวิร์ดไว้ก็ขาดทุน.....เรียบร้อย จากคุณ : มดพัทยา เขียนเมื่อ : 10 ต.ค. 53 03:27:52

ความคิดเห็นที่ 69 ถ้าอีก2เดือนค่าเงินบาทอยู่ที่28บาท อีก4เดือนอยู่ที่27ประเทษไทยต้องอยู่ใด้ บริษัทย์บางส่วนอาจหายไป ฝรั่งจะลงทุนในประเทศที่ให้ผลตอบแทนที่ดีที่สุด คราวนี้เป็นสงครามอัตราแลกเปี่ยนเงินตราของโลก หลังเศรฐกิจตกต่ำทั่วโลก ความรู้และความสามาตรของผู้นำเท่านั้นจะพาเราผ่าวิกฤตนี้ไปได้ เทียบกับชวลิตลอยตัวค่าเงินบาทโดนฝรั่งอัดซ้ำในตายไปเยอะ ตอนนี้เริ่มต้นยกใหม่ของวงจรเศรฐกิจยุกโลกาภิวัฒติ์ ขอให้โชคดีทุกท่าน จากคุณ : เด็กดื้อ (แปลงข้าว) เขียนเมื่อ : 10 ต.ค. 53 05:39:47

ความคิดเห็นที่ 70 จีน- -เท่ห์ จะแข็งอ่อนกำหนดได้ เพราะเงินไม่ได้มีค่า แต่Asset ต่างประเทศต่างหาก ถ้านำเข้าจากเดิมpackagingห่วยๆ ซื้อเครื่องผลิตเจ๋งๆต่างประเทศแล้วมาผลิต บวกราคาให้ดูของpremiumเข้าไปอ่ะ โขกราคาเพิ่มได้ป่าว outsource อินเดียหรือประเทศอื่น จ่ายเป็นดอลลาร์ได้ป่าว เฉพาะcontract ญี่ปุ่นแข็งเหลือเกิน หนีมาไทยซะหมด เพราะเขาไม่รู้จะหนีไปไหน เราจะหนีไปไหน? จากคุณ : ยิ้มไว้เมื่อหุ้นลง เขียนเมื่อ : 10 ต.ค. 53 16:16:16

ความคิดเห็นที่ 71 คำว่าแทรกแซง ควรใช้เฉพาะเวลามีความผิดปกติ แล้วคิดว่าจะอยู่ไม่นาน ไม่ใช่เช่นนั้นจะกลายเป็นของเคยชินและยืดเยื้อ เหมือนกินติดยานอนหลับ ยาแก้เครียด ผู้ส่งออกเองก็เปิดความเสี่ยงด้าน fx ไม่รู้เคยคิดจะปิดกันหรือเปล่า เคยคุยกับเพื่อบ้านส่งออกยาง รายใหญ่ ไม่รู้จักการปิดความเสี่ยง fx การ hedge ความเสี่ยงต้นทุนยาง เช่นจะซื้อ  forward ยาง ที่แม้จะไม่เหมือนกันแต่ใกล้เคียงก็ยังปิดความเสี่ยงตัวเองได้ สรุปสุดท้ายแล้้วอยู่ยังไงก็อยู่อย่างนั้น ถ้ารู้ว่ารัฐช่วย ไอ้ที่รัฐเข้าแทรกแซง ก็คือเอาเงินภาษีของประชาชนไปแทรกแซง ซึ่งการแทรกแซงนั้นเกิด loss ชัวร์ สุดท้ายคนที่เจ็บคือใคร จากคุณ : zq-JZA80 เขียนเมื่อ : 11 ต.ค. 53 00:48:00

ความคิดเห็นที่ 72 รมว.คลัง กล่าวว่า ปัญหาค่าเงินบาทแข็งค่านี้ เอกชนและรัฐบาลต้องช่วยกันคิดว่าจะปรับตัวอย่างไร เพื่อรักษาความสามารถการแข่งขัน เพราะการจะมานั่งหวังว่าจะให้ใครเสกค่าเงินบาทอ่อนลงไปนั้นเป็นไปไม่ได้ เพราะเป็นการกระทำที่สวนทางกับความเป็นจริง ซึ่งธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ทำได้แค่ลดความผันผวนของค่าเงินให้น้อยลงเท่านั้น ไม่มีมาตรการใดลดการแข็งค่าของค่าเงินบาทได้ นาย กรณ์ กล่าวอีกว่า ไม่เห็นด้วยกับแนวคิดของภาคเอกชนที่ต้องการให้รัฐบาลตั้งกองทุนจำนวน 5,000 ล้านบาท ถึง 1 หมื่นล้านบาท เพื่อให้การช่วยเหลือผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากความผันผวนของค่าเงิน บาท เพราะเห็นว่าค่าเงินบาทที่แข็งค่าเป็นปัจจัยหนึ่งในหลาย ๆ ปัจจัยที่เป็นปัญหาธุรกิจ หากเข้าไปช่วยชดเชยกำไรเพื่อให้ผู้ประกอบการส่งออกได้เท่าเดิมด้วยการตั้ง กองทุน ก็ไม่เป็นธรรมกับผู้ประกอบการประเภทอื่นที่ได้รับผลกระทบอื่นที่ไม่ใช่ค่า เงิน และการตั้งกองทุนก็ไม่รู้ว่าจะนำเงินจากที่ไหนมาใช้ http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=cartoonthai&month=10-2010&date=10&group=31&gblog=6 ถูกต้องเลยครับ ผมสนับสนุนเต็มที่ จากคุณ : คุณก็รู้ว่าไคร เขียนเมื่อ : 14 ต.ค. 53 09:16:42

ความคิดเห็นที่ 73 ท่าจะมองแค่อยากโกยเงินในตลาดหุ้น เพียงเพราะเงินบาทแข็ง เงินนอกทะลักเข้า หุ้นเราจึงขึ้น   จะมองมุมนี้แต่เพียงมุมเดียวมันก็กระไรนะคะ จากคุณ : กันดัมจัง เขียนเมื่อ : 8 ต.ค. 53 00:16:57   ถูกใจ : นางฟ้าตากลม, TauRuZ_PaSSeRBy, clientuser, BigMooHuHu, ahoahoman, มหาเก่ง, หนูน้อยฟ้าใส, cashewnuss, ผู้ชาย..., ขนมสาคู, LittleSue, เกือบไม่ได้มาแล้ว, Buree, Caesar., iToTTi, Mr.Phong, Kading, soncu, One2FLU, เถ้าลอย, yaying, sleepycatty, เบิกได้จ่ายตรง, BEELEX, rights, SaTangThon, ช่างทำแว่น, Freedom and Justice, Benny T, riskx_ray, คนดีผีคุ้ม, นางประแดศรี, Lechery, tym, ผมเคยเห็นคุณกันดัมฉลาดในหลายๆเรื่องนะ แต่ท่อนนี้ฟังแล้วแปลกๆ ค้ำให้เงินบาทอ่อน เท่ากับส่งเสริมให้เขาเอาดอลมาถล่มในตลาดหุ้น เพราะตอนนี้ยังเป็นช่วงเงินไหลเข้า (ขนาดบาทแพงมันยังเข้ามาไม่หยุด) ถ้าจะให้แทรกแซงต้องตอนที่เขากำลังขายและถอนเงินออก ทำให้เขาขาดทุนค่าเงินไปไง จากคุณ : คุณก็รู้ว่าไคร เขียนเมื่อ : 14 ต.ค. 53 09:31:59