Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
หนังสือที่นักลงทุนควรอ่าน

Ten Books Every Investor Should Read

“The Intelligent Investor ”(1949) by Benjamin Graham

เบนจามิน แกรแฮม (บิดาแห่งนักลงทุนแนว VI) แนวคิดของเขาเกี่ยวกับการวิเคราะห์หลักทรัพย์ได้วางรากฐานให้กับนักลงทุนรุ่นต่อๆ มาซึ่งรวมถึงศิษย์เอกอย่าง วอร์เรน บัฟเฟตต์ หนังสือเล่มนี้ตีพิมพ์ในปี 1949 อ่านเข้าใจได้ง่ายกว่าหนังสือ “Security Analysis” ที่แกรมแฮมเขียนขึ้นเมื่อปี 1934 หนังสือ Intelligent Investor ไม่ได้สอนวิธีการเลือกหุ้น แต่จะเป็นหลักการพื้นฐานที่นักลงทุนควรมี บัฟเฟตต์ได้ให้คำนิยมไว้ว่า “เป็นหนังสือการลงทุนที่ดีที่สุดเท่าที่เคยมีการเขียน”

“Common Stocks and Uncommon Profits”(1958) by Philip Fisher

นักวิเคราะห์ทางการเงินยุคบุกเบิกอีกคนคือ Philip Fisher เป็นผู้มีอิทธิพลอย่างมากต่อทฤษฏีการลงทุนสมัยใหม่ แนวคิดพื้นฐานของการวิเคราะห์หุ้นตั้งอยู่บนแนวโน้มการเจริญเติบโตของธุรกิจ หนังสือเล่มนี้ได้แนะนำนักลงทุนให้วิเคราะห์คุณภาพของบริษัทและความสามารถในการทำกำไร  หลังจากตีพิมพ์ครั้งแรกในทศวรรษ 1950 บทเรียนของฟิชเชอร์ถูกนำมาประยุกต์ใช้อย่างแพร่หลายตลอดช่วงครึ่งศตวรรษที่เหลือ

“Stocks For The Long Run”(1994) by Jeremy Siegel

ศาสตราจารย์จากโรงเรียนธุรกิจ Wharton, Jeremy Siegel ได้เสนอแนวทางใหม่ให้คุณ “ลงทุนในหุ้นเป็นเวลายาวนาน” เขาทำการศึกษาค้นคว้าอย่างละเอียดเป็นเวลามากกว่าสองทศวรรษ เพื่อการโต้แย้งว่า หุ้นสามัญให้ผลตอบแทนเหนือกว่าทรัพย์สินการเงินอื่นๆ รวมทั้ง หุ้นยังมีความปลอดภัยและคาดทำนายได้เมื่อเผชิญกับสภาวะเงินเฟ้อ

“Learn To Earn”(1995), “One Up On Wall Street”(1989) or “Beating The Street”(1994) by Peter Lynch

ปีเตอร์ ลินซ์ เริ่มมีชื่อเสียงในทศวรรษ 1980 จากการเป็นผู้จัดการกองทุน Fidelity Magellan Fund หนังสือ “Learn To Earn” เน้นไปยังนักลงทุนมือใหม่ และอธิบายพื้นฐานธุรกิจอย่างหลากหลาย “One Up On Wall Street” ยกตัวอย่างการทำกำไรตามแนวทางของลินซ์ และ “Beating The Street” เน้นวิธีการเลือกหุ้นตัวเก่ง (หรือทำไมเขาถึงพลาดหุ้นนั้น) ตลอดระยะเวลาที่เขาบริหารกองทุนแมกเจลแลน ลินซ์ใช้สามัญสำนึกในการเลือกหุ้น ซึ่งได้ยืนยันว่านักลงทุนรายย่อยถ้าทำการบ้านมาเป็นอย่างดี จะมีผลการลงทุนเทียบเท่าหรือดีกว่านักลงทุนมืออาชีพ

“A Random Walk Down Wall Street” (1973) by Burton G.Malkiel

หนังสือเล่มนี้ได้รับความนิยมจากแนวคิดที่ว่า ตลาดหุ้นเป็นตลาดที่มีประสิทธิภาพ ราคาของหุ้นเป็นไปตามทฤษฎี random walk (ที่กล่าวว่าราคาหุ้นผันแปรอย่างอิสระไม่ขึ้นอยู่กับหุ้นตัวอื่น ดังนั้นการเคลื่อนไหวหรือแนวโน้มของราคาในอดีตไม่สามารถจะนำมาใช้ทำนายราคาในอนาคต) นั่นคือ  Malkiel เชื่อว่าคุณไม่สามารถจะเอาชนะตลาดได้ ไม่ว่าจะเป็นการวิเคราะห์พื้นฐานหรือทางเทคนิค Malkiel ทำการศึกษาค้นคว้าตัวเลขสถิติมากมายก่อนที่จะสรุปเป็นทฤษฏีนี้  อย่างไรก็ตาม มีความเห็นขัดแย้งอย่างมากมาย แต่ไม่ว่าคุณจะเห็นด้วยหรือไม่ก็ตาม การอ่านหนังสือเล่มนี้จะทำให้ได้ความรู้ถึงที่มาของทฤษฏีตลาดมีประสิทธิภาพนี้

“The Essays Of Warren Buffett : Lessons For corporate America”(2001) by Warren Buffet and Lawrence Cunning ham

ถึงแม้ว่าบัฟเฟตต์จะไม่ค่อยให้ความเห็นเกี่ยวหุ้นที่เขาถืออยู่ แต่เขาชอบที่จะอภิปรายหลักการเบื้องหลังของการลงทุน หนังสือเล่มนี้ที่จริงเป็นการรวบรวมจดหมายที่บัฟเฟตต์เขียนถึงผู้ถือหุ้นในช่วงหลายสิบปีที่ผ่านมา เป็นบทสรุปเทคนิคการลงทุนของนักลงทุนที่ยิ่งใหญ่ของโลก หนังสืออื่นๆของบัฟเฟตต์ ก็มี “The Warren Buffet Way” by Robert Hagstrom

เพลงประกอบกระทู้

จากคุณ : WindReturn
เขียนเมื่อ : 10 ต.ค. 53 07:47:07




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com