จากความทรงจำอันลางเลือน เอาแบบง่ายง่ายนะ ความยืดหยุ่น คือความเซ็นซิทีฟของลูกค้าต่อราคาที่เปลี่ยนแปลง ความยืดหยุ่นสูงหมายความว่าลูกค้าให้ความสำคัญกับราคามาก ความยืดหยุ่นต่ำหมายความว่าลูกค้าไม่ค่อยให้ความสำคัญกับราคาเท่าไหร่ สินค้าที่มีความยืดหยุ่นสูงถ้าเพิ่มราคานิดเดียวลูกค้าบ่นแพงหันไปซื้อยี่ห้ออื่นทันที สินค้าประเภทนี้ได้แ่ก่ - สินค้าฟุ่มเฟือย (ก็ยังไม่จำเป็นมากนิ ไว้ก่อนก็ได้) - สินค้าที่หาทดแทนกันง่าย ( แบบมีหลายยี่ห้ออ่ะ เมิงแพงตูก็ซื้อยี่ห้ออื่น(พวกสินค้าไม่มีจุด เด่นอ่ะ)) - สินค้าคงทนราคาสูง (ถ้าของใหม่มานแพงมากก็ทนใช้ของเก่าไปก่อน) ถ้าราคาลดก็ตรงกันข้ามนะ
ส่วนพวกที่มีความยืดหยุ่นน้อยก็พวกที่พอราคาเพิ่มลูกค้าได้แต่บ่น(แต่ยังใช้ต่อปาย) - พวกที่จำเป็นต้องใช้(ไฟฟ้าของการไฟฟ้านี่...ใช่เลย ค่าไฟขึ้นจะไปยกเลิกใช้ไฟก็ใช่ที่ บ่นมั้ย...บ่นจิ แล้วยังใช้มั้ย....ใช้อยู่แล้ว ตอนราคาลงคนก็คงไม่ เฮ้ยช่วงนี้ไฟถูกว่ะ เปิดมันหมดทุกอย่างท้างวันทั้งคืน ชิมิชิมิ) - พวกที่หาแทนได้ยาก(ก็ไฟฟ้าอีกน่ะแหล่ะ จะหันไปติดตั้งแผ่น solar cell หรือใช้กังหันน้ำกังหันลมก็ ...นะ ไม่มีปัญญาอ่ะ T_T) - พวกที่ราคาไม่แพง ปากกา 5 บาท ไรเงี้ย(ขึ้นมา 6หรือลดเหลือ4 คงไม่ทำให้เรา เขียนมากขึ้นหรือลดลงใช่มะ
แนะนำให้ดูกราฟกับสูตรคับ ถ้าเข้าใจก็ง่ายคับ
มาเพิ่มให้อีกนิสนุง Ed = 1 แปลว่า ราคาสินค้าเพิ่ม 1ปูเซง จำนวนสินค้าที่ขายได้ก็ลด 1ปูเซง ในทางกลับกันถ้าราคาสินค้าลด 1ปูเซง จำนวนสินค้าที่ขายได้ก็เพิ่ม 1ปูเซง Ed > 1 แปลว่าเซนซิทีฟต่อราคาสูง(ยืดหย่นมาก) เช่น Ed = 5 แปลว่า Pเพิ่ม 1ปูเซง ลูกค้าหายไปตั้ง5ปูเซง Pลด 1ปูเซง ลูกค้าเพิ่มตั้ง 5 ปูเซง Ed < 1 แปลว่าเซนซิทีฟต่อราคาต่ำ(ยืดหยุ่นน้อย) เช่น Ed = 0.5 แปลว่า Pเพิ่ม 1ปูเซง ลูกค้าหายไปแค่ 0.5 ปูเซง Pลด 1ปูเซง ลูกค้าเพิ่มแค่ 0.5 ปูเซง ปล. ค่า Ed ต้องใส่ absolute ด้วยนะ พอดีพิมพ์ไม่เป็น
แก้ไขเมื่อ 13 ต.ค. 53 13:13:40
จากคุณ |
:
พยายามเข้า (ktstheblue)
|
เขียนเมื่อ |
:
12 ต.ค. 53 22:13:21
|
|
|
|