PANTIP.COM : I9814030 คดียุบพรรค ปชป. ที่กำลังจะตัดสิน จะมีผลต่อ"หุ้น"สัปดาห์หน้าแค่ไหน [หุ้น]

ความคิดเห็นที่ 2

ไทยโพสต์ ฉบับวันที่ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2553

มีการคาดการณ์จากทีมสู้คดียุบพรรคประชาธิปัตย์ ที่นำทัพโดย "ชวน หลีกภัย-บัณฑิต ศิริพันธ์" ถึงปฏิทินการตัดสินคดีในสำนวนใช้เงินกองทุนพัฒนาพรรคการเมือง 29 ล้าน บาท ผิดกฎหมาย ว่าความชัดเจนในการนัดฟังคำวินิจฉัยคดีนี้น่าจะเกิดขึ้นในช่วงหลัง 15 พ.ย.2553
          โดยอันดับแรก ต้องดูว่าหลังจากการไต่สวนพยานฝ่ายผู้ถูกร้อง คือพยานของ ปชป.ในวันที่ 18 ต.ค.นี้ ซึ่งจะมีพยานขึ้นเบิกความรวมสี่ปาก คือ
          1.อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ 2.พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รมว.ยุติธรรม 3.ถาวร เสนเนียม รมช.มหาดไทย และ 4.คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช อดีต รมว.วิทยาศาสตร์ฯ
          ซึ่งเมื่อเสร็จสิ้นกระบวนการนี้แล้ว ก็จะเป็นดุลยพินิจขององค์คณะตุลาการศาล รธน.ที่ใช้ระบบการพิจารณาคดีแบบ "ไต่สวน" คือองค์คณะฯ สามารถหาข้อเท็จจริงเพิ่มเติมได้ด้วยตัวเอง ดังนั้น หากองค์คณะพิจารณาแล้วเห็นว่า คำเบิกความของพยานบุคคลที่ฝ่ายผู้ร้องคือ กกต. กับฝ่าย ปชป. เสนอชื่อ และองค์คณะฯ คัดเลือกขึ้นมาเบิกความรวมทั้งสิ้น 9 นัด ยังฟังข้อเท็จจริงได้ไม่ครบถ้วน มีข้อสงสัยในบางประเด็นที่ต้องการความชัดเจนมากขึ้น รวมถึงยังมีปัญหาข้อสงสัยในเรื่องข้อกฎหมาย ระเบียบ วิธีปฏิบัติต่างๆ
          ศาล รธน. ก็สามารถเรียกพยานบุคคลมาเบิกความเพิ่มเติมได้ แม้ว่าพยานที่จะเรียกอาจเคยมีชื่ออยู่ในบัญชีที่ฝ่าย กกต.-ปชป. ได้ยื่นไว้ แต่องค์คณะฯ ได้ตัดออกไปก็ตาม อาทิ หากสงสัยเรื่องอำนาจของนายทะเบียนพรรคการเมืองในการส่งคำร้องคดียุบพรรค ก็อาจเรียก "อภิชาต สุขัคคานนท์" ประธาน กกต.มาเบิกความได้ แม้ก่อนหน้านี้ ปชป.จะเสนอชื่ออภิชาตไว้ในบัญชีพยานด้วย แต่ศาลไม่ได้เรียกมาเบิกความ ซึ่งก็ต้องจับตาดูว่าทันทีเมื่อการเบิกความทั้งสี่ปากในวันจันทร์ที่ 18 ต.ค.เสร็จสิ้นลง ศาลจะมีการเรียกพยานบุคคลมาเบิกความหรือไม่ หากเรียกมาเบิกความ โดยหลักก็คงใช้เวลาในการไต่สวนเพียงแค่หนึ่งนัดเท่านั้น
          เมื่อดูปฏิทินการพิจารณาคดีที่จะใช้ทุกวันจันทร์เป็นวันพิจารณาคดี แต่วันจันทร์ที่ 25 ต.ค.เป็นวันหยุดชดเชยวันปิยมหาราช 23 ตุลาคม ดังนั้น หากศาลนัดไต่สวนพยานบุคคลเพิ่มหนึ่งนัดก็จะมีการพิจารณาคดีกันในวันจันทร์ที่ 1 ต.ค.53 ขั้นตอนต่อไป หากทุกอย่างเป็นไปตามนี้ เมื่อเสร็จสิ้นการไต่สวนพยานนัดดังกล่าวเสร็จสิ้นลง ศาลก็จะให้ทั้งฝ่ายผู้ร้องและฝ่ายผู้ถูกร้องต้องทำการ
          "แถลงปิดคดี" ซึ่งสามารถทำได้ทั้งการแถลงปิดคดีด้วยวาจาและเอกสาร แต่เชื่อได้ว่าคดีที่สำคัญเช่นนี้ซึ่งมีพยานเอกสารข้อเท็จจริง-ข้อกฎหมายจำนวนมาก และเป็นคดีที่มี "เดิมพันทางการเมืองสูง"ดังนั้น เพื่อไม่ให้ทุกอย่างตกหล่นและเกิดข้อผิดพลาด ทั้งฝ่ายผู้ร้องและผู้ถูกร้องก็จะต้องขอแถลงปิดคดีด้วยเอกสารอย่างไม่ต้องสงสัย โดยคาดการณ์กันว่า ศาล รธน.จะให้เวลาการยื่นเอกสารแถลงปิดคดีภายในสองสัปดาห์ ดังนั้นก็จะครบกำหนดการแถลงปิดคดีในวันจันทร์ที่ 15 พ.ย.2553
          จากนั้นก็จะเป็นช่วง "ลุ้นระทึก" กันแล้วว่า องค์คณะฯ จะลงมติคดียุบพรรคประชาธิปัตย์กันในวันไหน ซึ่งโดยหลักก็จะใช้เวลาไม่เกินสองสัปดาห์หลังจากได้เอกสารคำแถลงปิดคดี ซึ่งก็คือวันจันทร์ที่ 29 พ.ย.2553
          มันก็เลยทำให้ทุกฝ่ายตั้งแต่อภิสิทธิ์ และชวน หลีกภัย พูดตรงกันว่า คดีนี้องค์คณะฯ จะลงมติว่าจะ "ยุบ" หรือ "ไม่ยุบ" ภายในสิ้นเดือนนี้
          อย่างไรก็ตาม ปฏิทินการตัดสินคดีดังกล่าวต้องเกิดขึ้นบนเงื่อนไขสำคัญคือ องค์คณะฯ ต้องเห็นว่า อีกหนึ่งสำนวนคดี คือคดีเงินบริจาคทีพีไอ 258 ล้านบาทที่ยังไม่ได้มีการพิจารณาคดี ซึ่งทั้งสองคดี ทุกคนก็เห็นตรงกันว่าเป็นคดีที่มีความเกี่ยวเนื่องกันจนเป็นเรื่องเดียวกันได้ทั้งในทางข้อกฎหมายและข้อเท็จจริง แต่ไม่มีใครรู้ว่าศาล รธน.จะเห็นด้วยหรือไม่ หากองค์คณะฯ เห็นว่าเป็นเรื่องเดียวกัน เพราะหากจะไต่สวนคดีพยานบุคคลต่างๆ ที่จะเรียกมาก็เป็นตัวละครเดียวกัน ดังนั้นจึงสามารถวินิจฉัยรวมทั้งสองเรื่องด้วยกันได้เลย
          ถ้าเป็นไปตามนี้ คือวินิจฉัยสองเรื่องพร้อมกันไปเลย ว่าจะยกคำร้อง หรือตัดสินว่า ปชป.ทำผิดจริง ไม่เกินสิ้นเดือน พ.ย.ได้รู้ผลแน่นอน ว่า "ประชาธิปัตย์" จะรอด หรือจะ "ตายหมู่!" ซึ่งผลการลงมติที่ใช้เสียงข้างมาก ดังนั้น คดีนี้ซึ่งองค์คณะฯ มีด้วยกัน 7 คน หลังวสันต์ สร้อยพิสุทธิ์ และเฉลิมพล เอกอุรุ สองตุลาการศาล รธน.ถอนตัว
          ประชาธิปัตย์ขอแค่ 4 เสียงก็รอดแล้ว.

          ไม่เกินสิ้นเดือน พ.ย.ได้รู้ผลแน่นอน ว่า        "ประชาธิปัตย์" จะรอด หรือจะตายหมู่!"

.....ไทยโพสต์

http://www.parliament.go.th/news/news_detail.php?prid=271738

จากคุณ : GarngGeng

เขียนเมื่อ : 17 ต.ค. 53 11:25:09