หุ้นใหญ่ขายหุ้น-วอแรนท์'ทีดับบลิวแซด'
โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
รังคสิริ"หุ้นใหญ่ทีดับบลิวแซด กับผู้บริหาร พร้อมขายทั้งหุ้นและวอแรนท์พบ 3 เดือนเทขายหุ้น 297ล้านหุ้น วอแรนท์ 200 ล้านหน่วย รับเงิน 237 ล้าน
www.pinthong-group.comรายงานข่าวจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ในแบบการถือครองหลักทรัพย์ผู้บริหาร พบว่าในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา ผู้บริหารและผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัททีดับบลิวแซด คอร์ปอเรชั่น (TWZ)ได้พร้อมใจเทขายหุ้น จำนวน297 ล้านหุ้น และใบสำคัญแสดงสิทธิ์ที่จะซื้อหุ้นสามัญชุดที่ 1 จำนวน 222.62 ล้านหน่วย ซึ่งมีมูลค่าเงินลงทุนรวม 237 ล้านบาท โดยวอแรนท์ชุดที่1 ผู้ถือสามารถใช้สิทธิ์แปลงสภาพเป็นหุ้นสามัญที่ราคา 0.90บาท อย่างไรก็ตามราคาหุ้นในปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 0.58 บาท
สำหรับผู้ทำรายการขายในครั้งนี้ประกอบด้วยตระกูลรังคสิริ ซึ่งมีฐานะเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ ได้แก่ นางปิยะนุช รังคสิริ จำนวน 277 ล้านหุ้น มูลค่ารวม 180.37 ล้านบาท และนางสาวทิพภากร รังคสิริ ขายหุ้น 20 ล้านหุ้น มูลค่ารวม 15.60 ล้านบาท
ขณะที่ขายวอแรนท์ 5 ล้านหุน่วย มูลค่ารวม 0.70 ล้านบาท นายพุทธชาติ รังคสิริ ขายวอแรนท์ 192 ล้านหน่วย มูลค่ารวม 39.82 ล้านบาท ขณะที่ผู้บริหาร นางสาวไขแข เชิดวิศวพันธุ์ ขายวอแรนท์ 56.25 ล้านหน่วย มูลค่ารวม 34.20 ล้านบาท
นายพุทธชาติ รังคสิริ รองประธานกรรมการ บริษัท ทีดับบลิวแซด คอร์ปอเรชั่น(TWZ) กล่าวว่าการที่กลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่และผู้บริหารได้เทขายหุ้นเนื่องจากต้องการนำเงินไปลงทุนในธุรกิจอื่นและเป็นการลงทุนส่วนตัว รวมทั้งหลังจากที่ความชัดเจนเรื่องการประมูลใบอนุญาต 3 จีต้องยุติทำให้ราคาหุ้นปรับตัวลงแรง จึงเทขายหุ้นเพื่อปรับพอร์ต อย่างไรก็ตาม โดยส่วนตัวแล้วยังไม่เคยขายหุ้นออกมาตั้งแต่เข้าตลาดเมื่อ 5 ปีก่อน
"การขายหุ้นของกลุ่มผู้บริหารและผู้ถือหุ้นใหญ่ ส่วนหนึ่งต้องการเพิ่มสภาพคล่องหุ้น และขายเพื่อปรับพอร์ต เนื่องจากการยุติประมูล 3 จีทำให้บริษัทจะได้รับผลกระทบจากรายได้ที่หายไปบางส่วน ทำให้นักลงทุนจึงเทขายหุ้นออกมา ขณะเดียวกันภาพรวมตลาดหุ้นไทยคึกคักทำให้นักลงทุนหันไปสนใจหุ้นใหญ่ จึงเทขายหุ้นเล็น จนทำให้ราคาหุ้นปรับตัวลงมาแรง"รองประธานกรรมการกล่าว
การขายหุ้นในครั้งนี้ไม่ได้มีนัยสำคัญกับบริษัท และโดยส่วนตัวในฐานะผู้ถือหุ้นใหญ่ที่มีสัดส่วนการถือครองหุ้นมากกว่า 30% และตลอด 5 ปีที่เข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้น ก็ไม่เคยขายหุ้น แต่มีการขายวอแรนท์ออกมาบางส่วนเพื่อเพิ่มสภาพคล่องในการซื้อขาย เพราะที่ผ่านมาก็จำนวนไม่มาก
สำหรับภาพรวมธุรกิจปีนี้ ยังสามารถมีรายได้เติบโตได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ โดยคาดว่ารายได้จะเติบโตประมาณ 10%จากปีก่อน แม้ว่ารายได้เสริมจากธุรกิจ 3 จี มีความล่าช้าออกไป แต่เมื่อมีความชัดเจน ก็ทำให้ผู้บริหารที่รอคอยระบบ 3 จีหันมาซื้อโทรศัพท์ในระบบปัจจุบันไปใช้เพื่อรอให้เกิดระบบดังกล่าว ดังนั้นทำให้ยอดขายปรับตัวดีขึ้น โดยเฉพาะในงวดไตรมาส4/53 จะเป็นช่วงฤดูกาลที่คึกคักและยอดขายเติบโต ซึ่งปีนี้ก็น่าจะมีทิศทางเดียวกัน
สำหรับการเคลื่อนไหวราคาหุ้นในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา ราคาหุ้นโดยรวมปรับตัวลดลง 26% จากราคา 0.80 บาท เหลือ 0.58 บาท โดยราคาปรับตัวขึ้นไปสูงสุด 0.94 บาท และต่ำสุด 0.58 บาท ราคาเฉลี่ย 0.81 บาท
จากคุณ |
:
luck me
|
เขียนเมื่อ |
:
17 ต.ค. 53 15:00:45
|
|
|
|