ความคิดเห็นที่ 1 ทำแบบนั้นต้องวางเงินประกันไว้เยอะมากนะคับ ทั้งTfexและ Option แล้วถ้า set ไม่ side way ก็เสียตัง จากคุณ : เสือโหด เขียนเมื่อ : 21 ต.ค. 53 21:27:06

ความคิดเห็นที่ 2 มันจะหักลบกันเองครับ เพราะผมลองทำดู เงินใน port มีประมาณ 130000 พอเปิดทั้ง 2 แบบ แล้วเหลือเงินให้เล่น อีก 83000 ครับ ถ้า set50 ขึ้นเกิน 700 ก็ได้ทันทีครับ 35 จุด เพราะถึง set จะขึ้นไปขนาดไหน L fex กับ S Call มันจะหลักล้างกันไปเองครับ เราได้ 35จุด 100% ถ้ามันขึ้นจริง แก้ไขเมื่อ 21 ต.ค. 53 21:41:33 จากคุณ : Experts เขียนเมื่อ : 21 ต.ค. 53 21:39:18

ความคิดเห็นที่ 3 ขอถามว่าถ้า s50z10 ถึง 700 เจ้าของกระทู้จะปิดสัญญาทั้งหมดเพื่อเอากำไรทันทีมะคับ ถ้าใช่ จะได้กำไร tfex แต่ขาดทุน option คับ เพราะราคา call option มันก็ขึ้นมาด้วย บวกลบแล้วน่าจะได้สัก 7 - 9 พัน จะเป็นกรณีอย่างที่เจ้าของกระทู้เขียนก็ต่อเมื่อ ถือ s50z10 และ option จนถึงวันหมดอายุ และ set50 ต้องปิดไม่ต่ำกว่า 700 คับ ถึงจะใช่ แก้ไขเมื่อ 21 ต.ค. 53 21:41:26 จากคุณ : kts (ktstheblue) เขียนเมื่อ : 21 ต.ค. 53 21:40:27

ความคิดเห็นที่ 4 เข้าท่าดีครับ จากคุณ : ช้างทมิฬ เขียนเมื่อ : 21 ต.ค. 53 21:41:58

ความคิดเห็นที่ 5 แล้วพรีเมียม 18 มาจากไหน  แล้วทำไมถึงต้อง 18 เป็น 20  หรือ 25  ไม่ได้หรอ  ไม่เข้าใจตรงนี้ ใครเป็นคนกำหนดค่าพรีเมียม  มือใหม่ไม่เข้าใจอะ จากคุณ : Duo-Core เขียนเมื่อ : 21 ต.ค. 53 21:44:56

ความคิดเห็นที่ 6 แล้วอย่าง fex สัญญาหมดทุก 3 เดือน แล้ว option สัญญาเหมือน fex หรือเปล่า จากคุณ : Duo-Core เขียนเมื่อ : 21 ต.ค. 53 21:48:58

ความคิดเห็นที่ 7 #5 ราคาซื้อขายบนกระดานคัีบ #6 เหมือนคับ จากคุณ : kts (ktstheblue) เขียนเมื่อ : 21 ต.ค. 53 21:50:31

ความคิดเห็นที่ 8 แต่คิดไปคิดมา ก็ยัง งง งง ครับ ถ้ามันวิ่งเกิน 700 แล้วจะแก้ยังไงต่อดีครับ มีแผนสำรองใหมครับ จากคุณ : ช้างทมิฬ เขียนเมื่อ : 21 ต.ค. 53 21:55:50

ความคิดเห็นที่ 9 ในที่เอาเอามาให้ดูนี่ เรามองว่าภาพรวมมันจะขึ้นต่อ แต่ช่วงนี้มันสวิง ยังจับทิศทางไม่ได้ พอขึ้นไปถึง 700 จริงก็มีวิธีแก้ทางต่อ หรือ เราจะปล่อยไปจนหมดสัญญาอีก 2 เดือน ก็ได้ครับ ราคาของพรีเมียมขึ้นอยู่กับ ผู้ซื้อต้องการซื้อ ผู้ขายต้องการขายครับ ในแต่ล่ะซีรี่ ก็จะไม่เท่ากัน จะมี ฝั่ง Bid กับฝั่ง Ask อะครับ มันก็เหมือนกับ Long Short ของ Tfex จากคุณ : Experts เขียนเมื่อ : 21 ต.ค. 53 21:57:32

ความคิดเห็นที่ 10 ตอบ คคห 8 คือตามที่ผมเข้าใจนะครับ ถ้ามันวิ่งเกิน 700 ผลตอบแทนจาก S50Z10 จะมาชดเชยความเสียหายจากการ Short Call ได้พอดีครับ เพราะทุกครั้งที่ spot ขึ้น 1 จุด จะได้ผลตอบแทน 1,000 บาทจาก S50Z10 และจะเสียหายจาก Short S50Z10C700 1,000 บาทเท่ากัน แต่ถ้าหากปิดสัญญาทั้งหมดก่อนกำหนด ผลตอบแทนจะลดลงครับ เนื่องจาก Options นั้นมี Time Value อยู่ ซึ่งเมื่อวันหมดอายุ Time Value จะเป็น 0 จะมีแต่ Intrinsic Value อย่างเดียว หากต้องการปิดสถานะก่อน ก็ต้องไปซื้อ Options ในราคาที่ยังมี Time Value อยู่ด้วย (ถึงแม้จะลดลง) แก้ไขเมื่อ 21 ต.ค. 53 22:03:25 จากคุณ : TauRuZ_PaSSeRBy เขียนเมื่อ : 21 ต.ค. 53 22:02:43

ความคิดเห็นที่ 11 เคยคิดเองเล่นๆว่า  ถ้าเล่น fex แบบว่า เปิด L กับ S ที่ใกล้ๆ  แล้ว คอยดูตลาดวิ่ง (คอยปิดด้านที่วิ่งไปมากๆ) แบบนี้จะเซฟกว่า วิธีที่ จขกท แนะนำหรือไม่  จะมีอันตรายอย่างไรบ้างหรือไม่ (ยังไม่ได้ลองแค่คิดๆดู) จากคุณ : Duo-Core เขียนเมื่อ : 21 ต.ค. 53 22:03:07

ความคิดเห็นที่ 12 #8 ถ้าเกิน 700 ส่วนเกิน จะ Off Set กันไงครับ 1+18, 2+18, 3+18, ...17+18 = 35 , 18+(18-1)=35 ,19+(18-2)=35,.... มองว่า ดัชนีขึ้น คือ ไปทาง ฝั่งขวานะครับ --- ส่วนตัวเลข 18 จขกท อ้างอิง Last Price นั่นเอง จากคุณ : The Rounder เขียนเมื่อ : 21 ต.ค. 53 22:05:18

ความคิดเห็นที่ 13 อืม.. สิ่งที่ จขกท คิดก็ดีนะ..ครับ แสดงว่า มองเป็น moderate bullish คือขึ้น กลางๆ payoff กราฟมันออก มาเป็น เหมือน สร้าง short put ครับ ตามหนังสือ เรียกว่า covered call เป็น กลยุทธ์ที่ ใช้ตอน ขาขึ้น ขนาดกลาง แต่ ถ้าหาก เกิด เป็น ขาลงเต็มตัว เรา ก็ จะขาดทุนไม่จำกัดเหมือนกันนะครับ... จากคุณ : pheromotone เขียนเมื่อ : 21 ต.ค. 53 22:06:55

ความคิดเห็นที่ 14 fex ถ้าจะเปิด L S ต้องมี 2 port ครับ ถ้ามี port เดียว มันต้องเปิดคนล่ะซีรี่กัน ทีนี้ปัญหา เปิดคนล่ะซี่รีมันจะวิ่งไม่เท่ากัน แล้วก็จะเสียค่าคอมเยอะ เพราะต้องปิดเปิดบ่อย แล้ว คุณจะรู้ได้งัยว่ามันจะไปในทิศทางไหนจริงๆ ถ้ารู้จริงๆว่ามันจะไปทางไหนเรารอดูแล้วเปิดทางนั้นไปเลยจะคุ้มกว่า จากคุณ : Experts เขียนเมื่อ : 21 ต.ค. 53 22:09:21

ความคิดเห็นที่ 15 กราฟ ออกมาหน้าตา จะได้แบบนี้ ล่ะ.ครับ.. พี่ จขกท จะ max profit ที่ 700 แต่ ถ้าเป็น ขา ลง จะ แย่นะครับ.. โดย เฉพาะอย่าง หลุด 665 ไป เนี่ย จะเริ่ม ขาดทุน ล่ะ 665 เป็น จุด break even point ครับ !! โปรดระวัง ด้วยนะ ครับ เพราะว่า สภาคล่อง บ้านเรา set50 ยังมีไม่มาก การที่ hold SC ไว้เยอะๆ พอ เวลา ตลาดเหวี่ยง ทีนึง จะปลด ออก ยาก ทำให้เรา ขาดทุนในที่เป็น ฟิวเจ้อ ด้วยครับ จากคุณ : pheromotone เขียนเมื่อ : 21 ต.ค. 53 22:11:11

ความคิดเห็นที่ 16 ผมลองคิดว่าสมมุติขาลงเต็มตัว กลยุทธ์นี้จะเริ่มขาดทุนจาก 669 ลงไป วิธีที่ปลอดภัยคือ สมมุติ ทำตามกลยุทธ์นี้ไป stop loss S50Z10 ที่ 670 แล้วถือ Options ทั้งหมดแบบ hold to maturity หลังจากนั้นถ้าตลาดกลับขึ้นมา สามารถกลับไป long ใหม่ที่ราคาใดก็ได้ที่ต่ำกว่า 699 เพื่อ hedge short calls แต่ถ้าตลาดไม่กลับขึ้นมา ก็ stop loss ที่ 670 แล้วก็เลิกเล่นไปเลย  การทำแบบนี้ จะไม่ได้อะไรเลย แต่จะเห็นว่ามีช่วง buffer ที่ปลอดภัยเหมือนกัน แก้ไขเมื่อ 21 ต.ค. 53 22:13:31 จากคุณ : TauRuZ_PaSSeRBy เขียนเมื่อ : 21 ต.ค. 53 22:11:45

ความคิดเห็นที่ 17 แต่ทั้งหมดนี้มันก็ต้องขึ้นอยู่ว่า เราจะมองภาพรวมของตลาดเป็นงัย ส่วนตัวคิดว่าตอนนี้ยังเป็นขาขึ้นอ่อนๆ อะไรหลายๆอย่างมันทำให้ผมเข้าใจว่า มันจะไปได้อีกไม่ไกล และมันจะผันผวนมากๆ ถ้าจะ เล่น fex ไปทางได้ทางหนึ่งเลยคิดว่ามันเสียงเกินไป  ตอนที่สัญญา U จะหมดมีการโอนถ่าย fex ของรายใหญ่ จะ U เป็น Z ถือ สถานะ Long ต่อ ตอนนั้นทุน สัญญา Z ของรายใหญ่ อยู่ ประมาณ 670-680 ถ้าหลุด 675 ไปคงต้องพิจรณา ปิด fex ไปก่อน แก้ไขเมื่อ 21 ต.ค. 53 22:21:34 จากคุณ : Experts เขียนเมื่อ : 21 ต.ค. 53 22:16:06

ความคิดเห็นที่ 18 จุดที่ จะต้อง เป็น trigger point ของ ต้องมีอยู่ในใจ นะครับ.. ว่าเรา จะเก็บ กำไร ใน covered call นี้เท่าไหร่ .. โดย ส่วน ตัวถ้าตัว future มัน ถอยลง มา .. แล้ว เรายังพอมี กำไร อยู่ ควรจะ take profit future note : ควรจะ take profit ใน ฝั่งที่ออก ง่าย คือ มีสภาพคล่องมากๆ นะครับ..         concept นี้หลักๆ คือ เราเอา future มา คลุม Short call นะครับ ..         การที่ จะเอา set50 option ในบ้านเรา มา protect ความ เสี่ยงของ future         นั้นเท่ากับ เป้น การเพิ่ม ความเสี่ยง ให้กับตัวเราเอง..         หรือ หากเรามี ตักเงินในมากพอ ก็ ทำได้ครับ ที่จะ ลด ความเสี่ยงของ  future นั้นๆ         ยิ่ง ตลาดที่มีความผันผวนสูง ผม แนะนำให้ ทำอะไรก็ได้ที่เป็น straddle         ไม่ว่า จะ long หรือ short จะ play save กว่าครับ แก้ไขเมื่อ 21 ต.ค. 53 22:22:15 จากคุณ : pheromotone เขียนเมื่อ : 21 ต.ค. 53 22:17:27

ความคิดเห็นที่ 19 # 14 โดยส่วนตัว เห็นเป็นอีกแบบครับ เพราะ ตรงนี้ ทำ Spread Trading ใน Futures ได้ การเปิด-ปิด จำนวนครั้งเท่ากัน ค่าคอมในพอร์ทเดียวกัน ย่อมน้อยกว่า เพราะ ได้อัตราคิดลด แล้ววางหลักประกัน น้อยกว่า หรือ หลักประกันเท่ากัน เปิดสัญญา ได้มากกว่า เพราะเป็นการเปิด สัญญาแบบ Spread 1 คู่ วางหลักประกัน แค่ 1 ใน 8 ของ out right หรือ   11,400   (เปิด สองสัญญา S /L คนละซีรีส์ ในพอร์ทเดียวกัน) เทียบกับ 91,200  ( เปิด 2 สัญญา S/L แบบ แยกพอร์ท) จากคุณ : The Rounder เขียนเมื่อ : 21 ต.ค. 53 22:19:17

ความคิดเห็นที่ 20 เล่น Option ไม่เป็นครับ ใครพอเอารูปหน้าตาของสตรีมมิ่งมาอธิบายวิธีการให้ทีครับ จากคุณ : bigzaa เขียนเมื่อ : 21 ต.ค. 53 22:35:14

ความคิดเห็นที่ 21 อ้าว เปิดซี่รี่ย์เดียวกันไม่ได้หรอเนี่ย  อันที่จริงเห็น ที่ตัวคำสั่งแล้วคิดว่าได้เสียอีก  เพราะเวลาก็เปิด Long Open แล้วเวลาจะปิด ก็ ใช้คำสั่ง Short Close  เพราะถ้าเรา เปิด S อีก เราก็ใช้คำสั่ง Short Open มันก็ไม่ได้ไปปิดสัญญา Long Open ที่เราเปิดไว้ก่อนหน้าไม่ใช่หรอ  คิดว่ามันจะไปปิดอัตโนมัติเลย ไม่ได้ เพราะเป็นคนละคำสั่งกัน  โอ้....ยังไม่ได้เข้าอบรม  สงสัย ต้องหาคอร์สเข้าซะแล้ว  แค่คำสั่งยัง งง  งง  ขนาดนี้เลย จากคุณ : Duo-Core เขียนเมื่อ : 21 ต.ค. 53 23:02:30

ความคิดเห็นที่ 22 ^ ^ ^ 5555 สงสัยพี่กะผม คงต้องนัดไปฟัง พร้อมๆ กัน เดียว  ....ระเบิด จากคุณ : ช้างทมิฬ เขียนเมื่อ : 21 ต.ค. 53 23:08:08

ความคิดเห็นที่ 23 long futures + short call จะให้ผลเหมือนกับ short put ลองดูจากราฟ น่าจะเข้าใจง่ายขึ้น... เส้นสีแดง คือ long futures @687 เส้นสีเขียว คือ short call @700 premium 18 จุด 5 สัญญา เส้นสีดำ คือ ผลรวมของทั้งสอง ซึ่งจะเหมือนกับการทำ short put @700 premium 31 จุด 5 สัญญา (โดยประมาณ) #8 คุณช้างทมิฬ... กรณีนี้จะเหมือนกับการทำ cover call (ซื้อ tdex + short call) ที่คุณ MudleyGroup สอนไงครับ การ long futures 1 สัญญา เท่ากับ การซื้อ tdex 100,000 หุ้น นั้นเอง จากคุณ : Mongkon/Pong เขียนเมื่อ : 21 ต.ค. 53 23:23:20

ความคิดเห็นที่ 24 ไม่แน่จริงอย่า short option นะครับ ขอเตือน ตลาดไม่มีอะไรแน่นอน ขอบอก ลงทุนตามหลักสถิติ ขอเอ่ย กำไรตามแต่พอเพียง นอนหลับสบาย... ไม่แน่จริงอย่า short option นะครับ ขอเตือนอีกที จากคุณ : zidew3 (zidew3) เขียนเมื่อ : 21 ต.ค. 53 23:39:48

ความคิดเห็นที่ 25 ความคิดเห็นที่ 23 ขอบคุณครับพี่มงคล นอนดึกจังครับ จากคุณ : ช้างทมิฬ เขียนเมื่อ : 21 ต.ค. 53 23:43:45

ความคิดเห็นที่ 26 ความคิดเห็นที่ 23 ใช่เลยครับพี่ หากเล่นเป็นระบบ  ซ้ำๆ ตัดใจทิ้งเงินประกันไว้ในระบบ(คิดซะว่าลงทุนซื้อระบบ) เราก็เอา premium ที่ได้จาก short call ไปซื้อ tdex ราคาปัจจุบัน ทิ้งไว้อีก รอจนหมดอายุ เราก็มีความสุข ผมเข้าใจถูกใหมครับ พี่มงคล จากคุณ : ช้างทมิฬ เขียนเมื่อ : 21 ต.ค. 53 23:48:58

ความคิดเห็นที่ 27 ความคิดเห็นที่ 8     The Rounder ช่วยเล่าประสบการณ์ส่วนตัวในการ short ให้ฟังหน่อยซิครับ.. จากคุณ : Big Jump   เขียนเมื่อ : 5 เม.ย. 53 14:20:33   --- ความคิดเห็นที่ 9     เอาประสบการณ์ ที่ยากจะลืม ละกันนะครับ ------------------------------------------- เดือนแรกที่ตลาด TFEX เปิดทำการ สินค้าตัวแรก คือ SET 50 Futures order แรก ก็ทำการ Short เลยครับ บังเอิญ โชคดี ได้กำไร แล้วก็ปรับเปลี่ยนสถานะไป มา แล้วแต่โอกาส แต่ครั้งที่ฟลุ้คที่สุด คือ การถือ Short ไว้ก่อน วันที่ 19 ธ.ค. 49 โดยเป็นการถือ Short ตาม Trading System ก่อนหน้าวันดังกล่าว สัก 3-4 วัน ไม่ได้ถือ เพราะข่าว เรื่อง มาตรการกันสำรอง 30 % ของ หม่อมอุ๋ย แต่อย่างใด แล้ววันที่ 19 ธ.ค. 49 ก็เกิดเหตุการณ์ ที่ไม่เคยพบมาก่อน คือ เหมือน ดัชนี ตกเหว หลายช่วงเวลา ที่สัญญา ฝัง Bid หายไปดื้อ แล้วกลับมา Bid รับเป็นช่วงๆ หลายครั้ง ระบบ ซื้อขาย เกิดอาการ ตื้อๆ เหมือน คอมแฮงก์ มูลค่าพอร์ท เพิ่มขึ้นอย่างน่าตกใจ โดยได้ทำการ Short เพิ่มขึ้นๆ เนื่องจากมูลค่าพอร์ทเพิ่ม หลักประกันส่วนเกินก็จะเพิ่ม โดยอัติโนมัติ ตอนเกิด circuit breaker แรก ดัชนีลดลงครบ 10% มูลค่าพอร์ท โตขึ้น ประมาณ 2 เท่า เศษๆ ระหว่าง ตลาดหยุดพักการซื้อขาย ยาว จนปิดภาคเช้า มีข่าว หม่อมอุ๋ยให้สัมภาษณ์ ทางทีวี ยืนยันว่า จะไม่มีการทบทวน หรือ เปลี่ยนแปลง มาตรการ เปิดช่วงบ่าย ดัชนี รูดต่อ และ เกือบเกิด circuit breaker ครั้งที่สอง นั่นหมายถึง มูลค่าพอร์ท จะโตประมาณ 4 เท่า เทียบกับเมื่อวาน แต่ปรากฎว่า ดัชนีลงไปต่ำสุด แถว 19 % เศษๆ เหลืออีกแค่ 0.x % ตลาดจะต้องหยุดพักการซือ้ขายอีกครั้ง ปรากฎว่า ดัชนีดีดกลับ และค่อยๆ เพิ่มขึ้น ตลอดเวลา จนตลาดปิด ดัชนีต่ำสุด ลบประมาณ 140 กว่าจุด ปิดตลาด ดัชนี ติดลบ 108 จุด ดัชนีตลาด เพิ่มขึ้นจากจุดต่ำสุด ไม่มาก แต่ ตลาด Futures ราคา มีการปรับตัวเพิ่มสูง อย่างผิดปกติ หรือ เกิด Premium สูงมาก ซึ่งตอนนั้น ก็ได้แต่สงสัยว่า เกิดอะไรขึ้น ใครหนอ  ช่างกล้าไล่เปิดสถานะ long โดยยอม แบก Premium ขนาดนั้น --- แล้วค่ำคืนนั้น หม่อมอุ๋ย ก็มีประกาศ ในนามธนาคารแห่งประเทศไทย ยกเลิกมาตรการดังกล่าว รุ่งเช้า อีกวัน ดัชนี ก็พุ่งทะยานขึ้นมาอีกมาก แม้ไม่เท่าเก่า  แต่ก็ทำให้ กำไรในพอร์ท ลดลงไป พอสมควร ในความเห็นส่วนตัว เชื่อว่า น่าจะมีคนรู้ว่า  จะมีการยกเลิกมาตรการ ก่อนที่หม่อมอุ๋ย จะประกาศอย่างเป็นทางการ หรือ มีการใข้ Inside  นั่นเอง --- มาดู ฟากตรงข้าม คือ ฝั่ง long ทางมาร์ ได้เล่าให้ฟังว่า มีลูกค้าอยู่หนึ่งราย วางเงินประกันไว้    4 ล้าน ต้องมาจ่ายเพิ่มอีก  4 ล้าน แต่เขาก็มีจ่ายนะ : ) --- ทั้งหมด คือ ความเห็นและประสบการณ์ส่วนตัว โปรดอ่านด้วย วิจารณญาน จากคุณ : The Rounder   เขียนเมื่อ : 5 เม.ย. 53 16:34:20 --- http://www.nidambe11.net/ekonomiz/2006q4/2006dec20p1.htm จากคุณ : The Rounder เขียนเมื่อ : 21 ต.ค. 53 23:58:16

ความคิดเห็นที่ 28 #26... ก็แล้วระบบที่เราวางแผนไว้ครับ ว่าจะเอาเงินกำไรจาก premium ที่ได้ไปทำอะไรต่อไป จะดึงออกจากระบบ หรือจะเอาไปต่อยอด หรือจะแบ่งเป็นหลายส่วนเพื่อทำประโยชน์หลายอย่างก็ได้ เหมือน dsm ที่แบ่งเอา กสงฝ ไปทำงานหลายๆ อย่าง... จากคุณ : Mongkon/Pong เขียนเมื่อ : 21 ต.ค. 53 23:59:31

ความคิดเห็นที่ 29 ขอแชร์วิธีการเล่นของผมนะครับ เผื่อจะมีประโยชน์กับเพื่อน ๆ วิธีของผมจะไปชอตไว้ในช่วงต้นเดือนหลังจากที่มีซีรี่หมดอายุ ทำ Short Strangle ( short ทั้งฝั่ง call & put ) ทำกำไรจาก sideway ผลที่ผ่านมาส่วนใหญ่จะได้กำไร มีช่วงไตรมาสที่แล้วที่ set50 ขยับตัวเพิ่มเยอะดูท่าไม่ดีเลยเปิด Long call มาบล้อกขาดทุน สรุปเลยเหลือกำไรมานิดเดียวเกือบเท่าทุน กลยุทธ์ผม option จะทำกำไรจากตลาด sideway เผื่อตลาดหุ้นมันไม่ค่อยไปไหนก้อยังได้กำไรจากอนุพันธ์บ้าง รูปนี้เป็นรีเทินพอตผมที่ทำ Short Strangle ออปชั่นซีรี่ Z ที่จะหมดอายุปลายปีนี้ แก้ไขเมื่อ 22 ต.ค. 53 01:09:40 จากคุณ : Jeep นะคับ เขียนเมื่อ : 22 ต.ค. 53 01:08:42

ความคิดเห็นที่ 30 อืม กรณีนี้ คือ จขกท มั่นใจว่าในปลายปีนี้ ยังไง SET50 มีโอกาสสูงที่จะขึ้นเกิน 700 แน่ (ความจริงก็คิดเหมือนกัน 555) แต่จะเล่น short option แบบนี้ ต้องระวังกรณีที่จาน pheromotone เตือนไว้ด้วยก็ดีนะ เพราะอะไรก็เกิดขึ้นได้ในตลาด ความเห็นส่วนตัว เล่น short option ได้ แต่เงินหน้าตักต้องมีมากพอด้วย (เพราะเป็นการเล่นแบบเจ้ามือ ต้องหน้าตักใหญ่) ลองอ่านกระทู้นี้สิ อ่านไล่ลงไปให้จบเลยนะ http://topicstock.pantip.com/sinthorn/topicstock/2010/03/I9041401/I9041401.html แก้ไขเมื่อ 22 ต.ค. 53 04:25:06 จากคุณ : LiTtle_LOliTa เขียนเมื่อ : 22 ต.ค. 53 04:21:03

ความคิดเห็นที่ 31 ขอนุญาตมาแจมด้วยนะครับ ที่จริงการ Hedge tfex ด้วย Option นั้น เปรียบเสมือนการที่เราใส่เสื้อเกราะป้องกันกรณีที่เรา tfex ที่เราถือไว้เดินผิดทาง แต่เราก็ยังไม่มั่นใจในทิศทางว่าจะเป็นเช่นนั้นจริง ๆ เราจึงจะใช้ Option มาป้องกันไว้เท่านั้น  และเมื่อใดก็ตามเมื่อตลาดกลับมาในทิศทางที่เราคาดการณ์แล้ว เราก็ต้อถอดเสื้อเกราะออก นั่นคือปิดสถานะ Short call นั่นเอง ในกรณีที่ยกมาข้างต้น หาก set50 ไปจบลงที่เกิน 700 เราจะได้กำไรทั้งหมดด้วย Maximum Gain (Max. Gain อยู่ที่ 700) [(700-687) +18] = 31 จุด แต่หาก set50 ลงไปจุด Break Even : BE จะอยู่ที่  687 -18 = 669 หลังจากนั้นเราจะเสียแบบ Unlimit Loss ไปแบบไม่มีที่สิ้นสุดทุก ๆ จุดที่ set50 ลงต่ำไปอีก   การ Hedge ด้วยวิธีนี้จึงเป็น Limit Gain and Unlimit Loss ต้องทำด้วยความระมัดระวัง และทำในเฉพาะบางกรณีเท่านั้น รวมทั้งผู้ทำ จะต้องมีความเข้าใจในการป้องกันอย่างแท้จริงด้วย มิฉะนั้นโอกาสจะเสียมากกว่าได้จะเกิดขึ้นได้  ส่วนกรณีเรื่องวงเงินนั้น การที่เราพิ่ม Short call เข้ามาเพิ่มเติมจากที่เรา Long tfex ไว้ก่อนนั้น ไม่ได้ทำให้วงเงินลดลงครับ "แต่กลับจะทำให้วงเงินของเราเพิ่มขึ้น" ด้วยครับ  เพราะมันเป็นการ hedge ระบจะคำนวณเรื่องความเสี่ยงที่ลดลงให้ครับ และวงเงินจะลดลงเมื่อเราปลดข้างใดข้างหนึ่งออกครับ   ที่จริงมันยังมีเทคนิคอีกเยอะในการที่จะถอดเสื้อเกราะออก (ปิดสถานะ Short call) ด้วยการไม่ปิด เช่นกรรณีนี้ อาจทำ Debit Bull Spread สอดเข้าไป เพื่อป้องกันและเอากำไรจาก short call ที่ Hedge  ไว้ รวมทั้งปล่อยอิสระให้ปิด tfex เอากำไรได้อีกด้วย เป็นต้น  และนอกจากนั้นมันยังมีกลยุทธเพิ่มเติมในการทำ Bull Spread อีก เช่น ทำโดยการไป Long call ที่ DITM หรือเลือกทำที่ใกล้ ๆ กับที่ short call มา ซึ่งจะมีผลดี / ผลเสียที่แตกต่างกันไปอีก คงอธิบายในนี้ไม่หมด แต่สรุปว่าจะมีทั้งผลดี และผลข้างเคียงไม่เหมือนกัน   อีกกลยุทธก็อาจนำมาใช้ได้เมื่อเราต้องการปิด short call เพราะเห็นตลาดกลับขึ้นมา นั่นคือเราปิด  short call แล้วไปเปิด Short put ที่ OTM เพื่อเอาพรีเมี่ยมมาชดเชยจาก Loss ของ Short call แต่วิธีนี้จะทำให้เราเปิดความเสี่ยงด้าน short put ขึ้นใหม่ และจะกินวงเงินเพิ่มขึ้อีก เพราะเมื่อถึงตอนนี้แล้ว เท่ากับเราเล่นทางขึ้นเต็มตัว   แก้ไขเมื่อ 22 ต.ค. 53 05:42:48 จากคุณ : เด็กลาดพร้าว (zombie99) เขียนเมื่อ : 22 ต.ค. 53 05:41:47

ความคิดเห็นที่ 32 โฮกระทู้นี้ มันส์ มาก         แต่ท่านกาน มา ซะแล้ว ผมขอไปเริ่มที่เบสิคละกัน เพราะอ่านแล้วผมว่าคนเบสิคไม่แน่นเกือบทั้งหมด          1 จากภาพ กระดานที่ท่านนำมาประกอบ ขอให้ลองดูซิว่า        ออปชั่นทั้งกระดาน อ้างอิง สินค้าตัวเดียวกัน คือ เซท 50   ถ้าขึ้นทุกสัญญาควรขึ้นตามเซท 50 เท่ากันทุกสํญญาใช่ไหม (ค่าพรีเมี่ยม )   และอีกด้านคือที่คิดผิดคิดว่าลง  ก็จะต้องลงทุกสัญญาเท่ากับเซท 50ที่ขึ้นใช่ไหม       จากที่เห็นความจริง คือไม่ใช่ จากคุณ : หมอสัจจะ เขียนเมื่อ : 22 ต.ค. 53 06:36:17

ความคิดเห็นที่ 33 ดังนั้นเพื่อความเข้าใจออปชั่นให้รู้ความจริงเสียก่อนว่า          ทฤษฏีกับ ปฏิบัติไม่ใช่ อย่างเดียวกัน จงอ่านทฤษฏีแล้วไปนั่งดูกระดานจริงๆๆเสียก่อน 3เดือน          2 ผมสรุปว่า ออปชั่นไม่ได้เคลื่อนไหวตาม ฟิวเจอร์ หรือ เซท 50 ในทันที และเท่ากัน  หรือใก้ลเคียงมาก           ดังนั้น ท่านต้องประยุกต์ ทฤษฏีที่สมมุติดังเจ้าของกระทู้ ตั้งโจทย์ไว้ก่อน        3 การเล่น คู่ เพื่อป้องกันความเสี่ยง จึงต้องอาศัย ประสบการณ์ ในการเลือก             จังหวะการเล่น ว่า ตลาดกำลังอยู่ในทิศทางไหน ขึ้น ลงหรือไซด์เวย์ เพราะ ออปชั่น เล่นตามทิศทาง จะมีกลยุทธ์ให้เลือก มากมายถ้าอ่านกราฟเก่งจะเข้าใจได้ง่ายชื่อไม่ต้องจำ กดที่ชื่อกลยุทธ์ไปอ่านรายละเอียดคือสูตรต่อด้ง่าย          http://www.theoptionsguide.com/option-trading-strategies.aspx ภาพประกอบ เลือก จากกราฟ COVER CALL จะไปเห็นสูตรว่า 100หุ้น กับ1 ขายออปชั่น (นั่นคือตัวอย่างจากตลาดของเขา เราต้องอ่านแล้วมาประยุกต์ ซึ่งก็ไม่ใช่ 1ทีเฟค กับ 5ออปชั่น เพราะเหตผลข้อที่ 1) จากคุณ : หมอสัจจะ เขียนเมื่อ : 22 ต.ค. 53 06:46:50

ความคิดเห็นที่ 34 แล้วจากกราฟ ก็ต้องอ่านให้เป็นว่า ตำกว่าเส้นคือขาดทุน บนเส้นคือกำไร             ดังนั้นสูตรกลยุทธ ที่จขกทจะเล่น       ถ้าผิด ทางเซทกลับเป็นลง มันคือการขาดทุน  4  หลักการเมื่อมีออปชั่น หรือเล่นกลยุธ แล้วต้องบริหารพอร์ต  (เช่น คห 29 ทำ )  5  เมื่อมีปัญหา ต้องแก้ปัญหาเป็น           ปิดสถานะอันไหน           สำหรับออปชั่นถ้าปิดไม่ได้ การ เห็ด คือการหยุด สัญญานั้น(แต่ก็ไม่ใช่ เห็ดแท้อีก เพราะ การที่ บวกลบ ของสองข้างหรือทุกสัญญาไม่ตาม เซท 50ตลอดเวลานั้นเอง)            ดังนั้น ออปชั่จจึงต้องการ การรู้ทฤษฏี แล้วมาทดลองปฏิบัติจริงจากตลาดไทยเองก่อนจนท่านเข้าใจและประยุกต์ตัวเองเข้ากับตลาดได้แล้ว นั้นแหละท่านค่อยไปเล่นแบบท่าน สว กาน (เด็กลาดพร้าว ) จากคุณ : หมอสัจจะ เขียนเมื่อ : 22 ต.ค. 53 06:53:52

ความคิดเห็นที่ 35 โอ้ว ... กลยุทธขั้นสูง มึนเหมือนเดิม...อิอิ ................................ "มือใหม่อย่า S Option" ................................ จากคุณ : afood เขียนเมื่อ : 22 ต.ค. 53 07:31:08

ความคิดเห็นที่ 36 #31 ...ในนกรณีที่ยกมาข้างต้น หาก set50 ไปจบลงที่เกิน 700 เราจะได้กำไรทั้งหมดด้วย Maximum Gain (Max. Gain อยู่ที่ 700) [(700-687) +18] = 31 จุด... ถูกต้องเลย / ขอบคุณครับ --- ขอแก้ไข# 12 1+18, 2+18, 3+18, ...13+18 = 31 (Max) , 14+(18-1)=31 ,15+(18-2)=31,.... พอดีดู ตามรูป เลยหลงสี ไล่ลำดับเกิน 700 ไป เลย จากตาราง  ช่วง OFF SET   ต้อง ระบายสีแดง ตั้งแต่ 701 (14) เป็นต้นไปครับ จากคุณ : The Rounder เขียนเมื่อ : 22 ต.ค. 53 10:02:26

ความคิดเห็นที่ 37 short put น่าจะเป็น ทาง ออก ที่ดีนะครับ ได้ premium แถมยัง .. ไม่ต้องรับความเสี่ยง ในเรื่อง ของ future เพิ่ม เข้า มา อีก ..ไม่ต้องปวด หัวครับ โชคดีครับ จากคุณ : pheromotone เขียนเมื่อ : 22 ต.ค. 53 11:53:50

ความคิดเห็นที่ 38 ความคิดเห็นที่ 37 Long tfex แล้วตลาดลง tfex ก็เสียหาย  การไป short put มาอีก จะยิ่งเป็นการเพิ่มความเสี่ยงขึ้นมาอีก จากคุณ : เด็กลาดพร้าว (zombie99) เขียนเมื่อ : 22 ต.ค. 53 12:22:39

ความคิดเห็นที่ 39 ความคิดเห็นที่ 37 Long tfex แล้วตลาดลง tfex ก็เสียหาย  การไป short put มาอีก จะยิ่งเป็นการเพิ่มความเสี่ยงขึ้นมาอีก น่าจะเป็นว่า... Long Futures แล้วตลาดลง Futures ก็เสียหาย  การไป short put มาอีก จะยิ่งเป็นการเพิ่มความเสี่ยงขึ้นมาอีก --- เห็นด้วยครับ ควรต้องป้องกันความเสี่ยงด้วย... Long Put จากคุณ : The Rounder เขียนเมื่อ : 22 ต.ค. 53 12:34:42

ความคิดเห็นที่ 40 กระดานออปชั่น จุดทศนิยมหายไป            ผมแจ้งไปสองวันแล้ว กลต ยัง ไม่รู้เลยครับ ตรงบิด ออฟเฟอร์ จากคุณ : หมอสัจจะ เขียนเมื่อ : 22 ต.ค. 53 15:34:14

ความคิดเห็นที่ 41 ความคิดเห็นที่ 39 Long tfex แล้วตลาดลง tfex ก็เสียหาย  การไป short put มาอีก จะยิ่งเป็นการเพิ่มความเสี่ยงขึ้นมาอีก น่าจะเป็นว่า... Long Futures แล้วตลาดลง Futures ก็เสียหาย  การไป short put มาอีก จะยิ่งเป็นการเพิ่มความเสี่ยงขึ้นมาอีก --- เห็นด้วยครับ ควรต้องป้องกันความเสี่ยงด้วย... Long Put ======================= ก็ยังไม่ถุกอีกครับ เพราะ กรณีนี้ long put จะใช้เมื่อต้องการ Lock Profit ครับ เพราะมี Unlimit Loss แต่จะเสียค่านักเลง (พรีเมี่ยม) ครับ มันจึงไม่เหมาะที่จะใช้จะป้องกันครับ ถ้าจะป้องกันด้วยวิธีนี้ สู้ไป Hedge ด้วย Tfex หรือปิดไปเลยจะดีกว่าครับ สนใจแวะไปเยี่ยมบ้านผมก็ได้นะครับ  เพราะคืนนี้กำลังจะเขียนเรื่อง Theme ของ Option และการ Opening Option ด้วย Theme บางทีมครับ จากคุณ : เด็กลาดพร้าว (zombie99) เขียนเมื่อ : 22 ต.ค. 53 16:01:24

ความคิดเห็นที่ 42 ...ก็ยังไม่ถุกอีกครับ เพราะ กรณีนี้ long put จะใช้เมื่อต้องการ Lock Profit ครับ เพราะมี Unlimit Loss แต่จะเสียค่านักเลง (พรีเมี่ยม) ครับ มันจึงไม่เหมาะที่จะใช้จะป้องกันครับ.. ถ้าจะป้องกันด้วยวิธีนี้ สู้ไป Hedge ด้วย Tfex หรือปิดไปเลยจะดีกว่าครับ... --- ขอกราฟ เปรียบเทียบ ได้ไม๊ครับ เพราะ เข้าใจว่า Long Put ไม่ใช่ Lock Profit แน่นอนครับ Hedge ด้วย Futures ต่างหาก น่าจะ Lock Profit (หรือ อาจมีส่วนต่างจาก Spread Trading ได้ระดับหนึ่ง) ส่วน การปิดสถานะ ก็คือ รับรู้ กำไร / ขาดทุน หรือ ออกจากเกม ไปเลย ยังไง ช่วยชี้แนะด้วยครับ จากคุณ : The Rounder เขียนเมื่อ : 22 ต.ค. 53 17:21:35

ความคิดเห็นที่ 43 ความคิดเห็นที่ 42 ข้อเท็จจริงที่ให้มาคือ 1.  มีการ Long tfex 2. ตามข้อเสนอแนะของท่านให้ long put เพื่อแก้ปัญหา สมมตินะครับ long tfex มาราคา 680 ต่อมา ตลาดลง ทำตามคำแนะนำท่านคือ long put สมมติ long put 700 แล้วกัน ราคาให้สวย ๆ เลย 29.00 จะเห็นว่าทั้ง long tfex และ long put จะทำตัวเป็นปฎิปักษ์ต่อกัน คืข้างหนึ่งกำไร อีกข้างหนึ่งขาดทุน คราวนี้มาดู BE Long tfex จะะกำไรเมื่อ set50 เลย 680 ส่วน long put จะมีกำไรเมื่อ set50 ต่ำกว่า 700 - 29 = 671 จะเห็นว่าเราจะโดนรับประทานแน่ ๆ 9 จุด 680 -671 แต่ถ้าเราปิดด้วย tfex เราจะได้ราคาดีกว่า Hedge ด้วย long put ไงครับ เพราะ tfex ไม่มีพรีเมี่ยม เล่นกันตรง ๆ เลย ส่วนกรณี hedge ด้วย tfex ก็คงทำนองเดียวกัน แต่หาก set50 ไปโน่น 730 tfex กำไร 50 จุด ขณะที่ long put เสียแค่ค่าพรีเมี่ยมเท่าเดิม 29 คงกลายเป็นกำไร 21 จุด จะเห็นว่าถ้าเรา hedge เพราะเสียท่า tfex long put มันจะไปขวางทางกำไรของ tfex เวลามันกลับทางมา ========================= มาดูกรณี long put Lock Profit บ้าง long tfex มา 680 ต่อมา set50 วิ่งไป 700 เราต้องการ Lock กำไร tfex แต่ก็กลัวว่ามันจะขึ้นไปอีก เราเลย long put สมมติ long put700 ราคา 15 ต่อมา set50 ลงไปที่ 690 เราจะกำไร tfex 10 ขาดทุน longput 700 = 5 รวมกำไร 5 ต่อมา tfex ลงไป 670 เราขาดทุน tfex 10 แต่ได้กำไร long put = 30 - 15 = 15 กำไรสุทธิ = 5 ตลอดทางลง สมมคิกลับกัน set50 วิ่งไป 700 กำไร tfex 20 ขาดทุนพรีเมี่ยม long put 700 = ค่าพรีเมี่ยมคือ 5 รวมกำไร 15 ต่อมา set50 วิ่งไป 750 กำไร tfex 70 ขาดทุน long put 700 เท่าเดิม 15 คงกำไร 55 ++++++++++++ นี่คือเหตุผลว่า long put ถ้าจะนำมาใช้ควรใช้เพื่อล็อกกำไร แถมขั้นสูงขึ้นไปอีก ถ้ากรณีนี้เราเพิ่ม short call ไปอีกด้วย เช่น short call 720 สมมติ ได้พรีเมี่ยมมา = 10 Long put700 (15)+ short call 720 (10) จะ = short tfex  695 ทันที ซึ่งจะบล๊อกกำไรอีกแบบหนึ่ง ต่อขั้นสูงให้อีก 1 ขั้นอีก จะเห็นว่ากรณีหลังแม้จะเปรียบเป็น short tfex 695 แต่เราได้ Spread Before loss อีก 20 จุด นั่นคือเราจะเสีย long put เมื่อ set50 มันมาอยู่ที่ 700 แต่เราจะเสียตัว short call ที่ 720 มี delay ให้เตรียมตัวทำ Strategy ใหม่อีกระยะหนึ่งอีก Lock Profit ด้วย long put จะดีตรงมันมี Limit Loss ทำให้มีกำไรเพิ่่มหาก set50 วิ่งไปอีก แต่ข้อเสียคือต้องจ่ายค่านักเลง (พรีเมี่ยม) Lock Profit ด้วย tfex จะดีตรงไม่มีค่าพรีเมี่ยม แต่ข้อเสียคือ ไม่อาจได้ส่วนเพิ่มกรณีมันขึ้นไปอีก Lock Profit ด้วย longput + short call otm เลยตรง long put จะเหมือน Lock ด้วย Tfex แต่มีส่วนให้ Gain เพิ่มคือ ระยะห่างระหว่าง Strike Price ของจุด Long put กับ Short call การเล่นระดับขั้นสูง เค้าจึงไม่นิยมปิด tfex ทิ้ง การเล่น tfex + Option เปรียบเหมือนการทำธุรกิจ จึงไม่จำเป็นต้อง Realized P/L ในทันที หวังว่าคงจะตอบคำถามได้นะครับ แก้ไขเมื่อ 22 ต.ค. 53 18:02:55 แก้ไขเมื่อ 22 ต.ค. 53 18:00:23 แก้ไขเมื่อ 22 ต.ค. 53 17:53:55 จากคุณ : เด็กลาดพร้าว (zombie99) เขียนเมื่อ : 22 ต.ค. 53 17:53:14

ความคิดเห็นที่ 44 ...สมมตินะครับ long tfex มาราคา 680 ต่อมา ตลาดลง ทำตามคำแนะนำท่านคือ long put สมมติ long put 700 แล้วกัน ราคาให้สวย ๆ เลย 29.00 จะเห็นว่าทั้ง long tfex และ long put จะทำตัวเป็นปฎิปักษ์ต่อกัน คืข้างหนึ่งกำไร อีกข้างหนึ่งขาดทุน /// กรณีนี้ เราไม่รู้ว่า ดัชนีจะลงไปแค่ไหน ดังนั้น การLong Put เท่ากับ Limit Loss  หรือ เพื่อป้องกันความเสี่ยง ก็สอดคล้องกับที่เราตั้งประเด็นไว้ มิใช่หรือครับ  /// --- คราวนี้มาดู BE Long tfex จะะกำไรเมื่อ set50 เลย 680 ส่วน long put จะมีกำไรเมื่อ set50 ต่ำกว่า 700 - 29 = 671 จะเห็นว่าเราจะโดนรับประทานแน่ ๆ 9 จุด 680 -671 แต่ถ้าเราปิดด้วย tfex เราจะได้ราคาดีกว่า Hedge ด้วย long put ไงครับ เพราะ tfex ไม่มีพรีเมี่ยม เล่นกันตรง ๆ เลย /// การได้ราคาดีกว่า ของ Futures ต่อ  Option ไม่ใช่ประเด็นนี่ครับ เพราะ ถ้านำประเด็นนี้ มาเป็นเหตุผล ก็ไม่มีช่องว่างให้ Option มีที่ใช้นะครับ เพราะ ราคา Futures ย่อมดีกว่าเสมอ  /// --- ส่วนกรณี hedge ด้วย tfex ก็คงทำนองเดียวกัน แต่หาก set50 ไปโน่น 730 tfex กำไร 50 จุด ขณะที่ long put เสียแค่ค่าพรีเมี่ยมเท่าเดิม 29 คงกลายเป็นกำไร 21 จุด จะเห็นว่าถ้าเรา hedge เพราะเสียท่า tfex long put มันจะไปขวางทางกำไรของ tfex เวลามันกลับทางมา ///   การ Long Put ขวางกำไรก็จริง แต่แค่ช่วงเดียว โดยเรายอมแลกมา ให้ได้ซึ่ง Limit Loss ในขาลง เพื่อป้องกันความเสี่ยง ถ้านำประเด็นนี้ มาแย้งว่าเป็นการขวางกำไร (ช่วงหนึ่ง) แล้วการ Hedge ไว้ หรือ ปิดสถานะไปก่อน ไม่ยิ่งกว่าหรือครับ เพราะเป็น การปิดโอกาส ในการทำกำไรไปเลย ไม่ว่า ดัชนีกลับทาง แล้ววิ่งไปยาวแค่ไหนก็ตาม /// จากคุณ : The Rounder เขียนเมื่อ : 22 ต.ค. 53 23:09:20

ความคิดเห็นที่ 45 มาดูกรณี long put Lock Profit บ้าง long tfex มา 680 ต่อมา set50 วิ่งไป 700 เราต้องการ Lock กำไร tfex แต่ก็กลัวว่ามันจะขึ้นไปอีก เราเลย long put สมมติ long put700 ราคา 15 // ตรงนี้ ขอแย้ง ด้วยเหตุผล เรื่องราคา Futures ที่ดีกว่า (ที่ท่านใช้ การอธิบาย ท่อนแรก) ท่านทำไม ไม่Hedge Futures ที่ 700 หรือ ปิดสถานะ เก็บกำไร 20 ขึ้นมาเลยล่ะครับ เป็นการ Lock Profit ที่สูงกว่า ด้วย เหตุผลที่ว่า ราคา Futures ดีกว่า ไม่ใช่หรือครับ --- ต่อมา set50 ลงไปที่ 690 เราจะกำไร tfex 10 ขาดทุน longput 700 = 5 รวมกำไร 5 ต่อมา tfex ลงไป 670 เราขาดทุน tfex 10 แต่ได้กำไร long put = 30 - 15 = 15 กำไรสุทธิ = 5 ตลอดทางลง /// ตรงนี้ ถ้า Hedge ด้วย Futures หรือ ปิดสถานะ ก็ล็อกกำไร ไว้ที่ 20 ตลอดทางลง เลยนะครับ ไม่ดีกว่า หรือครับ /// --- สมมคิกลับกัน set50 วิ่งไป 700 กำไร tfex 20 ขาดทุนพรีเมี่ยม long put 700 = ค่าพรีเมี่ยมคือ 5 >> คงใส่เลขผิด ต้องเป็น 15 รวมกำไร 15 >> อันนี้ ก็ต้องเป็น 5 /// ตรงนี้ ก็เป็นการขวางกำไร มิใช่หรือ ถ้าไม่ Long put ก็กำไร 20 ไปแล้ว /// --- ต่อมา set50 วิ่งไป 750 กำไร tfex 70 ขาดทุน long put 700 เท่าเดิม 15 คงกำไร 55 /// นี่ก็เช่นกัน ไม่เป็นการ เอา Long put ที่มี Premium 15 มาขวางกำไร หรอกหรือ มิเช่นน้้น ก็จะได้กำไร เป็น 70 ไปแล้ว --- การอธิบาย ท่อนที่ 1 กับ ท่อนที่ 2 เป็นการ ใช้ตรรกะ แบบ ขัดแย้ง กันเอง หรือเปล่าครับ เพราะ ถ้าวาดกราฟออกมา สองกรณี ด้านบน ก็คงเป็น ภาพเดียวกัน ต่างกันแค่ว่า จะทำการ Long Put ณ ตำแหน่งไหน หลังจากเปิด สถานะ Futures ไปแล้ว เท่านั้นเอง นี่ครับ  /// จากคุณ : The Rounder เขียนเมื่อ : 22 ต.ค. 53 23:42:34

ความคิดเห็นที่ 46 ท่อนสุดท้าย ก็คือ บทสรุป ของ ท่อนที่ 1 กับ 2 นั่นเอง เพียงแต่ว่า เราจะเลือก ใช้ Futures หรือ Options มาใช้ในการวาง กลยุทธ์ เนื่องจาก สองเครือ่งมือนี้ มีพื้นฐานต่างกัน ผลลัพธ์ ย่อมไม่เหมือนกัน อันนี้ คิดว่า เข้าใจตรงกัน ครับ --- ส่วนอื่นๆ ที่แนะนำมาเพิ่มเติม ก็ ขอขอบคุณ มากครับ จากคุณ : The Rounder เขียนเมื่อ : 22 ต.ค. 53 23:54:21

ความคิดเห็นที่ 47 โหวตไปเลยครับ กระทู้แบบนี้     เด็กลาดพร้าว เล่นมาแฉหมดเปลือกแบบนี้            ออปชั่นมันสนุกตรงนี้แหละ  การเดินเกมส์ แบบหมากรุก มีเดินเบี้ยเสริมด้วย โคนและเม็ดตามไป คุ้มกันด้วยม้า พาขุนไปบุก ขนาบด้วยเรือ           นั่นของจริงที่ต้องเป็นกระดานจริง มีจังหวะจะโคน มีโอกาส มีทิศทางตลาดเสริม มีวอลุม  มีคนเล่น เป็นฝรั่ง หรือ สถาบันซื้อเยอะๆๆ จึงจะมีทิศทางการทุบการลากที่แน่นอนไม่ง่วง          ร่วมกับการเดินเพื่อบริหารพอร์ต หรือจะปิดจบ หรือจะปิดไม่ได้ก็ล๊อค               จะด้วยเหตผลไหน ความชำนาญแบบไหน หัวจะไวกินส่วนต่าง         ยืมเงินเพื่อนเอามาเล่นต่อยอด                  นี่แหละครับ ออปชั่น แบบแอดว้านซ์        ซึ่งนอกจากหัวดีมีสมองมีประสบการณ์แล้วยังต้องมีทุน พอสำหรับการเล่นพอร์ตยิ่งโป่ง สัญญายิ่งเยอะ ต้องเข้าใจเรื่องมาร์จิ้นดีพอด้วย           และตลาดต้องโตขึ้นกว่านี้อีก เมื่อนั้น เราคงได้เจอ กลยุทธ อีกมากมาย  ที่คนเก่งๆๆเขายังไม่ได้มาลงเล่น            และกองทุนหรือสถาบัน หรือฝรั่งที่เขาต้องใช้ออปชั่นเข้าไป ผนวกในระบบเทรด ของเขา ด้วย เพื่อการลดความเสี่ยงของพอร์ตเขา            รอดูครับวันนั้นจะมาเมื่อไรพวกเรานี่แหละพวก รุ่นบุกเบิก ออปชั่นไทย จากคุณ : หมอสัจจะ เขียนเมื่อ : 24 ต.ค. 53 08:03:45

ความคิดเห็นที่ 48 # คห 37 เรียนแบบนี้ คับ พี่ .. คือ ผมจะเรียนว่า.. ไม่ต้อง ทำ covered call หรอกครับ. short put ไป เลย ทีเดียว จบ เพราะยังงัย payoff หน้าตามันเหมือนกัน อยู่ แล้ว.. การทำ covered call มัน เสี่ยง ทั้งด้าน future ที่มี volatility สูง สวิงเหวี่ยงสูง และ ความเสี่ยงที่สอง คือ liquidity  หรือ สภาพคล่องของ option เอง .. เราไม่รู้หรอกครับ... ว่า SET เปิดมา พรุ่งนี้ จะ โดด ขึ้น หรือว่าจะลง หรือ ว่าจะ sideway ไม่มีใครรู้หรอกครับ .. ไม่มี หรอก มันเป็น แค่การเดา โดยใช้ ปัจจัยต่างๆ เท่านั้น เอง .. ถ้ามีใครรู้ คงรวยมาก ไปล่ะครับ แล้ว คนคนนั้น เค้าไม่มาบอก พวกเราหรอก ที่ ผม ตอบไป ไม่ได้บอก short put เพิ่ม.. ใน covered call ไม่เลย นะครับ คือ เมื่อเห็น payoff มันเหมือนกัน เราจะ เสี่ยงความความเสี่ยงที่เราไม่ได้ควบคุมไปทำไม ? ---------------------------------------------------------------------------------- ดีใจครับ ที่ได้เห็น นักลงทุน มีความเข้าใจ และ สนใจใน ตราสารอนุพันธ์ ที่ดีขึ้น ไม่มีกะรทู้ แบบนี้ ตลาดคงไปไหน ได้ไม่ง่าย ตลาดที่ดี และมีประสิทธิภาพ ควรจะเริ่มจากการให้ความรู้กับนักลงทุนรายย่อย ซึ่งเป็นคนหมู่มากในตลาด ดีครับ มาโต้แย้งกันด้วยเหตุผล .. คิดต่างได้ครับ แต่ล่ะมี เครื่องมือ ใช้สอย มีเงิน money management ไม่เหมือนกัน .. Result และ กลยุทธ์ จึงมีความหลากหลาย.. โชคดีครับ.. จากคุณ : pheromotone เขียนเมื่อ : 25 ต.ค. 53 00:02:23