|
จบแล้วครับ สนุกดี ^^" สรุปเล่นๆ(ผิดถูกช่วยกันแก้ไขด้วยก็ได้นะครับอาจจะไม่ละเอียด)
แขกรับเชิญ คุณองอาจ ดำรงสกุลวงษ์ (พิธีกรแซวว่า คิมแตจุง ) CEO ของ IHL
ธุรกิจเป็นธุรกิจเกี่ยวกับการฟอกหนัง โดยที่ทำมาสามรุ่นแล้ว (ปู่ , พ่อ และก็มาถึงคุณองอาจ) โดยเริ่มจากเมื่อก่อนทำพวกหนังรองเท้า กับเฟอร์นิเจอร์ แต่ก่อนทำอยู่แถวคลองเตย แต่โดนย้ายที่ไปทำที่บางปูต่อ *เหตุผลที่เปลี่ยนมาทำเพียงหนังสำหรับอุตสาหกรรมรถยนต์อย่างเดียวคือ Margin สูง และเป็นงานที่ถนัดที่สุด(ทำได้ดีที่สุด)
วัตถุดิบคือ หนังวัว/ควาย โดยสัดส่วนใช้หนังในไทยต่อนำ้เข้าจากต่างประเทศประมาณ 20 ต่อ 80 โดยที่คุณภาพของหนังใน/นอกประเทศไม่เป็นประเด็นต่อลูกค้า แต่จะวัดมาตราฐานหลังนำมาฟอกแล้วเท่านั้นว่าผ่านได้มาตราฐานหรือไม่ -เบาะหนังสำหรับรถ1ชุด จะใช้วัว/ควายประมาณ 2.5ตัว TT^TT(สงสารน้องวัวน้องควาย) -นำเข้าเบาะจากหลายประเทศเช่น จีน,อินเดีย,อเมริกา(โดยยึดอเมริกาเป็นมาตราฐาน) โดยที่ราคาหนังจะไม่ค่อยเปลี่ยนแปลงเท่าไหร่(เป็น seasonal) ตาม demand,supply ของแต่ละพื้นที่(เช่นช่วงกินเจ จะไม่ค่อยมีการฆ่าสัตว์-->หนังแพง) -ซื้อหนังจากนอกประเทศเป็น ดอลลาร์ ขายหนังเป็น บาท!! -ความหนาของหนังที่ใช้จะประมาณ 1.1-1.2 mm
ผลัตภัณฑ์คือ หนังฟอกที่พวงมาลัยรถ , แผ่นเบาะหนังฟอก(ที่ตัดตามรูปแบบเรียบร้อยแล้ว) เพื่อส่งโรงงานอื่นให้เอาไปเย็บเป็นเบาะเท่านั้น(IHLไม่ได้เย็บเอง ทำแค่ส่งให้เฉยๆ) *ทำหนังส่งมอบให้อุตสาหกรรมรถยนต์อย่างเดียว อย่างอื่นไม่ทำ
โรงงานมีทั้งสิ้น 7 โรงงาน(เดินทั่วถึงกันได้ภายในเวลา15นาที)ที่บางปูโดยที่แต่ละโรงงานจะทำงานคนละอย่างกัน โรงหนึ่งฟอก อีกโรงตัด อีกโรงตาก...บลาๆๆ(โดยที่โรง 1 และโรง 6 ทำหน้าที่ฟอกเหมือนกัน) การทำงานในโรงงาน จะแบ่งเวลาทำงานแต่ละช่วงให้กับลูกค้าแต่ละราย/model เช่น จะทำช่วง 8-9 โมงให้กับ TOYOTA จะทำช่วง 9-10 โมงให้กับ HONDA
การประมูลงาน ... จะต้องแข่งกันประมูลงานกับเจ้าอื่น โดยหากทาง IHL ได้งาน model หนึ่งๆมาแล้ว จะได้รับสิทธิ์คอยส่งมอบหนังให้ตลอดจนสิ้นอายุของ model รถรุ่นนั้นๆ ราคาจะโดนต่อรองขอลดไปเรื่อยๆทุกปีระหว่างช่วง model นั้นๆ(เป็นเรื่องปกติ) แต่จะเริ่มกันใหม่เมื่อมี model ใหม่เข้ามา(รับกำไรเต็มเหนี่ยวอีกครั้ง)
ลูกค้าหลักๆคือ ..TOYOTA , HONDA , NISSAN , MITSUBISHI , MAZDA ,IZUZU , FORD , GM แนวโน้มกำไรครึ่งปีหลัง...พอๆกับครึ่งปีแรก.. -โดยมีข้อสังเกตุเพิ่มเติมที่จำนวนรถในมือที่มากขึ้น(ส่งมอบหนังได้เยอะ) -ราคาหนังที่ถูกลง(ช่วงหนังถูก)... ซูมิตูโม่จะเป็นคนจัดหาแหล่งหนังให้ IHL -และค่าเงินบาทที่แข็งขึ้น(ยิ่งซื้อหนังได้ถูกลงอีก)
คุณองอาจบอกว่า ธุรกิจหนังยังเป็น micro trend ในไทย ทุกวันนี้ไทยใช้เบาะหนังเพียง 15% (ยังมีเบาะหนังน้อยมากเมื่อเทียบกับประเทศอื่น..จำไม่ได้ว่าเทียบกับที่ไหน..น่าจะเป็นสิงคโปร์) Trend เบาะหนัง...ทุกวันนี้ค่ายรถยี่ห้อต่างๆ ต่างเริ่มใช้เบาะหนังในรถรุ่นเล็กๆลงมาเรื่อยๆแล้ว(เมื่อก่อนจะมีแต่ในระดับรถแพงๆ) สำหรับรถกระบะแต่ก่อนแทบไม่มีเบาะหนังเลย(มีเป็นสัดส่วนน้อยมาก) แต่ก็กำลังเริ่มมีเบาะหนังในกระบะแล้ว
ข้อสังเกตุ : เบาะรถแพงกว่า(แน่นอนว่ากำไรดีกว่า)เบาะเฟอร์นิเจอร์เพราะว่าต้องคุณภาพดีและคงทนกว่าเบาะเฟอร์นิเจอร์มากนัก จึงต้องใช้มาตราฐานการผลิตที่แตกต่างกัน (เพราะเบาะรถต้องตากแดด ตากลม โดนความร้อนเมื่อจอดกลางแดด)
คุณองอาจ ไม่ได้กังวลหรือสนใจในเรื่องของราคาหุ้นโดยให้ข้อสังเกตุไว้ว่า "ถ้าโรงงานเราทำกำไรได้ดี ได้ราคาดี ประสิทธิภาพดี ผลประกอบการและารคาหุ้นก็จะสะท้อนออกมาได้ดีเอง"
ปล.ไม่ขอพูดเรื่องราคาหุ้นและอัตตราส่วนต่างๆเพิ่มเติมในนี้นะครับ(แอบฟังไม่ทัน หาเอาเองนะ)
จากคุณ |
:
มิ่งกลิ้ง
|
เขียนเมื่อ |
:
24 ต.ค. 53 23:37:45
|
|
|
|
|