ความคิดเห็นที่ 1 เอาอันดีสุดไว้ก่อน จากคุณ : ชายผู้ไร้ซึ่งความรัก เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 53 07:28:24

ความคิดเห็นที่ 2 จะโหวตควรรู้ว่ามันคืออะไรด้วย เลยขอเอาอันนี้มาลงเพราะอ่านเข้าใจง่ายดี QE2 กำลังจะมา ก่อนจะพูดเรื่อง โอกาสทอง(จริงๆ) ขอตัดไปพูดเรื่อง QE2 กันก่อน เพราะกลัวเชยครับ เพื่อนๆนักลงทุนหากติดตามข่าวสาร เรื่องการลงทุนตอนนี้ จะได้ยินแต่คนพูดถึง QE2 QE2 ของธนาคารกลางสหรัฐกันทั้งวัน ไม่พูดถึง ไม่รู้เรื่อง ไม่ได้ครับเดี๋ยวตกเทรนด์   QE. คือ Quatitative easing   แปลเป็นไทยได้ว่า "นโยบายผ่อนคลายเชิงปริมาณ" ฟัง แล้วมึนกว่าเดิม ผมขอแปลไทยเป็นไทยในความหมายของผมเองว่า นี่คือ "นโยบายพิมพ์เงินปริมาณมหาศาลออกจากอากาศ เพื่อ อัดฉีดเข้ากระตุ้นระบบศก." QE2 จึงแปลว่า "นโยบายพิมพ์เงินปริมาณมหาศาลออกจากอากาศ เพื่อ อัดฉีดเข้ากระตุ้นระบบศก.ภาค2" นั่นเอง ภาค1 ผ่านมาแล้วตอน 2008 ครับ จูนก่อนครับข้อเท็จจริง (Fact) (เผื่อว่าคุณยังไม่รู้ หรือ รู้มาบ้างแต่ยังไม่เคลียร์) ประเทศ สหรัฐอเมริกา เป็นประเทศที่มีสิทธิ์พิเศษกว่าชาติใดๆในโลก เพราะ เค้าสามารถ พิมพ์เงินออกจากอากาศ (Out of thin air)ได้ตามใจชอบ นี่คือ Fact ดอลล่า ห์ คือ เงินสกุลหลักของโลก "World reserved currency" นั่นทำให้ประเทศสหรัฐอเมริกาได้สิทธิ์พิเศษอันนี้ เงินทุกสกุลจะรู้ว่าแข็งค่าหรืออ่อนค่า ต้องเอาไปเทียบกับดอลล่าห์ เพื่อให้ได้สิ่งที่เรียกว่า "อัตราแลกเปลี่ยน" สิ่งนี้คือตัวบอกความแข็งหรืออ่อน เพิ่มค่าหรือลดค่าของเงินทุกสกุล นี่คือ Fact ที่นี้ไม่ว่าคุณจะได้ยินคำพูดสวยหรู ขนาดไหน Quatitative easing, Stimulus package, Bail out ETC มาตราการทุกอย่างที่ประดิษฐ์ประดอยคำพูดกันขึ้นมาให้สวยหรู ขอให้เข้าใจไว้เลยว่า หลักสำคัญคือ "นโยบายพิมพ์เงินปริมาณมหาศาลออกจากอากาศ เพื่อ อัดฉีดเข้ากระตุ้นระบบศก." เหตุผลก็เพราะ ธนาคารกลางของทุกประเทศ มี อาวุธคู่กายแค่สองอย่าง 1 อัตราดอกเบี้ย 2 พิมพ์เงิน อัตราดอกเบี้ยของเมกานั้น ลดต่ำสุดหมอบติดพื้นไปแล้วที่ระดับ 0-0.25% เพราะฉะนั้น เหลือทางเลือกเดียว คือ พิมพ์เงิน ! ขอพูดอย่างไม่เกรงใจว่า คุณและผม หรือ แม้แต่เด็กประถม ในตอนนี้ก็สามารถเป็นที่ปรึกษาทางศก ให้ประธานธิบดีโอบาม่าได้ เพราะ ไม่ว่า เมกาจะมีปัญหาเรื่องใด เมื่อ โอบาม่า มาปรึกษาคุณก็แค่บอกว่า "พิมพ์เงิน" ปัญหาการว่างงาน 9.5% ----> พิมพ์เงิน   ปัญหาเศรษฐกิจตกต่ำ เงินฝืด -----> พิมพ์เงิน   ปัญหา สวัสดิการผู้สูงอายุ และ สวัสดิการรักษาพยาบาล -----> พิมพ์เงิน   เพราะที่ผ่านมา เค้าแก้ไขปัญหาด้วยวิธีนี้วิธีเดียวครับ เพียงแต่ปรับเปลี่ยนรูปแบบ พลิกแพลงไปมาเล็กน้อย นิดหน่อย... (หาก คุณกำลัง งง และ สงสัยว่า จะบ้าเหรอ อะไรมันจะพิมพ์กันได้ง่ายขนาดนี้ รบกวนย้อนกลับไปจูนข้อเท็จจริงข้างต้นใหม่ก่อนอ่านต่อนะครับ) มีแม้แต่ คูปองอาหาร เช็คชดเชยการว่างงาน 99 สัปดาห์รวด ยันถึง จ่ายเช็คไปยังทุกบ้าน (แล้วเรียกมันว่า TAX refund) ก็เคยทำมาแล้ว คำถามคือทำไม ต้องทำกันขนาดนี้ ?? คำตอบคือ ศก.เมกา กำลังจะล่มสลายครับ (หากดีๆ ก็คงไม่ต้องกระตุ้นและอัดฉีดเอาเป็นเอาตายแน่นอนครับ) อะไรทำให้ประเทศมหาอำนาจ อย่างเมกาตกอยู่ในสภาพเช่นนี้ .... ตามมาเลยครับ ผมขอ แฉ ! ไม่มีใครอยากเป็น "จิ๋ว" เหตุการณ์ นี้ผมขอตั้งชื่อเรื่องว่าไม่มีใครอยากเป็น "จิ๋ว" คงจำกันได้นะครับเราเคยมีผู้นำประเทศคนนึงนักข่าวชอบเรียกว่า "จิ๋ว" เดี๋ยวนี้ เปลี่ยนsizeเป็น "พ่อใหญ่" แล้วครับ   ตอนเกิดวิกฤต ต้มยำกุ้งฟองสบู่แตกปี 2540 มีแต่คนโทษ "จิ๋ว" เพราะมันดันเกิดขึ้นในสมัยที่ "จิ๋ว" เป็น นายก !!! แค่นั้นเองครับ คนเราคิดได้แค่นั้น....   ความจริงแล้ว เหตุการณ์มันเกิดตั้งแต่ "สมัยชาติชาย" ครับ เมื่อฟองสบู่มันพอง มันต้องตามด้วยการแตก !! นี่คือธรรมชาติของฟองสบู่ !! ยกตัวอย่างหลักการทำงานของฟองสบู่ง่ายๆให้ฟังนะครับ เรา เปิดร้านขายข้าวแกง ก็ขายไปวันๆ จู่ๆวันนึงเกิดมีงานคอนเสริต์มาจัดแสดงใกล้ๆร้านข้าวแกงของเรา เท่านั้นแหละครับ กระหึ่มเลยครับ ข้าวแกงไม่พอขาย แต่เราไม่เข้าใจว่า มันคืองานคอนเสิร์ตชั่วคราว เรากลับขยายร้านสั่งโต๊ะเก้าอี้เพิ่ม 3 เท่า จ้างคนงานเพิ่ม 3 เท่า ซื้อวัตุดิบทำข้าวแกงเพิ่ม 3 เท่า แล้วก็พบว่า มันขายหมดทุกวัน เราดีใจ เราลงทุนเพิ่ม แบบนี้คือ "Bad Investment" ฟองสบู่มันเกิด เราคิดว่าศก ดี ... สุดท้ายพอ คอนเสริต์หมดรอบการแสดง ปิดตัวย้ายไปแสดงที่อื่น โพ๊ละ ... ตามมาด้วยการตกงานของลูกจ้าง ยอดขายที่ลดฮวบ ความเศร้าเกิดขึ้น แต่ มันคือ สิ่งที่ดีและถูกต้องครับ นี่คือกลไกตลาด ที่ทำหน้าที่กวาด Bad investment ออกจากระบบให้เหลือไว้แต่ Good investment เพื่อความเข้มแข็งของระบบ ศก. โดยรวม.สิ่งนี้คือ ธรรมชาติของฟองสบู่และกลไกตลาดแต่ รบ.เมกากลับเข้าขวางและแทรกแซงอย่างถึงที่สุด !! บินกลับข้ามไปยังฝั่งอเมริกาครับ สมัย บิล คลินตัน มี Dot.com Bubble เกิดขึ้นครับ ฟองสบู่ยุคดอทคอม ธุรกิจใหม่เอี่ยมถอดด้าม เฟื่องฟูมากกกแม้แต่นักศึกษาจบใหม่ก็ไฟแรงจัดตั้งบริษัทออนไลน์ ทุกอย่างดูสวยงามสดใสไปหมด แต่มันคือฟองสบู่และภาพลวงตาทั้งนั้น สุดท้ายควรจบลงด้วยฟองสบู่แตก พอ จอช บุช จูเนียร์ ขึ้นมา เค้าไม่อยากเป็น "จิ๋ว" ครับ สมัยก่อนหน้าเค้ายุคบิล ศกเฟื่องฟู อยู่ดีกินดี พอเค้าขึ้นมา ศก จะหดได้ยังไง? จอช บุช ไม่ยอมครับ การอัดฉีดเงินเข้าระบบเริ่มจากตอนนั้น เหมือนไม่ยอมให้ฟองสบู่ต้องแตกแต่อัดลมเข้าไปแทนที่ พยุงเอาไว้ มาตราการธนาคารกลางตอนนั้นคือ อัตราดอกเบี้ย ถูกหั่นเหลือ 1% และยังมีการอัดฉีดสภาพคล่องมากมาย พอก ล้อม แกล้มไปได้ครับ แต่กลายเป็นว่าการกระทำที่ขี้ขลาดไม่ยอมรับความจริง แบบนี้ก่อให้เกิด ฟองสบู่ลูกใหญ่กว่าเดิมที่ตลาด อสังหาริมทรัพย์ ศกบ้านและที่ดินคอนโดเฟื่องฟู เหมือนเดิมครับ.............. พอ โอบาม่า ขึ้นมา ฟองสบู่ อสังหาริมทรัพย์ ควรแตกไปเมื่อปี 2008 แฮมเบอร์เกอร์ไครซิส แต่โอบาม่า เหมือนเดิมเค้าไม่อยากเป็น "จิ๋ว" ครับ ก่อนหน้านั้น ศกดีทำไมมาถึงสมัยเค้า ต้องแย่ด้วย สิ่งที่โอบาม่าทำ ไม่ได้มีอะไรใหม่ ไม่ได้ Change อย่างสโลแกน ตอนหาเสียงเลยครับ เค้าหันไปมองดอกเบี้ยมันเหลือ 1% จะเหลือไว้ทำไม นาทีนี้แล้ว หั่นเหลือ 0% ไปเลยครับ!!! พร้อมกับอัดฉีดเหมือนเดิมตามสูตร .... วิกฤต แฮมเบอร์เกอร์ที่เราเห็นว่าเลวร้ายส่งผลกระทบไปทั่วโลกนั้น มันยังไม่ได้แสดงอำนาจการทำลายเต็มศักยภาพนะครับ เพราะการเข้าขวางของอเมริกา.. ไม่ว่าเจ้าของร้านข้าวแกง หรือ ระดับประธานธิบดี หากไม่เข้าใจ พฐ ทางเศรษฐกิจหรือไม่ยอมรับความจริง พยายามจะเลือกหาทางออกอย่างสวยหรูที่สุด เพื่อรักษาไว้เพื่อคะแนนเสียงแล้วล่ะก็ .... สุดท้าย อเมริกาจบไม่สวยแน่ครับ ลองนึกภาพความเลวร้ายจากอัตราดอกเบี้ยเรี่ยติดดิน 1% ก่อให้เกิดวิกฤตแฮมเบอร์เกอร์ ลองคิดดู ว่า อัตราดอกเบี้ยตอนนี้ 0% และเตรียมจะอัด QE2 อีก ความโหดร้ายในวิกฤตรอบใหม่ที่กำลังจะมาจะขนาดไหน ??   Dot.com Bubble ---> Subprime Crisis (Hamberger)----> ป้ายหน้า Currency crisis ครับ ในรายละเอียดไว้ว่ากันต่อในคราวต่อๆไปนะครับ เดี๋ยวจะยาวเกินไป ย้อนกลับมาประเด็น QE2 และทองคำตอนนี้ตลาดกำลังเกิดข่าวลือ และ ความสงสัยอย่างมากว่า 1.จะอัด QE2 หรือเปล่า? 2.จะอัด QE2 น้อยกว่าที่คาดหรือเปล่า ? 3.จะอัด QE2 เท่าไหร่? ผมเชื่อเหลือเกินครับ ว่า อัด ! (จากผลโพลที่สำรวจมา คณะกรรมการ 16 คน โหวตอัด 12 คน ไม่อัด 3 ยังไม่ตัดสินใจ 1 นอนมาอยู่แล้วครับ) อัดฉีด ต้องมากด้วยครับเท่าไหร่ ตัวเลขในใจผมคือ 1-5 Trillion (เงิน 1 Trillion อยากรู้ว่ามากขนาดไหน You Tube ดูนะครับ) ทีนี้... เค้าอาจจะตุกติกประเด็นนี้ครับ เงื่อนไข วันที่ 3 พย. เค้าอาจจะเลื่อน ให้ตลาดตกใจเทขายสินทรัพย์ออกมา เพราะผิดหวัง แต่มันสำคัญด้วยหรือ ?? หาก เค้าไม่อัดวันที่ 3 พย เค้าเลื่อนไปอัดเดือนหน้า ปีหน้า ยังไงเค้าก็อัด อย่าให้วันที่มามีอิทธิพล ต่อการลงทุนของเรา อารมณ์ของตลาดหวั่นไหวขึ้นลงได้ครับ แต่ปัจจัยพื้นฐานยังแกร่ง คนลงทุนทองคำด้วยปัจจัยพื้นฐาน ผมแนะนำกอดทองไว้แน่นๆ ครับอย่าขายเพราะต่อให้ไม่มี QE2 เพิ่ทซักเซนต์เดียว ราคาที่ระดับ 1340$ นี่ก็ยังถือว่าถูกมากครับหากเทียบกับมูลค่าที่แท้จริงของทองคำ อัดน้อยกว่าที่คาดหรือทยอยอัด.... ตลาดก็ผิดหวังอีกเทขายสินทรัพย์เสี่ยง ให้ใช้โอกาสประเภทนี้หากมา ทยอยซื้อสะสมทองคำ หากอัดฉีดเกินคาด ทองคำทะยานฟ้า แน่นอนครับ 1400-1500$/oz ผม เชื่อเหลือเกินครับว่า QE2 จะมาและมาเยอะด้วย จะทยอยมาหรือมาทีเดียวก็ต้องมา เค้าไม่มีทางเลือกครับ จะยอมให้ ศกเมกาพังไปต่อหน้าต่อตาเดี๋ยวนี้ (นั่นคือไม่ออก QE2 ซึ่งเป็นทางเลือกที่ถูกต้อง แต่ รบเมกากี่สมัยๆ ไม่เคยเลือกทางนี้เลย น่าเศร้าใจครับ กลับเลือกที่จะเข้าแทรกแซงกลไกตลาด เป็นการ เลื่อนปัญหาออกไปให้พ้นสมัยตัวเองเพื่อไปเจอปัญหาที่หนักกว่านี้แต่อยู่ใน วาระสมัยของ รบ อื่น !!) ศก เมกาตอนนี้เหมือนคนติดเฮโรอีนครับ ทางออกที่ดีที่สุดคือต้องบำบัดที่ถ้ำกระบอก ต้องอาเจียน ต้องทุกข์ทรมาน แต่ผลสุดท้าย สุขภาพที่ดีจะกลับมาได้ แต่ ธนาคารกลางและ รบ.เมกากลับเลือกไม่ยอมทุกข์ทรมาน แต่กำลังจะฉีดยาเข้าเส้น เพิ่มมากขึ้นๆ ทุกๆครั้ง เพื่อให้รู้สึกสบาย แต่สุดท้ายเมื่อถึงวันที่มัน Overdose ศกเมกาและดอลล่าห์ จะล่มสลายในชั่วพริบตาครับ ในทุก วิกฤตย่อมมีโอกาส วิกฤตลูกใหญ่ที่กำลังจะมาไม่มีอะไรต้องกลัวครับ เพราะมันจะมาพร้อมกับ โอกาสทอง(จริงๆ)ของพวกเราแล้วเราจะได้เจาะลึกลงไปเรื่อยๆครับ โชคดีในการลงทุนทุกท่านครับ Nexttonothing โพสต์ 29 October 2010 - 15:49 จากคุณ : ฮะ ว่าไงนะ เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 53 08:20:15

ความคิดเห็นที่ 3 ^ เป็นไปได้ไหมว่า เราถูกข่้าวบอก จนทำให้เชื่อได้ว่า ราคาทองคำจะไป 1400 1500 หรือมากกว่านี้ เหมือนตอนช่วงปี 2008 มีข่าวบอกว่า น้ำมันจะไป 200 เหรียญ และ ทองคำจะขึ้นมากมาย จากคุณ : kasimasi เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 53 08:31:47

ความคิดเห็นที่ 4 ส่วนตัวผมคิดว่าน่าจะอยู่ที่ราวๆ 1T หรือสูงกว่านั้น เพราะเมื่อจำนวนเงินออกมาจริงๆ แต่ใช้จริงๆคงมูลค่าไม่ถึง จึงต้องบวกเงินเฟ้อเข้าไปด้วย จากคุณ : venezier เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 53 08:55:32

ความคิดเห็นที่ 5 ไม่รู้เหมือนกัน แต่รู้ว่าน่าจะดี จากคุณ : pumkapal เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 53 09:12:29

ความคิดเห็นที่ 6 """" จากคุณ : โต้คลื่น เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 53 09:24:42

ความคิดเห็นที่ 7 แล้วถ้าภายในปีนี้ไปจนถึงกลางปีหน้า ตอนนี้ผมมีเงินสดไทยบาท ก้อนนึง   ผมควร เปลี่ยนไปเป็นอะไรเพื่อให้เกิดประโยชน์ผลตอบแทนมากสุดจากวิกฤตครั้งนี้ ระหว่าง ดอลล่าห์ ทองแท่ง เงินไทย หรือว่า เงินประเทศอื่น เช่น จีน เยน  ยูโร ปอนด์  หรือว่าซื้อที่ดิน รถยนต์มือสองมาเก็บ หรือซื้อทองแดงเก่า อลูมิเนียมเก่า มาสะสมไว้ในโกดัง คือเปลี่ยนจากสะสมเงินมาสะสมของพวกนี้แทน แร่ธาตุต่างๆนะครับ หรือซื้อน้ำมันมาเก็บไว้ใช้สามสิบปี จากคุณ : มังกรและหงษ์มงคลร่ำรวย เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 53 09:25:34

ความคิดเห็นที่ 8 ~ possibilities are infinite ~   จากคุณ : nusarathi เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 53 09:33:14

ความคิดเห็นที่ 9 ถ้าคุณเป็นหนี้ไม่มีปัญญาใช้ แล้วเขียนเช็คเด้งๆของธนาคารประเทศสารขันธ์ ขึ้นมาสองใบเพื่อใช้หนี้(ใบนึงใช้ไปแล้ว) เดาซิว่า ในอนาคตเจ้าหนี้จะอะไรกับคุณ? จริงๆไม่ใช่ทองแพงนะครับ มองมุมกลับกันคือเงินไ่ม่มีค่า รับรองงานนี้ จบไม่สวยครับผม!?! จากคุณ : มะลิ บาน บาน เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 53 09:53:27

ความคิดเห็นที่ 10 ก็ไม่แน่เหมือนกันครับพี่kasimasi แต่คนช่วยกันเฮมาอยู่ หากเขาเททองในสต็อกเขาออกมา ประเทศเขาก็ไม่เหลืออะไรที่มีค่าเลยนะครับ เอาลิขสิทธิ์กับสร้างภาพในหนังมากินเงินประเทศอื่น นอกนั้นดูแล้วไม่มีอะไรเลยนะครับ นอกจากสร้างสงครามเพื่อขายอาวุธ อันนี้ที่ผมลงไว้ตั้งแต่วันศุกร์ที่ผ่านมา ผลการสำรวจของรอยเตอร์ระบุว่า นักเศรษฐศาสตร์ชั้นนำส่วนใหญ่ คาดว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะเข้าซื้อสินทรัพย์มูลค่าระหว่าง 8 หมื่นล้าน ดอลลาร์-1 แสนล้านดอลลาร์ต่อเดือนภายใต้โครงการใหม่เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ       นักวิเคราะห์ให้ตัวเลขคาดการณ์ที่แตกต่างกันอย่างมากต่อประเด็น ที่ว่า เฟดจะพิมพ์เงินเพื่ออัดฉีดเข้าระบบเป็นเวลานานเพียงใด และจะใช้ เม็ดเงินจำนวนเท่าใดในที่สุด โดยมีการคาดการณ์ในช่วงกว้างตั้งแต่ 2.50   แสนล้านดอลลาร์ ไปจนถึง 2 ล้านล้านดอลลาร์       ก่อนหน้านี้ โพลล์รอยเตอร์สำรวจความเห็นดีลเลอร์ชั้นนำเมื่อวันที่   8 ต.ค.พบว่า ดีลเลอร์ส่วนใหญ่คาดว่าขนาดของโครงการใหม่นี้จะมีมูลค่ารวม   5.00 แสนล้านดอลลาร์ ไปจนถึง 1.5 ล้านล้านดอลลาร์       "คำถามที่สำคัญไม่ใช่อยู่ที่ขนาดของมาตรการในขั้นแรก แต่เจ้าหน้าที่ เฟดจำเป็นต้องดำเนินการนานแค่ไหนเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ 2 ข้อคือเงินเฟ้อ ต่ำและการจ้างงานที่ยั่งยืนมากที่สุด" นายแจน ฮัตซิอุส หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ สหรัฐจากโกลด์แมน แซคส์กล่าว       โกลด์แมน แซคส์คาดว่าโครงการผ่อนคลายเชิงปริมาณรอบ 2 (QE2)   อาจจะมีมูลค่าถึง 2 ล้านล้านดอลลาร์ในที่สุด ซึ่งเป็นตัวเลขสูงสุดที่นักเศรษฐศาสตร์ คาดไว้       พวกเขาคิดว่าโครงการซื้อสินทรัพย์ดังกล่าวอาจจะมีผลไม่มาก เนื่องจาก ตลาดได้ปรับตัวรับผลบวกจากมาตรการกระตุ้นทางการเงินครั้งใหญ่อีกครั้งไปแล้ว       คาดการณ์เฉลี่ยจากนักเศรษฐศาสตร์ของดีลเลอร์ชั้นนำระบุว่า ผลตอบแทน พันธบัตรอายุ 10 ปีจะอยู่ที่ 2.65% ณ กลางปี 2011 ซึ่งต่ำกว่าระดับในปัจจุบันที่ใกล้   2.72%       ผลตอบแทนพันธบัตรที่ลดลง ซึ่งใช้เป็นเกณฑ์อ้างอิงสำหรับอัตราดอกเบี้ย หลายประเภท อาทิ อัตราดอกเบี้ยเงินกู้จำนอง จะถือเป็นมาตรวัดความสำเร็จ ของแผนผ่อนคลายเชิงปริมาณครั้งใหม่จากเฟด       ดีลเลอร์ชั้นนำ 17 จาก 18 รายตอบการสำรวจ โดยทุกรายกล่าวว่า   พวกเขาคาดว่า เฟดจะประกาศแผน QE2 อีกครั้งในช่วงสิ้นสุดการประชุมกำหนด นโยบายของเฟดในวันที่ 3 พ.ย.       ขณะที่นักเศรษฐศาสตร์ 7 จาก 10 รายที่ตอบคำถามดังกล่าว ระบุว่า   QE2 จะกดผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีลง แต่นักเศรษฐศาสตร์หลายรายกล่าวว่า   พวกเขาเชื่อว่า อัตราดอกเบี้ยได้ปรับตัวลงแล้วในขณะนี้ อันเป็นผลจากแนวโน้ม การซื้อพันธบัตรมากขึ้นของเฟดในเร็วๆนี้           ทั้งนี้ การทำ QE ไม่ถือเป็นสิ่งใหม่สำหรับเฟด โดยก่อนหน้านี้   เฟดได้ซื้อพันธบัตรระยะยาวประมาณ 3 แสนล้านดอลลาร์ตั้งแต่เดือนมี.ค.-ต.ค.   2009 อันเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามในการรับมือภาวะเศรษฐกิจถดถอย       เฟดซื้อสินทรัพย์ รวมถึงตราสารหนี้ที่มีสัญญาจำนองค้ำประกันมูลค่า รวม 1.7 ล้านล้านดอลลาร์เพื่อป้องกันไม่ให้วิกฤติการเงินสหรัฐส่งผลให้เกิด เป็นภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ และจากการที่การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจยังคงอ่อนแอ   บรรดาผู้กำหนดนโยบายจึงระบุว่า พวกเขาพร้อมที่จะดำเนินมาตรการมากขึ้น       เฟดประกาศในเดือนส.ค.ว่า จะซื้อพันธบัตรโดยใช้เม็ดเงินจาก การครบกำหนดไถ่ถอนพันธบัตรหน่วยงานรัฐบาลและหลักทรัพย์ที่มีสัญญาจำนอง ค้ำประกัน อันเป็นความพยายามที่จะรักษาระดับการถือครองหลักทรัพย์ภายใน ประเทศของเฟด       รายละเอียดการสำรวจเป็นดังนี้:-        FOMC จะประกาศ        ขนาดทั้งหมดของ      เฟดมีแนวโน้ม          มาตรการ QE ใหม่          มาตรการ        จะซื้อสินทรัพย์       ในวันที่ 3 พ.ย.หรือไม่         QE ใหม่       ต่อเดือนมากเพียงใด บริษัท                            (ดอลลาร์)         (ดอลลาร์) ----------------------------------------------------------------- Bk of A      ใช่                  1 ล้านล้าน       5 แสนล้าน/6 เดือน   Barclays     ใช่             ไม่กำหนดขีดจำกัด              1 แสนล้าน         BNP          ใช่                3-9 แสนล้าน            8.5 หมื่นล้าน         Cantor       ใช่            น้อยว่า 5 แสนล้าน       น้อยกว่า 1 แสนล้าน         Citigroup    ใช่              5-7.5 แสนล้าน   7.5 หมื่นล้าน-1 แสนล้าน     CSuisse      ใช่                  9 แสนล้าน              7 หมื่นล้าน           Daiwa        ใช่                2.5 แสนล้าน              1 แสนล้าน         Deutsche     ใช่                1.4 ล้านล้าน         1-1.25 แสนล้าน   Goldman      ใช่                  2 ล้านล้าน              1 แสนล้าน         HSBC         ใช่                  4 แสนล้าน              8 หมื่นล้าน         Jeffries     ใช่                  5 แสนล้าน              1 แสนล้าน         JP Morgan    ใช่         2.5 แสนล้าน/ไตรมาส            8.5 หมื่นล้าน           Mizuho       ใช่         5 แสนล้าน-1 ล้านล้าน          1-1.5 แสนล้าน   MStanley    ไม่มีข้อมูล   Nomura       ใช่                  6 แสนล้าน              1 แสนล้าน         RBC          ใช่                  1 ล้านล้าน              1 แสนล้าน         RBS          ใช่                1.2 ล้านล้าน              1 แสนล้าน           UBS          ใช่           น้อยกว่า 5 แสนล้าน     ประมาณ 6.5 หมื่นล้าน   --จบ-- จากคุณ : ฮะ ว่าไงนะ เขียนเมื่อ : 29 ต.ค. 53 11:52:08 [แก้ไข] จากคุณ : ฮะ ว่าไงนะ เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 53 10:37:42

ความคิดเห็นที่ 11 เตรียม Shot (ตอนไหนดี) เลยมั้ย จากคุณ : ว่าที่ เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 53 10:43:14

ความคิดเห็นที่ 12 วิกฤติของ USA คืิอโอกาสของ Asia ครับ :) จากคุณ : Pannaton เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 53 20:39:41