กับดักทางจิตใจของผู้ที่อยากมีอาชีพเป็นนักลงทุน
|
|
สำหรับทุกท่านที่ต้องการเป็นนักลงทุนมืออาชีพ ที่มุ่งกับการซื้อขายเก็งกำไรรายวัน ทุกคนคงเคยพบกับการรับรู้กำไรและขาดทุนกันมานับครั้งไม่ถ้วน
แต่เชื่อว่าทุกคนคงรู้สึกแย่กับการรับรู้การขาดทุนมากกว่า
เวลาคนเราขาดทุน มักจะคิดว่ามันเป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาดใช่มั้ยครับ? และคิดว่าการซื้อขายครั้งไหนที่เกิดกำไร คือการตัดสินใจที่ถูกเสมอไป นี่แหละครับคือกับดักทางจิตใจที่จะขวางทางไม่ให้เราประสบความสำเร็จในอาชีพนี้ และเป็นสาเหตุส่วนใหญ่ที่ทำให้คนจำนวนมากไม่สามารถไปถึงฝั่งฝันในเส้นทางอาชีพนี้ได้
กับดักทางจิตใจเกิดขึ้น เนื่องจากกลไกปกป้องตัวเองในสัญชาติญาณมนุษย์ที่เรามี ทำให้เรารู้สึกถึงความสุขเมื่อเกิดกำไร และรู้สึกถึงอันตรายเมื่อขาดทุน(เนื่องจากเงินไหลออกจากกระเป๋า) คนเราจึงมักจะพยายามจดจำวิธีที่เราใช้เมื่อกำไร และพยายามจะใช้วิธีนั้นซ้ำๆเพื่อหวังว่าจะมีกำไรเกิดขึ้นเหมือนที่ผ่านๆมา ในทางกลับกัน เรามักจะพยายามลืมหรือหลีกเลี่ยงสิ่งที่เราทำแล้วขาดทุน เพราะกลัวว่ามันจะทำให้เกิดการขาดทุนซ้ำๆขึ้นอีก
หลายคนอ่านถึงตรงนี้แล้วคงงงว่าผมต้องการจะบอกว่าอะไร? จะให้ใช้วิธีที่ลองทำแล้วขาดทุน ไม่ให้เลี่ยง ให้พยายามทำซ้ำๆหรือยังไง?
ถูกเพียงครึ่งหนึ่งครับ
หลายคนไม่รู้ตัวหรอกครับว่าวิธีการลงทุนที่ตัวเองเลือกปฎิบัติมาแต่แรกนั้นเป็นวิธีที่ถูกหรือผิด แต่คนที่โชคร้ายที่สุดคือคนที่เจอวิธีที่ ใช่ สำหรับตัวเอง แต่ตัดสินใจที่จะเลิกปฎิบัติตามเพียงเพราะลองทำดูแล้วเกิดการขาดทุนขึ้นมา
สิ่งนี้นี่แหละครับผมเรียกมันว่ากับดักทางจิตใจ
สิ่งที่ผมพยายามจะบอกก็คือ.. ปัญหาไม่ได้อยู่ที่ให้ใช้วิธีไหน แต่นักลงทุนมืออาชีพ จะโฟกัสไปที่ คุณภาพของกระบวนการตัดสินใจ มากกว่า ผลลัพธ์ของการซื้อขาย มากกว่า
คำว่าคุณภาพของกระบวนการตัดสินใจ หมายถึง
ระหว่างที่คุณเริ่มตัดสินใจที่จะซื้อหุ้นสักตัวไปจนกระทั่งคุณได้เริ่มทำการซื้อขายมันแล้ว คุณพินิจวิเคราะห์ปัจจัยต่างๆในวิธีที่คุณใช้ครบถี่ถ้วนดูหรือยัง?
ยกตัวอย่าง
ถ้าคุณเพิ่งโดดเข้าตลาดมาเล่นหุ้นโดยคำชักชวนของเพื่อนๆ ในตอนที่ตลาดอยู่ในภาวะกระทิง โดยที่เพื่อนคนนั้นไม่รู้เรื่องอะไรเลย บอกแต่ว่าเล่นหุ้นเพราะโบรกบอกว่าดัชนีจะไปพันจุด คุณเล่นตามเพื่อนแล้วเกิดกำไร
คุณจะเกิดการฝังใจอย่างแน่นอนว่า เล่นตามคนนี้รวยแน่
การกระทำแบบนี้เกิดกำไร ถือว่าผลลัพธ์ดี
แต่ว่าไม่มีคุณภาพในการตัดสินใจ เพราะคุณเชื่อเพื่อนเพียงเพราะเขาเข้าตลาดไปก่อน ที่สำคัญเพื่อนคนนั้นก็พึ่งแต่บทวิเคราะห์จากโบรก ไม่ได้มีรูปแบบการวิเคราะห์ที่น่าเชื่อถือของตัวเอง ยิ่งเป็นการ ตัดสินใจซื้อขายอย่างไม่มีคุณภาพตามคนที่ไม่มีคุณภาพในการตัดสินใจ
ซวยสองต่อเข้าไปอีก แรกๆอาจจะเกิดกำไร แต่เมื่อทำซ้ำๆกันไปนานๆ สุดท้ายแล้วก็จะนำไปสู่การขาดทุนในที่สุด เมื่อภาวะตลาดพลิกขึ้นมา
หรืออีกตัวอย่าง
เพื่อนผมคนหนึ่งเก่งทางด้านการวิเคราะห์งบบริษัท อ่านตำราวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานมานับร้อยเล่มจนคิดว่าแตกฉานแล้ว ทดลองเล่นในกระดาษดูมา4-5 ปีก็กำไรตลอด ถือว่าทำการบ้านมาอย่างดีแล้ว สุดท้ายจึงตัดสินใจกระโดดเข้าตลาดหุ้นด้วยเงินน้ำพักน้ำแรงที่เก็บมา ปรากฎเป็นช่วงเกิดวิกฤติเศรษฐกิจพอดี หุ้นปัจจัยพื้นฐานทุกตัวที่ซื้อไว้ ขาดทุนเกินกว่า 50% ของพอร์ต เพื่อนผมจึงเกิดอาการเข็ดและท้อ หันไปเก็งกำไรตามกระแสตลาดที่ไม่เคยทดสอบมาก่อน สุดท้ายก็ขาดทุนและเลิกเล่นหุ้นไป
อันนี้ก็ถือว่ามีคุณภาพในการตัดสินใจ แต่ถือว่ามองไม่ครบ เพราะ timing ผิดไป ซ้ำร้ายยังโดนกับดักทางจิตใจเล่นงาน หลอนให้ตัวเองละทิ้งวิธีแนวทางที่ถนัด
นักลงทุนที่ดีจะต้องมองกับดักทางจิตใจพวกนี้ให้ออก ไม่เข็ดกับการขาดทุนเพราะถือว่าเป็นการลงทุนอย่างหนึ่ง
ผู้จัดการกองทุนที่เก่งๆระดับโลกส่วนใหญ่จะมีการจัดการสภาวะทางจิตใจที่ดีและสามารถรักษาวิธีที่คิดของตนเองให้คงเส้นคงวา ไม่มีอคติมารบกวน ไม่มีผู้จัดการกองทุนเก่งๆคนไหนที่เทรดนับ 10 ปีแล้วได้กำไรบ่อยกว่าขาดทุน ซ้ำร้ายยังขาดทุนบ่อยกว่าอีก แต่ครั้งที่กำไร มักจะได้กำไรมากกว่าขาดทุนหลายเท่าตัว ทำให้ผลประกอบการสุทธิรวมออกมาเป็นกำไรในที่สุด
ไม่มีวิธีไหนที่ตอบโจทย์ได้สำหรับทุกคนหรอกครับ นักลงทุนบางคนก็ประสบความสำเร็จได้ด้วย technical analysis บางคนก็ fundamental
บางคนหน้าตักเยอะหน่อยก็ถนัดในการสวมบท market maker ต่างคนต่างวิธีทั้งนั้น ผมคิดว่าการยึดถือวิธีที่ตัวเองถนัดเป็นหนทางที่ดีที่สุดแล้ว หากแต่ลองคิดดูว่า.. ถ้าทุกวันนี้คุณกำลังไม่มีความสุขในการลงทุน เป็นเพราะว่าคุณได้เคยเผลอทิ้งวิธีที่คุณถนัดไปเพียงเพราะโดนกับดักทางจิตใจเล่นงานรึเปล่า?
จากคุณ |
:
CuRious_Boy
|
เขียนเมื่อ |
:
3 พ.ย. 53 04:09:50
|
|
|
|