ความคิดเห็นที่ 1 เล่นหุ้นแบบที่ได้"กำไร" ดีที่สุด  อิอิ จากคุณ : satan@เต้ย เขียนเมื่อ : 3 พ.ย. 53 14:12:44

ความคิดเห็นที่ 2 ขอบคุณค่ะ จากคุณ : นางสาวยิ้มหวาน เขียนเมื่อ : 3 พ.ย. 53 14:13:08

ความคิดเห็นที่ 3 ใช่ๆ เล่นแบบไหนก็ได้แล้วได้กำไร แต่ละคนถนัดไม่เหมือนกัน :) จากคุณ : kopbirt เขียนเมื่อ : 3 พ.ย. 53 14:18:27

ความคิดเห็นที่ 4 ถ้า vi เก่งจริง รบกวนบอกชื่อหุ้นที่คิดว่ากำลังจะไปด้วยสิครับ ไ่ม่ใช่เก็บไว้คนเดียว อิอิ จากคุณ : kopbirt เขียนเมื่อ : 3 พ.ย. 53 14:19:47

ความคิดเห็นที่ 5 ให้VIแสดงความคิดเห็น VIก็ต้องบอกว่าแนวทางของตัวเองถูกต้องที่สุดเป็นธรรมดา แต่ผมคิดว่าอะไรที่มันเข้ากับสันdarnของเรามากที่สุด นั่นแหละครับแนวทางที่ดีที่สุดของเรา ใช่ว่าทุกคนจะเป็นVIกันได้ทั้งหมด ใช่ว่าทุกคนจะเป็นเซียนหุ้นเทคนิคแม่นกราฟกันได้ทั้งหมด ขอแค่ขาดทุนน้อยกว่าที่ทำกำไรได้ มีปันผลกินเรื่อยๆอย่างคุ้มค่า มันก็น่าจะเรียกว่าประสบความสำเร็จในระดับหนึ่งแล้ว จากคุณ : baby_naked เขียนเมื่อ : 3 พ.ย. 53 14:26:51

ความคิดเห็นที่ 6 ผสมกันก็น่าจะได้ ผมว่า VI สมัยนี้ที่ดูจังหวะเทคนิคเก่ง ๆ ก็เยอะนะครับ บางคนก็แบ่ง Port  70 / 30 ก็มี จากคุณ : มดงานน้อย เขียนเมื่อ : 3 พ.ย. 53 14:32:28

ความคิดเห็นที่ 8 มีเรื่องเล่าอยู่เรื่องหนึ่งกับนักลงทุน 4 คนที่กำลังชักชวนเพื่อนคนหนึ่งที่มีเงินเก็บหลายล้านและกำลังสนใจการลงทุนในตลาดหุ้นแต่ไม่รู้ว่าเขาทำกันยังไงให้ได้กำไรสูงสุด คนแรกจึงบอกกับเพื่อนว่า...นี่!!!ถ้าคิดจะเล่นหุ้นน่ะนะมันต้องใช้กราฟและอ่านเทคนิคให้ออก   ดูฉันสิแค่คอยดูสัญญาณจากกราฟในแต่ละวันและเข้าซื้อทุกวันที่ตลาดเปิดและขายก่อนปิด   ได้กำไรวันละ 1-2% อย่างต่ำ   เดือนนึงมี 20 วัน   แถม 1-2% นี่ทบต้นอีกต่างหาก   ปาเข้าไปกำไรเดือนละไม่ต่ำกว่า 25% ทบต้นปีนึงถึงมีวิกฤตยังไงฉันก็ดูสัญญาณสบายๆอย่างต่ำในพอร์ตต้องโต 500-1500% แล้ว คนที่สองก็คัดค้านและบอกกับเพื่อนว่า...โถ่ๆอย่าไปฟังมันเล้ย   แบบนั้นต้องคอยนั่งดูกราฟนั่งดูราคาอะไรเสียเวลา   มาเป็น VI สิ ดูฉันซิแค่อ่านงบดูพื้นฐานนิดหน่อย...ปีที่แล้วก็ปาเข้าไป 700% ปีนี้ยังไม่ครบปีก็ 500%   แถมไม่มีทางขาดทุนเพราะยังไงหุ้นมันก็ต้องขึ้นกลับมาหาเป้าหมายที่เราคำนวณไว้ตอนแรกถ้าพื้นฐานไม่เปลี่ยน   No loss More Gain ฟันธง!! คนที่สามก็คัดค้านสองคนแรกว่า...โอ๊ย! พวกมันน่ะใช้ไม่ได้   ฉันทำงานอยู่ในวงในนะมีข่าวอะไรรู้หมดแถมรู้ก่อนพวกนั้นซะอีก   มาคอยฟังข่าวจากฉันแล้วเล่นตามรอบสิ...สบายๆ   ข่าวดีซื้อพอขึ้นเสร็จก็ขายรอรับข่าวดีใหม่   ไม่ต้องคำนวณงบ    ไม่ต้องดูกราฟ   แค่รอฉันเท่านั้น!!! คนที่สี่ก็คัดค้านอีก...ทำแบบนั้นมันจะได้อะไร๊   เลียนแบบฉันสิ...นายคิดว่าปีหน้าเศรษฐกิจมันจะขึ้นใช่ไหม   งั้นซื้อเลย!!...ซื้อหุ้นบลูชิพทั้งหมดเข้าพอร์ตยังไงนายก็ได้กำไร   ดูดัชนีสิต่ำสุด 300 สูงสุด 1,700   ตอนนี้ขึ้นมา 1,000 ยังไงมันก็ต้องขึ้นไปถึง 1,700 แน่นอนไม่เกิน 15 ปี   นั่งกินเงินปันผลสบายๆ สุดท้าย...เพื่อนคนที่ได้ฟังวิธีการลงทุนทั้ง 4 ก็คิดว่าแต่ละวิธีนั้นมีประโยชน์ทั้งนั้น   งั้นเอาแบบนี้...แบ่ง 25% ทำตามแต่ละคนซะเลย... 1 ปีผ่านไป...พวกแกมันโกหกฉันชัดๆ!!   ไอ้บ้า!!!   เงินฉันหายไปหลายล้านนะโว้ย!!!!!! ทุกแนวทางมีแสงสว่างอยู่เสมอ   เว้นแต่ว่าทางนั้นจะไม่ใช่ทางเดินของเรา...ใช้วิธีที่เป็นตัวคุณเลือกเส้นทาง...นั่นจึงจะเป็นหนทางที่ดีที่สุด   Good Luck จากคุณ : ginju เขียนเมื่อ : 3 พ.ย. 53 14:46:18

ความคิดเห็นที่ 9 ผมใช้พื้นฐาน + การคาดการณ์ในการหาหุ้น ส่วนกราฟใช้ตอนจังหวะซื้อ พอหุ้นราคาแพงเนื่องจากดูพื้นฐานแล้ว ใช้กราฟดูจังหวะในการขาย ซึ่งกราฟจะเป็นตัวช่วยให้เราไม่ต้องถือแช่ในเวลานาน ๆ แต่การดูกราฟผมยังเป็นการกราฟแบบง่าย ๆ ยังไม่เก่งครับ แต่เท่าที่ลองดู มันใช้ได้แฮะ ดังนั้นผมต้องลองเรื่อย ๆ ดูว่าความคิดนี้ยังจะถูกอยู่ไหม จากคุณ : Grand Marshal1 เขียนเมื่อ : 3 พ.ย. 53 15:32:24

ความคิดเห็นที่ 10 ผมมองว่าการเป็น VI ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยทีเดียว และผมคิดว่าคนสนใจการลงทุนแบบ VI มีเยอะ แต่คนที่ลงทุนแบบ VI จริงๆ ผมเชื่อว่ามีน้อยมาก โดยส่วนตัวผมมองว่าการลงทุนแบบ VI เป็นสิ่งที่น่าสนใจ และกำลังศึกษา แต่ผมคิดว่าการลงทุนแบบ VI ทำได้ยากมาก และต้องรอจังหวะ ซึ่งอาจจะใช้ระยะเวลานานมากในการตัดสินใจซื้อหรือขายในแต่ละครั้ง เช่น หุ้น VI กว่าจะซื้อได้ก็ต้องรอต่ำกว่าพื้นฐาน ซึ่งจังหวะเข้าซื้อที่ดีที่สุดก็คือ วิกฤติ ซึ่งกว่าจะเกิดวิกฤติอาจจะต้องใช้เวลาหลายปี หรือบางคนอาจจะบอกว่า อนาคต เป็นตัวกำหนดพื้นฐาน ราคาที่อยู่ตอนนี้อาจจะเป็นราคาสูงที่สุดที่เคยขึ้นมา เช่น CPALL เป็นต้น คนที่เป็น VI เนื้อแท้ จะรู้ว่าราคานี้ต่ำกว่าพื้นฐานหรือไม่ เขาจะมองที่ผลประกอบการ แต่ผมคิดว่าการมองเพียงแค่ผลประกอบการมันไม่ใช่เนื้อแท้ของ VI การมองผลประกอบการใน "อนาคต" ต่างหาก ซึ่ง VI ที่ศึกษาโดยลึกซึ้งเท่านั้น ถึงจะสามารถวิเคราะห์ได้ ผมคิดว่าคนที่ลงทุนแบบ VI จริงๆ เขาเป็นคนไม่ธรรมดาเลยทีเดียว คนกลุ่มนี้ต้องมีพื้นฐานการมองเศรษฐกิจ และอุตสาหกรรมได้ดี ซึ่งมองเผินๆ อาจจะเป็นเรื่องที่ดูเหมือนง่าย แต่การมองอย่างลึกซึ้งนั้นทำได้ยากมาก เพราะมีปัจจัยหลายอย่างที่ใช้ในการตัดสินใจ เช่น ผลประกอบการในอดีต ผลประกอบการในอนาคต การวิเคราะห์งบการเงิน การมองภาพรวมเศรษฐกิจ ถ้าถามว่าผมเป็นนักลงทุนแบบนี้ ณ เวลานี้ ผมเป็นนักลงทุนแบบเทคนิคอล แต่จะเลือกหุ้นที่มีพื้นฐานรองรับเท่านั้น เพื่อป้องกันความเสี่ยงของหุ้น โดยส่วนตัวพยายามที่จะผสมผสานระหว่าง VI และ เทคนิคอลเข้าด้วยกัน ผมคิดว่าการลงทุนแบบ VI น่าสนใจอย่างยิ่ง แต่ผมคิดว่าด้านเทคนิคอลก็มีข้อมูลหลายอย่างที่สามารถช่วยส่งเสริมได้เยอะทีเดียว แก้ไขเมื่อ 03 พ.ย. 53 17:05:32 จากคุณ : bigzaa เขียนเมื่อ : 3 พ.ย. 53 17:00:05

ความคิดเห็นที่ 11 ผู้ชนะเป็นคนกำหนดประวัติศาสตร์ จากคุณ : โจโฉ (lnW_Ball) เขียนเมื่อ : 3 พ.ย. 53 17:40:19