ความคิดเห็นที่ 1 แล้วตอนนี้ กองทุนแม่ไปลงทุนในตราสารหนี้อะไรเป็นหลัก?? - ตั้งแต่ในอดีตจนถึงปัจจุบันกองทุน Templeton Global Bond Fund เน้นลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลของประเทศต่างๆเป็นหลัก โดยปัจจุบันมีสัดส่วนการลงทุนในเกาหลีใต้เยอะที่สุดถึง 14% และออสเตรเลียกับมาเลเซียอยู่ที่ประมาณ 9% และอื่นๆ ลองดูตามัสดส่วนการลงทุนด้านล่างคับ จากคุณ : Mr.Messenger เขียนเมื่อ : 6 พ.ย. 53 17:37:56

ความคิดเห็นที่ 2 เวลากองทุนไปลงทุนในตราสารหนี้ประเทศไหน ก็แสดงว่าใช้เงินสกุลนั้น ใช่หรือเปล่า? -ส่วนใหญ่ เป็นอย่างนั้น จะมีก็บางประเทศที่อาจออกตราสารหนี้ในสกุล USD อาจเพราะเป็นสกุลเงินที่ได้รับความไว้วางใจจากนักลงทุนมากกว่าสกุลเงินของประเทศตัวเอง (แต่ในอนาคต Dollar อาจเป็นแค่เศษกระดาษก็ได้นะ เอออ ^^) ปัจจุบัน กองทุนมีตราสารหนี้ที่เป็นสกุล USD อยู่ประมาณ 44% ถือว่าเป็นสัดส่วนที่ไม่สูงไม่ต่ำเกินไป คนอื่นอาจมองว่าเยอะนะครับ แต่โดยส่วนใหญ่ กองทุน Global Bond ก็ถือ USD เป็นหลักอยู่แล้ว อันนี้ความเห็นส่วนตัว จากคุณ : Mr.Messenger เขียนเมื่อ : 6 พ.ย. 53 17:43:30

ความคิดเห็นที่ 3 ย้อนกลับไปดูสัดส่วนการลงทุนเปรียบเทียบกับสกุลเงินที่ไปลงทุน ทำไม % ไม่เท่ากันเอ่ย? - ใครสังเกตุเห็นบ้าง เก่งมากๆ ^^ อย่างเช่น Malaysia Ringgit 10.9% แต่กองทุนถือตราสารหนี้ของ Malaysia แค่ 9% ของพอร์ต แล้วสัดส่วนเพิ่มขึ้นมาอีก 1.9% มันมาจากไหนน้อ... >> จำที่บอกได้ไหมว่ากองทุนนี้เน้นทำกำไรใน 3 รูปแบบด้วยกัน คือ 1. ดอกเบี้ยรับ 2. กำไรส่วนต่างราคาตราสารหนี้ในตลาด 3. กำไรจากส่วนต่างอัตราแลกเปลี่ยน (FX Gain) สัดส่วนที่ต่างกันมาจากกองทุนเข้าเก็งกำไรค่าเงิน เพื่อหวังกำไรจากส่วนต่างอัตราแลกเปลี่ยน (FX Gain) นั้นหล่ะครับ ซึ่งที่ผ่านมาเงินสกุลฝั่งเอเชีย และตลาดเกิดใหม่ก็มีแนวโน้มอ่อนค่าต่อเนื่องเมื่อเทียบกับ US Dollar และแนวโน้มในอนาคตก็น่าจะเป้นเช่นนั้นต่อเนื่องไปอีก แล้วถ้าค่าเงินมากลับทางขึ้นมาล่ะ? - ก็ต้องหวังว่าผู้จัดการกองทุนจะเห็นแนวโน้มนั้นทันท่วงที มิฉะนั้นก็จะเป็นผลลบต่อกองทุนในกรณีที่คาดการณ์ผิด นี้คือความเสี่ยงที่นักลงทุนต้องยอมรับ และเชื่อถือฝีมือ ผจก.กองทุนส่วนหนึ่งครับ ^^ จากคุณ : Mr.Messenger เขียนเมื่อ : 6 พ.ย. 53 17:53:34

ความคิดเห็นที่ 4 อ้าว ขาดทุนได้ด้วยหรอ?? ชักน่ากลัว แล้วที่ผ่านมามีเงินต้นหายกันไปบ้างไหม? - ให้ดูผลตอบแทนย้อนหลัง 5 ปี ของกองทุน Templeton Global Bond กองนี้ครับ 5 ปีนี่คือผ่านช่วง Subprime มาด้วย วิกฤตการเงินครั้งใหญ่ในประวัติศาสตร์ ยังผ่านมาได้ด้วยผลตอบแทนที่เป็นบวกในปีนั้น ยังจะกลัวอะไรกันอีก จากคุณ : Mr.Messenger เขียนเมื่อ : 6 พ.ย. 53 17:57:37

ความคิดเห็นที่ 5 ดูจากกราฟ NAV มันก็มีขึ้นๆลงๆเหมือนกันเนอะ - มันก็เหมือนชีวิตคนเรานั้นหล่ะครับ แต่ถ้าทำการบ้านมาดี ไม่ประมาทในการใช้ชีวิต ตั้งใจทำความดี และมีทัศนคติที่ดี พอมีปัญหาชีวิตเข้ามา เราก็พร้อมยอมรับมันและเปลี่ยนวิกฤตเป็นโอกาสในการเริ่มต้นอะไรใหม่ๆ (เข้าเรื่องนี้ได้ไงฟร่ะ) กองทุนนั้น ถ้าระบบการคัดเลือกตราสารดีจริง ผจก.กองทุนเก่งจริง มี Risk Control ที่ดี ไม่ประมาท ในระยะยาว ก็น่าจะให้ผลตอบแทนที่ดี เพราะฉะนั้นจังหวะวิกฤตของตลาดที่ทำให้ NAV ลดลง ก็เป็นโอกาสเพิ่มพอร์ตการลงทุนของ นลท. ที่มองเห็นโอกาสนั้น ความสำเร็จมันไม่ได้วัดกันด้วยระยะเวลาสั้นๆ 1 เดือน 2 เดือน ถูกไหมครับ เราจะบอกว่าใครประสบความสำเร็จ คงต้องมองดูเขายาวๆหน่อย เราถึงจะรู้ ^^ จากคุณ : Mr.Messenger เขียนเมื่อ : 6 พ.ย. 53 18:05:09

ความคิดเห็นที่ 6 ความเสี่ยงล่ะ กองทุนนี้ อะไรคือความเสี่ยง? - จากกระทู้ http://www.pantip.com/cafe/sinthorn/topic/I9850256/I9850256.html ที่คุณ Tanyapot โพสไว้ ความเสี่ยงของกองทุนนี้ก็คือ ตราสารหนี้ของประเทศใน Emerging Market นั้นเสี่ยงสูงกว่า Developed Market เป็นธรรมดา และตราสารหนี้บางประเทศก็ได้รับการจัดอันดับความเสี่ยงต่ำกว่า Non-Investment Grade (ต่ำกว่า BBB+) ซึ่ง กลต. ของไทยกำหนดไว้ว่า กองทุนที่เปิดขายในไทย ห้ามมี Investment Grade ต่ำกว่า 15% มิฉะนั้นต้องปิดกองทันที อ่านดูก็น่ากลัวอยู่ และกอง Templeton Global Bond ก็ถือ Non-Investment Grade อยู่แถวๆ 10-15% แต่กรอบนโยบายของกองทุน สามารถเพิ่ม Non-Investment Grade ให้สูงถึง 25% ได้ ดังนั้นก็มีโอกาสปิดกองในอนาคตได้ครับ หรืออีกวิธีที่ ผจก.กองทุนในไทยจะทำได้ก็คือ ลดสัดส่วนการลงทุนในกองทุนแม่ และเพิ่มตราสารหนี้ที่อันดับความน่าเชื่อถืออยู่ใน Investment Grade เข้าไปแทน เช่น ถือพันธบัตรรัฐบาลไทย ก็จะช่วยให้ความเสี่ยงปิดกองลดลงไป แต่ผลตอบแทนที่ได้จากกองทุนแม่ก็อาจลดลงไปด้วยครับ จากคุณ : Mr.Messenger เขียนเมื่อ : 6 พ.ย. 53 18:13:40

ความคิดเห็นที่ 7 ที่เล่ามาทั้งหมด เป็นแค่ส่วนหนึ่งที่นักลงทุนที่สนใจกองทุนนี้ควรรู้นะครับ แนะนำให้ศึกษาเพิ่มเติมจาก Fund Fact Sheet และสอบถามจากตัวแทนขายหน่วยลงทุนเพิ่มเติม เพื่อประกอบการตัดสินใจ เพราะ "การลงทุน" สุดท้ายจะขาดทุนหรือกำไร มันก็คือการตัดสินใจของเรา ไม่ใช่ของใคร.... Fund Fact Sheet กองทุน Templeton Global Bond http://www.franklintempleton.com.hk/documents/general/whatsnew/factsheets/256.pdf ------------------------ โชคดีในการลงทุนครับ จากคุณ : Mr.Messenger เขียนเมื่อ : 6 พ.ย. 53 18:19:04

ความคิดเห็นที่ 8 ขอบคุณค่ะ ^^ จากคุณ : superbox3 เขียนเมื่อ : 6 พ.ย. 53 18:42:13

ความคิดเห็นที่ 9 ผมเกรง อยู่เรื่องเดียว ถ้า ทาง กลต ทราบ ว่า ณ ปัจจุบัน กองทุนรวมหลัก ถือ ตราสารNon-Investment Grade (ต่ำกว่า BBB+) เกินกว่าที่กำหนด โดยดูได้จาก ณ สิ้นเดือน กันยายนที่ผ่านมา เกิน 15% ไปแล้ว (ลองไปตรวจรายตราสารดูได้ครับ) ซึ่งในสัดส่วนที่เกิน แม้กระทั่งลด สัดส่วน ที่ถือตราสารไทยที่ 20% แล้วก็ตาม ซึ่งทำให้สัดส่วนดังกล่าวก็ยังไม่ลดลงเป็นไปตามเกณฑ์ ซึ่งผลไม่แน่ใจว่า ทาง กลต ได้เข้าไปดู หรือไม่ หรือว่าถ้าดูแล้วจะมีผลย้อนหลังยังไง แต่ถ้าที่ผ่านมา กองทุน ก็พยายามลดสัดส่วนกองทุนรวมหลักลง เพื่อให้สัดส่วนดังกล่าวไม่เกิน 15% ก็จะทำให้กองทุน Feeder fund ถือในสัดส่วนน้อยกว่า 80% ซึ่งผิดกฏ ของ ทาง กลต อีกทางหนึ่ง ซึ่งผมไม่แน่ใจจริงๆ ว่าถ้าตรวจย้อนหลังแล้ว จะต้องทำอย่างไรกับกองนี้ครับ???? จากคุณ : Tanyapot เขียนเมื่อ : 6 พ.ย. 53 19:28:59

ความคิดเห็นที่ 10 คุณ Messenger ครับ แล้ว กอง PIMCO ที่ AYF ไปลงไว้ มีสัดส่วนของสินทรัพย์ที่ต่ำกว่า investment grade กี่เปอร์เซ็นต์ครับ   ผมลงไว้ทั้งสองกอง จะได้เป็นข้อมูลในการตัดสินใจ ขยับขยายนะครับ จากคุณ : HaPPy Leo เขียนเมื่อ : 6 พ.ย. 53 21:41:46

ความคิดเห็นที่ 11 ตอบคุณ HaPPy Leo กอง KRUNGSRI Total Return Bond ของ AYF ไปลงทุนใน PIMCO Total Return Bond ของ PIMCO นั้นมีนโยบายที่แตกต่างกับ TMB Global Bond Fund อยู่บ้างนะครับ ที่เห็นหลักๆมีอยู่ 3 อย่าง 1. PIMCO Total Return Bond เน้นลงทุนในตราสารหนี้ในอเมริกาเป็นหลัก แต่ Templeton Global Bond เน้นลงทุนในตราสารหนี้ภาครัฐทั่วโลก 2. Templeton Global Bond คาดหวังผลตอบแทนจากอัตราแลกเปลี่ยนในสัดส่วนที่สูง แต่ PIMCO Total Return Bond มี Risk Control แทบไม่เก็งกำไรในอัตราแลกเปลี่ยนเลย 3. PIMCO Total Return Bond เฉพาะถือ AAA Rating ในพอร์ตก็ 70% เข้าไปแล้ว รวม Investment Rating ขึ้นไปก็มีอยู่ราวๆ 90% ของพอร์ต เพราะฉะนั้นในแง่ Default Risk แล้ว เสี่ยงต่ำกว่า Templeton Global Bond PIMCO Total Return Bond เสี่ยงต่ำ ก็คาดหวังผลตอบแทนจากกองทุนได้ต่ำกว่า Templeton Global Bond นะครับ ผมไม่ได้บอกว่าใครดีกว่าใคร เราย่อมรู้ว่าอะไรเหมาะกับเรา :) จากคุณ : Mr.Messenger เขียนเมื่อ : 6 พ.ย. 53 22:03:45

ความคิดเห็นที่ 12 ขอบคุณมากครับ สัดส่วนของผมตอนนี้อยู่ที่ สอง ต่อ หนึ่ง ครับ กำลังคิดว่าจะลงเพิ่มทั้งสองกองนะครับ แต่สงสัยว่าจะต้องปรับสัดส่วนใหม่ครับ ขอบคุณอีกครั้งครับ ขอตั้งขอสังเกตุนิดนึงครับ สถานการณ์ ณ ปัจจุบัน 1. KF-TRB ซึ่งลง PIMCO ต้องหวังให้ผลตอบแทนสูงกว่าอัตราเร่งของการแข็งค่าของเงินบาท ต่อ ดอลล่าร์ ซึ่งในระยะสั้น ๆ น่าจะเหนื่อย  หรือไม่ครับ 2. TMBGF น่าจะให้ผลตอบแทนดีกว่าในระยะสั้น ๆ นี้ เพราะได้แรงส่งจากอัตราแลกเปลี่ยนของเงินลงทุนที่เป็นเงินสกุลอื่น ๆ เช่น ออสเตรเลียนดอลลาร์ ที่เพิ่งจะปรับอัตราดอกเบี้ยขึ้นด้วย แต่ถ้าค่าเงินกลับทิศ ผลก็จะออกตรงข้าม และ มีอัตราเร่งเป็นสองเด้งด้วยเหมือนกัน หรือไม่ครับ แก้ไขเมื่อ 06 พ.ย. 53 23:31:58 จากคุณ : HaPPy Leo เขียนเมื่อ : 6 พ.ย. 53 22:55:29

ความคิดเห็นที่ 13 ขอบคุณMr.Messenger ค่ะ แต่ยังสงสัยอยู่เล็กน้อย กองนี้เห็นมีเก็งกำไรค่าเงินด้วย แสดงว่า จะกำไรเมื่อบาทอ่อน แต่อาจจะขาดทุนเมื่อบาทแข็ง เข้าใจถูกต้องมั๊ยคะ แล้วกับตอนนี้ที่ไทยเจอปัญหาบาทแข็งอยู่ จะมิเป็นปัญหาหรือคะ แล้วเขาได้มีประกันความเสี่ยงค่าเงินไว้บ้างมั๊ยคะ กี่% ขอบคุณสำหรับข้อมูลค่ะ จากคุณ : enokwan เขียนเมื่อ : 6 พ.ย. 53 23:20:31

ความคิดเห็นที่ 14 ตอบคุณ HaPPy Leo อีกทีครับ เหมารวมคำถามของคถณ enokwan ไปด้วยเลยนะครับ 1. KF-TRB ซึ่งลง PIMCO ต้องหวังให้ผลตอบแทนสูงกว่าอัตราเร่งของการแข็งค่าของเงินบาท ต่อ ดอลล่าร์ ซึ่งในระยะสั้น ๆ น่าจะเหนื่อย  หรือไม่ครับ - อัตราแลกเปลี่ยนระหว่างบาทกับ USD จะเป็นอย่างไร ไม่ส่งผลต่อ KF-TRB เลยครับ เพราะ ผจก.กองทุน Hedge ค่าเงินไว้ 100% ถ้ามองจากสถาณการณ์ปัจจุบันแล้ว KF-TRB จะได้รับประโยชน์จากมาตรการ QE2 ที่อเมริกา ซึ่งจะเข้าไปซื้อตราสารหนี้ช่วงอายุ 5-10 ปี เพื่อกดให้ Yield ของพันธบัตรช่วงอายุดังกล่าวลดลง ที่บอกว่าดี ก็เพราะ PIMCO Total Return Bond มี Duration อยู่ราวๆ 4.5 ปี ซึ่งเป็นช่วง Target ที่ Fed ต้องการซื้อคืนพันธบัตรอยู่แล้ว จึงได้รับผลดีจากการ Mark to Market ราคาตราสารหนี้ในตลาดที่ปรับตัวสูงขึ้นครับ ส่วนบาทไทยจะแข็งจะอ่อนยังไง ไม่มีผลกับกองทุนนี้ ซึ่งต่างกับที่ Hedge ค่าเงินบาทไว้ราวๆ 80% TMB Global Bond ครับ ช่วงนี้ค่าเงินฝั่งเอเชียแข็งค่า เป็นผลดีกับกองทุน TMB Global Bond เพราะถือ Emering Market Bond ไว้เยอะ แต่อาจโดน FX Risk นิดหน่อย เพราะไม่ Hedge ไว้ทั้งหมด 100% 2. TMBGF น่าจะให้ผลตอบแทนดีกว่าในระยะสั้น ๆ นี้ เพราะได้แรงส่งจากอัตราแลกเปลี่ยนของเงินลงทุนที่เป็นเงินสกุลอื่น ๆ เช่น ออสเตรเลียนดอลลาร์ ที่เพิ่งจะปรับอัตราดอกเบี้ยขึ้นด้วย - การขึ้นดอกเบี้ยฝั่ง Emerging Markets ทั้งหลาย จะเป็นอัตราเร่งให้ Fund Flow ไหลเข้ามาในประเทศนั้นๆ เพราะผลตอบแทนเพิ่มสูงขึ้นครับ ดังนั้นในระยะกลาง ก็มีแนวโน้มที่ TMBGF จะให้ผลตอบแทนที่ดีกว่า แต่ก็ต้องเฝ้าระวังหน่อย เพราะหากเงินไหลออกจากตลาดเกิดใหม่และผู้จัดการกองทุนปรับพอร์ตไม่ทัน ก็อาจมี NAV ลดลงได้แรงๆเหมือนกัน ดูจากกราฟที่โพส ก็น่าจะเห็นนะครับ บางช่วง ลงยาวๆเป็นเดือน ก็มีเหมือนกัน ^^ ------------------------ โชคดีในการลงทุนครับ จากคุณ : Mr.Messenger เขียนเมื่อ : 7 พ.ย. 53 09:16:29

ความคิดเห็นที่ 15 ขอบคุณครับ ข้อมูลเชิงลึกละเอียดดีมาเลยครับ  ใครจะลงกองทุนนี้ระยะยาวต้องระวังนิดนะครับ ควรติดตามคามเคลื่อนใหวสักนิด มีลงหนักๆได้เหมือนกัน แต่ช่วงนี้ถือว่าน่าลงทุนครับ สำหรับคนที่ถือยาวมากๆ ผมคิดว่า pimco จะทำให้ท่านรู้สึกหวาดเสียวน้อยกว่ากองทุน fix นอกตัวอื่นๆนะครับ แต่ผลตอบแทนก็น้อยตามไปด้วย ส่วนตัวผมก็มีลงทุนใว้ทั้งสองกอง จากคุณ : คุราคุง เขียนเมื่อ : 7 พ.ย. 53 16:54:55

ความคิดเห็นที่ 16 รบกวนถามนิดนึงค่ะ ผลตอบแทนน่าจะอยู่ในช่วงประมาณกี่ % ต่อปีได้คะสำหรับทั้ง 2 กองนี้ ขอบคุณค่ะ จากคุณ : อุ๊ดจิม เขียนเมื่อ : 7 พ.ย. 53 22:06:31

ความคิดเห็นที่ 17 คุณอุ๊ดจิมครับ  ทั้งสองกองนี้ มีความเสี่ยงมากพอสมควรนะครับ และ ค่าธรรมเนียมซื้อขาย ก็หนักเอาการอยู่นะครับ กองนี้ต้องลงยาว ๆ และ ต้องดูทิศทางให้ดี อย่างที่คุณ messenger อธิบายไว้ และคงประมาณผลตอบแทนได้ลำบากครับ  อาจจะสูงถึง 2 หลัก หรือ ติดลบ 2 หลัก ได้เหมือนกันครับ จากคุณ : HaPPy Leo เขียนเมื่อ : 7 พ.ย. 53 22:37:48