ความคิดเห็นที่ 1 รัฐบาลเค้าเชื่อว่า 8% คือ Magic Number ถ้า GDP Growth ต่ำกว่านี้จะส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพทางสังคมและการเมือง ดังนั้นถ้ามันมีวี่แววจะต่ำกว่านี้รัฐบาลก็พร้อมจะอัดฉีด มาดูกราฟ GDP Growth แบบยาวๆ จะเห็นว่า ไทยเทียบกับจีนนั้นคนละชั้นจริงๆ ศักยภาพของประเทศต่างกันมาก แต่ฟองสบู่ก้อนใหญ่เราแตกมา 13 ปีแล้ว จึงได้เปรียบนิดหน่อยในด้านตลาดหุ้น ในระยะยาวผมยังไม่เชื่อว่า ตลาดหุ้นในประเทศที่ GDP ปกติโต 5% จะถึงเส้นชัยก่อนประเทศที่ GDP ปกติโต 10 %  เพียงแต่ช่วงนี้ตลาดหุ้นเราวิ่ง จีนยังเดินๆอยู่ จากคุณ : Crazy Rabbit เขียนเมื่อ : 15 พ.ย. 53 16:33:17

ความคิดเห็นที่ 2 ก่อนจะไปต่อ .. หน้าตา website ของกระทรวงการเงิน (ทำไมไม่การคลังใช่มั้ย ก็ในภาษาอังกฤษเขียนว่า Ministry of Finance) คงจะมีข้อมูลดีๆเยอะ แต่ผมถอดระหัสตัวถั่วงอกนี้ไม่ออก และหาปุ่ม English ไม่เจอ เลยยอมแพ้ดีกว่า จากคุณ : Crazy Rabbit เขียนเมื่อ : 15 พ.ย. 53 16:34:52

ความคิดเห็นที่ 3 รายได้ PPP ทุกวันนี้คนไทยโดยเฉลี่ยยังรวยกว่าคนจีน แต่คงเป็นได้อีกไม่นาน จากคุณ : Crazy Rabbit เขียนเมื่อ : 15 พ.ย. 53 16:35:37

ความคิดเห็นที่ 4 เราทราบกันดีว่าจีนเป็นเจ้าแห่งการส่งออก แต่นั่นเป็นความจริงแค่ครึ่งเดียว ในปี 2009 จีนส่งออก 1.2 ล้านล้าน US$ แต่ก็นำเข้าถึง 1 ล้านล้าน US$  หมายความว่า จีนเกินดุลเพียง 2 แสนล้าน ซึ่งไม่มากเท่าไหร่เมื่อเทียบกับขนาดเศรษฐกิจ ถ้าอย่างนั้นเศรษฐกิจจีนโตจากอะไร เศรษฐศาสตร์ 101 : GDP = C + I + G + (X-M)   ผมลองเทียบตัวเลขสัดส่วนองค์ประกอบใน GDP ของจีน ก็เห็นได้ชัดเจนว่า การลงทุน (I) เป็นตัวขับเคลื่อนหลักของเศรษฐกิจจีน ในขณะที่การบริโภค (C) ต่ำกว่าไทย และประเทศอื่นๆในเอเชียค่อนข้างมาก หากดูแค่ตารางนี้ ไทยน่าจะอ่อนไหวต่อค่าเงินมากกว่าเสียอีก อีกหลายปีข้างหน้า ตารางนี้จะเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง โดยรัฐมนตรีพาณิชย์ของเค้าเพิ่งจะบอกว่า ต่อไปจีนจะ Stabilize Export และ Increase Import มีความเป็นไปได้ว่าในอนาคตจีนจะกลายเป็นผู้นำเข้าสุทธิ บทบาทของภาคต่างประเทศสำหรับจีนจะลดลง และภาคในประเทศมีความสำคัญมากขึ้น ในส่วนของในประเทศ จีนกำลังผลักดันให้การบริโภคในประเทศเป็นพระเอกแทนการลงทุน เพื่อนบ้านคงเฮกันทั่วหน้า ถ้าคนจีนมีรายได้มากขึ้น และกลายเป็นผู้บริโภครายใหญ่ ถึงจีนจะผลิตเก่ง แต่ไม่มีใครมีทรัพยากรเหมาะสมและเพียงพอสำหรับทุกอย่าง อะไรที่เรามี comparative advantage ในระยะยาวคงรุ่งได้นานเพราะมีเพื่อนบ้านรายใหญ่รอซื้ออยู่   มีอดีตนายกของไทยคนหนึ่งที่ตั้งหน้าตั้งตาจะเปิด FTA กับจีน เคยพูดเรื่องนี้ไว้ แต่พูดเร็วไป 10 ปี เห็นจะได้^^ เพราะอีกไม่กี่ปีคนจีนคงซื้อสินค้าไทยมาก และบินว่อนมาเที่ยวเป็นว่าเล่น จริงๆตอนนี้ก็เริ่มมีเค้าแล้ว แก้ไขเมื่อ 15 พ.ย. 53 22:44:13 จากคุณ : Crazy Rabbit เขียนเมื่อ : 15 พ.ย. 53 16:36:37

ความคิดเห็นที่ 5 กลางสัปดาห์ที่ผ่านมา Moodys ได้ปรับ credit rating ของจีนจาก Aa3 เป็น A1 หรืออีกสาม step ก็จะเป็นขั้นสูงสุดเท่ากับสหรัฐแล้ว และยังมี positive outlook หรือมีโอกาสจะปรับขึ้นอีกเร็วๆนี้ (หลายเดือนแหละ) เนื่องจากความเข้มแข็งทางด้านการเงิน ในขณะที่ปัญหาเรื่อง Asset bubbles และ bad loan นั้น Moodys ใช้คำว่า “likely containment and effective management” หรือน่าจะอยู่ในความควบคุมได้และการจัดการมีประสิทธิผล ในส่วนของความตึงเครียดเรื่องการค้าและค่าเงินระหว่างจีนและสหรัฐนั้น เค้าใช้คำว่าน่าจะ “constructively managed” หรือมีการจัดการอย่างสร้างสรรค์ได้ (แต่บรรยาในการประชุม G-20 ไม่เห็นจะออกมาเป็นแบบนั้น ผู้แทนจีนถึงกับพูดว่า อย่าให้คนอื่นกินยาแก้โรคของตัวเอง) มีเรื่องฮาๆ คือจีนไม่ไว้ใจพวกบริษัทจัดความน่าเชื่อของสหรัฐเลยตั้งบริษัทของตัวเองชื่อ Dagong และเมื่อไม่นานมานี้ไปลด credit ของสหรัฐลง แต่ดูเหมือนจะไม่ส่งผลอะไรนัก Dagong has downgraded the local and foreign currency long term sovereign credit rating of the United States of America (hereinafter referred to as “United States” ) from “AA” to “A+“, which reflects its deteriorating debt repayment capability and drastic decline of the government’s intention of debt repayment. แก้ไขเมื่อ 15 พ.ย. 53 22:45:37 จากคุณ : Crazy Rabbit เขียนเมื่อ : 15 พ.ย. 53 16:39:37

ความคิดเห็นที่ 6 เห็นชื่อพี่กระต่ายมาให้กิฟ + โหวต แล้วชิดขวาไว้ ดึกๆจะมาอ่านครับ จากคุณ : Big cap only เขียนเมื่อ : 15 พ.ย. 53 16:39:52

ความคิดเห็นที่ 7 ในการที่เราจะไปลงทุนในจีน กลัวสุดขีดคือฟองสบู่นี่แหละ เราจะประเมินสถานะของสบู่ ได้ด้วยตัวเลขสองสามตัว 1. Asset Bubble ไม่รู้จะดูอะไรก็ดู House Price ก็ได้ http://www.bloomberg.com/apps/quote?ticker=CNHPHOUY:IND  ในรูปเป็นดัชนีราคาบ้านใน 70 เมือง การเติบโตชะลงเรื่อยๆ อย่างช้าๆ เดือนล่าสุดโต 8.6% YoY ซึ่งก็เป็นสัญญาณที่ดี แต่ดูเหมือนรัฐบาลจีนยังไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่  ตัวเลขนี้ห้ามขึ้นในช่วงนี้ แต่ลงเร็วมากอันตราย เพราะ NPL จะพุ่ง  subprime เกิดเพราะราคาบ้านในสหรัฐ collapse ลงมา มิฉะนั้นคงถูไถได้อีกหลายปี 2. Inflation หรือเงินเฟ้อ เราจะดูได้จากทั้งฝั่งผู้ผลิต (PPI) http://www.bloomberg.com/apps/quote?ticker=CHEFTYOY:IND  และผู้บริโภค (CPI) http://www.bloomberg.com/apps/quote?ticker=CNCPIYOY:IND  ในส่วนของ CPI เค้าตั้งเป้าทั้งปีไม่เกินสาม เดือนก่อน 3.6% ผมดูกราฟแล้วคิดว่ามันจะโค้งลงนะ พอเดือนล่าสุดออก 4.4% ตลาดเลยกระเจิงเป็นแถบ เพราะมันอาจจะนำไปสู่การขึ้นดอกเบี้ยอีก การขึ้นดอกเบี้ยในประเทศที่ชอบซื้อทองนี้ไม่ดีเลย เพราะทองไม่จ่ายดอกเบี้ยนะครับ ส่วน PPI ไม่ค่อยแปลกใจเท่าไหร่ที่มันออกมาอย่างนั้น ดูจากราคาวัตถุดิบต่างๆ 3. Value Added of Industries http://www.bloomberg.com/apps/quote?ticker=CHVAIOY:IND น่าจะเทียบได้กับ Industrial Production Index ของประเทศอื่นๆ ตัวนี้ไม่ได้บ่งชี้เงินเฟ้อ แต่พอจะใช้เป็นตัวประมาณค่าของ GDP ได้  GDP ประกาศ 3 เดือนหน ถ้ารอจะไม่ทันกินนะครับ เอาเป็นว่า ถ้าตัวนี้และเงินเฟ้อขึ้นเรื่อยๆ โอกาสที่แบงค์ชาติเค้าจะขึ้นดอกเบี้ยก็มีสูง กราฟตามเข็มนาฬิกาเลยครับ ก็ตามดูกันเอง มันแค่อยู่ในช่วงลุ้น ตลาดอาจจะ overreact ไปหน่อยในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา จริงๆผมต้อง show NPL อีกตัว แต่กำลังหาของอยู่ หาได้แล้วจะแปะให้นะครับ จากคุณ : Crazy Rabbit เขียนเมื่อ : 15 พ.ย. 53 16:40:41

ความคิดเห็นที่ 8 มาดูว่าตั้งแต่ต้นปี แบงค์ชาติจีน (PBC) ได้ทำอะไรไปบ้างแล้วในการชะลอความร้อนแรงของ Asset Bubble (ถ้าอยากให้แปลขอมาต่างหากนะครับ) 2010-01-12 raise the RMB reserve requirement ratio for depository financial institutions by 0.5 percentage points as of Jan. 18, 2010. 2010-02-12 raise the RMB reserve requirement ratio for depository financial institutions by 0.5 percentage points, effective Feb. 25, 2010. 2010-05-02 raise the RMB reserve requirement ratio for depository financial institutions by 0.5 percentage points, effective May 10, 2010. ภายในเวลาไม่กี่เดือน PBC ให้สถาบันการเงินกันสำรองเพิ่มครั้งละ 0.5% ไปสามครั้ง หลังจากนั้นเงียบไปนานมาก จนผมคิดว่า คงไม่มีอีกแล้วมั้ง ต่อมาก็มีข่าวดีว่า จีนตกลงจะให้เงินหยวนยืดหยุ่นกว่า นี้แต่ไม่บอกจะทำเมื่อไหร จนถึงบัดนี้มันก็แข็งขึ้นแค่ 2% 2010-06-19 The People´s Bank of China has decided to proceed further with reform of the RMB exchange rate regime and to enhance the RMB exchange rate flexibility. พอถึงปลายเดือน 10 Jackpot แตก เพราะจีนประกาศขึ้นดอกเบี้ยหลังจากที่พยายามไม่ขึ้นมานาน ตรงนี้ช็อคตลาดมาก ทองลงหนักในวันนั้น (ดอกเบี้ยอ้างอิงของจีนไม่เหมือนดอกเบี้ยนโยบายของแบงค์ชาติไทยนะครับ อย่าเอามาเทียบกัน) 2010-10-21 raise RMB benchmark deposit and loan rates of financial institutions as of Oct. 20, 2010. The one-year benchmark deposit rate is raised from the current level of 2.25 percent to 2.50 percent, up 0.25 percentage points. The one-year benchmark loan rate is raised from the current 5.31 percent to 5.56 percent, up 0.25 percentage points. อ๊ะมีขึ้นกันสำรองต่ออีก 2010-11-11 The PBC has decided to raise the RMB reserve requirement ratio for depository financial institutions by 0.5 percentage points, effective from Nov. 16, 2010. ตอนนี้เงินเฟ้อในจีนมาอยู่ 4.4% เกินเป้าไปแล้ว ตลาดก็เลยกังวลหนักว่า จีนจะขึ้นดอกเบี้ยอีก   รูป : ประวัติศาสตร์ Benchmark Rate ของจีน และ Policy Rate ของไทย ขอย้ำว่าอย่าเอาตัวเลขเทียบกัน (รูปเดิมผิด ผมแก้ไขไว้ใน คคห. 16 นะครับ) แก้ไขเมื่อ 15 พ.ย. 53 19:19:07 จากคุณ : Crazy Rabbit เขียนเมื่อ : 15 พ.ย. 53 16:42:20

ความคิดเห็นที่ 9 ค่าเงินหยวน : เขียนบ่อยแล้วครับ ดูกราฟอย่างเดียวนะ มกราปีหน้า ท่าน Hu จะไปเยือนท่าน Obama ตลาดเชื่อว่าหยวนจะแข็งขึ้นอีกก่อนไปเยือน หลังๆจีนชอบปล่อยทีละหน่อยก่อนการประชุมสำคัญ เพราะกลัวโดนอัดเหมือนกัน ในสัปดาห์ที่ผ่านมา เงิน Asia ม้วนลงทั่วหน้าจากปัญหาใน Euro Zone แต่หยวนแข็ง show G-20 นะครับ และอย่าลืมว่า แม้แต่ IMF ยังบอกว่า หยวนอ่อนเกินจริงไปราวๆ 40% ถ้าจะดูยาวกว่านั้นดูกราฟล่างครับ อยากให้รำลึกถึงตอนที่จีนปล่อยหยวนแข็งในช่วงปี 2005-2008  ครั้งนี้เค้าทำได้แค่ชะลอมัน ในที่สุดแล้วก็ต้องเกิดอีกครับ ใหญ่แค่ไหนก็ฝืนตลาดไม่ได้ รูปนี้มีคนสงสัยว่าทำยังไง ตามนี้นะครับ http://finance.yahoo.com/echarts?s=THBUSD%3Dx#chart4:symbol=thbusd=x;range=ytd;compare=cnyusd=x+jpyusd=x+myrusd=x+phpusd=x+inrusd=x+sgdusd=x+eurusd=x;indicator=volume;charttype=line;crosshair=on;ohlcvalues=0;logscale=off;source=undefined จากคุณ : Crazy Rabbit เขียนเมื่อ : 15 พ.ย. 53 16:43:43

ความคิดเห็นที่ 10 ปาดหน่อยนะครับ ^^ จากคุณ : arakball เขียนเมื่อ : 15 พ.ย. 53 16:45:35

ความคิดเห็นที่ 11 จีนและทอง : ตามที่ทราบดีว่าจีนสะสมทุนสำรองเงินตราระหว่างประเทศ (foreign reserve)ได้มากเป็นอันดับหนึ่งของโลก ล่าสุดมาอยู่ที่ 2.6 ล้านล้าน US$ ผมวาดกราฟให้ดูจะเห็นได้ว่าการเพิ่มนั้นรวดเร็วมาก ข้างในมันส่วนใหญ่ก็เป็น US$ Euro และ Yen นะครับ ซึ่งทั้งหมดเป็นสกุลเงินที่มีปัญหาทั้งสิ้นแต่จีนก็ไม่ได้มีทางเลือกมากนัก ตลอดหลายปีที่ผ่านมา อาจจะมีข่าวเป็นระยะๆว่า People Bank of China (PBC) หรือแบงค์ชาติจีนซื้อทองเพิ่มขึ้นอย่างมาก แต่หลังจากครั้งสุดท้ายที่ซื้อไปเมื่อไตรมาสที่หนึ่งปี 2009 แล้ว PBC ยังไม่ได้ซื้อทองเพิ่มอีกเลย ในขณะที่ foreign reserve ยังคงเพิ่มขึ้น นักวิเคราะห์จำนวนมากมองว่า จีนมีสัดส่วนของทองในทุนสำรองน้อยกว่าประเทศใหญ่ๆ ดังนั้นเป็นไปได้ว่า PBC จะซื้อทองมากขึ้นไปอีกเพื่อทำให้สัดส่วนเพิ่มขึ้น แต่เท่าที่ผมดูแล้วจีนไม่ได้นโยบายเพิ่มทองใน Foreign Reserve เท่าไหร่ จากกราฟเห็นได้ชัดเจนว่า PBC ต้องการมีทองเพียง 1.5% เท่านั้น และในเวลาเกือบสองปีหลังจากนั้นสัดส่วนนี้ค่อยๆเพิ่มช้าๆตามราคาทองแต่ปริมาณคงที่ ถ้านโยบาย(ที่ไม่ได้ประกาศนี้)ยังไม่เปลี่ยนแปลง PBC ยังไม่น่าจะซื้อทองอีกในเวลาอันใกล้ ดังนั้นในเรื่องทองผมมองที่ประชาชนทั่วไปมากกว่าที่จะมีบทบาทสำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรณีเงินหยวนจะแข็งขึ้น และคนจีนมีรายได้เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว จากคุณ : Crazy Rabbit เขียนเมื่อ : 15 พ.ย. 53 16:46:39

ความคิดเห็นที่ 12 หุหุ เหมือนเดิม ถ้ามีอะไรต่อ ก็จะต่อคืนนี้ บอกตรงๆผมจะรีบออกไปซื้อส้มตำให้ที่รักผม   ขอให้ทุกท่านโชคดีในการลงทุน หมายเหตุ : บทความนี้เป็นเรื่องรองสุดท้ายนะครับ ก่อนผมจะพักยาวอีกครั้ง เรื่องต่อไปก็เป็นการลงทุนในจีนนี่แหละ จากคุณ : Crazy Rabbit เขียนเมื่อ : 15 พ.ย. 53 16:51:32

ความคิดเห็นที่ 13 เย้ๆ ดีเลย ผมลงกองทุนหุ้นจีนอยู่ด้วย ครับ กะว่าจะเก็บไว้ยาวๆ เลย ^^ จากคุณ : arakball เขียนเมื่อ : 15 พ.ย. 53 16:57:31

ความคิดเห็นที่ 14 ขอบคุณมากจ้า จากคุณ : แม่น้องอะตอม เขียนเมื่อ : 15 พ.ย. 53 18:49:12

ความคิดเห็นที่ 15 ชอบบทความของ คุณ Crazy Rabbit มากค่ะ เขียนให้อ่านง่าย เข้าใจง่าย ขอบคุณมากๆๆๆๆ จากคุณ : ใบโหระพา เขียนเมื่อ : 15 พ.ย. 53 19:00:41

ความคิดเห็นที่ 16 คคห. ที่ 8 ผมแปะรูปผิด แทนด้วยรูปนี้ครับ จากคุณ : Crazy Rabbit เขียนเมื่อ : 15 พ.ย. 53 19:17:28

ความคิดเห็นที่ 17 ขอบคุณครับ จากคุณ : ปลาเล็กปลาน้อย เขียนเมื่อ : 15 พ.ย. 53 19:25:23

ความคิดเห็นที่ 18 GDP Growth เทียบกับไทย เป็นรายไตรมาส ปีนี้เราอาจจะโตได้ 7.5% ตามที่ท่านนายกบอก เพราะฐานปีก่อนๆต่ำ ปีต่อไปน่าจะลงไปที่เดิมของเราหรือดีกว่านิดนึงอยู่ที่ 5-6% ที่หมายของจีนคือเป็นประเทศที่พัฒนาแล้ว GDP จีนจะเท่าสหรัฐในระหว่างปี 2020-2030 ครับ ที่หมายของเราคือ middle income trap หรือเป็นประเทศที่มีรายได้ปานกลางครับ ด้วยอัตราการว่างงาน 0.9% อัตราการเพิ่มประชาการต่ำมาก ถือว่า mature ก่อนกำหนด สร้าง innovation อะไรก็ไม่เก่ง คงไปได้แค่นั้น แก้ไขเมื่อ 15 พ.ย. 53 19:31:37 จากคุณ : Crazy Rabbit เขียนเมื่อ : 15 พ.ย. 53 19:27:38

ความคิดเห็นที่ 19 ขอบคุณครับ ผมชอบบทความของพี่มาก ได้ความรู้ดี อย่าพักยาวเลยครับพี่ มาเขียนบ่อยๆนะครับ ขอสอบถามนะครับ หากจีนขึ้นดอกเบี้ย เงินทุนต่างชาติก็น่าจะออกจากไทย ไปจีนใช่ไม๊ครับ จากคุณ : never fear เขียนเมื่อ : 15 พ.ย. 53 20:02:38

ความคิดเห็นที่ 20 รบกวนสอบถามถ้าสนใจลงทุนกองทุน FIF จีน มีปัจจัยอะไรต้องพิจารณาบ้างและแนวโน้นเป็นอย่างไร ขอบพระคุณล่วงหน้า จากคุณ : jvit เขียนเมื่อ : 15 พ.ย. 53 20:03:08

ความคิดเห็นที่ 21 "อีกหลายปีข้างหน้า ตารางนี้จะเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง โดยรัฐมนตรีพาณิชย์ของเค้าเพิ่งจะบอกว่า ต่อไปจีนจะ Stabilize Export และ Increase Import มีความเป็นไปได้ว่าในอนาคตจีนจะกลายเป็นผู้นำเข้าสุทธิ บทบาทของภาคต่างประเทศสำหรับจีนจะลดลง และภาคในประเทศมีความสำคัญมากขึ้น" มองวิกฤตเป็นโอกาส ใช้ความได้เปรียบของค่าเงินหยวนแข็ง ลดความผันผวนและมีช่องทางการขยายตัวในประเทศ ต้องชมที่ปรึกษาทางเศรษฐกิจจีนที่อยู่ในประเทศไทยจริงๆ อิอิ จากคุณ : ยิ้มไว้เมื่อหุ้นลง เขียนเมื่อ : 15 พ.ย. 53 20:03:46

ความคิดเห็นที่ 22 จดๆๆๆ จากคุณ : หมึกสด เขียนเมื่อ : 15 พ.ย. 53 20:16:57

ความคิดเห็นที่ 23 มีกองทุนไหนลงทุนในหุ้นจีนบ้างครับ ไปจีนรอบที่แล้ว ตลาดหุ้นเค้าโฆษณาเยอะมาก ว่าขึ้นมากี่% แต่จะให้เล่นเองก็ไม่ไหว ไปติดตามข่าวไม่ทัน ไม่ทราบใครพอจะรู้ไหมครับว่ามีกองไหนบ้าง จากคุณ : Metalloids เขียนเมื่อ : 15 พ.ย. 53 22:47:01

ความคิดเห็นที่ 24 ขอบคุณค่ะ (พอดีกิ๊บหมดค่ะ **) จากคุณ : nusarathi เขียนเมื่อ : 15 พ.ย. 53 22:58:14

ความคิดเห็นที่ 25 คุณใบโหระพา ผมว่าผมขึ้นชื่อมากเลยนะเรื่องเขียนไม่รู้เรื่อง คุณ never fear ผมว่าเงินอยากมาอยู่แถวๆนี้กันไม่ใช่แค่เรื่องดอกเบี้ย แต่เป็นเพราะเศรษฐกิจยังขยายตัวดีอยู่ต่างจากฝั่งสหรัฐยุโรป จีนขึ้นดอกเบี้ยเดือนก่อนไปแล้ว ถ้าขึ้นอีกตลาดจะกังวลเรื่องเศรษฐกิจจีนชะลอตัว เงินอาจจะออกไปจากทั้งภูมิภาคกลับไปอยู่ US Treasury ครับ นอกจากนี้เงินไหลเข้าจีนแบบแรงๆเกิดยากเพราะเค้ามี Capital Control อยู่ครับ คุณ  jvit  จริงๆแล้วไม่ได้เชี่ยวเรื่องกองทุน โดยเฉพาะเรื่ิองกฏเกณฑ์ต่างๆ ขี้เกียจท่องนะครับ แต่สัปดาห์หน้าผมจะเขียนเรื่อง FIF บางตัว เพื่อต่อยอดจากเรื่องนี้ คุณ arakball ผมทยอยลง K-CHINA มาหลายเดือนแล้วครับ กะถืิอยาวๆๆๆๆ จากคุณ : Crazy Rabbit เขียนเมื่อ : 15 พ.ย. 53 23:00:02

ความคิดเห็นที่ 26 แฟนคลับตามมาอ่านครับ ^ ^ จากคุณ : Skyman (Analayo) เขียนเมื่อ : 15 พ.ย. 53 23:02:16

ความคิดเห็นที่ 27 ตาม เข้ามาอ่านเช่นกันครับ ผม ก็ซื้อ K-CHINA ไว้เหมือนกัน และจะรออ่าน เรื่องกองทุน FIF ด้วยครับ จากคุณ : 9cHAmP เขียนเมื่อ : 16 พ.ย. 53 00:27:39

ความคิดเห็นที่ 28 อยากรู้ว่า คุณ Crazy Rabbit มีความเห็นยังไงกับ ETF CHINA ที่กำลังจะเกิด จะน่าสนใจกว่ากองทุนที่ไปลงทุนในจีน เช่น K-CHINA รึเปล่าครับ ? จากคุณ : monomaniac }:-] เขียนเมื่อ : 16 พ.ย. 53 00:50:38

ความคิดเห็นที่ 29 ผมคิดว่า จีนจะรักษาความมั่งคั่งที่มีอยู่ในรูปเงินตราต่างประเทศอย่างไร ไม่ให้สูญเสียมูลค่าไปและไม่กระทบกับเศรษฐกิจภายในด้วย น่าปวดหัวจริงๆแค่คิดก็ไม่รู้จะแก้อย่างไรแล้ว เพราะไม่ใช่ตัวเองที่จะกำหนดได้เสียด้วย แต่เวลาที่ขยับไปทางไหนก็มีคนคอยติดตามอยู่ กระดิกนิดก็กระเทือนกันไปหมด จากคุณ : ฮะ ว่าไงนะ เขียนเมื่อ : 16 พ.ย. 53 06:41:02

ความคิดเห็นที่ 30 กิ๊ฟหมดขอแปะไว้ก่อน 3 กิ๊ฟ ขอบคุณสำหรับข้อมูลดีๆครับ จากคุณ : KOKISME เขียนเมื่อ : 16 พ.ย. 53 08:00:03

ความคิดเห็นที่ 31 ขอบคุณมากๆเลยครับพี่กระต่ายคลั่ง เห้นชื่อพี่ทีำรต้องเตรียมสมองก่อนกดเข้ามาอ่านทุกที ได้ความรู้กลับไปอีกแล้ว ^^  ขอบคุณจริงๆครับ จากคุณ : ภูมิทัศน์ เขียนเมื่อ : 16 พ.ย. 53 08:50:30

ความคิดเห็นที่ 32 คุณ Metalloids - หุ้นจีนตั้งแต่ขึ้นถึงจุดสูงสุงราว 6,000 เมื่อปี  2008 ก็ลงหนักตามปัญหาเศรษฐกิจโลกในเวลานั้น  จนถึงบัดนี้เพิ่งจะกลับมาได้ครึ่งทาง ตลาดคงใช้โอกาสนี้ในการทำ correction ไปด้วย  จะเห็นได้ชัดจากการฟอร์มเป็นกรอบสามเหลี่ยม  ก่อนหน้าจะถึงเดือน 9 ปีนี้ หุ้นจีนยังไม่มีทีท่าจะขึ้นเลย  ดังนั้นการขึ้นตรงนั้นหากมองไปข้างหน้าอาจจะถือว่าเล็กๆ เท่านั้น คุณ monomaniac  - ETF China นั้น ผมยังไม่ทราบรายละเอียดครับ  (FIF บางตัวเช่น TMBCHEQ ก็ลงทุนใน ETF ที่ฮ่องกงครับ)  ETF นั้น  trade ในตลาดหุ้นได้น่าจะดีสำหรับคนที่ชอบเล่นหุ้นอยู่แล้ว มีอิสระภาพในการสลับกับหุ้น  (นักลงทุนที่ลงกองทุนรวมด้วย เวลาจังหวะหุ้นบางขึ้นแรง จะอึดอัดมาก ไม่สามารถดูดเงินกลับมาง่ายๆ)  แถมยังไม่มี management fee ไม่มีปันผลให้หักภาษีมีแต่ Capital Gain ล้วนๆ ขอดูรายละเอียดก่อนครับ คนที่ชอบออมในกองทุนรวมอาจจะบอกว่า เอามันไว้แบบนั้นแหละ เอามารวมกับหุ้นเดี๋ยวจะมือบอน จริงๆแล้วสิ่งที่สำคัญกว่าการเลือกเครื่องมือ (ETF,FIF) คือ strategy ของเราครับ ถ้าจังหวะในการซื้อไม่เหมาะหุ้นจะลง เศรษฐกิจจะแย่แล้วยังตั้งหน้าตั้งตาซื้ออีก จากคุณ : Crazy Rabbit เขียนเมื่อ : 16 พ.ย. 53 09:37:19

ความคิดเห็นที่ 33 พี่ Crazy Rabbit คิดว่าสหรัฐออก QE2 ออกมา จะส่งผลกระทบในด้าน + หรือ - กับจีนอย่างไรบ้างครับ จากคุณ : smurfy เขียนเมื่อ : 16 พ.ย. 53 10:15:17

ความคิดเห็นที่ 34 ขอบคุณซือเฮียมากๆที่อธิบายให้ฟัง  จะพยายามตามอ่านให้ครบ เรื่องการเงินนี่ยากจัง... จากคุณ : เซฟเก็บตังค์ เขียนเมื่อ : 16 พ.ย. 53 11:00:38

ความคิดเห็นที่ 35 QE2 ทำให้ราคา commodity ต่างๆสูงขึ้นเป็นต้นทุนที่เพิ่มขึ้นแก่อุตสาหกรรมจีน อาหารการกินและเชื่อเพลิงราคาสูงขึ้น เกิดเป็น cost-push inflation ครับ จีนเป็นประเทศที่ไวต่อของพวกนี้ QE2 ทำให้เงินหยวนอ่อนลงเมื่อเทียบกับคู่แข่งสำคัญคือ เยอรมัน และญี่ปุ่น จะเห็นได้ว่าช่วงหลัง จีนเกินดุลการค้าสูงมาก กลายเป็น demand-pull inflation เสริมเข้าไปอีก QE2 ทำให้ foreign reserve ของจีนด้อยค่าลง QE2 อาจจะมีผลต่อตลาดหุ้นจีนบ้าง แต่ไม่เท่าตลาดหุ้นประเทศอื่นๆ เพราะต่างชาติไม่สามารถซื้อหุ้นในตลาดจีนได้ตรงๆครับ ต้องเลี่ยงมาซื้อ CAAPS (โยงกับ A-Shares) หรือ H-Shares ในตลาดฮ่องกง ผลกระทบแรงที่สุดเป็นข้อแรกกับข้อสองครับ เพราะเดิมก็มีสบู่อยู่แล้ว แล้วปีนี้จีนขึ้นค่าแรงเป็นการใหญ่ สงสัยจากนี้ไปหยวนจะต้องแข็งแล้ว ตอนนี้ต้นทุนในการ peg แพงมาก จากคุณ : Crazy Rabbit เขียนเมื่อ : 16 พ.ย. 53 11:09:59

ความคิดเห็นที่ 36 ลองสังเกตปรากฏการณ์นี้ต่อไปเรื่อยๆนะครับ จากคุณ : Crazy Rabbit เขียนเมื่อ : 16 พ.ย. 53 11:15:21

ความคิดเห็นที่ 37 เข้ามาชมและขอบคุณครับ จากคุณ : shine_o เขียนเมื่อ : 16 พ.ย. 53 11:23:16

ความคิดเห็นที่ 38 ขอบคุณครับ :) จากคุณ : smurfy เขียนเมื่อ : 16 พ.ย. 53 11:33:09

ความคิดเห็นที่ 39 http://www.bangkokbiznews.com/home/detail/finance/finance/20101107/361379/%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B8%A0%E0%B8%B9%E0%B8%A1%E0%B8%B4%E0%B8%97%E0%B8%B1%E0%B8%A8%E0%B8%99%E0%B9%8C%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%A5%E0%B8%87%E0%B8%97%E0%B8%B8%E0%B8%99-%E0%B8%95%E0%B8%B0%E0%B8%A5%E0%B8%B8%E0%B8%A2%E0%B8%AB%E0%B8%B8%E0%B9%89%E0%B8%99%E0%B9%81%E0%B8%94%E0%B8%99%E0%B8%A1%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%81%E0%B8%A3.html -เรื่องเกี่ยวกับกองทุนรวมจีน  เผื่อใครสนใจนะครับ จากคุณ : ทิว เขียนเมื่อ : 16 พ.ย. 53 12:08:03

ความคิดเห็นที่ 40 เข้ามาขอบคุณค่ะ ที่ให้ความรู้ค่ะ จากคุณ : อย่าอยู่อย่างอยาก ชิมิ 1 เขียนเมื่อ : 16 พ.ย. 53 13:19:30

ความคิดเห็นที่ 41 ขอบคุณมากค่ะ ^^ จากคุณ : spaceship เขียนเมื่อ : 16 พ.ย. 53 18:32:15

ความคิดเห็นที่ 42 รบกวนถามเพิ่ม  QE2 จะสิ้นสุดเมื่อไรและหลังจากนั้นคาดว่ามีผลกระทบอะไรเพิ่มเติม ขอบคุณ.... จากคุณ : jvit เขียนเมื่อ : 16 พ.ย. 53 19:53:38

ความคิดเห็นที่ 43 Q2'2011 ครับ แต่ดูอาการแล้วเฟดน่าจะยั้งมือก่อนถึงเวลา เนื่องจากข้อมูลปัจจุบันยังไม่ได้ไปไกลกว่ากระทู้ที่เขียนเมื่อสองสัปดาห์ก่อนเท่าไหร่ ดังนั้นยังไม่ออกความเห็นเพิ่มจะดีกว่าครับ จากคุณ : Crazy Rabbit เขียนเมื่อ : 16 พ.ย. 53 22:15:22

ความคิดเห็นที่ 44 [กินไรไปไม่รู้ คันมากเลยครับ ยังนอนไม่ได้ T T] พอดีมีความเห็นเพี้ยนๆเรื่องจีนขึ้นดอกเบี้ยตอกกลับ QE จีนขึ้นดอกเบี้ยไปเมื่อวันที่ 21 ตุลาคม ก่อนเฟดประกาศ  QE ในวันที่ 3 พฤศจิกายน ร่วมสองอาทิตย์ สาเหตุที่จีนขึ้นดอกเบี้ยเพราะในวันเดียวกัน (21 ตุลาคม) GDP Q3 ออกมาโต 9.6%  เห็นได้ชัดว่าจีนต้องการจะขึ้นดอกเบี้ยอยู่แล้ว แค่ confirm ว่า เศรษฐกิจชั้นยัง ขึ้นไปก็ทนได้ เงินเฟ้อ 4.4% นั้น มาประกาศวันที่ 11 พฤศจิกา ตลาดตกใจมาก เมื่อรวมกับเรื่อง Ireland จึงเป็นอย่างที่เห็น สำหรับ  Ireland นั้น ท่านที่ตามผมชี้ให้ดูกราฟ CDS และ bond yield จะรู้เลยว่า วันแบบนี้ไม่เกินคาดหมาย แต่ถ้าไม่มีจีนคงไม่ใช่วันนี้ Ireland ซึ่งไม่ยอมรับเงินช่วย ในที่สุดแล้วจะรับแน่นอน [คันมือมากๆ คงจะพิมพ์ได้แค่นี้ครับ] จากคุณ : Crazy Rabbit เขียนเมื่อ : 17 พ.ย. 53 01:15:35

ความคิดเห็นที่ 45 Link graph อีกทีครับ  (คันๆๆ ) 1. PIIGS CDS เยอะแปลว่าความเสี่ยงในการ default สูง จะทำให้ Euro อ่อน http://www.bloomberg.com/apps/quote?ticker=.GIPSI:IND 2. Ireland, Protugal,Greece Treasury Yield (10 yr) เยอะแปลว่าต้นทุนในการกู้ของประเทศเหล่านี้สูงขึ้น http://www.bloomberg.com/apps/quote?ticker=GIGB10YR:IND http://www.bloomberg.com/apps/quote?ticker=GSPT10YR:IND http://www.bloomberg.com/apps/quote?ticker=GGGB10YR:IND เวลาวิกฤตปูดในยุโรป yield จะล่วงหน้ามาก่อน จากคุณ : Crazy Rabbit เขียนเมื่อ : 17 พ.ย. 53 01:28:39

ความคิดเห็นที่ 46 มีข่าวลือว่า จีน "อาจจะ" ขึ้นดอกเบี้ยในวันศุกร์นี้ครับคุณกระต่าย เน้นว่าข่าวลือ what if จีนขึ้นดอกเบี้ย+Ireland รับความช่วยเหลือจาก ECB จากคุณ : Sylphs เขียนเมื่อ : 17 พ.ย. 53 16:23:09

ความคิดเห็นที่ 47 ไม่ทราบครับ แต่ข่าวตาม website ต่างประเทศคือจีนจะมี Price Control หรือการคุมราคาสินค้านะครับ จากคุณ : Crazy Rabbit เขียนเมื่อ : 17 พ.ย. 53 20:57:24

ความคิดเห็นที่ 48 คำอวย "สำหรับกระทู้ของสมาชิกท่านนี้ ผมให้กิฟก่อนอ่านครับ" ขอให้คุณ Crazy Rabbit มาแบ่งปันความรู้บ่อยๆ นะครับ ชอบอ่านมาก อิอิ จากคุณ : kmir เขียนเมื่อ : 17 พ.ย. 53 23:03:31

ความคิดเห็นที่ 49 ขอบคุณครับ จากคุณ : helga เขียนเมื่อ : 19 พ.ย. 53 00:01:22

ความคิดเห็นที่ 50 ขอบคุณพี่กระต่ายครับ ^^ ตามอ่านตลอด  อย่าหายไปนะครับพี่ จากคุณ : หนุ่มน้อย ณ บาบิโลน เขียนเมื่อ : 19 พ.ย. 53 20:42:24

ความคิดเห็นที่ 51 เข้ามาขอบคุณอีกรอบค่ะ (box 18 ย่อหน้า 2 แสลงใจ T^T..) จากคุณ : nusarathi เขียนเมื่อ : 20 พ.ย. 53 07:41:13

ความคิดเห็นที่ 52 นับถือคุณ Crazy Rabbit เรื่องการแชร์ข้อมูลดีๆให้พวกเราบ่อยๆ ที่เข้ามานี่เพราะเห็นท่านเกิดอาการคันๆ ผมมียาดีอาจจะช่วยท่านได้จึงเอามาแชร์ อนึ่งข้อมูลที่คุณได้มานับว่าเครดิตดีอยู่บางข้อมูลท่านก็เป็นพร็อตเองเสียด้วยนับว่าเป็นข้อมูลดิบที่ดีมากๆเลยครับ นับถือๆแต่... ข้อมูลของผมก็มีครับไม่ได้แค่เมาเพี้ยนอย่างเดียวเพียงแต่ผมเอาแหล่งมาแชร์กับพี่น้องพ้องเพื่อนเขากันไม่ได้ (แม้จะคันไม่แพ้ท่านเช่นกันที่อยากจะบอกว่า...) ขอเพียงท่านอย่าเพิ่งรีบตัดสมมุติฐานผมออกไปเลยละกันนะครับ จริงอยู่หลายเหตุการณ์เกิดขึ้นมันมีตัวเลขยืนยันว่าเขาน่าจะทำแบบนั้นทำแบบนี้แต่หากลองผูกโยงกับเหตุการณ์ต่างๆในแง่ timing แล้วลองสังเกตุดีๆครับ หลายครั้งข่าวการตัดสินใจสำคัญระดับประเทศกลับออกมาทีหลังการเก็งกำไรของพวกคนบางกลุ่ม ผมอยากให้ท่านลองสังเกตุด้วยการทาบกราฟสินค้าโภคภัณท์และตลาดหุ้นหลักๆของโลกกับ timeline ของมาตรการต่างๆดู ท่านอาจจะได้เห็นเทรนด์อะไรดีๆ.... อนึ่งอย่างน้อยผมก็ดีใจที่ท่านกับผมเห็นด้วยในประเด็นหลักๆเหมือนกันนั่นก็คือแท้จริงจีนเป็นประเทศที่นำเข้าสินค้าโภคภัณท์รายใหญ่และจีนก็ไม่ได้บ้าสะสมทองอย่างที่พวกบางคนเขาอ้างไว้และอีกอื่นๆเกือบทุกประเด็นเกี่ยวกับจีนเพียงแต่ท่านคิดว่าผมเพี้ยนที่โยง QE2, G20, ไอร์แลนด์และการขึ้นดอกเบี้ยของจีนเป็นเรื่องเดียวกัน ดู ค.ห. 35 สิครับมันน่าบังเอิญขนาดนั้นเชียวเหรอ? ที่มาตรการหนึ่งของอีกประเทศจะแย่กับอีกประเทศได้ขนาดนั้น อยากให้ท่านลองเปิดใจครับว่าบางทีโลกเราตอนนี้อาจเป็นแค่เกมส์ที่ถูกควบคุมโดยกลุ่มทุนไม่กี่กลุ่ม ใจเย็นๆอย่าคิดมากคุณ Crazy Rabbit. ผมไม่ได้หวังร้ายกับท่านแม้แต่นิดเดียว. จะว่าผมบ้าก็ได้นะครับไม่เป็นไรผมไม่ได้มีศักดิ์ศรีมากมายอะไร เพียงแค่กลัวท่านคันจนนอนไม่หลับเท่านั้นเอง ^ ^ จากคุณ : everandever เขียนเมื่อ : 20 พ.ย. 53 18:36:34

ความคิดเห็นที่ 53 ส่วนแก้วนี้เผื่อท่านยังนอนไม่หลับจริงๆครับ. ขอบคุณครับ. จากคุณ : everandever เขียนเมื่อ : 20 พ.ย. 53 20:34:05

ความคิดเห็นที่ 54 ถ้าคุณ everandever มีข้อมูลก็ขอเป็นตัวเลข+กราฟ+อะไรก็ได้ที่ทำให้เห็นภาพมากกว่า "พิมลอยๆ" ขึ้นมาแชร์เถอะครับ รอฟังอยู่ ด้วยความเคารพ จากคุณ : Sylphs เขียนเมื่อ : 22 พ.ย. 53 11:58:16