ความคิดเห็นที่ 1 ขึ้นดอกนี่มันเป็นการชกปลายคางอเมริกายังไงครับ คิดแล้วไม่เข้าใจ จขกท ช่วยอธิบายหน่อยซิ จากคุณ : ปิงฟ่า เขียนเมื่อ : 16 พ.ย. 53 21:30:55

ความคิดเห็นที่ 2 ผมว่าชกปลายคางกองทุยเมืองไทยมากกว่า จากคุณ : Lord Vincent (Lord Vincent) เขียนเมื่อ : 16 พ.ย. 53 21:35:58

ความคิดเห็นที่ 3 อเมริกาหวังให้จีนขึ้นค่าเงินครับ แต่สิ่งที่เมกาคาดไม่ถึงก็คือว่า... จีนเขาไม่เหมือนประเทศทุนนิยมครับเขาไม่ได้สนพวกนายทุน ขึ้นดอกเบี้ยซึ่งเป็นยาพิษสำหรับประเทศทุนนิยมจึงเป็นสิ่งที่จีนทำได้ ตลาดหุ้นตกเพื่อปากท้องของประชาชนเขา ดีกว่าตลาดหุ้นขึ้นจากโภคภัณท์ขึ้น จริงไหมครับ ? จากคุณ : everandever เขียนเมื่อ : 16 พ.ย. 53 21:37:41

ความคิดเห็นที่ 4 อีกอย่างหนึ่ง.... การใช้ QE ทำเงินดอลล่าห์ให้อ่อนที่แท้เป็นแผนลวงเพื่อปั่นดัชนีหุ้นผ่านราคาโภคภัณท์ที่เพิ่มขึ้นครับ มันก็ไม่ได้ดีต่ออเมริกาแต่อย่างใดในระยะสั้นแต่อย่างน้อยมันก็ช่วยบังซากศพทางเศรษฐกิจที่เน่าเหม็นของเขาได้กองทุนใหญ่ๆก็สามารถสร้างกำไรได้อีกด้วยเพราะเมกาไม่สามารถพึ่งภาคธุรกิจอื่นๆได้มากมาย และสามารถทำให้จีนต้องนำเข้าโภคภัณท์บางชนิดในราคาที่สูงขึ้นด้วยเป็นการกดดันให้จีนอาจต้องยอมขึ้นหยวน เรียกว่ายิงนกนัดเดียวได้ถึงสามตัวในระยะสั้น (ระยะยาวก็มีผลดีอีกแต่ขี้เกียจพิมพิ์) แต่.... จีนทำสิ่งที่คาดไม่ถึงขึ้นผลคือ 1) เงินหยวนไม่เปลี่ยนแปลง 2) ตลาดหุ้นและโภคภัณท์ตกฮวบ 3) วิกฤติไอร์แลนด์ทำให้เงินดอลล์แข็งได้อีก ผมว่าที่จีนเลือกตอกหน้ากลับแบบนี้ก็เพราะการตกลงที่จะให้จีนขึ้นไปนั่งแท่น IMF ไม่สำเร็จนั่นเอง (เรื่องนี้ผมเกริ่นไปในกระทู้เมื่อช่วงเสาร์-อาทิตย์) จากคุณ : everandever เขียนเมื่อ : 16 พ.ย. 53 21:45:33

ความคิดเห็นที่ 5 แล้วหุ้นอะไรได้รับผลดีจากงานนี้ จากคุณ : Big Jump เขียนเมื่อ : 16 พ.ย. 53 21:47:14

ความคิดเห็นที่ 6 ผมไม่สนใจเรื่องหุ้นตอนนี้ครับ อยากให้มันตกกันหมดทุกตัวทั้งโลกด้วยซ้ำไป อยากให้จีนถล่มซ้ำเข้าไปให้หนักๆกว่านี้ให้ทุนนิยมมันล่มไปเลยก็ดี ผมเริ่มเบื่อที่จะเป็นนักเล่นหุ้นกากเดนทุนนิยมแล้วครับ ตั้งแต่โลกมันเป็นอย่างนี้นักเสดสาดมหภาคมากมายโดนแต่ด่า เข้าไปสมัครงานบริษัทไหนเขาก็แต่จะเอาแต่ growthๆๆๆ จะขึ้นดอกเบี้ยให้สมดุลย์กับเงินเฟ้อก็โดนด่าหาว่าจะทำให้หุ้นตกอสังหาตก เฮ้อออ จากคุณ : everandever เขียนเมื่อ : 16 พ.ย. 53 21:51:38

ความคิดเห็นที่ 7 ถ้าจีนไม่เอาด้วยกับโลกตะวันตก 100% แล้วยุโรปเมกาหมดข้อต่อรอง เราอาจได้เห็น New World Order ตลาดหุ้นก็จะกลายเป็นตลาดหุ้นจริงๆซะที คือหุ้นส่วนใหญ่จะกลายเป็นแนว defensive stock นิ่งๆเอื่อยๆ มาร์ก็จะตกงานกันหมดซึ่งอันนี้จะทำให้ผมมีความสุขมากที่สุดครับ จากคุณ : everandever เขียนเมื่อ : 16 พ.ย. 53 21:53:52

ความคิดเห็นที่ 8 การหมุนเวียนของเงินก็จะไม่สำคัญเท่ากับการหมุนเวียนของทรัพยากรจริงๆ โลกเราจะเดินหน้าช้าขึ้นแต่จะมั่นคงกว่าเดิม จากคุณ : everandever เขียนเมื่อ : 16 พ.ย. 53 21:55:34

ความคิดเห็นที่ 9 หลังจากโดนสอยปลายคาง ด้วยการขึ้นดอกเบี้ย ตามด้วยโดนไม้หน้าสามฟาดทัดดอกไม้ "ทางการจีนประกาศมาตรการคุมราคสินค้าเกษตร-อาหาร เพื่อป้องกันการเก็งกำไรในตลาดสินค้าโภคภัณฑ์" ฝ่ายหนึ่งใช้เงินกระตุ้นเศรษฐกิจ  อีกฝ่ายดูดเงินออกจากระบบ ติดตามชมกันต่อไป จากคุณ : banchap (banchap) เขียนเมื่อ : 16 พ.ย. 53 22:03:26

ความคิดเห็นที่ 10 ผมว่างานนี้แสบสันยิ่งกว่าครั้งใด เพราะไอ้ QE นี่สหรัฐอ้างว่าทำเพื่อลดค่าเงิน แต่แท้จริงแอบแฝงเจตนาปั่นสินค้าโภคภัณท์ เจอตอกกลับแบบนี้จากประเทศผู้บริโภคโภคภัณท์รายใหญ่ ผมแทบขำขี้แตก จากคุณ : everandever เขียนเมื่อ : 16 พ.ย. 53 22:06:01

ความคิดเห็นที่ 11 อีกคนบุกเข้ามาใช้กลยุทธที่ imbalance อีกฝ่ายไม่ต้องทำอะไรแค่ขยับทีเดียว ไม้พลองก็กระเด็นกลับไปตีแสกหน้า ดาบนั้นคืนสนองแถมเหวอะหวะ จากคุณ : everandever เขียนเมื่อ : 16 พ.ย. 53 22:08:55

ความคิดเห็นที่ 12 ผมเดาว่าเรากำลังจะได้ยินเรื่องการลาออกจากฝ่ายงานภาคเศรษฐกิจของสหรัฐในไม่ช้า จากคุณ : everandever เขียนเมื่อ : 16 พ.ย. 53 22:09:45

ความคิดเห็นที่ 13 ผมคิดว่าจีนเค้าแค่ต้องการหยุดความร้อนแรงของราคาอสังหาในประเทศมากกว่านะครับ เพราะเค้าออกกฎต่างชาติซื้อบ้านได้หลังเดียว (สกัดเงินทุนไหลเข้ามาเก็งกำไร) และตามด้วยขึ้นดอกเบี้ยเพื่อลดการเก็งกำไรในประเทศ และสกัดเงินเฟ้อที่มีแนวโน้มจะขึ้นเนื่องจาก Trade Surplus ที่มีทีท่าจะเำิเพิ่มขึ้นตลอด นักซื้อขายหุ้น หรือการเก็งกำไรในตลาดขึ้น เป็นการช่วยสะท้อนราคาที่แท้จริงอย่างนึงนะครับ (finding equilibrium) เพราะมันเป็นการ sharing information ในตลาดผ่านทางราคา จากคุณ : sweetoil เขียนเมื่อ : 16 พ.ย. 53 22:10:01

ความคิดเห็นที่ 14 วิชาตัวเบาเริ่มอวดฝีมือแล้ว เมกาจะทำอะไรสักอย่าง ออกข่าวล่วงหน้านานหลายสัปดาห์ จีนทำเงียบ ๆ  ตั้งรับไม่ทันเลย จากคุณ : banchap (banchap) เขียนเมื่อ : 16 พ.ย. 53 22:10:46

ความคิดเห็นที่ 15 New World Order คืออะไร... จากคุณ : Big Jump เขียนเมื่อ : 16 พ.ย. 53 22:11:54

ความคิดเห็นที่ 16 จินตนาการ เหลือเกิน คนนี้! จากคุณ : เกรซอยากรวย เขียนเมื่อ : 16 พ.ย. 53 22:15:21

ความคิดเห็นที่ 17 ทำไมคุณเริ่มเบื่อที่จะเป็นนักเล่นหุ้นกากเดนทุนนิยมครับ จากคุณ : Big Jump เขียนเมื่อ : 16 พ.ย. 53 22:16:09

ความคิดเห็นที่ 18 คุณ sweetoil คงได้แต่ตามอ่านข่าวล่ะสิท่า พวกสำนักข่าวต่างๆทั่วดลกเขาทำงานให้นายทุนครับ เรื่องจริงเขาไม่บอกเราหรอก เรื่องฟองสบู่อสังหาในจีนไม่ได้แย่อย่างนั้นหรอกครับ เพราะประเทศจีนกว้างใหญ่มากกก ตอนนี้ก้กำลังไปขยายความเจริญในทางภาคใต้อีกด้วย ส่วนเรื่องตลาดหุ้นบ้าๆนี่ขอถามหน่อยครับว่า พื้นฐานบริษัทมันเปลี่ยทุกๆชั่วโมงหรือครับ ? ราคามูลค่าของบริษัทมันถึงได้ขยับทุกๆวันแบบนี้ ??? จากคุณ : everandever เขียนเมื่อ : 16 พ.ย. 53 22:16:41

ความคิดเห็นที่ 19 จริงๆแล้วผมว่า อเมริกากำลังเตะผ่าหมากจีนครับ ทำไมหรอครับ เพราะหนึ่งจีนเป็นเจ้าหนี้อเมริกาเป็นรายใหญ่ เค้าเอาเงินของเค้าไปซื้อ US assets เพื่อที่จะทำให้เงินหยวนอ่อนค่า แล้วก็ sterilize money supply QE เป็นการไล่ซื้อตราสารหนี้เพื่อไล่ดอกเบี้ยให้ต่ำลงจากราคาที่สูงขึ้นของตัวตราสาร เพราะชะนั้น US assets จ่ายดอกเบี้ยน้อยมากในรอบต่อๆไป ในขณะที่จีนเจอ overheated economyไป จีนต้องการคุม money supply จากการกำหนดเพิ่ม bank reserves และการขึ้นดอกเบี้ย ใน balance sheet ของ Bank of China เนี่ย รายรับจาก US assets น้อยกว่ารายจ่ายที่ต้องจ่ายให้แบงค์ครับ สรุปคืออเมริกากำลังแก้เผ็ดจีนครับที่พยายามจะตรึงค่าเงิน จากคุณ : guyver เขียนเมื่อ : 16 พ.ย. 53 22:16:58

ความคิดเห็นที่ 20 อย่ามาอ้างนะครับว่าเป็นเพราะดอกเบี้ยขยับเกือบทุกวัน เงินเลยต้องโยกไปมาทุกๆวัน จากคุณ : everandever เขียนเมื่อ : 16 พ.ย. 53 22:17:26

ความคิดเห็นที่ 21 = =) b เปิดโลกทัศน์จริง ๆ คับ กระทู้นี้ จากคุณ : กิ่งกัลปพฤกษ์ เขียนเมื่อ : 16 พ.ย. 53 22:18:37

ความคิดเห็นที่ 22 ทำไมผมเบื่อหรือครับ ? เพราะผมพอแล้วไงครับเรื่องเงินๆทองๆ เลยเบื่อ.... อายุก็เข้าขั้นที่อยากจะทำอะไรดีๆให้โลกใบนี้แล้ว ผมเข้าเรียนเศรษฐศาสตร์เพราะมันเป็นวิชาแห่งความสมดุลย์ แต่เพราะโลกมนุษย์ทุกวันนี้เต็มไปด้วยคนไร้ความสมดุลย์มันเลยวุ่นวายอย่างที่เห็น จริงๆพวกผมต้องมีหน้าที่ทำให้มันสมดุลย์ครับ ผ่านนโยบายต่างๆเพื่อให้คนเราทุกๆคนมีอันจะกิน แต่ตาดหุ้นไม่ใช่แน่นอน ทุกบริษัทเอาแต่อยากจะโต 5%-10% ทุกๆปี มันเป็นไปไม่ได้โดยไม่มีใครถูกริดรอน ซึ่งหลายครั้งคนที่ถูกริดรอนก็คือคนจำนวนส่วนใหญ่นั่นเอง จากคุณ : everandever เขียนเมื่อ : 16 พ.ย. 53 22:21:39

ความคิดเห็นที่ 23 การควบคุมสินค้านั้นทำไมต้องมี เพราะหนึ่งคนจีนจนๆมีเยอะมากครับ แล้วจากการที่ราคาสิน้ค้าพวกอาหารราคาสูงขึ้นทำให้จีนต้องออกมาควบคุมราคาสินค้าซึ่งเป็นสิ่งที่ดีแล้วก็หนักแน่นมาก จากคุณ : guyver เขียนเมื่อ : 16 พ.ย. 53 22:23:50

ความคิดเห็นที่ 24 ดูเหมือนคุณจะเข้าใจทั้ง ทางธรรมะ   และ ทางโลก รู้สึกสับสนไหมครับ จากคุณ : Big Jump เขียนเมื่อ : 16 พ.ย. 53 22:26:22

ความคิดเห็นที่ 25 เข้ามามุง นักเศรษฐศาสตร์เขาถกกัน ติดตามสถานการณ์โลกอย่างเกาะติด ได้ประโยชน์เยอะเลยเรา อิอิ จากคุณ : Halloweeny เขียนเมื่อ : 16 พ.ย. 53 22:29:09

ความคิดเห็นที่ 26 จีนขึ้นอัตราดอกเบี้ย จะเป้นการเพิ่มเงินออม หรือเป็นการลดการลงทุนภายในประเทศ เพื่อชะลอการบริโภค นั้นก็หมายถึงลดอุปสงค์ หรือการลดภาวะเงินเฟ้อ แต่ถ้ามาดูด้านการเคลื่อนย้ายเงินทุนจากต่างประเทศ เงินลงทุนน่าจะไหลเข้ามาในประเทศจีน ส่งผลทำให้ค่าเงินหยวนน่าจะลดลง แต่ทั้งนี้และทั้งนั้นต้องดูความยืดหยุ่นแต่ละตัวแปรมาประกอบด้วย ซึ่งผมไม่มีข้อมูลที่แท้จริง (ไม่ทราบว่าท่านอื่นมีความเห็นอย่างไรครับ) จากคุณ : พีดัม เขียนเมื่อ : 16 พ.ย. 53 22:29:51

ความคิดเห็นที่ 27 คุณ guyer อ่านขาดเยี่ยมจริงๆ ช่วยเปิดโลกทัศน์ผมเพิ่ม ใช่เลยเนอะต่างคนก็ต่างพยายามลดผลประโยชน์ของอีกฝ่าย ขอเสริมอีกนิด ผมเชื่อว่านโยบาย QE ยังมีผลระยะยาวที่ดีต้่อสหรัฐอีกอย่าง นั่นก้คือเงินเฟ้ออย่างรุนแรงตอนแรกจะทำให้เกิดเงินฝืดระยะยาวเพราะคนจะเริ่มอดอยาก (แต่อเมริกาไม่สนใจคนสหรัฐเท่าไหร่อยู่แล้ว) เงินเฟ้อค่อยๆลงแต่มีเงินดอลล์กงเต็กมากมายเอาไว้จับจ่ายซื้ออะไรต่อมิอะไรเมื่อถึงตอนนั้นจีนจะเป็นยังไงก้ไม่รู้เนอะ ? จากคุณ : everandever เขียนเมื่อ : 16 พ.ย. 53 22:30:18

ความคิดเห็นที่ 28 ผมว่าคุณ everandever วิเคราะห์ได้น่าสนใจ แต่ยังไม่รอบด้านดี อย่างไรก็แล้วแต่ผมเชียร์จีน ให้มหาอำนาจโลกใหม่เป็นหัวดำมั่ง อิอิ จากคุณ : Biot Savart เขียนเมื่อ : 16 พ.ย. 53 22:31:27

ความคิดเห็นที่ 29 จีนสนใจคนกลุ่มใหญ่ของประเทศ อเมริกาและยุโรปไม่ แล้วคุณล่ะจะเชียร์ฝ่ายไหนให้ชนะ ... จากคุณ : everandever เขียนเมื่อ : 16 พ.ย. 53 22:31:45

ความคิดเห็นที่ 30 คุณ everandever แน่นอนครับผมตามอ่านข่าว แต่ผมมีความเห็นต่างกับคุณซึ่งกำลังคิดว่ามันเป็นการต่อสู้กันเพื่อแย่งกันเป็น New world order (กลุ่มผู้นำกลุ่มใหม่ ตอบ #15) แต่ผมกลับคิดว่ามันเป็นการแก้ปัญหาของแต่ละประเทศมากกว่าครับ 1. US เค้าเชื่อว่าต้องกระตุ้นเพิ่ม เพื่อที่จะประคองเศรษฐกิจให้ฟื้น และต้องการให้ภาคธนาคารปล่อยกู้ จึงทำ QE2 2. ส่วนจีน เศรษฐกิจร้อนแรงมากในปีนี้ ถึงแม้รัฐบาลจะพยายามกดแล้วกดอีก เนื่องจากไม่ีที่ไหนจะน่าลงทุนกว่าจีนอีกแล้วตอนนี้ ส่วนเรื่องราคาอสังหา มันเพิ่มขึ้นมากและเร็วจริงๆครับโดยเฉพาะในเมืองใหญ่ๆ คุณเอาอะไรมาสรุปครับว่ามันไม่น่ากลัวหรือไม่ใช่ฟองสบู่ ใครๆเค้าก็มองว่ามันเป็นครับ เป็นสัญญาณอย่างดีเลย ที่ญี่ปุ่นตอนปี ก่อนปี 90 ก็อย่างนี้แหละครับ ราคาที่ดินเพิ่มตลาดหุ้นพุ่ง แล้วก็แตก จนเป็นสาเหตุให้เจอเศรษฐกิจถดถอยหลังจากนั้น และแทบไม่โตมาเป็นสิบปี ส่วนเรื่องตลาดหุ้น มันเป็นเรื่องของ Demand Supply และที่สำคัญ คือ expectation ครับที่่ทำให้ราคาเปลี่ยนในรายวัน ส่วนพื้นฐานนี้จะสะท้อนไปที่ราคาในระยะยาวครับ จากคุณ : sweetoil เขียนเมื่อ : 16 พ.ย. 53 22:32:24

ความคิดเห็นที่ 31 ผมก็เชียร์จีนครับคุณ Biot Savart อนึ่งตัวผมยังไม่ได้แก่มากยังต้องเรียนรู้อะไรอีกเยอะ ยังอยู่ในโลกอุดมคติอยู่ แต่เมื่อไหร่โลกเราหมุนมาเข้าข้างที่ผมฝัน ผมจะมีความสุขกว่าทุกวันนี้ (แดกดันน้อยลง) จากคุณ : everandever เขียนเมื่อ : 16 พ.ย. 53 22:33:50

ความคิดเห็นที่ 32 Expectation ถูกสร้างได้ครับ ทุกวันนี้อุปทานหมู่เป็นตัวขับเคลื่อนตลาด คุณ sweetoil คิดว่ามันดีหรือครับ ??? จากคุณ : everandever เขียนเมื่อ : 16 พ.ย. 53 22:35:09

ความคิดเห็นที่ 33 กระทู้ดี !! จัดไป ทั้งกิฟ ทั้งโหวต จากคุณ : Heinz เขียนเมื่อ : 16 พ.ย. 53 22:36:23

ความคิดเห็นที่ 34 ส่วนข้อ 1 และ 2 นั่นก็เป้นข้อมูลที่เขารู้กันทั้งโลกแหละครับ แต่ไม่ใช่ในโลกของผม แค่นั้น. จากคุณ : everandever เขียนเมื่อ : 16 พ.ย. 53 22:36:25

ความคิดเห็นที่ 35 ผมว่าเศรษฐศาสตร์ทำให้โลกไม่สมดุลในทุกวันนี้ "ทำอย่างไรให้ได้ประโยชน์สูงสุด" เลยเป็นการเคลื่อนย้ายเงินทุนไปที่ๆมีแรงงานถูกๆหรือผลตอบแทนสูงๆ ถ้าประเทศตัวเองไม่ตอบสนอง ก็จะย้ายฐานการผลิตซะ ย้ายเงินไปผลตอบแทนที่อื่นซะ น่าจะเป็นเหตุผลที่ใช้คำว่า"ทุนนิยม" ทุนนิยม (Capitalism) หมายถึงระบบเศรษฐกิจที่ใช้ "ทุน" หรือ capital มาเป็นเครื่องมือในการสร้างความมั่งคั่ง ให้เกิดขึ้นกับผู้ที่เป็นเจ้าของทุน เมื่อย้ายฐานการผลิต มันสมดุลกับบริษัทตัวเอง แต่ไม่สมดุลกับคนในประเทศเพราะคนในประเทศตกงาน พอย้ายทุนกลับ ที่ๆไปตั้งรกราก คนทำงานที่นั่นก็ตกงานอีก- -! มีปัญหาให้เกิดDemand Supplyเทียมเยอะ การแก้ไขปัญหาเรื่องค่าเงินเลยเป็นสิ่งที่ซับซ้อนสุดๆ จากคุณ : ยิ้มไว้เมื่อหุ้นลง เขียนเมื่อ : 16 พ.ย. 53 22:39:24

ความคิดเห็นที่ 36 ตอบ ค.ห.24 สับสนมากครับ รู้ทั้งรู้ว่าผิดก็ยังโดดไปเล่นหุ้นเล่นกองทุนเล่นค่าเงินกับเขา แต่ก็ยังดีกว่าโดนด่าว่าเป็นพวกขี้ขลาดจริงไหม ? พอดีช่วงนี้รู้สึกว่ากินหญ้าทุนนิยมมาพอจนอิ่มแล้ว ขอขี้คืนให้มันไปบ้างละกันเผื่อยุโรปเป๋ไปรอบใหญ่ ผมจะได้หยุดยาวสมใจเป็นการทิ้งทวนไปในตัว จากคุณ : everandever เขียนเมื่อ : 16 พ.ย. 53 22:41:53

ความคิดเห็นที่ 37 ตอบ ค.ห.35 "ทำอย่างไรให้ได้ประโยชน์สูงสุด"นี่เป็นคำที่ตีได้กว้างมากนะครับ บางประเทศวัด "ประโยชน์" จาก GDP บางประเทศก็ GNH ประโชน์และความสุมันวัดได้หลายทางไม่ใช่แค่ตัวเม็ดเงินอย่างเดียว จากคุณ : everandever เขียนเมื่อ : 16 พ.ย. 53 22:44:14

ความคิดเห็นที่ 38 ทุกอย่างมันมีดีและไม่ดีครับ Finaicail Market มันมีข้อไม่ดีของมันตรงที่มันสามารถสร้าง expectation ลวงได้เพราะพฤติกรรมเลียนแบบโดยมีความโลภเป็นตัวขับเคลื่อน ซึ่งความโลภนี่ก็เป็นธรรมชาติของมนุษย์ครับ ริมสกี้ก็เคยบอกไว้ว่า ฟองสบู่ใน Financial Market ก็คือธรรมชาติของตลาดเอง แต่ข้อดีของมันก็มีครับ เพราะมันเพิ่มสภาพคล่องให้ระบบ เป็นการบริหารความเสี่ยง เป็นการช่วยกันทำงาน (ผ่านการระดมทุน) เพื่อหารีเทิร์น ขออนุญาตตอบแสดงความคิดเห็นเนื่องจาก #22 ทำไมต้อง growth เพราะเราต้องกินไงครับ การ growth เกิดจากการแปรสภาพ resource ของโลก ให้เป็น product ซึ่งอาจมองในรูปของพันธบัตรก็ได้ เราก็นำส่วนนี้ไว้แรกในการกินใน period ต่อไปครับ (เนื่องจากการกินต่อครั้งของเราจำกัด และอาหารไม่สามารถเก็บได้ตลอดไป) จากคุณ : sweetoil เขียนเมื่อ : 16 พ.ย. 53 22:45:17

ความคิดเห็นที่ 39 คนอเมริกันมีเงินเดือนกันมากมาย แต่พอล้มทีกลับเป็นหนี้มหาศาลกันหมด เพราะแต่ล่ะคนถูกปั่นหัวให้ลงทุนๆๆๆโตๆๆๆ โง่ๆๆๆๆ จากคุณ : everandever เขียนเมื่อ : 16 พ.ย. 53 22:45:33

ความคิดเห็นที่ 40 everandever 1. คิดว่าใช้เวลาเท่าไรจึง  จะเกิดเงินฝืด 2. ถ้ารอบนี้ ดัชนีลงจริง  ครั้งนี้ยกเครดิตให้คุณเลยนะ จากคุณ : Big Jump เขียนเมื่อ : 16 พ.ย. 53 22:48:23

ความคิดเห็นที่ 41 ขอแย้งคุณ sweetoil ในค.ห.38 ความโลภควรมีไว้จำกัดไม่ใช่ใช้มีไว้เพื่อขับเคลื่อนประเทศ เพราะคนโลภมากมันก็คือคนโง่หูหนวกตาบอดดีๆนี่เอง ส่วนเรื่องการกินแท้จริงพวกเรากินน้อยลงทุกวันนะ คุณ sweetoil หากได้ดูตารางประชากรโลกจะรู้ว่าจำนวนประชากรโลกเราไม่ได้เติบโตเร็วมากมายออกจะเติบโตลดลงในหลายประเทศด้วยซ้ำไป จากคุณ : everandever เขียนเมื่อ : 16 พ.ย. 53 22:49:49

ความคิดเห็นที่ 42 จริงๆ ถ้าไม่กัดนิดกัดหน่อยจะดูดีขึ้นนะ ห้าๆๆๆ จากคุณ : Biot Savart เขียนเมื่อ : 16 พ.ย. 53 22:50:03

ความคิดเห็นที่ 43 มุมมองดีๆกันทั้งนั้นเลยครับ อยากให้มีกระทู้แบบนี้มากๆครับมีสาระ ไม่ใช่มีแต่มาม่า จากคุณ : realzeroone เขียนเมื่อ : 16 พ.ย. 53 22:50:26

ความคิดเห็นที่ 44 ตอบ ค.ห.40 1) ไม่รู้ครับผมไม่ได้เก่งอะไรมากมายแต่พอเดาคร่าวๆว่าจะค่อยๆลงช้าๆเพราะไม่มีใครอยากรีบลดราคาของตัวเองลงมาจริงไหมครับ เรื่องนี้น่าสนใจมากหากดูตลาดคอนโดบ้านเราเป็นตัวอย่างหากคุณ Big Jump ลองเอาเงินสดๆออกไปหาซื้อคอนดดในปีหน้า (แต่ไม่ต้องซื้อจริงนะแค่หลอกต่อราคาไป ) พอปลายปีคนจะได้สังเกตุเห็นว่าราคาค่อยๆตกลง 2) เครดิตผมไม่รับนะครับผมต้องการเงินสด เอ้ย! ความสงบ จากคุณ : everandever เขียนเมื่อ : 16 พ.ย. 53 22:53:58

ความคิดเห็นที่ 45 อืม อ่านแล้วก็ไม่เข้าใจอยู่ดีแฮะ งั้นถ้าจีนขึ้นดอกขนาดนีั้เป็นการชกเข้าปลายคางอเมริกา ถ้างั้นไทยช่วยจีนกระทืบอเมริกาซ้ำด้วยการขึ้นดอกเบี้ยด้วย ดีมั้ยครับ ทางที่ดีเรียก มาเล ญี่ปุ่น เกาหลี อินโด ขึ้นดอกเอเซียมันยกแผงเลย รุมกระทืบอเมริกาเลยดีมั้ยครับ จากคุณ : ปิงฟ่า เขียนเมื่อ : 16 พ.ย. 53 22:55:35

ความคิดเห็นที่ 46 ตอบ ค.ห.45 หากไทยขึ้นดอกเบี้ยก็จะพาลโดนนายทุนกะรทืบเอาก่อนน่ะสิครับ นายทุนอสังหามาก่อนเลยล่ะ ของตูยิ่งเหลือค้างสต็อกบานตะไท (ฮา) จากคุณ : everandever เขียนเมื่อ : 16 พ.ย. 53 22:57:22

ความคิดเห็นที่ 47 everandever เรียนจบอะไรท่ี่ไหนมาครับ จากคุณ : Big Jump เขียนเมื่อ : 16 พ.ย. 53 22:58:50

ความคิดเห็นที่ 48 เออ ถ้าไทยขึ้นดอกเบี้ยจริง คุณกับผมก็จะโดนคนในกระทืบด้วยนะครับ ข้อหาชี้นำทำให้ตลาดหุ้นตก จากคุณ : everandever เขียนเมื่อ : 16 พ.ย. 53 22:59:05

ความคิดเห็นที่ 49 ผมเรียนจบ University of California, Davis ด้าน Agriculture Economics ครับคุณ bigjump จากคุณ : everandever เขียนเมื่อ : 16 พ.ย. 53 23:00:23

ความคิดเห็นที่ 50 #46   แสดงว่าเมืองไทยสนใจนายทุน มากกว่าประชาชน จากคุณ : Big Jump เขียนเมื่อ : 16 พ.ย. 53 23:00:30

ความคิดเห็นที่ 51 อ๋อครับ ตามความคิดเห็นที่ 46 แสดงว่าจีนตอนนี้ จีนไม่มีอสังหาค้างขายอยู่แล้วใช่มั้ยครับ หรือว่าจีนปล่อยให้ตายหมดครับ มาเล เกาหลี ญี่ปุ่น นี่เค้ามีอสังหาค้างขายอยู่เยอะเหรอครับ ทำไมไม่ขึ้นดอกเบี้ย ชกเข้าปลายคางอเมริกาครับ โดยเฉพาะญี่ปุ่น ราคาอสังหาไม่ขึ้นมาหลายปีดีดักแล้ว ทำไมไม่ขึ้นดอกซะทีนะเอาซัก 1% มันไปเลย เหมือนมวยปล้ำกระโดดถีบหน้าอเมริกาไปเลยดีมั้ยครับ เอหรือว่ารัฐบาลญี่ปุ่นสนใจนายทุน มากกว่าประชาชน   แก้ไขเมื่อ 16 พ.ย. 53 23:02:10 จากคุณ : ปิงฟ่า เขียนเมื่อ : 16 พ.ย. 53 23:01:08

ความคิดเห็นที่ 52 ผมไม่ได้บอกว่าความโลภควรจะเป็นตัวขับเคลื่อนนะครับ แต่ผมบอกว่ามันเป็นสิ่งที่มีอยู่เองในมนุษย์ ซึ่งเกิดมาพร้อมกับมัน มันจึงเป็นตัวขับเคลื่อนในธรรมชาติ และถือโอกาสแสดงความคิดเห็นที่คุณว่าคนอเมริกาโง่ ซึ่งผมคิดว่า คนโง่ไม่มีหรอกครับ แต่มีแต่คนอยากรวย ซึ่งผมก็เป็นหนึ่งในนั้น จึงได้ลงทุนในตลาดหุ้น หวังว่ามันจะให้รีเทิร์นกลับมา ซึ่งนี่ก็คือความโลภครับ ซึ่งถ้ามีคนแบบผมมากๆ ตลาดหุ้นก็จะเกิดฟองสบู่ และก็แตก ซึ่งอย่างที่ริมสกี้บอกครับ ว่ามันเป็นธรรมชาติในตัวมันเอง ผมเ็นด้วยในประเด็นที่เรามีการเติบโตจากการผลิตมากเกิน อัตราการเกิด ซึ่งมันก็เป็นแบบนั้นจริงๆ คุณจะเปลี่ยนยังไงล่ะครับ ผมคิดว่าคุณกำลังพูดถึงโลกที่ควรจะเป็น แต่ผมคิดว่าโลกแบบนั้นจะไม่มีวันเกิดขึ้นครับ และผมก็มีความสุขดีกับโลกใบนี้ จากคุณ : sweetoil เขียนเมื่อ : 16 พ.ย. 53 23:02:22

ความคิดเห็นที่ 53 เพราะฉะนั้นผมเลยสนใจเรื่องราคาสินค้าโภคภัณท์เป็นพิเศษ เห็นพวก Bloomberg มันอ้างนู่นอ้างนี่ว่าทำให้ราคายางขึ้นราคาCotton ขึ้น ผมอยากขำขี้แตกราคาอุปาทานลวงทั้งน้านนน จากคุณ : everandever เขียนเมื่อ : 16 พ.ย. 53 23:02:24

ความคิดเห็นที่ 54 ขอขอบคุณ จขกท มากครับ ไปเปิดหูเปิดตาจริงๆ จากคุณ : ฟินิกซ์สีฟ้า เขียนเมื่อ : 16 พ.ย. 53 23:02:36

ความคิดเห็นที่ 55 เอ ตามความคิดเห็นที่ 53 แล้วถ้าตอนหลังจากนี้ราคาโภคภัณฑ์ลง แล้วมันกลับไปขึ้นทำ New High ผมสามารถสรุปได้หรือเปล่าครับว่ารัฐบาลอเมริกา ชกสวนจนจีนคว่ำครับ เอ ยิ่งกว่านั้น ถ้าเกิดปีหน้าหุ้นจีนและหุ้นเอเซียเกิดกลับไปขึ้นแทนที่จะลง อย่างนี้เราจะสรุปยังไงดีครับ จากคุณ : ปิงฟ่า เขียนเมื่อ : 16 พ.ย. 53 23:05:33

ความคิดเห็นที่ 56 ตอบ ค.ห.52 โลกของผมก็คือการที่ผมเอาความสุขของผมเป็นมาตรฐานครับคุณ sweetoil พูดถูกว่ามันเกือบเป้นไปไม่ได้ที่คนอื่นๆจะเข้าใจ โลกของผมคือวันไหนถ้าผมไม่มีความโลภผมจะรู้สึกสงบสุขเป็นพิเศษเห็นแมวกระโดดขึ้นหลังคาก็มีความสุข ส่วนเรื่องกินผมเอาไข่ใบนึงข้าวจานนึงผักเล็กน้อยเป็นมาตรฐาน จากคุณ : everandever เขียนเมื่อ : 16 พ.ย. 53 23:05:57

ความคิดเห็นที่ 57 ตอบ ค.ห.55 ผมคิดว่าใช่ครับ ขนาดผ้าฝ้ายมันยังปั่นราคาเลย อ้างคนจีนรวยขึ้นใช้เสื่อยืดมากขึ้น ผมนี่ฮาแทบตกเก้าอี้ จากคุณ : everandever เขียนเมื่อ : 16 พ.ย. 53 23:07:32

ความคิดเห็นที่ 58 #53 1. สนใจราคาสินค้าโภคภัณท์เป็นพิเศษ อยู่ในหลักสูตรที่เรียนหรือเปล่าครับ 2. ราคาอุปทานลวง  ?   แต่ผมก็เห็นรับซื้อขายยางกันที่ราคาที่ประกาศกันนะครับ  มันลวงกันอย่างไรครับ จากคุณ : Big Jump เขียนเมื่อ : 16 พ.ย. 53 23:08:52

ความคิดเห็นที่ 59 ตามความคิดเห็นที่ 57 ครับ ผมเห็นด้วยว่าราคาโภคภัณฑ์ขึ้นเป็นการทำราคาด้วยส่วนนึง แต่ว่าการขึ้นดอกเบี้ยของรัฐบาลจีนทำให้คนจีนไม่ใส่เสื้อผ้าเหรอครับ ผมคิดแล้วก็ยังงงๆอยู่ ถ้าคนจีนยังใส่เสื้อผ้า แล้วมันจะช่วยกดราคา Cotton ลงไปยังไงครับ งงมากๆครับ จากคุณ : ปิงฟ่า เขียนเมื่อ : 16 พ.ย. 53 23:09:47

ความคิดเห็นที่ 60 ราคาอุปทานลวง เราจะดูและรู้ไงครับพี่ท่าน จากคุณ : realzeroone เขียนเมื่อ : 16 พ.ย. 53 23:10:31

ความคิดเห็นที่ 61 ตอบพี่ Big Jump 1) เราจะเรียนเรื่องปัจจัยสมการของราคาสินค้าเกษตรครับมีประโยชน์ทั้งด้านลงทุนเองและการออกนโยบาย 2) จีนๆๆๆ อินเดียๆๆ มีอะไรขึ้นราคาก็อ้างสองเจ้านี้ แก้ไขเมื่อ 16 พ.ย. 53 23:11:26 จากคุณ : everandever เขียนเมื่อ : 16 พ.ย. 53 23:10:45

ความคิดเห็นที่ 62 จากที่ผมทราบมา เมกานี่เกร็งกำไรได้กับทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกนะครับ จากคุณ : ฟินิกซ์สีฟ้า เขียนเมื่อ : 16 พ.ย. 53 23:11:01

ความคิดเห็นที่ 63 #56  ความรู้สึกนั้น  ผมพอจะเข้าใจ ผมก็เป็นอยู่          มีความขัดแย้งทางจิต  อาจทำให้ซึมเศร้า เป็นพักๆ จากคุณ : Big Jump เขียนเมื่อ : 16 พ.ย. 53 23:12:49

ความคิดเห็นที่ 64 ใช่ครับพี่ฟินิกซ์ มันเกร็งได้ทุกอย่างจริงๆ ขนาดผู้หญิงไทยแก่ๆผัวทิ้งไร้ราคามันยังเอาไป'เกร็ง'ต่อได้เลย จากคุณ : everandever เขียนเมื่อ : 16 พ.ย. 53 23:12:51

ความคิดเห็นที่ 65 ส่วนเรื่องอุปาทานลวงแก้ยังไงต้องไปดูพี่จีนครับ จากคุณ : everandever เขียนเมื่อ : 16 พ.ย. 53 23:13:40

ความคิดเห็นที่ 66 555+ จากคุณ : realzeroone เขียนเมื่อ : 16 พ.ย. 53 23:13:56

ความคิดเห็นที่ 67 #64 อะไรมันจะขนาดนั้น  มีราคาบนกระดานไฟฟ้าหรือเปล่าครับ จากคุณ : Big Jump เขียนเมื่อ : 16 พ.ย. 53 23:14:50

ความคิดเห็นที่ 68 ส่วนอังกิดนี่ ตั้งพนันได้ทุกสิ่งอย่างเหมือนกัน 555+ จากคุณ : ฟินิกซ์สีฟ้า เขียนเมื่อ : 16 พ.ย. 53 23:14:53

ความคิดเห็นที่ 69 เราถึงชอบจ้างอังกฤษมาเป็นโค้ชไงครับ โต๊ะจะได้รวย จากคุณ : everandever เขียนเมื่อ : 16 พ.ย. 53 23:16:50

ความคิดเห็นที่ 70 เรื่องราคาโภคภัณฑ์ ที่ราคามันสวิงไปมาเพราะมันมีการซื้อขายสัญญาล่วงหน้ากันได้ครับ ซึ่งก็มีการเก็งกำไรกันเพื่อหา return แต่ถ้าแนวโน้มระยะยาวมันจะเข้าสู่เหตุผลจริงๆครับ ราคาฝ้ายจะเพิ่มขึ้นเพราะคนซื้อเสื้อเยอะขึ้นก็คือเหตุผลครับ ราคาน้ำมันเพิ่มขึ้นเพราะโลกใช้พลังงานมากขึ้น เพราะ supply โดนจำกัดโดยบางกลุ่ม ราคายางเพิ่มขึ้น เพราะมีการผลิตรถยนต์เพิ่มขึ้น มันใช่หมดแหละครับ ผมว่าคุณพยายามเอาใจเป็นกลางลด bias และการปรุงแต่งเรื่องลงแล้ววิเคราะห์ผลที่เกิดจาก แรงจูงใจ เพราะหัวใจของ economic ก็คือแรงจูงใจแหละครับ ผมห่วงคนที่เข้ามาอ่านเพื่อหาความรู้ อาจจะได้ในสิ่งที่ผิดๆไป แล้วมันจะไม่ดีครับ จากคุณ : sweetoil เขียนเมื่อ : 16 พ.ย. 53 23:16:53

ความคิดเห็นที่ 71 ตอบ ค.ห.67 ไม่มีกระดานหรอกครับเพราะเมกันมันไม่สน บางคนนอกจากแก่แล้วยังมีกลิ่นตุ่ยๆมันยังเอาไปเกร็งต่อได้ สรุปคือมันเอาหมดล่ะครับ จากคุณ : everandever เขียนเมื่อ : 16 พ.ย. 53 23:18:43

ความคิดเห็นที่ 72 ตอบ ค.ห.70 เรื่อง future โภคภัณท์นี่แหละครับตัวดี แต่ก่อนไม่เห็นมีดลกเราก็อยู่กันได้ เดี๋ยวนี้คนเราจะปลูกอะไรต้องมีราคาชี้นำ ทรัพยากรธรรมชาติปั่นป่วนไปหมด นี่ได้ข่าวจะเอาต้นปาล์มไปปลุกที่อิสานแล้วผมจะหากระเทียมดีๆได้จากไหนล่ะทีนี้ จากคุณ : everandever เขียนเมื่อ : 16 พ.ย. 53 23:21:19

ความคิดเห็นที่ 73 ผม bias แน่นอนครับคุณ sweetoil เพราะผมไม่เอาด้วยกับนักเศรษฐศาสตร์แนวพวกคุณอย่างชัดเจน จากคุณ : everandever เขียนเมื่อ : 16 พ.ย. 53 23:22:35

ความคิดเห็นที่ 74 และที่ผมมาเปิดประเด็นไม่ได้เพราะจะสร้าง"แรงจูงใจ"อะไร เพราะผมไม่ใช่พี่โชน จากคุณ : everandever เขียนเมื่อ : 16 พ.ย. 53 23:24:30

ความคิดเห็นที่ 75 ใช่ครับ Future เป็นของเล่นอีกอย่างนึง เพื่อนำมาใช้เกร็งกำไรล่อคนอยากรวย ของเล่นถูกพัฒนามาให้เล่นแบบถูก กม เยอะแยะ แต่ก็คงพอมีประโยชน์บ้างในการใช้บริหารความเสี่ยงการลงทุน แต่คนส่วนใหญ่ซื้อหุ้นเพราะเกร็งกำไรกันรึป่าว??? จากคุณ : ฟินิกซ์สีฟ้า เขียนเมื่อ : 16 พ.ย. 53 23:26:02

ความคิดเห็นที่ 76 everandever สรุปว่า  ตอนนี้  ราคาวัตถุดิบต่างๆ ที่ราคาแพงอยู่ตอนนี้ ไม่ได้เกิดจากอุปทานจริงๆ   แต่เป็นของลวง ที่เกิดจาก  การปั่น  และอ้างอินเดีย  กับ  จีน พิสูจน์ได้อย่างไร จากคุณ : Big Jump เขียนเมื่อ : 16 พ.ย. 53 23:26:40

ความคิดเห็นที่ 77 แต่ส่วนตัวผมขอบคุณคุณ sweetoil ที่เข้ามาเขียนนะ คนเข้ามาอ่านเขาจะได้มีทางเลือกว่านิยมทางไหน ? จากคุณ : everandever เขียนเมื่อ : 16 พ.ย. 53 23:26:58

ความคิดเห็นที่ 78 การที่จีนจะขึ้นดอกเบี้ย ไม่น่าจะเกี่ยวกับการแก้เผ็ดสหรัฐนะครับ สหรัฐไม่ได้เดือดร้อนอะไรนี่ครับ จีนขึ้นดอกแก้ปัญหาเงินเฟ้อ ซึ่งส่วนหนึ่งเกิดเพราะเงินไหลเข้าจีนมาก ทั้ง trade surplus ทั้งเงิน usd ร้อนๆไหลทะลัก ก็เพราะจีนกำหนดค่าเงินไว้ต่ำ ทีนี้การขึ้นดอก ไม่ใช่เป็นชัยชนะนะครับ มีปัญหาที่จะตามมาอีกมาก อันหนึ่งคือส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยจีน-สหรัฐ ต่างกันมากขึ้น รังแต่จะยั่วยวนเงินร้อนไหลเข้าไปอีก ผมยังงงอยู่ว่าจีนจะดูดซับเงินร้อนที่จะทะลักเข้าไปอีกไหวเหรอ ต้องจ่ายดอกสูง เงินusdเขาไม่ค่อยมีค่าก็ดันไปเป๊กเอาไว้ ให้เขาแลกได้หลายหยวน ตรงนี้ไม่เข้าใจจีนจริงๆครับ หรือเขาคิดว่าแค่ 6 แสนล้านดอลเอาอยู่ ไหนๆก็แบกไว้ 8 แสนล้านดอลอยู่แล้ว ยังงี้หรือเปล่า ยังไงก็อย่าลืมว่าอเมริกา จะพิมพ์แบ็งค์เพิ่มอีกเท่าไหร่ก็ได้ ถ้าเขาเห็นว่าจะเป็นประโยชน์ต่อประเทศเขา ทำไมจะไม่ทำ พิมพ์ออกมาใช้จ่ายได้ฟรีๆ แถมจีนยังกำหนดค่าหยวนไว้ต่ำมาก ให้ช็อปได้สบาย จากคุณ : thepthaiza เขียนเมื่อ : 16 พ.ย. 53 23:29:23

ความคิดเห็นที่ 79 ตอบ ค.ห. 76 พิสูจน์สัปดาห์นี้ได้เลยครับ หากมันตกจนเกือบ Off-Set จากราคาก่อนที่มันจะถูกลากมา เหมือนหุ้นปั่นนั่นแหละ ในที่นี้ hard commodities บางประเภทก็จะตกลงมาแต่ยังอยู่ในเทรนด์ขาขึ้นชัดเจน เช่น ทองและโลหะเงิน จากคุณ : everandever เขียนเมื่อ : 16 พ.ย. 53 23:29:58

ความคิดเห็นที่ 80 ชอบกระทู้แลกเปลี่ยนความรู้กันแบบนี้จัง ^ ^ จากคุณ : nouikj เขียนเมื่อ : 16 พ.ย. 53 23:31:36

ความคิดเห็นที่ 81 ตอบคุณ thepthaiza ขอบคุณความเห็นครับอุตส่าห์พิมพิ์ซะนาน แต่ผมเลิกอ่านตั้งแต่ "สหรัฐไม่เดือดร้อนอะไรนี่ครับ" แล้วครับ ขอโทษจริงๆ จากคุณ : everandever เขียนเมื่อ : 16 พ.ย. 53 23:32:04

ความคิดเห็นที่ 82 ผมกำลังโดนกล่าวหาจากคุณอยู่เหรอครับ? ผมว่าผมค่อนข้างจะเสียเวลา เพราะผมได้แย้งความเห็นคุณไปแต่คุณก็ไม่ได้แย้งอะไรผมมา แต่มาเหมารวมว่าผมไม่ดีซะงั้น ฮ่าๆ ผมขออนุญาตแก้ต่างให้ตัวเองนะครับ ว่าผมไม่ได้เป็นคนเลวร้ายอะไรและไม่คิดจะทำให้ใครเดือดร้อน แล้วเศรษฐศาสตร์แนวผมเป็นแบบไหนครับ ผมก็ได้เรียนมา ผมและคุณอาจเคยอ่านหนังสือจากคนเขียนเดียวกัน แต่เราคงคิดกันคนละมุม ผมพยายามบอกว่าสิ่งที่คุณคิดนั้นผมไม่เห็นด้วย เพราะผมคิดว่ามันขาดเหตุผลและหลักฐาน ซึ่งผมเชื่อว่าส่วนมาเกิดจากการปรุงแต่งซึ่งเกิดจาก bias ของคุณ ซึ่งนักเศรษฐศาสตร์ไม่ควรมีตรงนี้ครับ เพราะเราอาจชี้นำสิ่งผิดๆให้กับคนที่ไม่ได้ถนัดด้านนี้ แล้วอาจทำให้เค้าถึงขั้นเอาหลักของเราไปลงทุนและเกิดการขาดทุนได้ ซึ่งมันเป็นสิ่งผิดครับ แต่ถึงกระนั้นผมไม่โกรธคุณหรอกนะครับ คุณ everandever หวังว่าถ้ามีโอกาส เราคงได้แลกเปลี่ยนความรู้กันแบบมีเหตุมีผลกันมากกว่านี้ แต่สำหรับกระทู้นี้ถ้าไม่มีอะไรชี้แนะผมก็ขอลาครับ จากคุณ : sweetoil เขียนเมื่อ : 16 พ.ย. 53 23:33:58

ความคิดเห็นที่ 83 เพราะว่าตอนนี้สหรัฐกำลังอยุ่ในระหว่างครึ่งเทอมทางการเมืองพอดี สหรัฐฝากฝั่งโอบาม่าไม่อยากเสียรังวัดด้วยการยอมให้ดาวโจนส์ร่วงเละได้ คล้ายๆรัฐบาลบางประเทศ จากคุณ : everandever เขียนเมื่อ : 16 พ.ย. 53 23:34:03

ความคิดเห็นที่ 84 แสดงความคิดเห็นกัน แต่อย่าพยายามให้อีกฝ่ายเห็นด้วยเลยน้า แนะนำ แบ่งความรู้กัน แต่จะรับฟังรึป่าวนี่สุดแล้วแต่เค้าเถอะน้า จากคุณ : ฟินิกซ์สีฟ้า เขียนเมื่อ : 16 พ.ย. 53 23:35:11

ความคิดเห็นที่ 85 ผมไม่ได้โกรธคุณนะคุณ sweetoil ลองสังเกตุดีๆ ผมตอบจนหมดไปแล้ว ยินดีที่ได้แลกเปลี่ยนความคิดกันครับ จากคุณ : everandever เขียนเมื่อ : 16 พ.ย. 53 23:35:28

ความคิดเห็นที่ 86 คุณ sweetoil ไปงั้นผมก็ไป แฟร์ๆละกัน ? ดีไหมครับ. เดี๋ยวจะกลายเป็นว่าผมชี้นำคน บ๊าย บาย ก่อนครับ ง่วงแระ จากคุณ : everandever เขียนเมื่อ : 16 พ.ย. 53 23:38:22

ความคิดเห็นที่ 87 ขอบคุณพี่ๆทุกๆท่านสำหรับความรู้ครับ จากคุณ : ฟินิกซ์สีฟ้า เขียนเมื่อ : 16 พ.ย. 53 23:42:21

ความคิดเห็นที่ 88 ขอบคุณมากจ้า จากคุณ : แม่น้องอะตอม เขียนเมื่อ : 16 พ.ย. 53 23:46:07

ความคิดเห็นที่ 89 จากที่จขกท.บอกว่า ผมเข้าเรียนเศรษฐศาสตร์เพราะมันเป็นวิชาแห่งความสมดุลย์ แต่เพราะโลกมนุษย์ทุกวันนี้เต็มไปด้วยคนไร้ความสมดุลย์มันเลยวุ่นวายอย่างที่เห็น จริงๆพวกผมต้องมีหน้าที่ทำให้มันสมดุลย์ครับ ผมว่า ตรงนี้เป็นจุดที่จขกท.เข้าใจถูกต้องที่สุดครับ ถ้าทุกอย่างเสรีจริง  มันจะกลับไปสู่จุดสมดุลย์ อีกครั้งหนึ่งครับ แต่ เพราะ ทุกอย่างมันไม่เสรี จริง งัยครับ มันจึงเกิดปัญหาขึ้น ปท.ที่เติบโต สูง ระบบศ.ก.ใหญ่ เป็นอันดับ 2 เอาเปรียบ โดยการ fix ค่าเงิน ไว้ ปท.ที่ศก.ไม่ดี ค่าเงินกลับจะแข็งค่าขึ้นไปอีก เพราะเพียงว่า ตนอยู่ในฐานะประเทศผู้นำของโลก คราวนี้ ปัญหาจึงไปอยู่ที่ นักลงทุน ว่าเขาจะเอาเงินไปไว้ที่ไหนดี ที่ไม่มีความเสี่ยง ต่อการด้อยค่าของเงินลงทุนของตน สรุป หวยจึงไปออกที่ สินค้าโภคภัณฑ์ งัยครับ ทองคำเอ่ย น้ำมัน เอ่ย พุ่งกระฉูด การที่อเมริกา อยากให้จีน ขึ้นค่าเงิน เพราะเหตุนี้งัยครับ  แต่จีน ไม่เอาด้วย การที่อเมริกา แก้เกมโดย อัดฉีดเงินเข้าสู่ระบบ เป็น ล้านล้าน ดอลฯ เพื่อกระตุ้นศ.ก. ของตนเอง โดย ไม่หวังพึ่ง การแข็งค่าของเงินหยวน อีกต่อไปแล้ว  จึงเป็นสิ่งที่กระทบกระเทือน ไปหมด ทั้งโลก เปรียบเสมือนว่า สหรัฐ กำลังส่งออก เงินเฟ้อ ไปยังทุกประเทศ ทั่วโลก งัยครับ จีน ขึ้นดอกเบี้ย โภคภัณฑ์ ราคาตกลง เป็นสิ่ง ที่คาดการณ์ของนักลงทุนไว้แล้วครับ ไม่ได้อยู่ เหนือความคาดหมาย แต่คราวนี้อยู่ที่ว่า อเมริกา จะหยุด กระตุ้นศ.ก.โดยวิธี ใส่เงินเข้าไปในระบบ ต่อไปอีกหรือไม่ สงครามการเงิน ครั้งนี้ เป็นสงครามการเอาตัวรอดของแต่ล่ะประเทศครับ แต่ว่า ประเทศไหน จะรอด   ส่วนประเทศไทย ปล่อยค่าเงินเสรี การควบคุมเงินเฟ้อเลยไม่ลำบากมากนัก ดอกเบี้ย ก็ยังไม่ต้องขึ้น แต่ส่งออก จะทนได้มากน้อยแค่ไหนกันเชียว และการนำเข้า จะสูงโด่งแค่ไหนกัน ถ้ารัฐ ไม่ทำอะไรสักอย่าง สงสัย คชสาร ชนกัน หญ้าแพรกอย่างเรา คง เฉาตายพอดี จากคุณ : mr.we เขียนเมื่อ : 16 พ.ย. 53 23:54:01

ความคิดเห็นที่ 90 ขออนุญาตตอบคุณ thepthaiza เพราะเห็นว่าต้องการรู้จริงๆ 1. ผมเชื่อว่าจีนห่วงเรื่องเงินเฟ้อในประเทศมากกว่าครับ เพราะถ้ามันไต่ระดับไปสูงมากมันจะควบคุมยากขึ้นเยอะครับ และเงินเฟ้อที่เกิดในจีนมันเกิดจากดีมานด์ในประเทศ ที่คนกลุ่มนึงรวยขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่คนส่วนมากยังจนเหมือนเดิม ซึ่งกลุ่มหลังนี้จะโดนผลกระทบเต็มๆจากเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้น 2. ผมเชื่อว่าจีนไม่ค่อยห่วงเรื่องเงินร้อนไหลเข้าครับ เพราะเค้าสามารถทำอะไรเมื่อไหร่ทันทีก็ได้ พวกเงินร้อนเลยเริ่มไหลออกแล้วเมื่อเค้าส่งสัญญาณจะควบคุม ฉะนั้นเงินร้อนใหม่ๆไม่น่าจะเสี่ยงเข้าไปครับ 3. ส่วนเรื่องการทำ QE อีกผมว่าไม่น่าจะเกิดขึ้นในระยะสั้นครับ เพราะอย่างที่เห็น QE ครั้งนี้น้อยกว่าครั้งแรกเยอะ แต่ก็โดนแรงเสียดทานเยอะครับจากทั้งต่างประเทศและในประเทศ ซึ่งอย่างที่รู้กันทำให้ค่าเงินทั่วโลกแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลล่าร์ ส่วนในประเทศการทำ QE อีกมันเหมือนจะลดความเชื่อมั่นในฝีมือรัฐบาลลงครับ เพราะหลังจากทำ QE2 อเมริกันก็ชักเริ่มสงสัยน้ำยาของรัฐบาลแล้วครับ ว่าเศรษฐกิจของอเมิกาแท้จริงแล้วจะรอดไหม จากคุณ : sweetoil เขียนเมื่อ : 16 พ.ย. 53 23:59:56

ความคิดเห็นที่ 91 คห.78 จีนไม่ได้เปิดเสรีด้านการเงินครับ ไม่เหมือนไทย จากคุณ : Incognito เขียนเมื่อ : 17 พ.ย. 53 00:00:24

ความคิดเห็นที่ 92 การที่จีน เกิดภาวะเงินเฟ้อ ผมว่าส่วนหนึ่ง  น่าจะมาจากการที่สินค้าโภคภัณฑ์ ในตลาดโลก ราคาสูงขึ้น มามาก เมื่อเทียบกับค่าเงินหยวน ครับ ถ้าจีน ไม่ทำอะไรเลย จีน จะเป็นฝ่ายเสียหายมากครับ ลองฟังท่านอาจารย์ดร.สมภพ ดูสิครับ อธิบายชัดเจนมาก ดร. สมภพ วิเคราะห์ มาตรการ QE ของพี่เบิ้มสหรัฐฯ ออกฤทธิ์ถล่มเอเชีย จับตาความเสี่ยงเรื่องเงินเฟ้อ ฟองสบู่แตก http://www.matichon.co.th/mtc-flv-window.php?newsid=1289196913 แก้ไขเมื่อ 17 พ.ย. 53 00:45:41 แก้ไขเมื่อ 17 พ.ย. 53 00:44:54 จากคุณ : mr.we เขียนเมื่อ : 17 พ.ย. 53 00:06:40

ความคิดเห็นที่ 93 คุยไรกันว๊า ... ไม่เห็นจะรู้เรื่อง เร่ะ จากคุณ : ตง (GodWinA) เขียนเมื่อ : 17 พ.ย. 53 00:34:35

ความคิดเห็นที่ 94 จากคุณ : mannormal เขียนเมื่อ : 17 พ.ย. 53 00:44:55

ความคิดเห็นที่ 95 ชื่นชมความรู้ และความไฟแรง+อุดมการณ์ของคุณ everandever แต่การมี bias ที่มากเกินไป จิตของคุณจะขาดสมดุลย์ไปเสียก่อนนะครับ :D ทุกอย่างมีขาว-ดำ ในเลวมีดีในดีมีเลว ก่อกำเนิดกับความตายก็แฝงด้วยกันจริงมั้ย ? ขวาจัดซ้ายจัดเกินไป จะพาลให้ใจเรามันร้อนเกินไป สิ่งที่คุณต้องการนั้น ผมเชื่อว่าคงเกิดยาก หรือาจไม่ได้เกิด เพราะมันเป็นธรรมชาติของมนุษย์เรา กิเลส ตันหามันผลักดันเราอยู่ที่ก้นลึกของจิตใจ ต่อให้ new world order เกิดจริง ความชั่วร้ายมันก็อาจถ่ายเทไปอีกแบบ เปลี่ยนไปไม่จบไม่สิ้น เพียงแต่จะมาในรูปแบบไหนเท่านั้นเอง ประวัติศาสตร์มันก็สอนเราอยู่เสมอ ว่าอะไรก็ไม่จีรัง แต่ทุกยุคทุกสมัยก็ย่อมต้องมีคนอย่างคุณ รบกันมาแทบตาย แต่สุดท้ายเราก็วนกลับมาในวังวนของความเป็นคนเหมือนเดิม ผมว่าถ้าอยากมีความสุข ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนโลก แค่เปลี่ยนใจเปลี่ยนมุมมองของเรา ก็มีความสุขได้ครับ :D จากคุณ : modxyz เขียนเมื่อ : 17 พ.ย. 53 00:50:49

ความคิดเห็นที่ 96 ตอบอย่างมีเมตตานะครับ จีนขึ้นดอกเบี้ยไปเมื่อวันที่ 21 ตุลาคม ก่อนเฟดประกาศ  QE ในวันที่ 3 พฤศจิกายน ร่วมสองอาทิตย์ สาเหตุที่จีนขึ้นดอกเบี้ยเพราะในวันเดียวกัน (21 ตุลาคม) GDP Q3 ออกมาโต 9.6%  เห็นได้ชัดว่าจีนต้องการจะขึ้นดอกเบี้ยอยู่แล้ว แค่ confirm ว่า เศรษฐกิจเค้ายังดี ขึ้นไปก็ทนได้ เงินเฟ้อ 4.4% นั้น มาประกาศวันที่ 11 พฤศจิกา ตลาดตกใจมาก เมื่อรวมกับเรื่อง Ireland จึงเป็นอย่างที่เห็น สำหรับ  Ireland นั้น ท่านที่ตามผมชี้ให้ดูกราฟ CDS และ bond yield จะรู้เลยว่า วันแบบนี้ไม่เกินคาดหมาย แต่ถ้าไม่มีจีนคงไม่ใช่วันนี้ Ireland ซึ่งไม่ยอมรับเงินช่วย ในที่สุดแล้วจะรับแน่นอน แก้ไขเมื่อ 17 พ.ย. 53 01:19:24 จากคุณ : Crazy Rabbit เขียนเมื่อ : 17 พ.ย. 53 01:18:04

ความคิดเห็นที่ 97 จอมยุทธทั้งหลายอย่าเพิ่งไปสิท่าน ยังมีชาวสินธรอีกมากมายที่รอการอภิปรายอย่างสนใจไฝ่รู้  นอกจากการมาถกกันว่าทำไมจีนถึงทำแบบนี้ ลองมาถกกันว่า ถ้าจีนไม่ทำแบบเนี้ย แล้วจะเป็นอย่างไร?    ความโลภกับผลประโยชน์เป็นเรื่องธรรมชาติเป็นของคู่โลก การปั่นราคานั้น จะว่าไม่มีพื้นฐานความจริงหรือไม่มีแนวโน้มในอนาคตเลยก็ไม่ใช่ เพียงแต่มันรวดเร็วรุนแรงกว่าที่ควรจะเป็น  ที่คุณ sweet oil กล่าวว่า "นักซื้อขายหุ้น หรือการเก็งกำไรในตลาดขึ้น เป็นการช่วยสะท้อนราคาที่แท้จริงอย่างนึงนะครับ (finding equilibrium) เพราะมันเป็นการ sharing information ในตลาดผ่านทางราคา เรื่องราคาโภคภัณฑ์ ที่ราคามันสวิงไปมาเพราะมันมีการซื้อขายสัญญาล่วงหน้ากันได้ครับ ซึ่งก็มีการเก็งกำไรกันเพื่อหา return แต่ถ้าแนวโน้มระยะยาวมันจะเข้าสู่เหตุผลจริงๆครับ ราคาฝ้ายจะเพิ่มขึ้นเพราะคนซื้อเสื้อเยอะขึ้นก็คือเหตุผลครับ ราคาน้ำมันเพิ่มขึ้นเพราะโลกใช้พลังงานมากขึ้น เพราะ supply โดนจำกัดโดยบางกลุ่ม ราคายางเพิ่มขึ้น เพราะมีการผลิตรถยนต์เพิ่มขึ้น มันใช่หมดแหละครับ" เห็นด้วยอย่างยิ่ง เป็นการมองที่practical แต่ไม่ได้หมายความว่าโลกที่เติบโตอย่างมีเสถียรภาพในความหวังของ จขกท.จะไม่ดีนะ จริงๆแล้วดีกว่าเป๊บซี่เสียอีกเพียงแต่มันคงจะเกิดขึ้นได้ยากมาก จริงๆแล้วกลไกต่างๆในระบบเศรษฐกิจเสรี ในทางทฤษฐีย่อมพาไปสู่จุดสมดุล แต่ในทางปฏิบัติ การไปสู่จุดสมดุลมันไม่smooth อย่างที่ควรจะเป็น มันจะมีค่าเบี่ยงเบนมาตรฐานเชิงสถิติมากเกินกว่าที่ควรจะเป็น(ทำให้นักลงทุนรายย่อยมีโอกาสเจ๊งมากกว่าได้) ก็เพราะอำนาจในการควบคุมข่าวสาร อำนาจเงินในการสร้างราคาทำราคาหุ้นและโภคภัณฑ์ต่างๆ(Market Maker) มักจะอยู่ในมือของผู้มีคุณธรรมน้อย แต่มีความโลภเยอะ ส่วนการวัดกำลังของสองมหาอำนาจนั้น ยังอีกยาวไกลครับ เมกายังมีชั้นเชิงและฤทธิ์เดชอีกมาก อย่าเพิ่งชะล่าใจ (ถึงแม้คนบ้านเราส่วนใหญ่เชียร์จีน) ต่างฝ่ายก็ต่างรักษาประโยชน์และสร้างความมั่งคั่งทางเศรษฐกิจให้ตัวเอง ในวิกฤติเช่นนี้ ในฐานะนักลงทุนรายย่อย มาหาโอกาสในการลงทุนกันดีกว่าครับ เช่นตัวไหนไม่ได้รับผลกระทบทางกำไรแต่ราคาตกตามตลาดรวม เท่ากับซื้อหุ้นได้ที่P/E ต่ำลง   Average Yield ใน Port ของคุณอาจเพิ่มได้ไม่ต่ำกว่า 3-5% ต่อปีเลยทีเดียว(เมื่อเทียบกับตอนก่อนที่จีนจะออกมาตรการนี้) แก้ไขเมื่อ 17 พ.ย. 53 04:26:28 จากคุณ : J (RAEL DEAL) เขียนเมื่อ : 17 พ.ย. 53 04:24:15

ความคิดเห็นที่ 98 ขออ่าน ผู้รู้ด้านเศรษฐศาสตร์ ออกความเห็นกันครับ มีบ่อยๆๆก็ดีครับกระทู้แบบนี้ ถ้าได้ กราฟได้ตัวเลขด้วยอธิบายประกอบความเห็น น่าจะเข้าใจง่ายนะครับ และน่าเป็นเหตเป็นผลง่ายๆๆดี จากคุณ : หมอสัจจะ เขียนเมื่อ : 17 พ.ย. 53 06:10:07

ความคิดเห็นที่ 99 ค.ห. 97   คุณคือผู้นำสมดุลย์กลับมาสู่กระทู้อย่างแท้จริงเพราะหากปล่อยต่อไปมีหวังได้การเป็นการปะทะกันระหว่างสังคมนิมกับเสรีนิยมประเด็นจะออกอ่าวไปซะเปล่าๆ ค.ห. 96 ผมเห็นด้วยครับ ค.ห.90 เห็นด้วยครับ ค.ห. 89 หากสงสารแมงเม่าจริงพวกเราต้องออกมาเตือนกันครับ เออ...อเมริการู้สึกจะอัดฉีดเงินเพิ่มอีกแล้วนะครับคุณ mr.we ป.ล. ผมเห็นด้วยว่าความโลภเป็นสิ่งที่แทบจะเอาชนะไม่ได้เลยแม้แต่ผมพยายามแล้ว เด๋วรอ 950 อาจได้ลงไปลองซักตั้ง อิ อิ จากคุณ : everandever เขียนเมื่อ : 17 พ.ย. 53 06:17:40

ความคิดเห็นที่ 100 ค.ห.98 ผมโพสฟรีๆครับไม่ได้ค่าจ้าง ขี้เกียจทำกราฟ กระทู้อย่างที่เห็นก็คือแค่ความเห็นอย่างหนึ่ง พวกเรามาคุยกันสนุกๆชิลๆครับคุณหมอ ป.ล. ใครอยากเอาไปเป็นแนวทางลงทุนหุ้นผมขอแช่งให้จิตใจหวั่นไหวพบกับความไม่แน่นอนทุกๆวันๆไป อิ อิ จากคุณ : everandever เขียนเมื่อ : 17 พ.ย. 53 06:21:15

ความคิดเห็นที่ 101 ส่วนค.ห.คุณ modxyz ผมขอร่ายยาวหน่อยนะครับ..... คุณพูดถูกจิตของผมขณะนี้ไม่สมดุลย์แน่นอนและทำท่าจะแยกออกเป็นสองเสี่ยง แต่ลึกๆแล้วผมก็มั่นใจว่าผมไม่ผิดหากผมจะถือหากอีกด้านนึงซึ่งอาจเป็นด้านมืดก้ได้เพื่อสร้างความสมเดุลย์ระหว่างสังคมนิยมกับเสรีนิยมต่อไป เพราะถ้าทุกคนขายวิญญานให้ทุนนิยมเสรีแล้วโลกเราก็จะขาดสมดุลย์จริงไหมครับ ? พูดถึงอคติหรือ bias เนี่ยผมล่ะเกลียดที่สุดคือพวกที่เชื่อว่ามีระบบเดียวที่ดีที่สุดสำหรับทุกประเทศทั่วโลก ไอ้พวกนี้แหละตัวก่อสงคราม ส่วนผมไม่หวังขนาดนั้นหรอกครับแค่หวังจะได้เห็นไอ้พวกนายทุนแนวเสรีเอาตีนก่ายหน้าผากบ้าง ผมก็ยิ้มไปได้ทั้งวันแล้ว เออ...ที่ทำให้ผมมีความสุขกว่านั้นก็คือการได้เห็นคนโลภมากความรู้น้อยติดดอยกันเยอะๆครับ (ฮา) พวกเขาจะได้ตื่นจากความโลภแล้วมาตั้งข้อสังเกตุระบบของโลกปัจจุบันเรามากขึ้น จากคุณ : everandever เขียนเมื่อ : 17 พ.ย. 53 06:29:18

ความคิดเห็นที่ 102 คุณ crazyrabbit และ sweetoil ครับ คุณต้องเข้าใจก่อนนะว่าการออกนโยบายมาส่วนใหญ่ต้องมีประโยชน์มากกว่าแค่เหตุผลเดียว การทำแบบนี้ของจีนก็เหมือน QE ของสหรัฐนั่นแหละครับ ผลกระทบของมันมากกกว่าแค่ลดเงินเฟ้อในประเทศแน่นอน THE BEST HAS YET TO COME....จับตาดูกันต่อไป จากคุณ : everandever เขียนเมื่อ : 17 พ.ย. 53 06:35:33

ความคิดเห็นที่ 103 ขอเพิ่มเติม คห.72  อีกด้านหนึ่ง ตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้า มีผู้เล่น 3 คน คือ เกษตรกร พ่อค้า นักเก็งกำไร ประโยชน์สำหรับเกษตรกร คือเลือกที่จะเพาะปลูกอะไรที่ตัวเองรู้ราคาขายล่วงหน้า ทำให้วางแผนกำไรได้  เสียดายที่รัฐบาลไทยไม่ได้ใช้ประโยชน์จากจุดนี้ ดังนั้นถ้าเกษตรกร พอใจในกำไรที่วางแผนไว้ ราคาจะขึ้นจะลง เขาก็ไม่เสี่ยงเพราะขายล่วงหน้าไปแล้ว ส่วนที่วุ่นวายกันทุกวันนี้ เพราะนักเก็งกำไร (ความโลภทั้งนั้น) จากคุณ : banchap (banchap) เขียนเมื่อ : 17 พ.ย. 53 07:20:16

ความคิดเห็นที่ 104 ถ้าผมเชื่อราคาเกษตรล่วงหน้าจริง ป่านนี้ผมเลิกเล่นหุ้นเอาเงินไปลงทุนปลูกต้นฝ้ายเดี๋ยวเลยครับท่าน จากคุณ : everandever เขียนเมื่อ : 17 พ.ย. 53 07:49:20

ความคิดเห็นที่ 105 ค.ห.3 บอกเจตนาทุกคนในนี้เลยครับ ไม่ค่อยมีใครที่เป็นนักเศรษฐศาสตร์ไปgiveเลยนะ แปลกเนอะ ? จากคุณ : everandever เขียนเมื่อ : 17 พ.ย. 53 07:51:40

ความคิดเห็นที่ 106 กระทู้นี้ดูดกิ๊ฟนู๋ไปหมดเลย... จากคุณ : KimNamGun เขียนเมื่อ : 17 พ.ย. 53 08:38:09

ความคิดเห็นที่ 107 #102 ผมว่าคุณเข้าใจผิดใหญ่แล้วครับ การออก policy มาให้ได้ผลในสิ่งที่เค้าหวังไว้แค่อย่างเดียวก็ยากแล้ว ขออนุญาตชี้แจงเพิ่ม ขนาดไทยเป็นประเทศเล็กๆ สมการ Macro ของไทยที่ BOT (Bank of Thailand) ใช้ มีเป็นพันสมการที่เกี่ยวเนื่องกัน การที่ BOT ขึ้นดอกเบี้ยนโยบายครั้งนึงจะทำให้สมการพวกนี้เปลี่ยนหมด ซึ่งนี่ยังไม่ซับซ้อนพอ ที่ยากกว่านั้นก็คือการขึ้นหรือลด Policy Interest Rate แต่ละครั้ง BOT ต้องคาดการณ์เป็นเวลา 8Q or 2 years กว่า Policy จะส่งผล (interest rate) ขอยกตัวอย่างต่างประเทศบ้างนะครับ การที่ US ทำ QE เพื่อหวังว่าจะกระตุ้น economy ซึ่รอบแรกมั่นใจเหลือเกินว่าทำครั้งเดียวพอ แต่นี่ก็มี QE2 ออกมา จะเห็นได้ว่ามันไม่เป็นตามที่เค้าคาดไว้ คงน่าจะเข้าใจบ้างแล้วนะครับ ว่าการออก Policy แค่มี Objective เดียวยังไม่รู้จะสำเร็จรึเปล่าเพราะ Factors มันเยอะไปหมด และแต่ละตัวก็ไม่ส่งผลขนาดเดียวกันที่เวลาต่างกันด้วย ฉะนั้นการออก Policy ให้ได้ผลสองสามเด้งอย่างที่คุณ everandever ว่าผมว่าไม่มีคนทำนโยบายคนไหนเค้าคิดหรอกครับ ***ผมขอเตือนเลยว่าคนอ่านโปรดเสพความรู้จากกระทู้นี้ด้วยความระวังหน่อยครับ เพราะ จขกท เขียนเอามันl์ แต่งเรื่องน่าอ่าน น่าเชื่อ แต่โลกความจริงมันไม่ได้เป็นอย่างนั้นครับ จากคุณ : sweetoil เขียนเมื่อ : 17 พ.ย. 53 08:43:28

ความคิดเห็นที่ 108 ตอบ คุณ sweetoil นั่นมันเมื่อก่อนครับ เดี๋ยวนี้มี futures กันเยอะแยะ ปรับนโยบายทีไอ้พวกนี้ก็วิ่งขึ้นลงปรับเปลี่ยนอนาคตกันจ้าละหวั่น เพราะอนาคตกำลังเปลี่ยน !!! (น่ากลัวจัง) expentation กับ speculation ครับ ไม่อย่างงั้นพวก futures พวกนี้จะมีทำไมถ้ามันนิ่งๆไปตามฤดูกาลแค่นั้น พวกนี้แหละครับผลพวงจากการออกนโยบายต่างๆมาโต้ตอบกัน คนรู้ดีอย่างคุณน่าจะทำกำไรได้เยอะอยู่ (ผมก็ได้เหมือนกัน) อนึ่งสิ่งที่ผมเขียนเป็นความเห็นล้วนๆๆ ไม่งั้นผมไม่มาโพสลงพันธิ์ทิพย์หรอกพิมพิ์หนังสือหลอกขายชาวบ้านดีกว่า ส่วนเรื่องที่คุณกังวลก็ไม่ต้องกังวลไปหรอกครับคนพันทิพยิ์เขาไม่ได้กินหญ้า อ่านจากความเห็นและการใช้ศัพท์เขาก็รู้ว่าคุณเรียนเก่งกว่าผม .... จากคุณ : everandever เขียนเมื่อ : 17 พ.ย. 53 08:56:45

ความคิดเห็นที่ 109 กระทู้ดูดี มีสาระ แต่ ไม่ใช่นักเศรษฐศาสตร์ เลยไม่ค่อยเข้าใจนัก ขอผู้รู้ที่กำลังถกเถียงกันหน่อย (รวมถึงพี่กระต่าย, พี่ m_ple) มาสรุป bottom line ให้ฟังหน่อยว่าสุดท้ายแล้วทั้งกระบวนท่าต่างๆ จากฝั่ง US และมังกรจีน จะทำให้ข้าวแกงไทยแพงขึ้นเป็นจานละ 50 เร็วช้ามากน้อยแค่ไหนครับ ด้วยความเคารพ _/|\_ จากคุณ : teeranet เขียนเมื่อ : 17 พ.ย. 53 09:07:44

ความคิดเห็นที่ 110 ขอบคุณเจ้าของกระทู้ครับ และ ผู้แสดงความคิดเห็นทุกท่าน กระทู้แบบนี้ได้ประโยชน์และมุมมองมาก ดีกว่ากระทู้ทะเลาะกันเป็นไหนๆ จากคุณ : kop999kiat เขียนเมื่อ : 17 พ.ย. 53 10:07:14

ความคิดเห็นที่ 111 ได้ความรู้เยอะมาก ขอบคุณค่ะ จากคุณ : Okay Happy เขียนเมื่อ : 17 พ.ย. 53 11:01:18

ความคิดเห็นที่ 112 ผมรู้สึกว่าโลกแห่งความเป็นจริง จะเป็นอย่างที่ everandever  ว่า เพราะเมื่อ  3-4 ปี ก่อน  ผมเจอ กลุ่มน้ำมัน กลุ่มเรือ และ กลุ่มเหล็กเป็นชุดสุดท้าย  สัมผัสจริง จากคุณ : Big Jump เขียนเมื่อ : 17 พ.ย. 53 11:28:31

ความคิดเห็นที่ 113 "คุณพูดถูกจิตของผมขณะนี้ไม่สมดุลย์แน่นอนและทำท่าจะแยกออกเป็นสองเสี่ยง แต่ลึกๆแล้วผมก็มั่นใจว่าผมไม่ผิดหากผมจะถือหากอีกด้านนึงซึ่งอาจเป็นด้านมืดก้ได้เพื่อสร้างความสมเดุลย์ระหว่างสังคมนิยมกับเสรีนิยมต่อไป เพราะถ้าทุกคนขายวิญญานให้ทุนนิยมเสรีแล้วโลกเราก็จะขาดสมดุลย์จริงไหมครับ ?" ---- ผมว่าจริงๆก็ไม่ผิดหรอกครับที่จะถือหางด้านไหน แต่คงเป็นไปไม่ได้ที่ทุกคนจะถือหางทุนนิยมเสรีหรอกครับ (อย่างน้อยก็คุณ everandever คนนึง อิอิ) เท่าที่อ่านหลายๆความเห็นของคุณในกระทู้ (ไม่รู้คิดไปเองป่าว ถ้าไม่ใช่ขออภัย) คล้ายๆกับว่าคุณพี่เป็นคนรุนแรงในอุดมการณ์ แต่ผมคิดว่าขวาจัดซ้ายจัดไปก็ไม่ดีนะครับ ไม่งั้นเราก็ไม่ต่างจากไอ้พวกทุนนิยมสุดโต่งทุกวันนี้ เพราะหลายๆครั้งหลายๆเรื่อง อารมณ์เรามันอาจจะบังตา พาให้เราเห็นแต่ในมุมของเราไปซะอย่างเดียว (เหมือนกับที่เกิดขึ้นกับคนเล่นหุ้นทุกวันนี้ ฮาา) ทุนนิยมจริงๆมันก็ดารค์ไซด์สุดๆเหมือนกัน 55 แต่ก็ไม่ไช่ว่ามันไม่มีดีนะ   "พูดถึงอคติหรือ bias เนี่ยผมล่ะเกลียดที่สุดคือพวกที่เชื่อว่ามีระบบเดียวที่ดีที่สุดสำหรับทุกประเทศทั่วโลก ไอ้พวกนี้แหละตัวก่อสงคราม" --- ใช่ครับ บางทีมองห่างๆออกมาผมก็เห็นว่ามันตลกดี ที่มหาอำนาจทุกวันนี้มันคอยแต่จะจัดสุมดุลย์จัดระเบียบให้คนอื่น ทั้งๆที่ตัวมันเองยังจัดสมดุลย์ให้ตัวมันเองยังไม่ได้เลย ยิ่งทำโลกมันก็ยิ่งวุ่นวาย... แต่โลกมันก็วุ่นวายเพราะคนมาทุกสมัยอยู่แล้ว และคงวุ่นวายเพราะคนต่อไปแหละผมว่า :D "ส่วนผมไม่หวังขนาดนั้นหรอกครับแค่หวังจะได้เห็นไอ้พวกนายทุนแนวเสรีเอาตีนก่ายหน้าผากบ้าง ผมก็ยิ้มไปได้ทั้งวันแล้ว " --- ไม่รู้พูดจริงพูดเล่น แต่อย่าเอาแต่คิดอย่างนั้นเลย การคอยจะยินดีกับทุกข์ของผู้อื่น ระยะยาวจิตใจคุณจะเพี้ยนและหลอนเอานะครับ (สมน้ำหน้าแต่พอควรให้กระชุ่มกระชวยก็พอ ถ้ามันอดไม่ไหวจริงๆ :D) มันจะกลายเป็นเหมือนโรคจิตชนิดหนึ่ง ผมเคยเห็นหลายๆคนในชีวิตเป็นอย่างนี้มาแล้ว ระวังนะครับ "เออ...ที่ทำให้ผมมีความสุขกว่านั้นก็คือการได้เห็นคนโลภมากความรู้น้อยติดดอยกันเยอะๆครับ (ฮา) พวกเขาจะได้ตื่นจากความโลภแล้วมาตั้งข้อสังเกตุระบบของโลกปัจจุบันเรามากขึ้น" --- ผมกลับสงสารคนติดดอยนะ โดยเฉพาะคนที่โดนหลอกมาเพราะความโลภแบบหลงผิด (ความรู้มากก็ติดดอยได้นะ ถ้าหุ้นลงแล้วไม่ขาย อิอิ) และผมว่าสิ่งที่คุณอยากให้เกิดคงจะยากครับ เพราะเวลาคนมันติดดอยมันคิดแต่จะหลุดนะผมว่า 55 เรื่องระบบเศรษฐศาสตร์ทุนนิยมโลกมันคงต้องเอาไว้ก่อนอ่ะครับ เหมือนท้องยังไม่อิ่ม จะให้คิดเรื่องอื่นคงยากครับ :D ส่วนตัวแล้วผมยังเชื่อว่า ไม่ว่าจะระบบไหนก็ตาม ถ้ามันยังอยู่ในกรอบความคิดและสันดานเดิมๆของคน ผลสุดท้ายมันก็อีหรอบเดิม เพราะสันดานมนุษย์ ต่างคนก็ต่างต้องการสร้างโลกในแบบของตัวเองขึ้นมาทั้งนั้น ยังไงซะก็ต้องเกิด Conflict ขึ้นมาไม่จบไม่สิ้นอยู่ดี ประเด็นที่ผมอยากคุยก็แค่.. เราอาจเปลี่ยนโลกได้/หรือไม่ได้.. แต่สุดท้าย มันก็จะเปลี่ยนต่อไปเรื่อยๆอยู่ดี เท่านั้นแหละครับ ไปและโชคดีรวยๆวันแดงเดือดต่อเนื่องครับ :D จากคุณ : modxyz เขียนเมื่อ : 17 พ.ย. 53 11:36:48

ความคิดเห็นที่ 114 เงืนคือพระเจ้า จากคุณ : Big Jump เขียนเมื่อ : 17 พ.ย. 53 11:39:14

ความคิดเห็นที่ 115 #113  ผมคิดว่าเจ้าของ กระทู้ ไม่ไช่คนหัวรุนแรงในอุดมการณ์ ผมคิดว่า  เจ้าของกระทู้เป็นคนมองโลกกว้าง เห็นข้อดีข้อเสียของทุกระบบ  มากกว่า  และวิพากษ์วิจารณ์  ตามข้อเท็จจริง  แนวประชดประชัน ไม่มีอะไรมากไปกว่านั้น   จริงๆ  ดูเป็นคนน่าคบ  พูดตรง แนวประชดประชัน   ดีกว่าพูดหวาน แต่บิดเบือน เดี๋ยวปีหน้า  มาดูเฉลยกันนะครับ จากคุณ : Big Jump เขียนเมื่อ : 17 พ.ย. 53 11:45:09

ความคิดเห็นที่ 116 ไม่ต้องดูถึงปีหน้าก็ได้ครับคุณ Big Jump เอาเสาร์-อาทิตย์นี้ดีกว่า เอ้อ! ผมว่าคืนนี้ดีกว่านะ ดูว่าไอร์แลนด์จะยอมรับการช่วยหรือเปล่าอย่างที่คุณ Crazy rabbit คาดไว้ ..... จากคุณ : everandever เขียนเมื่อ : 17 พ.ย. 53 11:50:59

ความคิดเห็นที่ 117 ส่วนตัวผมอยากให้คำตอบเป็น"ไม่" ไอ้ fund flow จะได้ขนเอาเงินกลับไปช้อนซื้อสินทรัพย์ดีๆที่ยุโรปในราคาถูกๆบรรลัย พวกเราจะได้ช้อนของถูกๆที่นี่กันใหม่ไง อิ อิ จากคุณ : everandever เขียนเมื่อ : 17 พ.ย. 53 11:53:12

ความคิดเห็นที่ 118 หุ้นตกก็มึนแล้ว มาอ่านกระทู้เศรษฐศาสตร์ ยิ่งมึนไปใหญ่  จากคุณ : mannormal เขียนเมื่อ : 17 พ.ย. 53 12:04:06

ความคิดเห็นที่ 119 ตอบคุณ modxyz ประเภทแมงเม่าที่โดนหลอกให้ถือหุ้น VI จอมปลอมน่ะเป็นประเภทเดียวที่ผมไม่สงสาร ในอเมริกาโดนหลอกกันเยอะมากกกก โบรกโทรหาเม่าเอาหุ้นขยะมาเสนอแล้วหลอกให้ถือจนเน่าคามือ ไอ้เม่าก็ถือไปเพราะความเสียดายปนโลภ เฮ้ออ รู้สึกเดี๋ยวนี้ในเมืองไทยก็มีมากอยู่นะ ขนาดผมยังโดนมาร์โทรมาหลอกให้ถือหุ้น bts เลยคุณ (ฮา) โชคดีคัทไปเรียบร้อย 555 จากคุณ : everandever เขียนเมื่อ : 17 พ.ย. 53 12:04:39