ความคิดเห็นที่ 1 ให้ PE ตาม growth ครับ growth น้อย ให้ต่ำสิบ growth 15-25 เปอร์เซนต์ (รอบ5ปีที่ผ่านมา) ให้ ตามเปอร์เซนต์ ครับ จากคุณ : gongort2 เขียนเมื่อ : 23 พ.ย. 53 07:43:31

ความคิดเห็นที่ 2 ขอบคุณ คห 1  มากเลยครับ แนะนำสั้น ๆ แต่ไม่เคยรู้มาก่อนเลยเรื่อง Growth จากคุณ : MR.rank เขียนเมื่อ : 23 พ.ย. 53 08:19:52

ความคิดเห็นที่ 3 ต้องดูอัตราการเติบโตและลักษณะของกิจการประกอบครับ จากคุณ : Danny Boy เขียนเมื่อ : 23 พ.ย. 53 08:48:08

ความคิดเห็นที่ 4 ดูความแข็งแกร่ง ความสามารถของการแข่งขัน ลักษณะของธุรกิจและตลาดโดยรวม ว่าเปนแบบเติบโต มั่นคง หรือวัฐจักร ภาพรวมงบการเงิน พวกratioต่างๆ ความโปร่งใส และความเก่งของผู้บริหาร แล้วค่อยมาประเมินPE จากคุณ : densin เขียนเมื่อ : 23 พ.ย. 53 08:53:11

ความคิดเห็นที่ 5 PE น้อยกว่า 6 ดีมาก ดู ROE,Sell Growth, EBITDA Growth ประกอบ PE 7-10 ดีพอใช้ ดู ROE,Sell Growth, EBITDA Growth ประกอบ PE 10-12 ดี ดู ROE,Sell Growth, EBITDA Growth ประกอบต้องค่อนข้างสูง ถึงดี PE>12 พอใช้ ต้องเป็น Defend Stock จากคุณ : opar156 เขียนเมื่อ : 23 พ.ย. 53 09:12:40

ความคิดเห็นที่ 6 growth ของกำไรนะครับ คุณ Mr.rank กล่อง 1 สั้นไปหน่อย เดี๋ยวขยายเพิ่มให้ สมมุติ กำไรปีนี้ 1 บาท ผ่านไป  ปี 1   ปี 2   สาม     สี่      ห้า 10%    1.1   1.21  1.33   1.46  1.61 20%    1.2   1.44  1.78   2.07  2.48 หุ้นตัวที่โต 10 เปอร์เซนต์ อีกห้าปี จะมีกำไรประมาณ 1.6 บาท สมมุติว่าเราให้ PE 12 เท่า ตอนนี้ซื้อมา 12 บาท อีก 5 ปี ราคาน่าจะเป็น 1.6*12 = 19.2 บาท ได้ส่วนต่าง 7.2 บาท คิดเป็น 60 เปอร์เซนต์ หุ้นตัวที่โต 20 เปอร์เซนต์ อีกห้าปี จะมีกำไรประมาณ 2.48 บาท สมมุติว่าเราให้ PE 18 เท่า ตอนนี้ซื้อมา 18 บาท อีก 5 ปี ราคาน่าจะเป็น 2.48*18 = 44.64 บาท ได้ส่วนต่าง 26.64 บาท คิดเป็น 148 เปอร์เซนต์ เป็นเหตุผลว่าทำไมหุ้น PE ต่ำๆ แล้วราคาอาจจะไม่ไปไหนก็ได้ ถ้ามันอยู่ในธุรกิจที่ไม่มีการเติบโต แล้วบางหุ้น PE แพงทะลุฟ้า 30 แล้ว ราคาก็ยังพุ่งขึ้นไปได้อีกเพราะยังมีการเติบโตขนาดนั้นอยู่ ลองดูตัวอย่าง CPAll HMPRO ดูซิครับ ส่วนตัวแล้ว PE สูงสำหรับหุ้นที่ได้กำไรเติบโตต่อเนื่องนั้น แสดงให้เห็นถึง ลักษณะของธุรกิจที่ได้เปรียบ มีความสามารถในการแข่งขันสูง สินค้าบริการเป็นที่ต้องการของตลาดเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ข้อเสียของการซื้อหุ้น PE ratio สูงนั้นอยู่ที่ ถ้าผลประกอบการไม่เป็นอย่างที่คาดหวัง เช่นกำไรน้อยกว่าที่คาด หรือขาดทุนขึ้นมาละก็ ตัวใครตัวมันได้เลยครับ Concept แบบนี้เป็นของ Phillip A Fisher ซื้อธุรกิจที่ดีเยี่ยม ในราคาที่ยุติธรรม แล้วถีอไว้ตราบเท่าที่พื้นฐานไม่เปลี่ยน ที่ Buffett เอามาใช้ แล้วได้ผลอย่างยิ่ง รวมทั้งดร นิเวศน์ด้วย แก้ไขเมื่อ 23 พ.ย. 53 09:19:28 แก้ไขเมื่อ 23 พ.ย. 53 09:15:57 จากคุณ : gongort2 เขียนเมื่อ : 23 พ.ย. 53 09:12:52

ความคิดเห็นที่ 7 ปัญหามันอยู่ที่ว่า เราจะประเมินกำไรใน อานาคตยังไงดีละครับ ในเมื่อเราไม่ใช่ผู้บริหาร ไม่ได้อยู่ใกล้ลชิดกับกิจการ  สิ่งที่เราเห็นก็มีแต่ pe ผลประกอบการล่าสุด สมมุติผมซื้อหุ้นที่ pe ไม่เกิน 8 pb ไม่เกิน 1 เท่า มีปันผล 5 % ดูผลประการย้อนหลังถึงปัจจุบันพอ ซื้อกระจายไปหลาย ๆ ตัว  (โดยไม่ซื้อหุ้น วัฎจักร์) เอาแต่ที่กำไรสำมำเสมอ แบบนี้ผมคิดว่าโอกาสขาดทุนมีน้อย และจัดเห็นหุ้น คุณค่า ได้ไหม น่าจะมี mos เพียงพอหรือยังครับ จากคุณ : MR.rank เขียนเมื่อ : 23 พ.ย. 53 09:53:44

ความคิดเห็นที่ 8 ออกตัวก่อนนะครับว่าเป็นแค่ความคิดเห็นส่วนตัว ของคนที่ล้มลุกคลุกคลานในตลาดหุ้นแห่งนี้เหมือนกัน แนวทาง ในกล่อง 7 ก็เป็นวิธีการที่เป็นไปได้ที่จะชนะตลาด หลักคิดน่าจะคล้ายกับ Templeton ที่เน้นไปที่การปันผล เขาคิดว่าถ้าจะให้มูลค่าโตสัก 15 เปอร์เซนต์ ได้ปันผลมา 5 แล้ว ที่เหลืออีก 10 เปอร์เซนต์ ก็ไม่น่าจะยากมากแล้ว http://www.thaivi.com/2010/02/143/ มีหนังสีอวางขายอยู่ครับ ถ้ายังไม่เคยอ่าน ถ้าอ่านแล้ว รู้แล้ว ขออภัยด้วยที่ซ้ำ จากคุณ : gongort2 เขียนเมื่อ : 23 พ.ย. 53 10:17:02

ความคิดเห็นที่ 9 ผมว่าหุ้นคุณค่าไม่มี เราหลอกตัวเอง(จริงๆคือเราไม่รู้จริงเรื่องหลักการ) เค้าสองหลักการลงทุนเน้นคุณค่าเราก็ไปตีความว่ามันมีหุ้นคุณค่าหุ้นพื้นฐาน ถ้าหากcpallขาดทุนต่อเนื่อง3ปีมันยังจะเป็นหุ้นคุณค่าอยู่มั้ย ถ้าหากปีนี้trueกำไรต่อเนื่อง3ปีมันจะยังเป็นหุ้นเน่ามั้ย หลักการเค้าสอนอยู่แล้วว่ามันต้องundervalue จะpeไม่ใช่ปัจจัยสำคัญ หลักสำคัญคือมันต้องundervalue จากคุณ : drypoint เขียนเมื่อ : 23 พ.ย. 53 11:00:37

ความคิดเห็นที่ 10 เห็นด้วยกับ คห 9 ใครบอกว่าหุ้นดี ซื้อได้ทุกราคา  ต้องเข้าใจสี่งที่ตัวเองพูดให้ละเอียดก่อน จากคุณ : joeymydear เขียนเมื่อ : 23 พ.ย. 53 11:12:33

ความคิดเห็นที่ 11 มันคิดยากมั๊ยครับไอ้ undervalue จากคุณ : alien1200 เขียนเมื่อ : 23 พ.ย. 53 11:21:45

ความคิดเห็นที่ 12 PE มันหยาบไปครับ ต้องดู yield เทียบกับ Price vs EPS จากคุณ : The Peak เขียนเมื่อ : 23 พ.ย. 53 11:39:29

ความคิดเห็นที่ 13 ขอบคุณค่า ทู้นี้ทำให้มองภาพของ PE ได้ค่อนข้างดีก่อนที่ยังไม่ได้อ่าน ^____________^ จากคุณ : น้องนู๋ GaZib เขียนเมื่อ : 23 พ.ย. 53 13:00:34