ความคิดเห็นที่ 1 ใจเย็นๆนะคะคุณ Chocolate_Malt ยังไงรบกวน ขอชื่อ เบอร์ ติดต่อ มาทางหลังบ้านด้วยค่ะ เพื่อให้ SCB Thailand ตรวจสอบให้อีกทางค่ะ จากคุณ : SCB Thailand เขียนเมื่อ : 23 พ.ย. 53 10:26:24

ความคิดเห็นที่ 2 ถ้าบัตรเครดิตที่มีอยู่ ได้มาพร้อมกับการขอสินเชื่อบ้านจำเป็นต้องขอให้ปิดบัตรด้วยครับ แต่ถ้าเป็นบัตรเครดิตที่สมัครไว้โดยพิจารณาจาก รายได้ประจำ ก่อนที่จะขอ สินเชื่อบ้าน จะไม่จำเป็นที่ต้องถูกระงับการใช้บัตรครับ จากคุณ : pjuk เขียนเมื่อ : 23 พ.ย. 53 10:29:47

ความคิดเห็นที่ 3 ตอบคุณ pjuk ค่ะ บัตรเครดิตที่มีอยู่ ไม่ได้มาพร้อมกับสินเชื่อบ้านค่ะ ทางเจ้าหน้าที่ไม่ได้ระงับบัตรค่ะ แต่บอกว่าให้ชำระยอดที่ใช้ไปทั้งหมดค่ะ แก้ไขเมื่อ 23 พ.ย. 53 10:39:02 จากคุณ : Chocolate_Malt เขียนเมื่อ : 23 พ.ย. 53 10:34:20

ความคิดเห็นที่ 4 เป็นเจ้าหน้าที่ที่สาขา หรือเป็นเจ้าหน้าจากส่วนกลางที่แจ้งให้ทราบครับ โดยแจ้งทันทีที่ขอ Refinance หรือว่าแจ้งให้ทราบภายหลังจากส่วนกลางครับ จากคุณ : pjuk เขียนเมื่อ : 23 พ.ย. 53 10:41:33

ความคิดเห็นที่ 5 คอบคุณ pjuk นะคะ เป็นเจ้าหน้าที่สินเชื่อจากสาขาค่ะ แจ้งให้ทราบหลังจากที่นัดวันปิดบัญชีสินเชื่อค่ะ จากคุณ : Chocolate_Malt เขียนเมื่อ : 23 พ.ย. 53 10:45:00

ความคิดเห็นที่ 6 อ่านแล้วเสียความรู้สึกตาม ท่านจขกท. คุณ Pjuk กับ คุณ SCB ช่วยดูแลหน่อยนะคร้าบบบ ... ปล.ผมก็ผ่อนบ้านกับ SCB คร้าบบบ จากคุณ : ltf06 เขียนเมื่อ : 23 พ.ย. 53 10:56:55

ความคิดเห็นที่ 7 ขอบพระคุณสำหรับข้อมูลเพิ่มเติมครับ .... และขออภัยที่ทำให้เสียความรู้สึก แต่ทั้งนี้ทั้งหมดที่อ่านจากกระทู้ ภาระหนี้บัตรทั้งหมดก็ได้เคลียร์เรียบร้อย หมดแล้ว ทำให้สบายใจได้ว่าไม่มีภาระหนี้นอกเหนือจากเงินสินเชื่อบ้านแล้ว นะครับ รบกวนให้ชื่อ-นามสกุล กับทาง SCB Thailand ไว้เลยนะครับ จากคุณ : pjuk เขียนเมื่อ : 23 พ.ย. 53 11:01:38

ความคิดเห็นที่ 8 ตอบคุณ pjuk นะคะ ใช่ค่ะ ถึงแม้หนี้บัตรทั้งหมดถูกเคลียร์เรียบร้อยแล้ว แต่ที่ข้องใจคือทำไมถึงโยงเรื่องสินเชื่อบ้านมารวมกับบัตรเครดิตคะ ทั้งๆ ที่ไม่เกี่ยวกัน เราเป็นหนี้บัตรแต่เราก็มีกำลังจ่ายนะคะ ในเมื่อแบงค์ใหม่เค้ายังไม่แคร์เลยว่าเราจะมีภาระหนี้อะไร แล้วทาง SCB ทำอย่างนี้ มีวัตถุประสงค์อะไรคะ จากคุณ : Chocolate_Malt เขียนเมื่อ : 23 พ.ย. 53 11:05:36

ความคิดเห็นที่ 9 SCB อย่างน้อยก็ยังมี คุณ SCB thailand, Pjuk Kbank อย่างน้อยก็ยังมี คุณ 88888 อันทีจริง ธนาคารไม่จำเป็นต้องมาดูแลคนในพันทิบเลยก็ย่อมได้ องค์กร พนักงานเป็นพันๆ ก็อาจมีบ้างเข้าใจไม่ตรงกันบ้าง ถูกใจเราบ้าง ผิดใจเราบ้าง ลองเปิดใจ ค่อยๆ คุยกัน ปรึกษากัน มาโพสที่นี่ให้ เพื่อนๆ ช่วยกันดู เดี๋ยวก็ผ่านไปได้ครับ ธนาคารอื่น ยังไม่เห็นมีการดูแลลูกค้าดีๆ แบบนี้นะครับ จากคุณ : Astromantic เขียนเมื่อ : 23 พ.ย. 53 11:05:59

ความคิดเห็นที่ 10 นั่นสิครับทำไมต้องปิดบัญชีบัตรเครดิตในเมื่อ ก็ไม่ได้ผิดสัญญาอะไรเลย รู้สึกเห็นใจจขกท.นะครับ  เอาใจช่วยนะครับ  อยากได้รับฟังคำตอบที่มีเหตุผลเหมือนกันครับ จากคุณ : weera (weerachat12345) เขียนเมื่อ : 23 พ.ย. 53 11:39:33

ความคิดเห็นที่ 11 ปัญหารีไฟแนนท์ของไทยพาณิชย์มาเป็นระยะๆ ถ้าไม่ใช่สังคมในพันทิพที่มีคุณ Pjuk คอยช่วยเหลือ ดูแล จะทำยังงัย จากคุณ : P'tone เขียนเมื่อ : 23 พ.ย. 53 11:40:39

ความคิดเห็นที่ 12 ผมเจอหนักกว่า คุณ จขกท. อีก ... ยื้อดึงเรื่อง จนเกือบหลุดโปรฯ ธนาคารอื่นที่เสนอมา จนท.ส่วนกลางอ้างโน้นอ้างนี่ โทรตามจิกแต่ละที จะมีเหตุผลมาอ้างได้ตลอด ปัจจุบันผมยังเป็นลูกค้าของ SCB อยู่ ในส่วนธุรกรรมอื่นๆ แต่สำหรับสินเชื่อบ้าน เข็ดขยาดครับ .... และถ้าใครมาปรึกษาเรื่องขอสินเชื่อบ้าน ผมจะแนะนำให้ห่างๆ SCB ไว้เลย ... เพราะคุณจะเจอความเลวร้ายทันที ที่จะขอรีไฟแนนซ์ไปธนาคารอื่น จากคุณ : . ({-WarLord-}) เขียนเมื่อ : 23 พ.ย. 53 11:45:36

ความคิดเห็นที่ 13 Astromantic และ P'tone  เห็นด้วยค่ะ ที่อย่างน้อยยังมีคนรับฟังปัญหา                                           weera   ตอนนี้ก็ได้แต่หวังว่าจะได้รับคำตอบที่สมเหตุสมผลเหมือนกันค่ะ จากคุณ : Chocolate_Malt เขียนเมื่อ : 23 พ.ย. 53 11:47:41

ความคิดเห็นที่ 14 คุณ ({-WarLord-}) เจอเหมือนกันค่ะ จริงๆ ติดต่อไปตั้งแต่เดือน ตค แต่ก้อยืดเยื้อมาตลอด เวลาโทรตามก็จะสายไม่ว่างมั่ง ไม่อยู่มั่ง หลากหลายเหตุผลค่ะ เข็ดเหมือนกันค่ะ และคิดว่าจะไม่ใช้ธุรกรรมทุกประเภทกับไทยพาณิชย์อีกต่อไปแล้วค่ะ จากคุณ : Chocolate_Malt เขียนเมื่อ : 23 พ.ย. 53 11:50:05

ความคิดเห็นที่ 15 เป็นกำลังใจให้ จขกท. และ อยากเห็นการบริการที่ดี ของทุกแบ็งค์ นี่อาจเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีของ SCB ครับ จากคุณ : Astromantic เขียนเมื่อ : 23 พ.ย. 53 12:12:19

ความคิดเห็นที่ 16 คห 9... SCB อย่างน้อยก็ยังมี คุณ SCB thailand, Pjuk Kbank อย่างน้อยก็ยังมี คุณ K8888 อันทีจริง ธนาคารไม่จำเป็นต้องมาดูแลคนในพันทิบเลยก็ย่อมได้ ^ ^ ความเห็นผมนะ ผมว่าจำเป็นต้องมีคนมาดูแลในพันทิปน่ะ ถูกแล้ว เพราะมันเป็น CRM ที่ได้ผล แล้วพันทิปก็เป็นเวปที่มีสมาชิกจำนวนมาก เข้าใจความรู้สึก จขกท เลย บอกตรงๆ SCB เสียลูกค้าเพราะ Call Center มาเยอะแล้ว แทนที่จะเป็นหน่วยงานที่ดึงลูกค้าไว้ กลับทำหน้าที่ไล่ลูกค้าซะเอง ผมก็เคยยกเลิกบัตรเครดิตของ SCB พร้อมกันสองใบ เพราะไม่พอใจ Call Center นี่แหละ จากคุณ : จีโอ ฟรีด เขียนเมื่อ : 23 พ.ย. 53 12:22:36

ความคิดเห็นที่ 17 ธ นี้เค้ามีชื่อเสีย(ง) ทางด้านนี้โดยเฉพาะครับ มีมาเรื่อย ๆ ครับ คงเส้นคงวาจริง ๆ ครับ เคยเป็นอย่างไรก็ยังเป็นอยู่อย่างนั้น ตอนจะกู้หรือขอกู้ หรือทำเรื่องจดจำนอง ก็ยัง ok ดี ๆ กันอยู่ พอจะไปเท่านั้นแหล่ะ เป็นเรื่องทุกรายไป เฮ้อ ไม่รู้ยังมีอีกกี่ราย ที่ไม่ได้มีโอกาสมา post และได้รับความช่วยเหลือจากพี่ ๆ ทั้งสองในห้องนี้ ... จากคุณ : PET3R.Pan เขียนเมื่อ : 23 พ.ย. 53 12:36:11

ความคิดเห็นที่ 18 โอเค เรายังไม่เคยเป็นหนี้บ้านกับ ธนาคารไหนๆ แต่เราคงจะพิจารณาธนาคารนี้ไว้ในลำดับท้ายๆดีกว่า จากคุณ : n-OO//bit-a เขียนเมื่อ : 23 พ.ย. 53 12:41:55

ความคิดเห็นที่ 19 ... ใจเย็นๆๆๆนะคะ จากคุณ : U Know Me a Little Go เขียนเมื่อ : 23 พ.ย. 53 12:48:11

ความคิดเห็นที่ 20 มารอดูคำตอบจาก scb ครับ ถ้านโยบายเป็นอย่างนี้จริง ก็แย่มากเลยครับ เหมือนไม่รักษาลูกค้าไว้เลย ถ้าไม่ใช้สินเชื่อบ้านกับเรา ก็อย่าใช้บัตรเครดิตกับเราด้วย ไปไปให้หมดซะ ทำนองนั้น ไม่ไหวมั้ง จากคุณ : CryogenicVessel เขียนเมื่อ : 23 พ.ย. 53 12:54:20

ความคิดเห็นที่ 21 แถมอีกนิด เวลาโฆษณาsme ให้กู้ดอกเบี้ยพิเศษ นู้นๆนี่ๆ พอไปถามจริง เจ้าหน้าที่ตอบว่า น้อง นั่นมันโฆษณา ของจริง ไม่มีให้หรอก!!! สุดตีน หรือเคยกู้ long term loan ดอกต่ำกว่า พวก od, pn พอผ่อนจนหมด จะกู้ใหม่ ไม่ให้กู้โว้ย แปลกดี เพราะดอกถูกกว่า เลยไม่ยอมให้กู้ สุดตีนอีกอัน จากคุณ : kopbirt เขียนเมื่อ : 23 พ.ย. 53 13:12:51

ความคิดเห็นที่ 22 กับไทยพาณิชย์ การฝากเงิน ทำธุรกรรมหน้าเคาเตอร์ดีจริง ๆ ครับ มีระบบประเมินผลด้วย  ขอ 5 กันมาตลอด แต่กับสินเชื่อบ้าน รู้สึกจะหน้ามือกับหลังเท้า หรือเพราะว่าสินเชื่อบ้าน ในชีวิตคนปกติทั่วไป จะมีได้แค่คนล่ะ 1 ครั้ง เพราะผ่อนทีก็เกือบครึ่งชีวิต ทางธนาคารก็เลยไม่อยากจะสนใจ ??? จากคุณ : MAX เขียนเมื่อ : 23 พ.ย. 53 13:16:26

ความคิดเห็นที่ 23 ยกเลิกมันให้หมดเลยครับ แล้วรอไม่เกินปีมันต้องโทรมาให้เราทำใหม่ ถึงตอนนั้นก็อัดมันกลับไปเลย จากคุณ : พ่อตุ๊ดตู๋ เขียนเมื่อ : 23 พ.ย. 53 13:32:14

ความคิดเห็นที่ 24 ภาระหนี้ของบัตรเครดิต จะไม่มีหลักประกัน ได้แต่การตามทวงถามเท่านั้นครับ ซึ่งทางสินเชื่อก็อาจจะขอให้ชำระหนี้บัตรให้หมดไปด้วยเลย ในคราวเดียวกัน แม้จะมีกำลังที่จะสามารถผ่อนชำระหนี้บัตรได้ แต่สินเชื่อก็ไม่มีทางทราบได้ จะดูได้แต่เพียงข้อสังเกตว่าทำไม่ถึงมีภาระด้านบัตรเครดิตค้างอยู่โดยไม่ ชำระแบบเต็มจำนวน จะได้ไม่ต้องเสียดอกเบี้ยโดยไม่จำเป็นครับ บัตรไม่ได้ถูกปิด ไม่ได้ห้ามใช้บัตร ไม่ได้ยึดบัตรคืน .... เพราะบัตรได้มาจากการพิจารณารายได้ ก่อนที่จะมีภาระการผ่อนชำระบ้าน ดังนั้นเมื่อมีการผ่อนชำระบ้าน แล้วก่อให้เกิดภาระหนี้ของบัตรเครดิต ทาง สินเชื่อจึงอยากขอให้ปิดยอดค้างชำระทั้งหมด เพื่อที่จะได้ไม่ต้องมีภาระในการทวงถามภายหลัง เพราะลูกค้าคงให้ความสำคัญน้อยกว่าการผ่อนชำระค่าบ้านมากนั่นเองครับ จากคุณ : pjuk เขียนเมื่อ : 23 พ.ย. 53 13:40:06

ความคิดเห็นที่ 25 ภาระหนี้ของบัตรเครดิต จะไม่มีหลักประกัน ได้แต่การตามทวงถามเท่านั้นครับ >> ไม่ได้แค่ทวงถามค่ะ เค้าบอกว่าให้ชำระให้หมดทุกใบที่มียอด ไม่เช่นนั้นก็ไม่สามารถทำเรื่องขอปิดบัญชีสินเชื่อได้ค่ะ ซึ่งทางสินเชื่อก็อาจจะขอให้ชำระหนี้บัตรให้หมดไปด้วยเลย ในคราวเดียวกัน แม้จะมีกำลังที่จะสามารถผ่อนชำระหนี้บัตรได้ แต่สินเชื่อก็ไม่มีทางทราบได้ จะดูได้แต่เพียงข้อสังเกตว่าทำไม่ถึงมีภาระด้านบัตรเครดิตค้างอยู่โดยไม่ ชำระแบบเต็มจำนวน จะได้ไม่ต้องเสียดอกเบี้ยโดยไม่จำเป็นครับ               >> ในส่วนหนี้ตรงนี้ เรามีกำลังจ่าย และมีความพอใจที่จะใช้บริการบัตรเครดิต พร้อมทั้งยินดีที่จะเสียดอกเบี้ย ดังนั้นทาง SCB ไม่มีความจำเป็นต้องมาคิดแทนเราค่ะ บัตรไม่ได้ถูกปิด ไม่ได้ห้ามใช้บัตร ไม่ได้ยึดบัตรคืน .... เพราะบัตรได้มาจากการพิจารณารายได้ ก่อนที่จะมีภาระการผ่อนชำระบ้าน       >>   ใช่ค่ะ ที่บัตรไม่ได้ถูกปิด แต่ถูกบังคับให้ชำระยอดเต็มทั้งๆ ที่เรื่องทั้งสองไม่มีความเกี่ยวโยงกัน ดังนั้นเมื่อมีการผ่อนชำระบ้าน แล้วก่อให้เกิดภาระหนี้ของบัตรเครดิต ทาง สินเชื่อจึงอยากขอให้ปิดยอดค้างชำระทั้งหมด เพื่อที่จะได้ไม่ต้องมีภาระในการทวงถามภายหลัง         >>คุณทราบได้อย่างไรว่าเราผ่อนชำระบ้านแล้วทำให้มีภาระหนี้ของบัตรเครดิต  และการจะชำระหนี้เต็มจำนวนหรือแค่บางส่วน มันก็เป็นสิทธิ์ของผู้ถือบัตรไม่ใช่หรือคะ ตราบใดที่เรายังจ่ายขั้นต่ำและจ่ายตรงเวลา เราไม่เคยต้องให้ทวงถามค่ะ เพราะลูกค้าคงให้ความสำคัญน้อยกว่าการผ่อนชำระค่าบ้านมากนั่นเองครับ          >>  สำคัญมากหรือน้อยกว่า มันก็เป็นความรับผิดชอบของเราค่ะ อย่ามาตีค่าความรู้สึกของคนอื่นด้วยการคิดแทน ปล. คำตอบที่คุณตอบมา ก็ยังไม่เคลียร์อยู่ดีค่ะ แก้ไขเมื่อ 23 พ.ย. 53 13:53:35 จากคุณ : Chocolate_Malt เขียนเมื่อ : 23 พ.ย. 53 13:52:52

ความคิดเห็นที่ 26 รอฟังการชี้แจงด้วยคน เพราะกำลังจะทำธุรกรรมกับ SCB เริ่มคิดหนักเหมือนกัน จากคุณ : ทะเลสวย น้ำใส เขียนเมื่อ : 23 พ.ย. 53 14:10:33

ความคิดเห็นที่ 27 เห็นด้วยครับว่าทางscb ไม่ควรคิดแทนลูกค้านะครับ บางคนเค้าชอบเสียดอกเบี้ย อย่าไปคิดแทนเค้าเลย แต่ผมรักคุณ P'Juk นะ แกนิสัยดีมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆแต่ต้องแยกประเด็นองค์กรที่เค้าทำงานให้ งี่เง่าบ้างในบางเรือง องค์กรใหญ่มากๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ปัญหาก็มากตาม เราก็เห็นใจ แต่เราอยากบ่น เราผู้บริโภค 555 จากคุณ : kopbirt เขียนเมื่อ : 23 พ.ย. 53 14:11:52

ความคิดเห็นที่ 28 คุณ pjuk เขียน "บัตรไม่ได้ถูกปิด ไม่ได้ห้ามใช้บัตร ไม่ได้ยึดบัตรคืน .... เพราะบัตรได้มาจากการพิจารณารายได้ ก่อนที่จะมีภาระการผ่อนชำระบ้าน ดังนั้นเมื่อมีการผ่อนชำระบ้าน แล้วก่อให้เกิดภาระหนี้ของบัตรเครดิต ทาง สินเชื่อจึงอยากขอให้ปิดยอดค้างชำระทั้งหมด เพื่อที่จะได้ไม่ต้องมีภาระในการทวงถามภายหลัง เพราะลูกค้าคงให้ความสำคัญน้อยกว่าการผ่อนชำระค่าบ้านมากนั่นเองครับ" ผมเข้าใจถูกหรือปล่าวว่าลูกค้า จะปิดยอดบ้าน แต่ยังคงมียอดค้างชำระจากบัตรเครดิตอยู่  ทางธนาคาร จึงขอให้ชำระยอดหนี้ที่กับธนาคารทั้งหมดด้วยเลย 1) ถ้าลูกค้ายอมชำระทั้งหมดในคราวเดียวกัน หลังจากนั้น บัตรเครดิตจะถูกยกเลิกไหม .. ถ้าไม่ยกเลิก ครั้งต่อไปลูกค้ามียอดค้างชำระ และประสงค์จะชำระตามยอดขึ้นต่ำที่กำหนด ได้หรือไม่ 2) ถ้าลูกค้ายืนยันจะชำระหนี้ตามยอดขั้นต่ำของบัตรเครดิต แต่ต้องการปิดวงเงินสินเชื่อบ้าน ทำได้หรือไม่ จากคุณ : P'tone เขียนเมื่อ : 23 พ.ย. 53 14:16:43

ความคิดเห็นที่ 29 เรื่องสินเชื่อบ้าน เป็นเรื่องที่ผมเจ็บใจSCBไม่หายเลย พอเห็นว่าเราไม่มีทางเลือกก็บีบเอาซะแย่ เรื่องบริการอื่นๆก็OKนะ โดยเฉพาะscbeasy แต่ก็ใช้บริการเท่าที่จำเป็น กรณีเจ้าของกระทู้ ถามpjukหรือSCB Thailandไปก็คงไม่มีคำตอบที่ต้องการ ก็มันเป็นเรื่องนโยบาย(ที่ไม่เปิดเผย?) จากคุณ : charlee-k เขียนเมื่อ : 23 พ.ย. 53 14:51:14

ความคิดเห็นที่ 30 กำลังจะขอ re-finance กับ SCB ด้วยสิ จะได้เตรียมใจไว้ก่อน จากคุณ : Jaggery เขียนเมื่อ : 23 พ.ย. 53 14:54:06

ความคิดเห็นที่ 31 ... ดีที่ไม่เคยคิดจะซื้อบ้านกับ SCB  เพราะไม่ค่อยเชื่อมือ ยิ่งได้เห็น ยิ่งตัดสินใจได้มากขึ้นไปอีกหน่อย -  -! จากคุณ : ดาราวิปลาส เขียนเมื่อ : 23 พ.ย. 53 15:00:52

ความคิดเห็นที่ 32 ขออนุญาตไขข้อข้องใจ วนกลับไป #2 นะครับ .... แค่นี้ดีกว่าไหมครับ จากคุณ : pjuk เขียนเมื่อ : 23 พ.ย. 53 15:11:38

ความคิดเห็นที่ 33 ไปเปิดบัญชีได้กินน้ำชา ไปปิดบัญชี ผจส.เย็นชาใส่แบบไม่ใยดี... จากคุณ : นักมายากลเงา เขียนเมื่อ : 23 พ.ย. 53 15:15:59

ความคิดเห็นที่ 36 ใจร่มๆ ละกัน ก็คิดซะว่ามีบัตรเครดิตน้อยลง ก็ทำให้โอกาสในการเป็นหนี้น้อยลงไปเหมือนกัน SCB หน้าเคาท์เตอร์บริการดี เพราะมีการประเมินผล แต่ส่วนอื่นก็อย่างที่รู้กัน แต่อยากจะบอกอีกอย่างว่า เห็น SCB เป็นแบบนี้ ก็ยังถือว่าดีกว่าอีกหลายๆ ธนาคารนะ จากคุณ : จีโอ ฟรีด เขียนเมื่อ : 23 พ.ย. 53 15:43:17

ความคิดเห็นที่ 38 แย่มาก  ไม่ไหว จากคุณ : แม่น้องอะตอม เขียนเมื่อ : 23 พ.ย. 53 15:50:47

ความคิดเห็นที่ 39 พี่จุกตอบไปแล้วในข้อ 2 เราแปลความหมายได้ว่า ในกรณีของคุณ จขกท นั้น ไม่มีความจำเป็นใดๆที่ต้องชำระปิดค่าบัตรเครดิต เพราะเป็นบัตรที่ไม่ได้มาจากการขอสินเชื่อบ้าน ดังนั้น ถ้ายังไม่จ่ายเงิน  ทางพี่จุกและคุณ SCB Thailand ยังตามเรื่องให้ปิดบ้านได้ ไม่มีปัญหา แต่ทีนี้คือ จ่ายเงินไปแล้ว   จึงไม่รู้จะช่วยอะไร เหตุผลก็ตอบไปแล้ว จึงได้แต่บอกว่าจ่ายไปก็ดี จะช่วยดูเรื่องอื่นเผื่อมีการติดต่อที่ขัดข้องดังใน #7 แก้ไขเมื่อ 23 พ.ย. 53 17:18:09 จากคุณ : กันดัมจัง เขียนเมื่อ : 23 พ.ย. 53 15:57:43

ความคิดเห็นที่ 40 เข้าใจทั้ง 2 ฝ่าย และเห็นใจ จขกท นอกเรื่องนิดนึง บางครั้งก็รู้สึกว่า  pjuk ตอบแปลกไปจากเมื่อหลายปีก่อน (นานมากแล้ว) สงสัยจังว่า คนเดียวกันเปล่าค่ะ จากคุณ : easyly เขียนเมื่อ : 23 พ.ย. 53 16:08:43

ความคิดเห็นที่ 41 อ้อ ลืมค่ะ ถ้าไม่รบกวนเกินไป อยากให้ตอบความเห็นที่ 28 ข้อ 2 ของคุณ P'tone ค่ะ จากคุณ : easyly เขียนเมื่อ : 23 พ.ย. 53 16:16:58

ความคิดเห็นที่ 42 เร่ืองrefinance โดนมาด้วยคน ท้ังตอนกู้ด้วย ไม่ไหวจริงครับ เข็ดเหมือนกันนึกว่าเป็นคนเดียว จากคุณ : WinVictory เขียนเมื่อ : 23 พ.ย. 53 18:20:28

ความคิดเห็นที่ 43 - เคยไปยื่นขอกู้บ้าน ในงานฯ ที่ศูนย์ประชุมสิริกิติฯ กลางปีที่แล้ว ส่งไป 4 เจ้า 3 เจ้าโทรกลับหมด ติดตามมากน้อยต่างกัน ยื่น SCB ด้วย ไปกับพี่ชาย เขาบอกว่าไม่ต้องเข้าไปหลอกเจ้านี้ข่าวเสียเยอะ ผมก็ขอแวะเข้าไปหน่อย บริการตอนฝากฯ และลงทุน เขาดีมาก ไม่น่าจะห่วยอย่างที่พี่ฟมเข้าใจ  พอเข้าไปก็เจอเลย เขาเอาเศษกระดาษให้จดชื่อนามสกุล เบอร์โทร  บอกว่าเอาแบบฟอร์มมาไม่พอ ---> ตั้งใจมาขายบัตรฯ มั้ง ขอดูสลิปเงินเดือนแล้วบอกว่ายอดล้านกว่า เงินเดือนแค่นี้ ไม่ได้หลอก แล้วก็ไม่มีใครโทรมาหาเลย โชคดีนะที่ไม่ได้สัมผัสด้านห่วยของเจ้านี้ จากคุณ : ห้าแต้ม เขียนเมื่อ : 23 พ.ย. 53 18:32:10

ความคิดเห็นที่ 44 เหมือนเดิมครับเห็นใจ จขกท. ครับ  ในเมื่อPjuk+SCB Thailand บอกว่าสามารถแก้ปัญหาให้ได้โดยไม่ต้องชำระบัตรเครดิตให้หมดแต่ จขกท. จ่ายไปก่อนแล้วก็เลยช่วยไม่ได้  ( ใช่แบบใช่ไหมครับ )  แต่ทำไมสำนักงานใหญ่แก้ไขหรือช่วยไม่ได้   ยังไงคำตอบก็ไม่ชัดเจนเหมือนเดิมครับ อยากให้สรุปว่าการ refinance บ้าน จำเป็นต้องชำระหนี้บัตรเครดิตหรืออื่น ๆ ทั้งหมดเลยหรือเปล่าครับ  เพราะ จขกท. และคนอื่นๆ จะได้กระจ่างครับ ***** ปล. ถ้า Refinance แล้วให้ปิดยอดบัตรต่าง ๆ ทั้งหมด ก็แสดงว่าเราแทบจะไม่ได้มีธุระกรรมกับทาง SCB เลยใช่หรือเปล่าครับ ขอบคุณครับ จากคุณ : weera (weerachat12345) เขียนเมื่อ : 23 พ.ย. 53 18:43:05

ความคิดเห็นที่ 47 นายทุน ทำธุรกิจการเงิน ใช้เงินต่อเงิน อย่าหวังไปเรียกร้องความจริงใจ นอกจากไม่มีแล้วยังเห็นแก่ตัว และเห็นแก่ได้อยู่ฝ่ายเดียว ที่ๆพูดกันมาทั้งหมดเกี่ยวกับscb ขอยื่นยันอีกคนว่าไม่เกินเลยจากความเป็นจริง โดนมาเหมื่อนกัน แต่จะแตกต่างกันในรายละเอียดเท่านั้น เขาเคยตัวกัน จะให้ทำอะไรก็ต้องทำตามเขา จนได้ใจ หาเหตุผลไม่ค่อยได้ผมเคยไปซื้อบ้านที่ปราจีนบุรี คงคิดว่าผมแกล้งทำสัญญาซื้อบ้านไว้ให้สูง วงเงินกู้ที่ได้คงยังมีเหลือ  เลยย้อนเกล็ดผมว่าต้องแสดงบัญชีเงินสดไม่น้อยกว่าส่วนต่างระหว่างยอดเงินกู้กับราคาบ้านที่ซื้อให้ดูก่อนและต้องมีมานานประมาณมากลัวไปยืมใครมาตบตา...ก็ต้องยอมเขา(แต่ในใจสุดแค้น) ตอนทำสัญญาก็มัดมือชกให้ซื้อประกันชีวิต ไม่ซื้อก็คงไม่ผ่าน...มิน่าทุกวันนี้เข้าทำธุรกรรมที่SCB ที่ไรมันรู้สึกหม่นหมองใจทุกที่ และยิ่งเจอพนักงานมายื่นโบชัว ชักชวนให้ซื้อประกันที่ไร ลูกตาผมจะร้อนและจ้องมองหน้าเธออย่างไม่เป็นมิตรทันที่โดยไม่ได้ตังใจและไม่พูดอะไรสักคำ ทั้งที่อยากจะ...จริงๆ และมีบางคนพูดว่า ยังดีที่ในห้องนี้มีคนของSCB ทั้งคุณ....และคุณ....มาคอยช่วยเหลือคนในสินธร...โธ่ นโยบายตบหัวแล้วมาลูบหลังก็ไม่ว่า เจตนามาเพื่ออะไรเจ้าตัวย่อมรู้ดี....มีกี่คนที่จำได้ว่าตอนมาใหม่ๆบอกสถานะตัวเองว่าเกี่ยวข้องกับSCBAMว่าอย่างไร เคยหลงเชื่อจนเข้าไปซื้อหน่วยตาม ก็ต้องผิดหวังเสียรู้..ขายแล้วย้ายหมดยังดีที่เขาไม่เก็บเงินตอนออก..ก็ยังมีส่วนดีอยู่บ้าง จากคุณ : saiphat เขียนเมื่อ : 23 พ.ย. 53 20:46:10

ความคิดเห็นที่ 48 SCB สาขาที่ผมใช้บริการอยู่ดูแลมากดีครับ แต่ส่วนตัวยังไม่เคยใช้บริการสินเชื่อบ้าน เห็นหลายท่านมีปัญหาเวลาจะรีไฟแนนซ์ ดูคำตอบจากทางแบงค์แล้วเหมือนจะบอกว่า " ขออภัย ..จ่ายไปก็ดีแล้ว ก็แล้วกันไป " ผมว่าอาจจะเป็นที่ตัวเจ้าหน้าที่ ที่ให้บริการ จขกท. แต่มันก็ไม่เกี่ยวกันนี่ครับ? หรือ ก็แค่ลูกค้าคนเดียว? จากคุณ : KOKISME เขียนเมื่อ : 23 พ.ย. 53 21:13:41

ความคิดเห็นที่ 49 สังคมสมัยนี้ มันเป็นสังคมไร้น้ำใจไปหมดแล้ว สำหรับภาคองค์กรแล้ว เน้นย้ำเสมอว่า customer focus แต่ก็บริหารความเสี่ยงแบบไม่สน customer relation สำหรับภาคบุคคลแล้ว กี่ล้านความประทับใจที่เคยได้รับ ก็ไม่มีน้ำหนักเท่า หนี่งความขัดข้องใจที่พึ่งเผชิญ จากคุณ : IforgiveU เขียนเมื่อ : 23 พ.ย. 53 21:59:00

ความคิดเห็นที่ 50 ขออนุญาตให้ จขกท. มาบอกข้อมูลใน #3 อีกทีได้ไหมครับ ... จะได้มีคำตอบจาก SCB ที่ทุกท่านสงสัยอยู่ครับ แก้ไขเมื่อ 23 พ.ย. 53 22:21:33 จากคุณ : pjuk เขียนเมื่อ : 23 พ.ย. 53 22:18:07

ความคิดเห็นที่ 51 กำลัง รอฟังเหตุผลอยู่เหมือนกัน..จะได้เก็บไว้ประดับสมอง.. จากคุณ : oxidation เขียนเมื่อ : 23 พ.ย. 53 22:18:39

ความคิดเห็นที่ 52 SCB Thailand ในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งของธนาคาร  ต้องขออภัยในความไม่สะดวกที่เกิดขึ้น  และขอขอบพระคุณเพื่อนๆ สมาชิกทุกๆ ท่านที่แสดงความคิด Share ประสบการณ์ หลากหลายมุมมอง หลากหลายความคิด ขอน้อมรับทุกๆความคิด เพื่อนำไปประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ให้ทราบถึง feedback  พร้อมทั้งหาวิธีการและแนวทางแก้ไข  เพื่อปรับปรุงและพัฒนาการให้บริการ เพื่อสร้างความพึงพอใจสูงสุดให้กับลูกค้า เพื่อครองใจลูกค้าและทำให้ลูกค้ารู้สึกหรือรับรู้ ได้ถึงการบริการที่ส่งมอบไปแล้วนั้นเป็นบริการที่มาจากใจ พร้อมที่จะรับใช่ดูแลอยู่เคียงข้างคุณตลอดไปค่ะ จากคุณ : SCB Thailand เขียนเมื่อ : 23 พ.ย. 53 22:31:27

ความคิดเห็นที่ 53 มานั่งรอฟังด้วยคะ     ทุกคำถามมีคำตอบ โย่วๆ (หมูนี้พิมผิดเยอะจริงวุ๊ย -_-") แก้ไขเมื่อ 23 พ.ย. 53 23:11:33 จากคุณ : กันดัมจัง เขียนเมื่อ : 23 พ.ย. 53 23:06:38

ความคิดเห็นที่ 54 บัตรไม่ได้ถูกปิด ไม่ได้ห้ามใช้บัตร ไม่ได้ยึดบัตรคืน .... เพราะบัตรได้มาจากการพิจารณารายได้ ก่อนที่จะมีภาระการผ่อนชำระบ้าน หมายความว่า การพิจารณาเรื่องบ้านได้มีการประเมินความเสี่ยงของบัตรเครดิตเอาไว้แล้ว เมื่อลูกค้าปิดยอดบ้านไปความเสี่ยงน่าจะลดลง แล้วทำไมยังให้ปิดยอดบัตรอีกล่ะครับ ดังนั้นเมื่อมีการผ่อนชำระบ้าน แล้วก่อให้เกิดภาระหนี้ของบัตรเครดิต ทาง สินเชื่อจึงอยากขอให้ปิดยอดค้างชำระทั้งหมด เพื่อที่จะได้ไม่ต้องมีภาระในการทวงถามภายหลัง เพราะลูกค้าคงให้ความสำคัญน้อยกว่าการผ่อนชำระค่าบ้านมากนั่นเองครับ แต่ผมให้ความสำคัญกับบัตรเครดิตก่อนนะครับ เพราะดอกเบี้ยตั้ง25%ต่อปี ในขณะบ้านดอกแค่6-7%เอง ขอรอคำตอบใน#28ด้วยคนครับ จากคุณ : ANUBIS[TJ] เขียนเมื่อ : 23 พ.ย. 53 23:47:25

ความคิดเห็นที่ 55 ถ้าสัญญากู้บ้าน มีระบุไว้ว่าต้องชำระสินเชื่อบัตรเครดิต ก่อนที่จะ รีไฟแนนท์ ไปยังสถาบันการเงินอื่นๆ ผมว่า จขกท ก็ต้องทำตาม แต่ถ้าไม่มีผมว่าไม่เห็นจะเกี่ยวกันเลยครับ เอ หรือว่ามันมีตรงหมายเหตุ   ****    ตัวเล็กๆหรือเปล่าครับ จากคุณ : Big cap only เขียนเมื่อ : 23 พ.ย. 53 23:55:34

ความคิดเห็นที่ 57 ตั้งใจมองด้านเดียว ... แถมจ้องหลีกเลี่ยง....... คำตอบที่ จขกท. ต้องการทราบ ได้ทราบแล้วจากทาง CC ถ้าต้องการให้ผู้อื่นทราบด้วย ก็มาโพสต่อได้นะครับ คำถามที่ #28 ..... 1) ถ้าไม่ยกเลิก ครั้งต่อไปลูกค้ามียอดค้างชำระ และประสงค์จะชำระตามยอดขึ้นต่ำที่กำหนด ทำได้หรือไม่ :: ได้ครับ ... สินเชื่อเลยต้องการให้ปิดบัตรไปพร้อมกันเลย แต่ ....... 2) ถ้าลูกค้ายืนยันจะชำระหนี้ตามยอดขั้นต่ำของบัตรเครดิต แต่ต้องการปิดวงเงินสินเชื่อบ้าน ทำได้หรือไม่ :: ไม่ได้ครับ .... ขอให้เป็นการชำระหมด เพราะ ....... จากคุณ : pjuk เขียนเมื่อ : 24 พ.ย. 53 07:50:42

ความคิดเห็นที่ 58 ตอบคุณ pjuk ค่ะ ใน # 2  คำตอบคือ บัตรเครดิตที่ได้มานั้น ได้มาหลักจากที่ทำสินเชื่อบ้านไปแล้ว และเจ้าหน้าที่สินเชื่อที่ดูแลเรื่องรีไฟแนนซ์บ้าน บอกว่า ให้ทำยอดหนี้ของบัตรทุกใบให้เป็นศูนย์ก่อน จึงจะสามารถปิดบัญชีสินเชื่อได้ ใน # 57  ที่เราได้รับคำตอบจาก Call Center ก็เป็นคำตอบตามที่เราเข้าใจประมาณว่า เมื่อเราได้รับสินเชื่อบ้านแล้วนั้น ทาง SCB ได้ให้บัตรเครดิตไว้สำหรับใช้จ่าย เนื่องจากเราเป็นลูกค้าสินเชื่อบ้าน และไม่ว่าจะเป็นบัตรเครดิตใบไหนก็ตามที่ทาง SCB โทรมาขอร้องอ้อนวอนให้ทำ ก็จะลิงค์อยู่กับบัตรเครดิตบัตรแรก ซึ่งเกี่ยวโยงกับสินเชื่อบ้าน แต่ในส่วนของข้อเท็จจริงนั้น บัตรใบแรกนั้นเราได้ยกเลิกการใช้บริการไปก่อนหน้าที่เราจะทำบัตรใหม่ 2 ใบล่าสุด ซึ่งเราก็เข้าใจว่าทาง SCB ก็จะตอบกลับมาเหมือนเดิมว่า ถึงอย่างไรก็ตาม มันยังลิงค์อยู่กับบัตรใบแรก ซึ่งถ้าตอบแบบนี้ไม่ต้องตอบมาก็ได้ค่ะ เพราะในส่วนนี้เราเข้าใจแล้วค่ะ และอยากจะบอกอีกว่าถ้าทาง SCB Thailand และ pjuk มาตอบแบบนี้ ขอร้องว่าไม่ต้องตอบดีกว่าค่ะ เงียบไปเลยก็ได้ไม่ว่ากัน เพราะยิ่งตอบยิ่งทำให้เราและอีกหลายๆ คนเสียความรู้สึกดีๆ ที่แทบจะไม่มีเหลือให้อยู่แล้ว ปล่อยให้กระทู้นี้เงียบๆ ไป เดี๋ยวคนก็จะลืมเอง แต่เราเชื่อว่าหลายๆ คนที่เคยเจอมาแบบเราคงไม่สามารถลืมได้หรอกค่ะ ขอบคุณ SCB Thailand และ pjuk ที่รับฟังปัญหาและพยายามตอบ  ถึงแม้ว่าสำหรับเราแล้วมันก็ยังไม่ใช่คำตอบที่มีเหตุผลมากพอสำหรับเรา แต่ก็ไม่เป็นไรค่ะ คุณทำหน้าที่ของคุณดีที่สุดแล้ว ขอบคุณมากนะคะ จากคุณ : Chocolate_Malt เขียนเมื่อ : 24 พ.ย. 53 08:23:58

ความคิดเห็นที่ 59 เพราะ คห. ต่างๆ เข้าใจผิด เรื่องก่อนกับหลัง .... และบัตรไม่มีรายได้รองรับ และอีกมุมมองคือไม่มีการค้ำประกันบัตรไว้แล้ว จึงต่างจากการทำบัตรก่อนที่จะได้รับการอนุมัติสินเชื่อครับ และถ้าดูจาก คห. ตั้งแต่ 32 ก็พยายามที่จะไม่กล่าวถึงสาเหตุที่แท้จริง เพราะทุกเรื่องควรจบได้แล้ว ... แต่ท่านอื่นยังคงเน้นประเด็นเดิมคือ การได้บัตรมาก่อนได้รับสินเชื่อ ตาม คห. 3 อยู่ไงครับ จากคุณ : pjuk เขียนเมื่อ : 24 พ.ย. 53 08:33:20

ความคิดเห็นที่ 60 ใช่ค่ะ เรื่องทั้งหมดควรจะจบได้แล้ว เพราะคงไม่มีประโยชน์อะไร เพราะที่สุดแล้วคำตอบทุกๆ คำ ก็ไม่สามารถทำให้เราเข้าใจและยินดียอมรับได้อยู่ดี แต่ในเมื่อท่านอื่นๆ ยังมีความสงสัยและอยากให้ทาง SCB ชี้แจง                                                         นั่นก็เป็นสิ่งที่ SCB ควรจะชี้แจงให้กระจ่างไม่ใช่หรือคะ จากคุณ : Chocolate_Malt เขียนเมื่อ : 24 พ.ย. 53 08:46:28

ความคิดเห็นที่ 63 ผู้บริโภคมีสิทธิ์เลือกใช้บริการได้นะคะ ธนาคารในเมืองไทย มีตั้งหลายธนาคาร... ก่อนจะใช้บริการจากผู้ให้บริการใดๆ ถ้าเราอยากรักษาสิทธิ์ตัวเอง ต้องศึกษาเงื่อนไขต่างๆ ให้ดีค่ะ...แล้วก็ต้องใจแข็ง เวลาผู้ใหบริการเสนออะไรต่ออะไรให้...ถ้าเราไม่จำเป็นต้องใช้ ต้องหัดปฏิเสธให้เป็นค่ะ ธนาคารแต่ละแห่ง ก็มีกฎระเบียบของตัวเอง ในภาพรวมอาจจะคล้ายกัน แต่ในรายละเอียด อาจจะแตกต่างกัน...ต้องยอมรับข้อนึงว่า ธนาคารไม่ใช่บริการการกุศลนะคะ...เค้าย่อมหวังกำไรเป็นธรรมดา..... ถ้าคิดว่าเค้าเอาเปรียบเรามาก หลีกเลี่ยงได้ ก็อย่าไปใช้ของเค้าค่ะ คนไม่ใช้เยอะๆ ธนาคารเค้าก็ต้องปรับปรุงเองแหละ ไม่งั้นแข่งขันไม่ได้ ลูกค้าธนาคารไม่ได้มีเพียงเราคนเดียว กฎระเบียบ ก็ต้องตามนั้น เพราะมันเป็นเรื่องเงินๆทองๆ   .....   อ่านๆ ดู เหมือน จขกท. ไม่ยอมรับความจริงนะเนี่ย...ว่าที่เค้าต้องให้ปิดยอด เพราะอะไร.... จากคุณ : robinpig เขียนเมื่อ : 24 พ.ย. 53 08:57:25

ความคิดเห็นที่ 64 คุณ robinpig คะ ไม่ใช่ไม่ยอมรับความจริงค่ะ เพียงแค่ไม่เข้าใจและต้องการคำตอบที่ชัดเจน                       และในเมื่อคำตอบที่ได้ก็ชัดเจนแล้ว เราก็จบแล้วไงคะ จากคุณ : Chocolate_Malt เขียนเมื่อ : 24 พ.ย. 53 09:01:09

ความคิดเห็นที่ 66 ขอบคุณ คุณ summerman ค่ะ สำหรับข้อมูลดีๆ จากคุณ : Chocolate_Malt เขียนเมื่อ : 24 พ.ย. 53 09:04:43

ความคิดเห็นที่ 68 อืม มันก็จบแล้วล่ะคะ.... เพราะคำตอบชัดเจน แต่ จขกท. รู้คำตอบแล้วไม่มาเคลียร์ มันก็เลยมีคนสงสัยไงคะ.... คำตอบที่ได้รับ จะเป็นธรรมกับ จขกท. หรือเปล่า อันนี้คงแล้วแต่มุมมอง ของแต่ละคนล่ะค่ะ เวลาอ่านกระทู้ ถ้าเป็นเรื่องที่สนใจ คนส่วนใหญ่ก็อยากรู้คำตอบสุดท้ายด้วย ว่าเพราะอะไร..... อย่างในกรณีนี้ เราเองก็ไม่รู้เหมือนกัน ก็ตามอ่าน อยากรู้ว่าเพราะอะไรเหมือนกันค่ะ ต้องเข้าใจนะคะว่า มันเป็นที่สาธารณะ อีกอย่าง มันไม่ใช่เรื่องส่วนตัวซะที่เดียว  คำตอบที่ถูกต้อง จะมีประโยชน์ กับคนที่ไม่รู้ด้วยค่ะ... คิดว่า คุณ pjuk ก็คงอยากให้คุณ ออกมาบอกเล่าว่าได้รับคำตอบแบบไหน เพื่อที่คนอื่นๆที่เข้ามาอ่านจะได้เข้าใจตรงกัน ใจเย็นๆค่ะ เป็นบทเรียนไว้ เวลาทำธุรกรรมอะไรเรื่อง เงินๆทองๆ อ่านสัญญาและทำความเข้าใจดีๆค่ะ คนส่วนใหญ่ (รวมทั้งเราด้วยแหละ...)บางทีขี้เกียจอ่าน เพราะมันทำความเข้าใจยาก  ยิ่งเรื่องกู้บ้าน ขอให้ผ่านเถอะ เค้าให้เซ็นต์อะไร เซ็นต์ทั้งนั้น กลัวกู้ไม่ผ่าน จากคุณ : robinpig เขียนเมื่อ : 24 พ.ย. 53 09:40:53

ความคิดเห็นที่ 70 คุณ robinpig คะ เราก็ตามตอบเท่าที่เราเข้าใจแล้วนะคะ แต่เราไม่แน่ใจว่าจะตรงกับที่ SCB ต้องการให้เข้าใจมากน้อยแค่ไหน                     ที่ตอบช้า เพราะบางทีก็ไม่ได้นั่งอยู่หน้าจอค่ะ และอาจจะไม่ได้เข้าเน็ตอีกหลายวัน ซึ่งก็จะไม่ทราบความเคลื่อนไหวและไม่ได้ตอบค่ะ ทุกๆ คนก็คาดหวังว่าจะเจอแต่สิ่งดีๆ ในชีวิต แต่ก็รู้ว่ามันคงเป็นไปไม่ได้ทั้งหมด ถึงอย่างไรก็ตามเราก็ทำดีที่สุดในส่วนของเราแล้วค่ะ ขอบคุณทุกๆ ความเห็นนะคะ จากคุณ : Chocolate_Malt เขียนเมื่อ : 24 พ.ย. 53 09:59:22

ความคิดเห็นที่ 71 เยี่ยมเลยครับ .... เป็นธนาคารอันดับ 1 ในดวงใจนับแต่นี้ไป (จากด้านล่างนะ) จะพิจารณาเป็นอันดัับแรกสุด (ที่ไม่เลือก) สรุป สิ่งที่ได้จากเหตุการณ์นี้ สัญญาของ SCB มีความรัดกุมดีเยี่ยม ..... Gooddddddd จากคุณ : SundayroyaL เขียนเมื่อ : 24 พ.ย. 53 10:47:35

ความคิดเห็นที่ 72 อ่านความเห็น จขกท ใน #58 และอ่านความเห็น SCB ใน #59 แล้ว ผมคิดว่า ในเมื่อความคาดหวังคุณสูงมากเกินกว่าความเสี่ยงที่ SCB จะยอมรับได้ คุณก็ควรจะทำตามข้อเรียกร้องที่ธนาคารว่าไว้ หรือทำตามสัญญาที่มีไว้แก่กันนั่นแหละครับ ยืมเงินเค้ามาใช้ก็คืนซะให้หมด ไม่พอใจก็ปิดบัญชีซะให้หมด ในเมื่อเค้าคิดว่าคุณมีความเสี่ยงมากเกินไปในการชำระหนี้บัตรเครดิต หลังจากปิดสินเชื่อบ้านแล้ว เพราะคุณต้องยอมรับว่า เครดิตที่ SCB ให้คุณ คือเครดิตที่มีสินเชื่อบ้านรองรับ ถ้าคุณไม่พอใจ มันก็สิทธิของคุณครับ KBANK AYD BBL ฯลฯ ยังมีให้คุณเลือกใช้บริการเต็มไปหมด ถ้าคุณคิดว่าเค้าจะรับความเสี่ยงของคุณได้ แต่พูดตรง ๆ นะ ที่คุณโมโห และพูดจาไม่ดี คงเป็นเพราะว่าคุณไม่เคลียร์ และไม่พอใจที่ SCB ชี้แจงไม่ได้อย่างที่คุณต้องการมากกว่า ไม่ได้หมายความว่า SCB แย่อะไรหรอก เพราะถ้ามุมมองส่วนตัวของผม คุณก็มีความเสี่ยงมากไปสำหรับธนาคาร ตรงนี้คุณต้องยอมรับว่า ความเสี่ยง คือหน้าที่ของธนาคารที่จะต้องคิด มันคือหน้าที่ของเค้า คุณผิดเต็ม ๆ ที่พูดใน #25 ว่า ไม่ใช่หน้าที่ของธนาคารที่จะมาคิดแทนว่าคุณจะมีกำลังจ่ายหนี้หรือเปล่า ถ้าไม่อยากมีปัญหา เวลามีบัตรเครดิตก็จ่ายเต็มทุกเดือนไปสิครับ ง่ายจะตาย จากคุณ : Morning Star เขียนเมื่อ : 24 พ.ย. 53 10:52:19

ความคิดเห็นที่ 73 เราจะสรุปเป็นภาษาชาวบ้าน ในเพื่อนๆท่านอื่นฟังนะคะ (พอดีโดนลากมาจาก facebook ให้สรุปให้ฟัง เพราะคนอ่านเริ่มมึนมาก -_-") สำหรับกรณีนี้   คุณ จขกท ได้บัตรมาพร้อมกับการขอสินเชื่อบ้าน  ไม่ใช่บัตรบัตรที่ได้มาจากการขอสินเชื่อปกติ (จากการพิมวนของ จขกท ถึงบัตรอื่นๆ แบบเฉไฉกล่าวเรื่องบัตรอื่นแทนจะตอบตรง  บอกปัดด้วย ตอบอย่างนี้อย่ามาตอบดีกว่า ฮ่าๆ) ซึ่งเมื่อปิดสินเชื่อบ้าน ทางแบงค์ก็ขอให้ปิดบัตรด้วย เพราะมันมาด้วยกัน เป็นไปตามสัญญาที่ให้ไว้ (บัตรมาจากสินเชื่อบ้าน เขาให้แบบไม่ได้ดูเกณฑ์เหมือนบัตรปกติ ไม่ต้องใช้วงเงินค้ำประกัน ไม่ได้พิจารณาตามมารตราฐานบัตรที่เราๆขอกัน เป็นบัตรที่ไม่มีฐานการรับรองรายได้) จงใจให้ข้อมูลอีกแบบ บัตรที่โดนขอให้ปิดมาจากสินเชื่อบ้าน แต่ยืนยันว่ามาจากการทำบัตรเครดิตปกติ   นั่นเป็นเพราะมีบัตรหลายใบ  เอากรณีของบัตรที่ไม่มีปัญหา มาใส่บัตรที่มีปัญหา เราว่ามัน make sense นะคะ ไม่น่าสงสัยว่าทำไมเขาขอให้เคลียร์ยอด เพราะ มันไม่ใช่บัตรที่ได้มาเหมือนลูกค้าประเภทอื่น เป็นบัตรได้มาด้วยการพิจารณารวมกับบ้าน  เมื่อจะเอาบ้านออกเขาก็ให้เคลียร์บัตรด้วย  อันนี้ปกติค่ะ จากกรณีนี้ทำให้เรารู้ได้ว่า การให้ข้อมูลกับพี่จุกควรให้แต่ความจริง เพราะถ้าพี่จุกไปหาความจริงเจอ พี่จุกจะไม่ใจเย็นแล้ว   และการที่แสดงอารมณ์ได้เต็มที่คงไม่ต้องให้หลายๆคนมานั่งยัดเยียดว่า "เป็นหน้าที่ที่ต้องช่วยเหลือ" อีกแล้วกระมัง     จากคุณ : กันดัมจัง เขียนเมื่อ : 24 พ.ย. 53 10:57:02

ความคิดเห็นที่ 74 ^ ผมว่าต่อให้บัตรที่เดิมทีเคยมาจากการขอแบบปกติ แต่เมื่อเวลาผ่านไป การประเมินความเสี่ยงมันก็ต้องมีการ update เป็นปกติครับ ในเมื่อสินเชื่อบ้าน "ซึ่งมีบ้านเป็นสินทรัพย์ค้ำประกัน" ได้ออกไปจากมือ SCB ที่เป็น "ผู้ให้กู้" และ "ผู้รับความเสี่ยง" แล้ว การที่เค้าจะพิจารณาให้ จขกท "ผู้กู้" ทำการชำระหนี้ที่เหลือทั้งหมดนั้น ก็เป็นเรื่องสมเหตุสมผล เพราะว่า ไม่มีอะไรจะมาค้ำประกันกับหนี้ของผู้กู้ ที่ SCB จะเป็นผู้รับภาระความเสี่ยงอีกต่อไป งานนี้ผมขออยู่ข้าง SCB ละกัน จากคุณ : Morning Star เขียนเมื่อ : 24 พ.ย. 53 11:06:37

ความคิดเห็นที่ 75 เข้าใจแล้วครับ ความเข้าใจของ จขกท. ว่าการทำบัตรเครดิตของ จขกท.เกิดจากการพิจารณาจากฐานรายได้อย่างเดียว  ไม่เกี่ยวเนื่องกับลำดับก่อน-หลัง  ในขณะที่ทางธนาคารได้พิจารณาอนุมัติให้ เนื่องจากเห็นว่าลูกค้ามีหลักประกันจากสินเชื่อบ้าน ซึ่งครอบคลุมวงเงินสินเชื่อทั้งหมดอยู่   ดังนั้น การของปิดวงเงินสินเชื่อบ้าน จำเป็นจะต้องปิดวงเงินสินเชื่ออื่นๆที่มีอยู่ด้วย  ..ถูกต้องแล้วครับ ส่วน pjuk ซึ่งดูมีอารมณ์ในการออกมาตอบข้อคิดเห็น เนื่องจาก ข้อมูลของจขกท.มีความคลาดเคลื่อน เรื่องลำดับก่อน-หลัง ของบัตรเครดิตกับสินเชื่อบ้าน  ซึ่งทำให้การแสดงความคิดเห็นหลายๆท่าน คลาดเคลื่อนไปด้วย อาจรวมถึงตัวผมด้วย ต้องขอโทษมา ณ ที่นี้ แก้ไขเมื่อ 24 พ.ย. 53 13:56:49 จากคุณ : P'tone เขียนเมื่อ : 24 พ.ย. 53 11:09:19

ความคิดเห็นที่ 76 อ่า.... เข้าใจกันดีแล้ว.... จบกัน.... นึกว่าจะ "มาม่า" ขอบคุณ คุณกันดัมจัง ที่สรุปให้ฟังเข้าใจง่ายๆนะคะ  ^_^ จากคุณ : babybrowneye เขียนเมื่อ : 24 พ.ย. 53 14:12:53

ความคิดเห็นที่ 77 ยินดีด้วยกับทุกคนครับ เราสามารถไล่ลูกค้าไปได้อีกรายแล้ว ลาแล้วไทยพาณิชย์ ตามเจ้าของกระทู้ไปด้วย แบงค์อื่นมีเยอะแยะครับไม่ต้องไปง้อเขาหรอก สุด ทีน จากคุณ : CryogenicVessel เขียนเมื่อ : 24 พ.ย. 53 15:21:44

ความคิดเห็นที่ 78 - อยากรู้ว่าทำไมแบงค์นี้ไม่มีบัตรคิวกับเขาซักที ให้ยืนต่อคิวอยู่ได้ มันเมื่อยนะ แล้วใช่ว่าลูกค้าคุณน้อยซะเมื่อไหร ทำไมไม่ดูแลเลย - แล้วตู้ฝากเงินสดนะ ขอซัก 2-3 เครื่องได้ไหม ไปดูที่เดอะมอลล์งามวงศ์วาน ซิต่อไปจนจะถึงทางออกลานจอดรถด้านหลังละ ( เวอร์นิด ) จากคุณ : thong765 เขียนเมื่อ : 24 พ.ย. 53 15:49:08

ความคิดเห็นที่ 80 สรุปคือเค้าขอให้ปิดน่ะถูกแล้ว เพราะเป็นวงเงินที่พ่วงมากับสินเชื่อบ้าน มันเป็นเรื่องงของการประเมินความเสี่ยงทางธุรกิจมากกว่า จขกท.ถ้าไม่พอใจก็ลองใช้ทางเลือกอื่นดู ส่วนท่านอื่นๆก็แล้วแต่วิจารณญาณแล้วกันครับ จากคุณ : KOKISME เขียนเมื่อ : 24 พ.ย. 53 16:32:52

ความคิดเห็นที่ 81 ผมเป็นคนไม่ค่อยมีความรู้กับเรื่องเงินๆทองๆ สักเท่าไหร่ เข้ามาดู รู้สึกถึงอารมณ์หลายๆแบบ   บางความเห็นก็ให้ความรู้ได้ดีมากๆ ทำให้คนที่คอยติดตามรู้ว่ามันมีข้อเท็จจริงที่ต้องพิจารณา   แต่บางความเห็นก็เหมือนใช้อารมณ์ พร้อมกับใช้ภาษาที่เหมือนจะชักจูงคนอื่นให้คอยเกลียดชัง จากคุณ : WAR ROOM เขียนเมื่อ : 24 พ.ย. 53 16:47:04

ความคิดเห็นที่ 82 ถ้าเมื่อ 5 ปีที่แล้วผมรู้จัก pjuk ผมคงมีข้อมูลเอาผิด ผจก. สาขาฐานเปิดเผยตัวเงินในบัญชีผมให้คนอื่นรู้ได้ น่าเสียดายที่ไม่ได้เป็นลูกค้าแล้ว แถมเพื่อนผมยังทำบัตรเครดิต SCB ไม่ได้เพราะเรื่องนี้อีก ไว้จำเป็นจะขอให้ pjuk ช่วยตรวจสอบให้นะครับ จากคุณ : natureZ เขียนเมื่อ : 24 พ.ย. 53 19:36:12

ความคิดเห็นที่ 83 เคยได้บัตรมาพร้อมสินเชื่ิอบ้านเหมือนกันค่ะ แต่ก่อนหน้านั้น มีบัตรเครดิตของไทยพาณิชย์แล้วใบนึง ทำตั้งแต่เริ่มทำงาน วงเงินน้อยนิด พอทำสินเชื่อบ้าน ให้วงเงินมา 150000 ซึ่งรวมวงเงินเก่าเข้าไปอีก ซึ่งเท่ากับเพิ่มวงเงินให้ ประมาณ 50000 เราเลยยกเลิกบัตรเดิมที่ได้มาไป เพราะขี้เกียจพกหลายใบ ทีนี้ถามว่า เข้าข่ายต้องพิจารณาให้ปิดบัตรรึป่าว ทราบว่า ก่อนหรือหลังไม่เกี่ยว แต่เห็น pjuk เอามาเป็นประเด็น ถามเฉยๆ เพราะปิดบช สินเชื่อไปแล้ว ส่วนตัวไม่มีปัญหากับไทยพาณิชย์เลยค่ะ แต่ก็เห็นใจ จขกท เพราะก็รู้สึกว่ามันไม่เกี่ยว ทางแบงค์ น่าจะพิจารณาเรื่องความเสี่ยงผู้ทำบัตรเครดิตใหม่ ก็แจ้งให้ลูกค้าทราบ คิดว่าไม่น่ามีปัญหา มาบอกแบบนี้ เป็นใครก็เสียความรู้สึก จากคุณ : not defendant เขียนเมื่อ : 24 พ.ย. 53 20:03:57

ความคิดเห็นที่ 84 หลักเกณฑ์ทั่วๆ ไปนะครับ การทำบัตรเครดิต ต้องมีการแสดงหลักฐานเพื่อใช้ในการพิจารณาอนุมัติ โดยอาจใช้รายได้ประจำ หรือเงินออม หรือหลักทรัพย์ค้ำประกัน (เงินฝากค้ำประกันก็ได้) อย่างใดอย่างหนึ่ง ตามข้อกำหนดของ  ธปท. http://www2.bot.or.th/fipcs/Documents/FPG/2551/ThaiPDF/25510362.pdf ก่อน - หลัง .... เพียงตอบโจทน์ว่า .... บัตรเครดิตที่ได้มา โดยการพิจารณาเครดิตด้วยรายได้ประจำ ก็จะไม่เกี่ยวกับสินเชื่อที่ได้กู้ไว้ แต่ถ้าได้บัตรเพราะวงเงินสินเชื่อ .... เมื่อจะยกเลิกวงเงินสินเชื่อก็จำเป็นต้องยกเลิกบัตรไปด้วยครับ .... แต่การที่จะสามารถยกเลิกบัตรได้ ก็ต้องปลอดภาระหนี้ของบัตรก่อนด้วยครับ ส่วนการที่จะมีการพิจารณาเรื่องความเสี่ยงใหม่หรือไม่ เพื่อให้คงสามารถใช้บัตรได้ต่อไป (ไม่ปิดบัตร) ก็ต้องอยู่ที่ว่าจะได้ด้วยเหตุใด เช่น ผจก.สาขา ขอให้ หรือส่งหลักฐานทางรายได้ เพื่อใช้พิจารณาแทนที่ก็ได้ครับ จากคุณ : pjuk เขียนเมื่อ : 24 พ.ย. 53 20:56:26

ความคิดเห็นที่ 85 เห็นใจจขกท. นะ จนท. น่าจะอธิบายอ่ะ ว่ากรณีแบบนี้ ต้องปิดบัตรเครดิตเพราะอะไร อธิบายแบบเคลียร์ๆ ส่วนตัวก็เคยมีกรณีกับ SCB เช่นกัน  เรื่องการพูด การสื่อสารกับลูกค้านี่แหละ  ปีกว่าผ่านไป  อ้าว ยังไม่พัฒนาอีกเหรอเนี่ย จากคุณ : Gigolina เขียนเมื่อ : 24 พ.ย. 53 21:06:49

ความคิดเห็นที่ 86 ไม่รู้จะพูดอะไร มาให้กำลังใจ pjuk นะครับ จากคุณ : Tamจัง เขียนเมื่อ : 24 พ.ย. 53 21:49:43

ความคิดเห็นที่ 87 เคสนี้คิดว่า SCB ถูกครับ แต่สำเนียง ภาษาที่ใช้  ที่ SCB  ใช้กับลูกค้าในกรทู้นี้  บอกตามตรงไม่ประทับใจเลยครับ จากคุณ : Fresh Extra เขียนเมื่อ : 24 พ.ย. 53 22:27:57

ความคิดเห็นที่ 88 ...อ่านๆ ดู ผมรู้สึกชื่นชม เจ้าหน้าที่ของแบ็งค์ทั้งของไทยพาณิชย์และกสิกร ที่คอยมาตอบปัญหาต่างๆ ของเพื่อนๆ ในพันทิปนี้ เช่นเดียวกับปัญหาของมือถือค่ายต่างๆ ทั้งหลาย... จากคุณ : เจ็บเพื่อเข้าใจ เขียนเมื่อ : 25 พ.ย. 53 00:02:01

ความคิดเห็นที่ 89 แต่ถ้าได้บัตรเพราะวงเงินสินเชื่อ .... เมื่อจะยกเลิกวงเงินสินเชื่อก็จำเป็นต้องยกเลิกบัตรไปด้วยครับ .... แต่การที่จะสามารถยกเลิกบัตรได้ ก็ต้องปลอดภาระหนี้ของบัตรก่อนด้วยครับ แล้วทางธนาคารมีการแจ้งเรื่องนี้ ตอนที่ให้สิทธิ์บัตรเครดิตหรือเปล่าครับ ถ้าบอก อันนี้ก็ต้องยอมรับว่าทางธนาคารไม่ผิด ให้ข้อมูลไปแล้ว จากคุณ : MAX เขียนเมื่อ : 25 พ.ย. 53 00:37:43

ความคิดเห็นที่ 90 สรุปสาขาก็เลยเอาข้อนี้มาอ้างเพื่อชะลอการรีไฟแนนซ์ ซึ่งก็ทําให้เสียลูกค้าไปอีกราย น่าจะพิจารณาใหม่นะคะ ในทางปฏิบัติ แม้การตลาดของคุณจะดียังไง การปฏิบัติงานของจนท. สาขาก็มีผล ส่วนตัวสงสัยจะโชคดีมี จนทดูแลดีทุกคน ไม่เคยมีปัญหา กู้บ้านกับไทยพาณิชย์มา2หลัง พอจะมากู้หลังที่3 ก็อนุมัติรวดเร็วมาก คนละสาขาทั้ง3ครั้ง ขอเป็นกําลังใจให้ทั้ง จขกทและจนท ไทยพาณิชย์ที่ปฏิบัติงานอย่างเป็นธรรมและใช้ประโยชน์ส่วนรวมเป็นหลักนะคะ จากคุณ : เขียนบน iPhone (not defendant) เขียนเมื่อ : 25 พ.ย. 53 05:03:35

ความคิดเห็นที่ 91 มีแต่ คนแก่ๆ ตามในโฆษณา แค่เดินผ่าน ก็น่ากลัว จากคุณ : Decorman เขียนเมื่อ : 25 พ.ย. 53 07:19:14

ความคิดเห็นที่ 92 #79 คณ summerman ครับผมก็ว่างั้นแหละ บางคนก็ขอให้ได้ด่าไว้ก่อน บางคนก็เฮโลด่าตามคนอื่นทั้งๆที่ความจริงยังไม่ปรกฎ ตอนแรกที่ผมอ่านผมก็รู้สึกไม่พอใจ SCB เหมือนกัน แต่พอหลายๆอย่างเริ่มเคลียร์ ก็พอจะเข้าใจว่าทำไมเป็นแบบนี้ แต่ก็เห็นใจ จขกท อยู่เพราะบางคนไม่รู้จริงๆว่า ระเบียบเป็นแบบนี้ ไม่รู้มีเขียนไว้หรือเปล่า บางคนก็ว่า SCB ใช้ภาษาไม่น่าประทับใจกับลูกค้า น่าเห็นใจ SCB อยู่เหมือนกันนะครับ เพราะลูกค้าบางคนนี่ก็ใช้ภาษา วาจาได้ดีมากกกกกกกกกก บางคนก็ใส่อารมณ์ซะ บางคนก็หยาบยิ่งกว่า สุดท้ายคนที่ประสานช่วยเหลือต้องมานั่งรับฟังความกดดัน เนื่องจากเป็นผู้ให้บริการ และอีกฝ่ายคือ 'ลูกค้า' หรือครับ ทั้งๆที่ไปเอาเงินเขาแท้ๆ งานส่วนหนึ่งที่ผมทำก็เกี่ยวกับการบริการ ลูกค้าสำคัญ แต่ก็ไม่เห็นลูกค้าเป็นพระเจ้า บางทีพูดกันไม่รู้เรื่อง เอาเราไปพูดในทางเสียหาย ผมก็ระเบิดลงเหมือนกัน ความเป็น professional ผมว่าไม่เห็นจำเป็นต้องออกมาสุภาพตลอดเวลา ถ้ามัน มีเหตุจำเป็น ให้กำลังใจ pjuk ครับทำหน้าที่ defense บริษัทได้ดี จากคุณ : Argus เขียนเมื่อ : 25 พ.ย. 53 08:24:14

ความคิดเห็นที่ 93 #90 สรุปสาขาก็เลยเอาข้อนี้มาอ้างเพื่อชะลอการรีไฟแนนซ์ ซึ่งก็ทําให้เสียลูกค้าไปอีกราย ---------------------------------------------------------------- สรุปผิดแล้วค่ะ   มันเป็นการทำไปตามกฎเกณฑ์ที่มีอยุ่ ไม่ใช่ข้ออ้างแต่อย่างใด  และก็เป็นเรื่องที่สมเหตุสมผลด้วย บัตรมาจากวงเงินสินเชื่อบ้าน เมื่อย้ายไฟแนนซ์ ก็ต้องเคลียร์เงินในบัตร เพราะเป็นเงินวงเดียวกัน เรื่องของเรื่อง คือ ทำไมต้อง FAKE ข้อมูลมาเล่าว่า บัตรไม่ได้มาจากวงเงินสินเชื่อ แต่มาจากการขอบัตรปกติ   ถ้าพูดความจริงเสียตั้งแต่ต้น คงไม่ต้องมี rep ยาวมาถึงขนาดนี้ ก็แม้กระทั่งตัวคุณ   not defendant  ยังรู้เลยนะคะว่า บัตรของคุณใบถัดมามีที่มาอย่างไร  แล้วคุณ จขกท ไม่รู้เชียวเหรอ ในส่วนตัวเห็นว่า คนปกติทั่วไป ถ้าต้องการทำตอบจริงๆ ก็จะบอกรายละเอียดจริงทั้งหมด  ใช่เขียนอีกแบบค่ะ แก้ไขเมื่อ 25 พ.ย. 53 10:02:01 จากคุณ : กันดัมจัง เขียนเมื่อ : 25 พ.ย. 53 10:00:20

ความคิดเห็นที่ 94 หมายถึงว่า สาขา แทนที่จะชี้แจงลูกค้าให้เข้าใจก่อนว่าบัตรได้มาจากการขอสินเชื่อ ซึ่งหากปิดบชไป บัตรก็ต้องปิดด้วย แต่สาขาจะดูเรื่องขออนุมัติตามขั้นตอนให้ ถ้าอธิบายแบบนี้ลูกค้าจะเข้าใจมากกว่ามั้ยคะ เราว่าการที่สาขาพยายามบอกแบบนี้ อีกแง่นึงก็คือ ถ้าไม่อยากปิดบัตร ก็อย่ารีไฟแนนซ์ไปที่อื่นสิ อันนี้ เป็นวิจารณญาณนะคะ ว่าอยากจะเก็บลูกค้าไว้ รึว่าไม่อยากปล่อยยอด ทีนี้ขู่ไปแล้ว ลูกค้าเลือกปิดบัตร แล้วเป็นไง เสียทั้งลูกค้าสินเชื่อ ทั้งบัตรเครดิต ใคร win คะ ด้วยความเคารพค่ะ จากคุณ : not defendant เขียนเมื่อ : 25 พ.ย. 53 12:09:54

ความคิดเห็นที่ 95 SCB มีข้อดีตรงบริการ online จากคุณ : ~Gyaboo~ เขียนเมื่อ : 25 พ.ย. 53 12:32:53

ความคิดเห็นที่ 96 มาเก็บข้อมูลค่ะ มีสินเชื่อบ้านกับ scb แต่โดยส่วนตัวใช้บริการของที่นี่หลายอย่างค่ะ  แม้แต่เรื่องที่คิดจะรีไฟแนนซ์บ้าน น้องที่scb ก็แนะนำมาดีค่ะ แต่ไม่รู้สาขาที่จะไปทำจะบริการดีมั้ยน้อ จากคุณ : เพิ่งเม้นท์ห้องนี้ครั้งแรกค่ะ (nongporjaija) เขียนเมื่อ : 25 พ.ย. 53 12:58:51

ความคิดเห็นที่ 97 ต่างกรรมต่างวาระ ผม refinance ออก scb ก็เร็วดีไม่มีปัญหาเลย จากคุณ : thrill เขียนเมื่อ : 25 พ.ย. 53 13:57:36

ความคิดเห็นที่ 98 ++ เข้าใจเรื่องราวทั้งหมดแล้วค่ะ ++ งั้นเราขออนุญาต จขกท ถามเรื่องของเราจากคุณ pjuk มั่งนะคะ บัตรเราได้มาด้วยการมี invitaion ค่ะ ไม่ต้องส่งเอกสารอะไรเลย (ตามเอกสารนั่นว่าอย่างนั้นนะคะ หลายปีแล้ว) ก็กรอกๆๆข้อมูลแล้วก็ได้บัตรมาเลย ทีนี้อยู่มาวันหนึ่ง scb ก็แจ้งเรามาว่า ให้เราส่งเอกสารหลักฐานทางการเงินไปให้ ทั้งใบรับรองเงินเดือน สำเนาสมุดธนาคารที่มีย้อนหลัง 6 เดือน คิดเองว่าไม่น่าใช่ปัญหาเรื่องหนี้เพราะเราจ่ายเต็ม และตรงเวลาตลอด เลย งง อีกทั้งตอนนั้น เราก็แจ้งไปในใบ invitation แล้วว่า เราเป็นแม่บ้าน ไม่มีรายได้ มีแต่รายได้สามี ทาง scb ก็แจ้ง (แกมขู่) ว่าถ้าไม่ส่งเอกสารก็จะระงับบัตร เราก็โอเคระงับก็ระงับ ไม่เป็นไร ไม่ว่ากัน เพราะเราไม่มีรายได้อยู่แล้ว ก็เข้าใจ scb ค่ะ แต่ที่ไม่เข้าใจคือ แล้วตอนแรก คุณส่ง invitaion มาให้เราเพื่อ??? แล้วพอเราใช้บัตรไปเรื่อยๆๆ scb เพิ่งนึกออกว่า ไม่มีเอกสารการเงินของเรา หรือยังงัย งง พอจะขอคำตอบจากที่นี่ได้มั๊ยคะ ขอบคุณไว้ล่วงหน้าเลยค่ะ ^^ แก้ไขเมื่อ 25 พ.ย. 53 15:05:05 จากคุณ : tua-lex เขียนเมื่อ : 25 พ.ย. 53 14:51:24

ความคิดเห็นที่ 99 ธปท. ให้ระเบียบนี้มาครับ http://www2.bot.or.th/fipcs/Documents/FPG/2551/ThaiPDF/25510362.pdf ว่าถึงเวลาที่จะต้องรวบรวมหลักฐานการอนุมัติบัตรเครดิตทั้งระบบว่าให้ได้ เพราะอะไร .... เป็นการพิจารณาจากหลักฐานใด .... ถ้าไม่มีที่มา บัตรนั้น จะไม่สามารถต่ออายุได้อีก เมื่อ (หน้า) บัตรหมดอายุลงไปครับ จากคุณ : pjuk เขียนเมื่อ : 25 พ.ย. 53 15:05:23

ความคิดเห็นที่ 100 คุณ pjuk คะ เรื่องนี้เราเข้าใจค่ะ เพราะ จนท เค้าแจ้งว่ามีระเบียบ ธปท แต่ที่ไม่เข้าใจคือ แล้วเค้ามี invitation มาทำไมแต่แรก หรือว่าเดิมไม่ได้พิจารณาจากเอกสารการเงินคะ แล้วใช้เกณฑ์อะไร ในการพิจารณาส่ง invitaion มาให้อ่ะค่ะ ไม่ได้กวนนะคะ คือไม่เข้าใจจริงๆ ขอบคุณมากๆอีกครั้งค่ะ ^^ จากคุณ : tua-lex เขียนเมื่อ : 25 พ.ย. 53 15:20:49

ความคิดเห็นที่ 101 ก่อนสิงหาคม ปี 51 ... ธปท. ยังไม่มีระเบียบออกมาบังคับครับ อยู่ที่การพิจารณาของผู้ออกบัตรเอง ว่าจะให้สิทธิ์กับใครก็ได้ โดยใช้เพียงบัตรประชาชนใบเดียวก็พอครับ แต่เมื่อมีประระเบียบของ ธปท. ออกมาแล้ว ..... แม้ไม่มีผลย้อนหลัง แต่ก็มีผลกับการต่ออายุบัตร เมื่อหมดอายุลงไปครับ จากคุณ : pjuk เขียนเมื่อ : 25 พ.ย. 53 15:29:57

ความคิดเห็นที่ 102 #94  แล้วมั่นใจได้อย่างไรว่าสาขาไม่ได้ชี้แจงคะ  อาจจะชี้แจงแล้วลูกค้าไม่สนใจ ไม่ใส่จะรับรู้ หรือไม่พยายามเข้าใจก็เป็นได้ เราเขียนตามสมมติฐานจากการตอบของลูกค้ากรณีนี้นะคะ ไม่ใช่ลูกค้าทั่วไป ก็ขนาดบัตรมาจากสินเชื่อบ้าน ยังบอกว่ามาจากบัตรปกติ  ทั้งที่มีการถามย้ำในกระทุ้หลายครั้ง   เมื่อมีการตอบสาเหตด้วยเหตุผล ก็กลับว่า ไม่ใช่เรื่องที่แบงค์จะมาคิดแทนตนบ้าง ตอบว่าตอบอย่างนี้อย่ามาตอบจะดีกว่าบ้าง ลูกค้าสนใจแต่คำตอบที่ตนเองต้องการฟังนะคะ  เมื่อตอบไม่ได้อย่างที่ตนอยากฟังก็บอกแต่ว่า ไม่เคลียร์ๆๆ แล้วคุณจะมั่นใจอย่างไรว่า ทางสาขาไม่ได้อธิบาย อีกอย่างคือ "ทางสาขาให้เคลียร์แต่ยอด ไม่ได้ให้ปิดบัตร"   แสดงว่า เป็นการเทคแคร์ลูกค้าในขั้นหนึ่ง  ทั้งที่ตามจริงควรต้องปิดบัตรใบนั้นไปด้วย..........นั่นคือ ก็รับการเป็นลูกค้าบัตรต่อ  โดยที่ไม่ต้องไปขออนุมัติบัตรใหม่ เพียงแต่เคลียร์วงเงินเก่าเท่านั้น ในกรณีนี้ เราว่าทางสาขาก็ทำเต็มที่ด้วยวิจารณญาณในส่วนของตนแล้วค่ะ ด้วยความเคารพค่ะ จากคุณ : กันดัมจัง เขียนเมื่อ : 25 พ.ย. 53 15:49:05

ความคิดเห็นที่ 103 แล้วอย่าง เคสผมเนี่ย เค้าเรียกว่าบัตรเครดิตจากการขอสินเชื่อ มั้ยครับ ส่งบ้านมาได้ 3 ปี พอดีเข้าไปในแบงค์ น้องเค้าขอให้ช่วยทำบัตร ก็เซ็นๆให้ไป พอดีมีบัญชีที่ไม่หมุนเวียนแบงค์อื่นอยู่ 500K ฝากไว้เกิน 6 เดือน ไม่ได้ให้ statement หมุนเวียนด้วย เพราะไม่ได้เอาไป เค้าก็ไม่ได้ว่า อะไร ผ่านไป 2 อาทิตย์ ได้บัตรวงเงิน 200K มา อย่างงี้เข้า step บัตร เครดิต จากการขอสินเชื่อ มั้ยครับ pjuk จากคุณ : Supremo เขียนเมื่อ : 25 พ.ย. 53 18:04:52

ความคิดเห็นที่ 104 ถ้ามีเพียงใบสมัคร พร้อมบัตรประชาชน โดยไม่ได้มีการแนบหลักฐานทางรายได้ หรือ เงินออม หรือเงินหมุนเวียนใดๆ ..... จะเข้าข่ายการพิจารณาจากสินเชื่อที่มีอยู่ ครับ..... ทั้งนี้ถ้าเป็นการสมัครตามปกติ .... คงไม่ผ่านการพิจารณา เนื่องจากหลักฐาน การสมัครไม่ครบถ้วน .... แก้ไขเมื่อ 26 พ.ย. 53 09:20:56 จากคุณ : pjuk เขียนเมื่อ : 25 พ.ย. 53 20:58:02

ความคิดเห็นที่ 105 ดุจัง การเป็นหนี้เป็นทุกข์ในโลก จากคุณ : เทพใหญ่ เขียนเมื่อ : 25 พ.ย. 53 23:05:23

ความคิดเห็นที่ 106 ไม่ได้เข้าห้องมาดูห้องสินธรนานมากแล้ว เพิ่งเปิดเข้ามาวันนี้เอง อยากบอกว่าคุณ จขกท. คุณเจอเหมือนเราเป๊ะเลยค่ะ แต่ของเราจะ 2 ปีแล้วนะ ตอนนี้รีไฟแนนท์มาแบงค์อื่นแล้ว เพราะขืนดันทุรังส่งต่อไป เสียดอกเบี้ยหัวโตแน่ ตอนนั้นของเราโดนไป 8 บาท ย้ายมา 2.5 บาท ใครจะไม่อยากย้ายใช่มั้ยคะ แต่เรายังข้องใจเรื่องต้องปิดบัตรเครดิต และให้ยกเลิกบัตรอยู่จนทุกวันนี้ เราเคยมาตั้งกระทู้ถาม pjuk เรื่องนี้เหมือนกัน แต่พี่คงลืมไปแล้วหล่ะค่ะ ทุกวันนี้เราก็ไม่มีบัตรเครดิตใช้ค่ะ (ซึ่งก็ดีเหมือนกัน) ทำให้การรูดปรื๊ดๆ ง่ายๆ ของเราหมดไปสักที ช่วงแรกๆ เราก็งอนค่ะ ถอนเงินออกจากที่นี่หมดเลย ตอนนั้นโมโห โกรธมาก แล้วไม่เคยกลับไปใช้บริการอีกเลย แต่ตอนนี้หายโกรธแล้ว (มั้ง) ก็กลับมาเป็นลูกค้าที่นี่ใหม่ค่ะแต่เปลี่ยนสาขานะ ของเราอยู่ต่างจังหวัด ที่นี่เราว่าสะดวกสุด เพราะใกล้บ้านและเร็วดีค่ะ อีกเรื่องที่อยากเล่า ตอนนี้แบงค์เค้าทำบัตร speedy cash ให้โดยไม่ได้ใช้หลักฐานอื่นเลยนอกจากบัตรประชาชน (แต่เราไม่ได้อยากได้นะ แหมก็ถ้ากดปุ๊บแล้วเสียดอกปั๊บ เรื่องอะไรล่ะ ใช่มั้ย เอาตังค์พาลูกไปกินสุกี้ดีกว่า 555) เรายังบอกเจ้าหน้าที่แบงค์เลยว่าขอเป็นบัตรเครดิตไม่ได้เหรอ จะได้สะสมคะแนนแลกของได้ด้วย แต่เค้าว่าเค้าไม่ให้แฮะ อืม..ก็ช่างมัน แต่แปลกมั้ยที่เราสมัครบัตรเครดิตของที่นี่ไปสองรอบแล้ว ไม่ผ่านทั้งสองรอบเลยค่ะ ทั้งที่มีเงินหมุนเวียนในบัญชีของเค้าพอสมควร น่าจะผ่าน แต่มันไม่ผ่าน ที speedy cash ล่ะให้ชั้นมาได้ง่ายๆ ไม่เห็นดูหลักฐานทางการเงินอะไรสักอย่างเลย ว่ามั้ย ปล.เราไม่โกรธแล้วนะ แต่ยังเคืองอยู่ จากคุณ : แมวเหมียวตัวผอม เขียนเมื่อ : 26 พ.ย. 53 11:51:02

ความคิดเห็นที่ 107 ^^ เข้ามาแอบขำ อิอิ ปกติใช้เงินสดก็สบายใจดีครับ ไม่มีบัตรรูดเลย สิ้นเดือนก็ไม่ต้องห่วง จากคุณ : สังขยาใบเตย เขียนเมื่อ : 26 พ.ย. 53 12:44:57

ความคิดเห็นที่ 109 ตอนเรา re-finance บ้านก้อเจอปัญหายืดเวลาเราจน promotion bank ที่ได้มาหมดอายุไป เช่นกันเหนื่อยใจ..สุดท้ายก้อต่อกับ SCB ต่อไป SCB น่าจะเปลี่ยนนโยบายทำร้ายจิตใจลูกค้าได้แล้วน่ะค่ะ จากคุณ : ploy (PaPLoy) เขียนเมื่อ : 26 พ.ย. 53 14:36:07

ความคิดเห็นที่ 110 เป็นอุธาหรณ์สอนใจ มีอะไรกรุณามาแจ้ง Pjuk กับ คุณ SCB ที่นี่โดยด่วน!! ... จากคุณ : ltf06 เขียนเมื่อ : 26 พ.ย. 53 19:25:01

ความคิดเห็นที่ 111 สุดยอดครับพี่จุก เสียดายที่ผมไม่ได้ทำงานอยู่ที่ SCB แล้ว SCB มีคนทำหน้าที่ดีอย่างนี้ต้องยกย่องครับ สุดยอดบุคคลแห่งปีในห้องสินธร ต้องยกให้พี่ PJUK ไปเลยครับ จากคุณ : ดร.เพียว เขียนเมื่อ : 27 พ.ย. 53 13:18:34

ความคิดเห็นที่ 112 ใช้บริการสินเชื่อบ้านของ SCB เหมือนกันครับ ไม่เคยมีปัญหานะครับ บริการผมดีซะด้วยซ้ำทั้งๆที่ยอดกู้ผมไม่เยอะเลย (ใช้บริการที่ สนญ. ครับ) อาจจะเป็นที่ตัวบุคคลหรือเปล่าครับ จากคุณ : vagn เขียนเมื่อ : 28 พ.ย. 53 10:32:38

ความคิดเห็นที่ 113 กลับไปอ่านอีกที เรื่องราวมันเป็นจะอี้นี่เอง จดไว้ๆ แก้ไขเมื่อ 28 พ.ย. 53 20:42:44 จากคุณ : Konba_naruK เขียนเมื่อ : 28 พ.ย. 53 20:38:31