|
ซาฟารีเวิลด์ก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2531 จากทุ่งนาอันกว้างใหญ่ไพศาลบนเนื้อที่ประมาณ 1,650 ไร่ บริเวณติดกับถนนปัญญาอินทรา เขตคลองสามวา หลังจากนั้น 10 ปี ผินได้ขยายอาณาจักรไปเปิด ภูเก็ตแฟนตาซี ติดกับหาดกมลา อำเภอกะทู้ จังหวัดภูเก็ต บนเนื้อที่ประมาณ 282 ไร่ ปัจจุบันเฉพาะมูลค่าที่ดินทั้ง 2 ผืนก็ "มากพอ" ที่จะล้างหนี้ได้หมดสิ้น
จากการประเมินมูลค่าทรัพย์สินซาฟารีเวิลด์ และภูเก็ตแฟนตาซี ในงบการเงินปี 2550 มีมูลค่ารวม 6,129 ล้านบาท เมื่อหักค่าเสื่อมราคาสะสม 3,070 ล้านบาท จะเหลือมูลค่าสุทธิตามบัญชี 3,040 ล้านบาท
กองหนี้ของผิน ณ สิ้นปี 2550 ซาฟารีเวิลด์แจ้งสินทรัพย์รวม 3,812 ล้านบาท หนี้สินรวม 4,216 ล้านบาท มีส่วนผู้ถือหุ้นติดลบ 404 ล้านบาท และในก้อนหนี้มหึมา เป็นเงินกู้ระยะยาวและดอกเบี้ยค้างจ่ายที่เจ้าหนี้สามารถเรียกคืนได้ทันทีเมื่อต้องการ จำนวน 2,628 ล้านบาท
เจ้าหนี้รายใหญ่ที่สุดของผิน คือ ธนาคารไทยพาณิชย์ เป็นโจทก์ยื่นฟ้องซาฟารีเวิลด์ตั้งแต่วันที่ 22 กันยายน 2549 ข้อหาผิดสัญญากู้ยืมมูลหนี้ประมาณ 2,300 ล้านบาท ซึ่งที่ผ่านมามีการเจรจากันมาเป็นระยะเวลากว่า 9 ปีแล้ว แต่ผินก็ยังไม่สามารถทำตามเงื่อนไขการชำระหนี้ได้
นอกจากนี้ ซาฟารีเวิลด์ยังมีหนี้ค้างชำระอยู่กับบรรษัทบริหารสินทรัพย์ไทย (บสท.) ซึ่งเคยทำสัญญาปรับโครงสร้างหนี้กับผินไปตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2545
ผู้บริหารธนาคารไทยพาณิชย์ เคยระบุว่า ซาฟารีเวิลด์ และภูเก็ตแฟนตาซีลงทุนด้วยมูลค่าเงินลงทุนที่สูงเกินไป ซึ่งไม่ตรงกับสถานการณ์จริง โดยเฉพาะภูเก็ตแฟนตาซีที่ลงทุนในช่วงที่ 2540-2541 ด้วยงบประมาณลงทุนสูงถึง 3,500 ล้านบาท
7,300 วัน หรือ 20 ปี ผินคิดอย่างไรกับภาระหนี้ที่กลายเป็น "ตุ้มถ่วง" ฐานะทางการเงินมาตลอด
เจ้าพ่อซาฟารี บอกว่า สาเหตุที่ทำให้ซาฟารีเวิลด์ มีหนี้สินพะรุงพะรัง เป็นเหตุการณ์เรื้อรังมาตั้งแต่เกิดวิกฤติสถาบันการเงิน เรื่อยมาถึงเหตุการณ์ทางการเมือง และภัยธรรมชาติ
"ในรอบ 10 ปี (2541-2550) ผมนับวิกฤติทั้งเล็ก และใหญ่ ได้ทั้งหมด 17 ครั้ง (เช่น ซาร์ส, ไข้หวัดนก, สึนามิ, หมอกควันจากประเทศอินโดนีเซีย, ปฏิวัติรัฐประหาร ฯลฯ) ล้วนกระทบต่อธุรกิจท่องเที่ยว สึนามิเหตุการณ์เดียวเราทรุดไป 3 ปี เพิ่งจะมาฟื้นได้เมื่อต้นปีนี้เอง"
ผินมั่นใจว่า ถ้าไม่มีเหตุการณ์ร้ายแรงเหล่านี้ ครอบครัวคิ้วคชาจะเหลือเงินสดๆ ในกระเป๋าเยอะแยะมีมากกว่า 1,000 ล้านบาท แน่ๆ ก่อนจะพูดเปรียบเทียบกับอดีตนายกรัฐมนตรีพร้อมเสียงหัวเราะว่า "คนมีเงินเยอะ..เรื่องถึงเยอะ ไม่มีเงิน..ก็ไม่มีเรื่อง"
สำหรับเรื่องภาระหนี้สิน ผินใช้ลีลาอดีตเจ้าของ บง.เฟิสท์ทรัสต์ (ถูกปิดกิจการเมื่อปี 2527 ในโครงการทรัสต์ 4 เมษา) ที่ประวิงเวลามาโดยตลอด เขาบอกว่า ถ้าคิดจะขายที่ดินใช้หนี้ ปีเดียวก็ล้างหนี้เกลี้ยงแล้ว หนี้ที่เห็นในบัญชี 4,216 ล้านบาท จริงๆ แล้วมีหนี้เพียง 2 พันกว่าล้านบาท ส่วนที่เหลือเป็น "ดอกเบี้ยค้างจ่าย" ที่เจ้าหนี้(พร้อมจะ)แฮร์คัตให้ แต่สินทรัพย์ 2 แห่งรวมกันเรามีตั้ง 5,000-6,000 ล้านบาท ไม่ต้องห่วง
สำหรับปัจจัยที่ทำให้ซาฟารีเวิลด์ยังขาดทุน มีเพียง 2 ตัว คือ "ดอกเบี้ยจ่าย" และ "ค่าเสื่อมราคา"
ผินเผยว่า ทุกวันนี้ซาฟารีเวิลด์ต้องจ่ายดอกเบี้ยเดือนละกว่า 20 ล้านบาท (ปี 2550 บันทึก 223 ล้านบาท) กับค่าเสื่อมราคา อีกปีละเกือบ 300 ล้านบาท (เป็นค่าใช้จ่ายทางบัญชี) ถ้าจะให้กำไรต้องแก้ตรงจุดนี้กิจการถึงจะไปได้ คือ ต้องเพิ่มทุนนำเงินไปลดหนี้ (รวมทั้งแฮร์คัตหนี้) แต่การเพิ่มทุนต้องรอเวลาที่เหมาะสม อาจจะเป็นปีนี้ หรือปีหน้า
"การเพิ่มทุนต้องใจเย็นๆ ถ้ามันยังไม่ถึงเวลาคุณอย่ารีบร้อน ตอนนี้ธนาคารไทยพาณิชย์ เขาก็ดี..เอ็นดูเรา ผมอยู่ในธุรกิจไฟแนนซ์มา 18 ปี "ทำเป็น" ว่าจะแก้หนี้อย่างไร ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลา..อย่าใจร้อน"
ทางด้านหุ้น SAFARI ที่ถูกห้ามซื้อขาย (ติด SP) มาตั้งแต่ปีที่แล้ว ผินบอกว่า แก้ปัญหา (เพิ่มทุน) จบเมื่อไร ก็ออกเมื่อนั้น นอกจากนี้ในโครงสร้างผู้ถือหุ้น SAFARI ยังปรากฏรายชื่อ ทวีฉัตร จุฬางกูร ถือหุ้นอันดับหนึ่ง สัดส่วน 9.50% ณัฐพล จุฬางกูร ถือหุ้น 3.15% หทัยรัตน์ จุฬางกูร (แม่ของทวีฉัตร-ณัฐพล) ถือหุ้น 1.60% และโกมล จึงรุ่งเรืองกิจ ถือหุ้น 0.54%
ผินบอกว่า ตระกูลจุฬางกูรเป็นญาติ(พี่น้อง)กับสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ถือหุ้น SAFARI มานานแล้ว เขาถือรวมกันประมาณ 18% ส่วนครอบครัวคิ้วคชาถือหุ้นอยู่ 50% ที่ผ่านมาก็ได้คุยกันเป็นประจำ
"เขามาซื้อหุ้นผม..เศษตังค์ของเขาหรอก ตระกูลนี้เขารวย(มาก) เขามาเดินเที่ยวที่นี่เป็นประจำ"
ส่วนประเด็นที่ว่า ทำไมครอบครัวคิ้วคชาไม่คิดขายที่ดินใช้หนี้ให้รู้แล้วรู้รอด หรือ แปรสภาพที่ดินไปทำหมู่บ้านจัดสรร หรือทำคอนโดมิเนียมซะเลย..
"ความคิดจะขายซาฟารีเวิลด์ หรือภูเก็ตแฟนตาซี เอาเงินไปใช้หนี้ "ไม่มีในหัวสมอง" ผมทำเพราะรู้สึกรักธุรกิจนี้ มีความสุข เราสร้างความสุขให้ผู้อื่น วันนี้ซาฟารีเวิลด์เปิดมาครบ 20 ปี เหมือนยกเขาใหญ่มาอยู่ในกรุงเทพ บรรยากาศแบบนี้หาไม่มีอีกแล้ว นับวันธรรมชาติยิ่งเพิ่มคุณค่า ถ้าเอาไปสร้างคอนโดมิเนียม ทำบ้านจัดสรร ได้เงินแล้วของพวกนี้ก็หมดไป ผมจะสร้างความดีไว้ประดับแผ่นดิน" นี่คือ คำตอบ
จากคุณ |
:
เอกาก้า
|
เขียนเมื่อ |
:
27 พ.ย. 53 21:35:43
|
|
|
|
|