ความคิดเห็นที่ 1 ก็อยู่แบบพอเพียง (ไม่รู้ทำได้ไหม) ไม่ใช่อยู่แบบที่บางคนอยู่ (พูดได้แต่ทำได้ไหม) ผมก็อยู่แบบพอเพียงไม่ได้ แต่ยังคงพยายาม มองต่ำ ทำให้ใจฟู มองสูง ทำให้ใจหดหู่ ทำใจให้สบาย มีมากมีน้อย ก็เหมือนกัน กินข้าว ที่ละชาม เหมือนกัน ขอให้สบายใจครับ คุณมีมากกว่าคนไทยหลายสิบล้านคน และมากกว่า คนหลายร้อยล้านคนในโลก จากคุณ : phon77 เขียนเมื่อ : วันรัฐธรรมนูญ 53 12:10:08

ความคิดเห็นที่ 2 เราเป็นคนพอเพียงอยู่แล้ว ทุกวันนี้ อยู่แบบโลโซ  เสื้อผ้าไม่ได้ซื้อ  อาหารแพงไม่ได้กิน เครื่องสำอางค์ไม่ได้ใช้  เที่ยวน้อยมาก บังเอิญเงินก้อนนี้ ได้มาจากการแปลงสินทรัพย์บางอย่างเป็นทุน แต่ค่าใช้จ่ายพื้นฐาน ได้แก่ น้ำ-ไฟ  อาหาร  รักษาพยาบาล  ค่าเล่าเรียนลูก ฯลฯ  เหล่านี้  ถ้าไม่วางแผนลงทุน  อนาคตก็มีแต่หมดไป จากคุณ : WTKn เขียนเมื่อ : วันรัฐธรรมนูญ 53 12:22:27

ความคิดเห็นที่ 3 รบกวนถามได้ไหมคับ ว่าที่ดินอยู่ที่ไหนเหรอคับ ตร.วาละ 50,000 เลย เผื่อสนใจจะไปเช่าทำธุรกิจอ่ะครับ จากคุณ : ปาปารัสซี่ เขียนเมื่อ : วันรัฐธรรมนูญ 53 12:54:21

ความคิดเห็นที่ 4 ทำเลที่ดิน สร้างอพาร์ทเมนท์ได้ไหมคะ จะได้มีรายได้ค่าเช่าระยะยาวเลยน่ะค่ะ จากคุณ : Discipline เขียนเมื่อ : วันรัฐธรรมนูญ 53 13:13:28

ความคิดเห็นที่ 5 ผมว่าถ้าจะให้ยั่งยืนที่สุดคือสอนลูกหลานให้บริหารเงินเป็นและมีความกตัญญู ตอนนี้ก็คิดว่าจะทำอะไรเองได้หมด แก้ตัวมาจึงรู้ว่าต้องพึ่งพาลูกหลานมากๆ จะทำอะไรก็ต้องคิดว่าเขาทำต่อได้ ต่อยอดได้ น่ะครับ ถ้าไม่ชอบวุ่นวายในชีวิต ก็น่าจะเลือกการลงทุนในหุ้นที่มีการปันผลดี และยอมรับราคาต่ำสุดของมันได้ ซึ่งตอนนี้ตลาดหุ้นก็ผ่านช่วงเวลาที่ราคาของหุ้นน่าจะตกต่ำที่สุดไปแล้วอย่าง น้อยก็สองครั้ง เราก็น่าจะเห็นจุดนั้นแล้วน่ะครับ จากคุณ : หัสดี เขียนเมื่อ : วันรัฐธรรมนูญ 53 13:13:41

ความคิดเห็นที่ 6 เป็นที่ดินในซอย ทำอะไรมากไม่ได้ ที่พอทำได้ก็จะเป็นอพาร์ทเม้นท์  บ้านเช่า  หรือคอร์ดแบด  รวมถึงแค้มป์คนงาน ที่แพงเพราะริมถนนตอนนี้ ไม่ต่ำกว่าแสนค่ะ จากคุณ : WTKn เขียนเมื่อ : วันรัฐธรรมนูญ 53 13:16:20

ความคิดเห็นที่ 7 เรื่องสอนลูก  ใครๆก็อยากสอนให้เขาเป็นคนดี แต่เราไม่ใช่เจ้าของชีวิตเขา  เราเลี้ยงเขาได้  สอนเขาได้  ที่เหลือเราบังคับไมได้  และไม่หวังพึ่งลูก ส่วนเงินจำนวนนี้ ไม่อยากลงทุนในหุ้นอีก  เพราะเคยผ่านจุดต่ำสุดมาแล้วเหมือนกัน   และเท่าที่ลงทุนอยู่ก็ยังไม่ประสบความสำเร็จเป็นที่พอใจ จากคุณ : WTKn เขียนเมื่อ : วันรัฐธรรมนูญ 53 13:24:34

ความคิดเห็นที่ 8 เท่าที่อ่านผ่านตามา เค้าพูดว่า มีเงินสัก ๑๐ ล้านบาท เพราะคาดหวังผลตอบแทนไม่ต่ำกว่าร้อยละ ๑๐ ต่อปี คือ มีเงินตอบแทนกลับมาแน่ๆ ปีละ ๑ ล้านกว่าบาท เขาจึงอยู่ได้ด้วยเงินจำนวนนี้ ที่นี้ พวกทำบ้านเช่า ฝากแบ๊งค์ ซื้อพันธบัตร ซื้อที่ดิน ทำสันทนาการ กับกองทุน ฯลฯ มันไม่เห็นจะได้ผลตอบแทนถึงร้อยละ ๑๐ ต่อปี บางธุรกิจคิดแบบเฉลี่ยอาจจะได้ แต่เงื่อนไขที่พูดไว้ตอนต้น คือ มีเงินสดตอบแทนให้ใช้จ่ายราวๆ ปีละล้าน ดังนั้น คนที่ตั้งเป้าและพูดไว้แบบนี้ น่าจะหมายถึง การลงทุนในตลาดหุ้นนี่แหละ ^^ --------------------------------------- เข้ามาเพิ่มว่า ความเห็นไม่ได้เป็นประโยชน์ต่อกระทู้เลย เหอๆๆ แก้ไขเมื่อ 10 ธ.ค. 53 13:40:50 จากคุณ : tomimoto เขียนเมื่อ : วันรัฐธรรมนูญ 53 13:37:05

ความคิดเห็นที่ 9 จะบริหารได้ดีก็น่าจะต้องเลือกทำที่ชอบด้วยนะคะ สมมุติว่าถ้าเป็นตัวเอง ช่วงนี้ก็คงซื้อหุ้นบริษัทดีๆ ปันผลซัก 5% cap gain ซักปีละ 10% (น่าจะพอหาได้อ่ะนะ..)  เพราะดอกเบี้ยธนาคาร ก็ยังน้อย  ปีต่อๆ ไป ปันผลต่อทุนก็ต้องยิ่งมากขึ้นอีกนะคะ (โห่ะๆ ..) ที่ดินก็ให้คห. 3 เช่า (โห่ะๆ) แต่ถ้าตลาดเปลี่ยนไปจากนี้มากๆ เราก็ดูอีกที ถ้าจะแบ่งไปซื้อคอนโดให้เช่า หรือว่าทำอพาร์ตเม้นต์ มันก็จะต้องบริหารจัดการด้วยอ่ะค่ะ ขึ้นอยู่กับว่าชอบทำหรือเปล่า  ^^ จากคุณ : ขอแค่ 9 ล้านครึ่งก็พอ.. (nusarathi) เขียนเมื่อ : วันรัฐธรรมนูญ 53 14:00:05

ความคิดเห็นที่ 10 ทำแบบ ดร. นิเวศ ครับ ท่านก็เริ่มจากประมาณ 10 ล้าน ดูท่านตอนนี้ซิ เหอๆๆๆ ข่าวล่าสุด ท่านกำลังสร้างบ้านแล้วนะครับ 555 แต่ไม่รู้ใครเป็นเจ้าของ เหอๆ (เห็นดร. ไพบูล แซวแก ไม่รู้จริงปะ) จากคุณ : shine-rise เขียนเมื่อ : วันรัฐธรรมนูญ 53 14:02:11

ความคิดเห็นที่ 11 จริงๆๆ 600 ตารางวา หากจะทำให้เช่าแล้ว มันก็ได้ครับ แต่ ก็ต้องดูด้วยว่าจะทำอะไร เมื่อ 15 ปีก่อน ผมฟัง พ่อแม่บอกว่า มี 1 ล้านก็อยู่ไปจนตายแล้ว วันนี้ 10 ล้านก็ไม่พอ แนะนำว่า ควรกระจายความเสี่ยงครับ 1 ทองคำ 2 ตลาดหุ้น 3 กองทุน 4 เงินฝาก 5 ลงทุน ส่วนตัวครับ จริงๆ ธุรกิจ อู่ ซ่อมตัวถัง รถยน์ก็น่าสนนะครับ เพราะไม่จำเป็น ต้องอยู่ติดถนนใหญ่ อิงกับบริษัทประกันภัย ฝีมือดี ดูแลดี ลูกค้าเยอะ ที่ 600 ตารางวา ทำได้ สบายๆ แต่อิจฉาจัง ตารางวาละ50000 อยู่ในซอย ของผม ติดถนนใหญ่ หน้ากว้าง 55 เมตร ด้านหลังติดคลอง ยังได้มากกว่า ท่าน จขกท นิดหน่อยเอง จากคุณ : Nopparat_r1 เขียนเมื่อ : วันรัฐธรรมนูญ 53 14:02:39

ความคิดเห็นที่ 12 ที่ดินอยู่จังหวัดอะไรครับ? ในเมือง หรือนอกเมือง จากคุณ : สมาร์ท อินเวสเทอร์ เขียนเมื่อ : วันรัฐธรรมนูญ 53 14:03:25

ความคิดเห็นที่ 13 ฝากประจำ ได้ดอกเบี้ย เดือนละ 16,000 เยอะกว่าเงินเดือนบางคนอีก พอใช้รึป่าวล่ะครับ ? จากคุณ : QDora เขียนเมื่อ : วันรัฐธรรมนูญ 53 14:05:55

ความคิดเห็นที่ 14 ขายที่ดินแล้วกำเงินสด 40 ล้าน   ซื้อพันธบัตรอีก 10 ล้าน รอตลาดตกหนักๆ ฝรั่งขายหุ้นไทยทิ้งแล้วก็ หาหุ้นปันผล 5% สัก 20 ล้านบาท หาหุ้น capital gain อีกสัก 10 ล้าน   ปีนึงน่าจะได้รายรับสัก 2-3 ล้าน จากคุณ : โต้คลื่น เขียนเมื่อ : วันรัฐธรรมนูญ 53 14:19:45

ความคิดเห็นที่ 15 ถ้าใช้คำว่า "ยั่งยืน" แนะนำ พันธบัตร หรือฝากประจำ แต่ถ้าเป็น "เพิ่มพูน" แนะนำ หุ้น หรือ กองทุน แต่นอกจากจะ "เพิ่มพูน" ต้องคิดด้วยว่า อาจจะเป็น "หดหาย" ก็ได้นะครับ จากคุณ : bigzaa เขียนเมื่อ : วันรัฐธรรมนูญ 53 14:33:36

ความคิดเห็นที่ 16 10 ล้านนี่ถ้าเทรดหุ้นวางโมเดลดีๆ แบบ kzm ของคุณมัดเล่ย์ ผลตอบแทนเกิน 10 เปอร์เซ็นต์ความเสี่ยงต่ำครับ ถ้ามีวินัยไม่โลภผมว่าทำได้ วางโซนลงไปจน set50 เหลือ 100 ก็พอ แล้วรวบโซนบน โดยเฉลี่ยแล้วให้มีหุ้นและเงินอยู่ประมาณ 50:50 หรือ 40:60 ในตอนเริ่มต้น โมเดลมันจะป้องกันความเสี่ยงในตัวอยู่แล้ว เพราะเท่ากับเราซื้อหุ้นเพียงครึ่งพอร์ต ทยอยทำกำไรไปจน set50 ขึ้นไปถึงหลักพัน เงินอีกครึ่งพอร์ตมีจุดเข้าแน่นอนรองรับราคาต่ำเตี้ยติดดินได้ ที่ 600 ตร.วา 30 ล้าน ถ้าเป็นผม ผมขายครับ ที่นิดเดียวราคาแพงมันจะมีข้อจำกัดทำอะไรให้ได้กำไรคุ้มดอกเบี้ยคุ้มเงินเฟ้อคงลำบาก รีบขายตอนปีสองปีนี้ เศรษฐกิจเป็นขาขึ้น รถไฟฟ้าใกล้เสร็จ ถือเป็นจังหวะดี ไม่งั้นเศรษฐกิจแย่เอาไปทำประโยชน์ไม่ได้ขายก็ไม่ออก 30 ล้านฝากแบงค์ไว้กินดอกซื้อพันธบัตรนิดหน่อยก็พอแล้ว จากคุณ : พ่อโปรเจ็กต์ เขียนเมื่อ : วันรัฐธรรมนูญ 53 14:34:16

ความคิดเห็นที่ 17 ฝากประจำ ได้ดอกเบี้ย เดือนละ 16,000 เยอะกว่าเงินเดือนบางคนอีก พอใช้รึป่าวล่ะครับ ? จากคุณ : QDora ------------------------------------------ ไม่พอค่ะ เพราะมีครอบครัว  ค่าใช้จ่ายแบบประหยัดก็ไม่พอแล้วค่ะ จากคุณ : WTKn เขียนเมื่อ : วันรัฐธรรมนูญ 53 14:35:23

ความคิดเห็นที่ 18 ความคิดเห็นที่ 10     ทำแบบ ดร. นิเวศ ครับ ท่านก็เริ่มจากประมาณ 10 ล้าน ดูท่านตอนนี้ซิ เหอๆๆๆ จากคุณ : shine-rise     เขียนเมื่อ : วันรัฐธรรมนูญ 53 14:02:11   ------------------------------------------- ก็อยากทำให้ได้แบบ ดร. นิเวศ ค่ะ แต่ไม่สามารถ  ทุกวันนี้ถ้าถอยได้ ก็จะอำลาตลาดหุ้นแล้วค่ะ  หาช่องทางอื่นอยู่ แต่ถ้าคุณshine-rise    สนใจจะเป็นผจก.เงินทุนจำนวนนี้ ก็น่ายินดีนะคะ ------------------------------------------- จากคุณ : WTKn เขียนเมื่อ : วันรัฐธรรมนูญ 53 14:43:17

ความคิดเห็นที่ 19 เข้ามาเพิ่มว่า ความเห็นไม่ได้เป็นประโยชน์ต่อกระทู้เลย เหอๆๆ จากคุณ : tomimoto     เขียนเมื่อ : วันรัฐธรรมนูญ 53 13:37:05 ---------------------------------------------------------- ความเห็นของทุกท่าน  เป็นประโยชน์ และเป็นพระคุณอย่างมากค่ะ จากคุณ : WTKn เขียนเมื่อ : วันรัฐธรรมนูญ 53 14:45:36

ความคิดเห็นที่ 20 เข้ามาอ่านนะคะ แสดงความคิดเห็นไม่ได้ เพราะมียังไม่ถึงสิบล้านเลยค่ะ จากคุณ : OKANEMOCHI เขียนเมื่อ : วันรัฐธรรมนูญ 53 14:48:53

ความคิดเห็นที่ 21 ความคิดเห็นที่ 11     จริงๆๆ 600 ตารางวา เมื่อ 15 ปีก่อน ผมฟัง พ่อแม่บอกว่า มี 1 ล้านก็อยู่ไปจนตายแล้ว วันนี้ 10 ล้านก็ไม่พอ แนะนำว่า ควรกระจายความเสี่ยงครับ 1 ทองคำ 2 ตลาดหุ้น 3 กองทุน 4 เงินฝาก 5 ลงทุน ส่วนตัวครับ จริงๆ ธุรกิจ อู่ ซ่อมตัวถัง รถยน์ก็น่าสนนะครับ เพราะไม่จำเป็น ต้องอยู่ติดถนนใหญ่ อิงกับบริษัทประกันภัย ฝีมือดี ดูแลดี ลูกค้าเยอะ ที่ 600 ตารางวา ทำได้ สบายๆ แต่อิจฉาจัง ตารางวาละ50000 อยู่ในซอย ของผม ติดถนนใหญ่ หน้ากว้าง 55 เมตร ด้านหลังติดคลอง ยังได้มากกว่า ท่าน จขกท นิดหน่อยเอง จากคุณ : Nopparat_r1   เขียนเมื่อ : วันรัฐธรรมนูญ 53 14:02:39   ----------------------------------------------------- จริงค่ะ  ตอนเราเด็กๆ ใครมี1ล้าน  เขาเรียกเศรษฐีเงินล้าน เกมส์เศรษฐี ทางทีวีแจกเงินล้าน ฮือฮามาก เดี๋ยวนี้ หนุ่มๆหาเงินล้านได้กันง่ายๆ ส่วนที่ดินของคุณ   Nopparat_r1 อยู่ที่ไหน สนใจจะขายไหมคะ ชอบที่ดินติดคลองค่ะ จากคุณ : WTKn เขียนเมื่อ : วันรัฐธรรมนูญ 53 14:58:31

ความคิดเห็นที่ 22 ใครว่าหุ้นเสี่ยง ผมว่า มีหุ้น มากมายที่ไม่เสี่ยง นะครับ เพียงแต่ ค่อยเป็นค่อยไป ไม่ไปตาม ดัชนีมากนัก กระจายในหุ้นดีๆสัก 10 ตัว สัก 70-80 % ที่เหลือ ก็...ตาม บนๆบอกไว้ จากคุณ : Pigfarm เขียนเมื่อ : วันรัฐธรรมนูญ 53 15:03:37

ความคิดเห็นที่ 23 ถ้ายังนึกอะไรไม่ออก ระหว่างหาโครงการลงทุน ลองพักเงินในกองทุนอสังหา พวก TFUND ดูก่อนก็ได้นะครับ ปันผล 7-8% ต่อปี ราคาไม่ผันผวนมาก (ถ้าคิดว่า ยังไม่ใช้เงินในช่วง 6 เดือน ถึง 1 ปี เพราะถ้าสั้นไป อาจจะขายกองทุนไม่ได้ราคา ไม่คุ้มค่าคอมมิสชั่นของโบรก) จากคุณ : shine-rise เขียนเมื่อ : วันรัฐธรรมนูญ 53 15:07:10

ความคิดเห็นที่ 24 ในบางครั้ง จำนวนเงินที่มาก ก็อาจทำให้บริหารจัดการได้ลำบาก ยิ่งต้องบริหารจัดการให้มีผลตอบแทนเพิ่มขึ้นด้วยแล้ว ยิ่งต้องเพิ่มความระมัดระวังเป็นอย่างสูง ถ้าเป็นการลงทุนซื้อขายหุ้น มันมีข้อดีตรงที่ว่ามันสามารถเปลี่ยนเป็นเงินสดได้อย่างรวดเร็ว และผลตอบแทนก็สูงพอควร แต่คงต้องบริหารจัดการดีๆ อย่างเช่น พวก ETF ต่างๆ ที่มีสภาพคล่องพอควรก็จะช่วยปกป้องจากการเลือกหุ้นลงทุนผิดได้ หรือถ้าสามารถให้ผู้อื่นยืมหุ้นได้ ก็จะมีรายรับตรงส่วนนี้เพิ่มเข้ามา (ในตลาดขาลง) หรือถ้าเลือกหุ้นที่พอมีเอิร์นนิ่งโกรทและมีปันผล พร้อมทั้งปล่อยให้เขายืมหุ้นได้ด้วย ก็จะได้ผลตอบแทนในหลายทาง (ในสินค้าตัวเดียวกัน) ซึ่งอาจปกป้องความเสี่ยงในตลาดขาลงด้วยการชอร์ตฝั่งตรงข้ามในตลาดฟิวเจอร์ ทั้งหมดเป็นเพียงแนวทางนะครับ ไม่แน่ใจว่าจะทำได้จริงมากน้อยสักเท่าไหร่ ^.^ แก้ไขเมื่อ 10 ธ.ค. 53 15:39:13 จากคุณ : สมาร์ท อินเวสเทอร์ เขียนเมื่อ : วันรัฐธรรมนูญ 53 15:38:30

ความคิดเห็นที่ 25 ในหนังสือขี้โม้ต่างๆ พวก how to ชอบสอนว่า ถ้ามีเงินเท่านั้นเท่านี้จะสบายไปตลอดชาติ ด้วยสมมุติฐานว่า ดอกเบี้ย 10เปอร์ทุกปี จะบ้าเหรอ มันมีที่ไหนกัน ไร้สาระมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ อ่านเจอแล้วโกดทุกที เหมือนหลอกขายหนังสือเลย เอาที่ดอกเบี้ยสมเหตุสมผลหน่อยแล้วแนะนำว่าควรทำอย่างไร เออ น่าเชื่อถือหน่อย 10ล้าน สมัยนี้ไม่ค่อยพอนะครับ ลองป่วยหนักๆ หมดภายในเวลาไม่นานง่ะ เครียดเนอะ จากคุณ : kopbirt เขียนเมื่อ : วันรัฐธรรมนูญ 53 15:54:53

ความคิดเห็นที่ 26 อยากช่วยดูแลเงินของพี่ WTKn จังเลยครับ แปลงเพศแล้ว รับพิจารณารึเปล่านะ คริ คริ  น้องชายมาล้อเล่นครับ  อย่าถือสา จากคุณ : ตี๋แก้มยุ้ย เขียนเมื่อ : วันรัฐธรรมนูญ 53 16:07:03

ความคิดเห็นที่ 28 ความคิดเห็นที่ 26     อยากช่วยดูแลเงินของพี่ WTKn จังเลยครับ แปลงเพศแล้ว รับพิจารณารึเปล่านะ คริ คริ  น้องชายมาล้อเล่นครับ  อย่าถือสา จากคุณ : ตี๋แก้มยุ้ย   เขียนเมื่อ : วันรัฐธรรมนูญ 53 16:07:03   ---------------------------------------------------------- สงสัยตะหงิดๆอยู่ว่า ใครน้าา  ตี๋แก้มยุ้ย   รู้ละ  สึกออกมาแล้วเหรอจ๊ะ ถ้าทักผิด ขออำไพ  คริ คริ จากคุณ : WTKn เขียนเมื่อ : วันรัฐธรรมนูญ 53 16:20:57

ความคิดเห็นที่ 29 ความคิดเห็นที่ 27     ไม่มีสิ่งไหนที่ยั่งยืนครับ จากคุณ : น้องสามสี     เขียนเมื่อ : วันรัฐธรรมนูญ 53 16:12:04 ------------------------------------------- จริงด้วย  ตั้งคำถามผิด อนุโลม แบบใกล้เคียงแล้วกัน คือทำอะไรที่ทุนไม่หาย  และต่อยอดได้นะคะ แก้ไขเมื่อ 10 ธ.ค. 53 16:58:24 จากคุณ : WTKn เขียนเมื่อ : วันรัฐธรรมนูญ 53 16:23:07

ความคิดเห็นที่ 30 # 21 ที่ดิน อยู่ ย่าน .. ถนน ข้ามแม่น้ำปากเกร็ดครับ  (แต่ ไม่ได้อยู่ฝั่งปากเกร็ดนะครับ) เส้น นั้น ... ตลอดเส้น ขา เข้า ตั้งแต่ ถนนราชพฤกษ์ มาระยะ ทาง ยาว 2 กิโลเมตร ติดคลอง ครับ แต่ ... ไม่มีคนขายครับ ผมก็ไม่ขายครับ.. พอได้อาศัย ค่าเช่าที่ดิน พอประทัง ชีวิตไปวันๆครับ แห่ะๆ!!! >>> ขายแล้ว เดี๋ยวใช้หมด แก้ไขเมื่อ 10 ธ.ค. 53 16:41:22 จากคุณ : Nopparat_r1 เขียนเมื่อ : วันรัฐธรรมนูญ 53 16:39:31

ความคิดเห็นที่ 31 อ้อ มีแปลง ของ ลุงครับ ทำท่า จะขาย เห็นบอกจะเอา ตารางวาละ 65000 บาท เนื้อที่ 7 ไร่ กว่าๆ ไม่รู้กี่งาน แต่ที่ไม่ค่อยสวยอ่ะครับ เพราะมันอยู่ เลย โค้ง ที่เลี้ยว จาก ราชพฤกษ์ เข้า ปากเกร็ด  เข้ามานิดเดียว (ประมาณ ตรงหน้า ที่ดิน เป็น สะพาน เลี้ยว ไปเส้น 345 จากคุณ : Nopparat_r1 เขียนเมื่อ : วันรัฐธรรมนูญ 53 16:48:40

ความคิดเห็นที่ 32 ผมก็ไม่ขายครับ.. พอได้อาศัย ค่าเช่าที่ดิน พอประทัง ชีวิตไปวันๆครับ แห่ะๆ!!! >>> ขายแล้ว เดี๋ยวใช้หมด จากคุณ : Nopparat_r1   เขียนเมื่อ : วันรัฐธรรมนูญ 53 16:39:31 ------------------------------------------------- เข้าใจค่ะ จากคุณ : WTKn เขียนเมื่อ : วันรัฐธรรมนูญ 53 16:56:32

ความคิดเห็นที่ 33 # 16 ยอดเยี่ยมมากครับ.... ผมพยายามทำอยู่ครับ... แต่ทุนน้อยจัง ค่อยๆเป็น ค่อยๆไป.. จขกท..  มีทุนอยู่แล้ว หาระบบ ที่ปกป้องทุนให้ได้ก่อน เหมือน ครูมัด สอนไว้.. แล้วค่อยๆ ขยับขยายหากำไรครับ... เท่านี้ ก็สุขสบายแบบพอเพียงแล้วครับ.. จากคุณ : แมกซ์ (maxtao) เขียนเมื่อ : วันรัฐธรรมนูญ 53 17:32:24

ความคิดเห็นที่ 34 ..อยากบอกว่า  ขอบคุณ   ทุกทุกท่าน ที่แบ่งปัน  สรรสิ่งดี   ชี้แนะให้ ทุกถ้อยคำ   มีค่า   มาจากใจ ขออภัย   หากพลาดไป  ในวาจา คำแนะนำ   ทุกคำ   ล้วนน่าคิด จะใคร่ครวญ  พินิจ   ไขปริศนา ความรู้น้อย   ได้มิตรดี  ชี้แนะมา อยากบอกว่า  ขอบคุณ  และขอบคุณ... จากคุณ : WTKn เขียนเมื่อ : วันรัฐธรรมนูญ 53 17:45:49

ความคิดเห็นที่ 35 ผมว่าตั้งใจทำงานหาเงินต่อไปเรื้อยๆเถอะนะ จากคุณ : freeriod01 เขียนเมื่อ : วันรัฐธรรมนูญ 53 17:48:09

ความคิดเห็นที่ 36 ผมว่าตั้งใจทำงานหาเงินต่อไปเรื้อยๆเถอะนะ จากคุณ : freeriod01   เขียนเมื่อ : วันรัฐธรรมนูญ 53 17:48:09   --------------------------------------------- การคิดว่าจะนำเงินที่มีมาลงทุนอะไรเพิ่ม  คือการตั้งใจที่จะทำงานอย่างหนึ่งค่ะ จากคุณ : WTKn เขียนเมื่อ : วันรัฐธรรมนูญ 53 17:52:09

ความคิดเห็นที่ 37 สมาชิกใหม่ขอแลกเปลี่ยนประสบการณ์นะคะ   เพราะเงินที่มีอยู่  ได้ลงทุน ในตลาดหุ้นเกือบทั้งหมด   โดยเลือกหุ้นที่ผลตอบแทนอยู่ะหว่าง  5-7 % และก็คิดว่าเป็นการลงทุนที่ถูกต้อง  เริ่มเข้ามาลงทุนช่วงที่ดัชนีอยู่ประมาณ  300 จุด  อาจจะมีซีือขายบ้าง  เมื่อคิดว่าเลือกตัวผิด  แต่มูลค่าหุ้นก็ขึ้นไป ตามดัชนีด้วย  ซึ่งถ้าเอาไปฝากประจำ  ค่าของเงินมีแต่ลดลง และผลตอบ แทนที่เป็นดอกเบี้ยก็น้อยมากค่ะ   แต่ดัชนีที่สูงขนาดนี้   การลงทุนก็มีความ เสี่ยงสูงค่ะ  ทุกวันนี้  ต้องเรียกว่ามีรายได้ส่วนหนึ่งจากเงินปันผลค่ะ เครดิตภาษีคืนได้อีก 4 ใน 7 ด้วย จากคุณ : sao..เหลือ..noi เขียนเมื่อ : วันรัฐธรรมนูญ 53 18:18:16

ความคิดเห็นที่ 38 แอบรู้จักพี่สาว( sao..เหลือ..noi )มานานแล้ว แต่ไม่ทราบว่า พี่สาวลงทุนในหุ้นเต็มตัว ดีใจที่เห็นพี่สาวในห้องนี้ค่ะ ขอบคุณค่ะพี่ จากคุณ : WTKn เขียนเมื่อ : วันรัฐธรรมนูญ 53 18:22:17

ความคิดเห็นที่ 39 แล้วแต่คนอะนะ  สำหรับเรา  10 ล้าน  ไม่พออะ  แหะๆ ค่อนข้างใช้เงินฟุ่มเฟือยนิดนึง   ยังต้องทำงานต่อไปอีกเยอะๆ จากคุณ : ไจโรสโคป เขียนเมื่อ : วันรัฐธรรมนูญ 53 18:49:37

ความคิดเห็นที่ 40 10 ล้านนี่ผมว่ามันทำให้อุ่นใจนะ ถ้าเกิดเหตุการณ์ที่เลวร้ายคุณก็น่าจะอยู่ได้โดยไม่มีรายได้ไปหลายปี ดังนั้นถ้ารู้แบบนี้อยากทำอะไรก็ทำเลยครับ ทำเล็กทำน้อยเอาที่สนุกแล้วก็ให้มันโต ถ้าเราทำผิดก็ล้มบนฟูก ชีวิตเกิดมาครั้งเดียวมีมากมีน้อยก็เรื่องนึง ที่ใช้ชีวิตให้คุ้มก็อีกเรื่องนึง ป.ล. คุณยังมีที่ดินอีก 30 ล้านซำบายๆ อยากทำอะไรทำเลย จากคุณ : Mr. Prodigy เขียนเมื่อ : วันรัฐธรรมนูญ 53 19:07:45

ความคิดเห็นที่ 41 10 ล้านในความคิดข้าพเจ้า แบ่ง 6 ล้าน ลงทุนในหุ้น ทั้งGrowth และ VI ผสมๆกันไป ควรได้ผลตอบแทนจากปันผล 5-6% (รวมเครดิตภาษีปันผล) แบ่ง 3 ล้าน ฝากสหกรณ์ออมทรัพย์ ดอก 3.5% สหกรณ์อันนั้นน่ะ แบ่ง 1 ล้าน ซื้อทอง 50 บาท แบ่งเป็นแท่งๆละ 10 บาท หุ้น คงไม่ต้องแนะนำอะไร คุณ WTKn สามารถหาเลือกตัวเล่นได้เอง เงินในสหกรณ์  อันนี้ในความคิดเราๆว่า เอาไว้กรณีตลาด crash อย่างแรง  เช่น เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันในบ้านเมืองของเรา สิ่งที่ร้ายแรงมากๆ  คิดว่าคงไม่ต้องบอกนะว่าอะไร  คงพอจะเดากันได้ เงินในนี้จะเอาไว้ช๊อปของถูก ส่วนทองแท่ง  เอาไว้กรณีประเทศไทยเกิดสงครามกลางเมืองที่รุนแรง จลาจล เผาบ้านเมือง รถถังยิงประชาชนแหลก หรือประเทศถูกโจมตี  เงินกลายเป็นเศษกระดาษ  บริษัททุกแห่งถูกยึด หุ้นกลายเป็น 0 เงินเฟ้อล้านเปอร์เซนต์ ฯลฯ เอาไว้เผื่อหนีไปต่างประเทศ จะได้พกไปขายให้พอมีใช้ประทังชีวิต อย่าคิดว่าเป็นไปไม่ได้  อะไรๆในประเทศนี้เกิดขึ้นได้ทั้งนั้นหลังจาก.. จากคุณ : แม่น้องอะตอม เขียนเมื่อ : วันรัฐธรรมนูญ 53 19:12:43

ความคิดเห็นที่ 42 เรื่องที่ในซอย ไม่ค่อยมีไอเดียดีๆ เท่าไหร่ การมีที่อาจจะเหมาะสำหรับคนหรือบ้านที่มีกิจการ รองรับการขยายกิจการในอนาคต หรือเอาไว้สร้างบ้าน แต่ขืนสร้างแล้วใช้เนื้อที่ทั้งหมด ค่าดูแลคงบานตะเกียง จะเอามาทำอพารตเมนต์ก็คงต้องดูทำเล ว่ามีลูกค้าเยอะพอมั๊ย เอาว่าหากมีใครจะเช่า ก็ให้เช่า อย่างของที่บ้านก็เคยให้เช่าอยู่บ้าง แต่สุดท้ายเบื่อทวงค่าเช่าเลยเลิกให้เช่า ประโยชน์ของที่ก็ดีอย่างนี้แหละครับ เปลี่ยนมือยาก ไม่สูญหายไปไหน เก็บไปเรื่อยๆ เป็นมรดกให้ลูกหลาน ส่วนเรื่องสิบล้าน คุณ WTKn อยู่ในสินธร คุ้นเคยกับการลงทุนหุ้นอยู่แล้ว ก็ลงทุนในหุ้นนี่แหละครับ พอร์ต defensive ประเภทหนึ่งที่ผมว่าน่าสนใจ ก็คือ พอร์ตของบริษัทประกัน ไม่ว่าจะเป็น AIA หรือ BKI แล้วก็เป็นพอร์ตที่ผสมๆ ได้ปันผลที่ดีพอสมควร แต่ว่าจะลอกเขาทั้งหมด ผมว่าคุณ WTKn ก็จะปรามาทตัวเองเกินไป เราอาจจะเลือกได้ดีกว่าก็ได้ (ส่วนใหญ่มักจะตรงกันข้าม) แล้วแนวคิดที่น่าสนใจ ดร นิเวศน์ ได้เคยเขียนไว้แล้วใน บทความเรื่อง megatrend http://www.settrade.com/blog/nivate/2007/04/11/22 ถ้าเลือกได้ก็เลือกบริษัทธุรกิจดี ที่มีแนวโน้มจะได้ประโยชน์จาก megatrend คนเยอะขึ้น คนแก่เพิ่มขึ้น เดินทางเพิ่มขึ้น ใช้คอมพิวเตอร์ ติดต่อสื่อสารเพิ่มขึ้น กินใช้เยอะขึ้น ฯลฯ เลือกธุรกิจต่างอุตสาหกรรมสักสี่ห้า บริษัท แล้วค่อยๆ ถือเพิ่มเรื่อยๆ เมื่อเห็นว่าราคากับผลประกอบการ แยกทางกันเดินอย่างสร้างสรรค์ (ผลประกอบการดีขึ้น ราคาลดลง) ตามที่เฮียเอ็นโดฟิน โพสให้ความรู้เป็นประจำ ถือยาวเลยนะครับ ถ้าพื้นฐานไม่เปลี่ยนแปลง ผมว่าผลตอบแทนแม้จะไม่ชนะใคร เป็นแถวหน้าให้แสง spotlight ส่องมา แต่ก็น่าจะได้ผลตอบแทนที่น่าพอใจพอสมควร โดยที่ไม่ต้องเหนื่อย ไปวิ่งไล่ตาม ticker อาจมีข้อแย้งว่าตอนนี้ตลาดขึ้นมาเยอะแล้ว ผมมีตัวอย่างหุ้นบางตัวที่เคยเบื่อปล่อยทิ้งไป เพราะหุุ้นไม่ค่อยวิ่ง ที่ก่อนซับไพร์มประมาณ แปด เก้าร้อยจุด S&P สัก ยี่สิบปลายๆ SMK สัก สี่สิบบาท PR ประมาณ หนึ่งร้อย ลองดูราคาในตลาดตอนนี้ซิครับ ไม่ได้แนะนำให้ซื้อหุ้นเหล่านี้นะครับ แค่ยกตัวอย่างเฉยๆ ผมเชื่อว่ามีหุ้นอีกหลายตัวที่มีแนวโน้มอย่างนี้ คิดว่าคุณ WTKn มองแนวโน้มเหล่านี้ออกอยู่แล้ว เขียนมามากมาย ไม่รู้ว่ากำลังสอนหนังสือสังฆราชอยู่หรือเปล่า ถือว่าแลกเปลี่ยนแล้วกัน Live long and (10 millions) prosperous นะครับ จากคุณ : โชคดีในการลงทุนครับ (gongort2) เขียนเมื่อ : วันรัฐธรรมนูญ 53 19:28:08

ความคิดเห็นที่ 43 ขอบคุณมากจ้า จากคุณ : WTKn เขียนเมื่อ : วันรัฐธรรมนูญ 53 19:35:20

ความคิดเห็นที่ 44 ก่อนหน้านี้ ผมไม่สนใจกระทู้ทำนองนี้เพราะมันไกลเกินตัว วันเวลาผ่านไป อายุมากขึ้นๆ ปัญหานี้ก็กลายเป็นปัญหาของผมเหมือนกัน ทุกวันนี้ถามว่ามีกินมีใช้ไหม ตอบว่า มีครับ แต่สิ่งที่วิตกคือ ถ้าอายุมากกว่านี้ (+10ปี)แล้วเราจะเอาอะไรกินใช้ เพราะเคยมีรายได้แต่เดี๋ยวนี้ไม่มีแล้ว เพราะไม่มีงานทำแล้วจะเอาผลตอบแทนเช่น ฝากเงินกินดอกเบี้ย ก็เหมือนกับ กินเงินต้นเพราะค่าเงินเฟ้อมากกว่า ดอกเบี้ย เล่นหุ้น ก็กลัวขาดทุน (เพราะเคยมาแล้ว) ผมคิดว่า คนที่มีสถานะเช่นนี้มีไม่มากถ้าคิดเป็น % ของประชากร แต่กลุ่มนี้เมื่อคิดเป็นจำนวนประชากร และเม็ดเงิน ผมว่ามีมากนะ ผมว่าน่าจะมี ผู้ชำนาญ รับปรึกษา ไม่รู้ว่ามีหรือเปล่า   ผมขอ share คห.ในระหว่างที่คิดไม่ออกตอนนี้ ว่า ผมซื้อ  ทอง  เก็บทิ้งไว้ก่อนจะเป็นทองแท่ง หรือ ทองกระดาษก็เหมือนกันแหละ  เป็นคำตอบสุดท้าย แล้วอีก 5-10 ปี ถ้ารู้ว่าจะทำอะไรในภายหน้า ค่อยมาว่ากันอีกที ว่างั้นไหมเพราะ อีก 5 ปี มูลค่าเป็น 2 เท่า หรือ 14%/ปี ไปแล้ว ส่วน ที่ดินระหว่างไม่รู้ทำอะไรก็ให้เขาเช่า ปีต่อปีไปก่อน (มั้ง) แก้ไขเมื่อ 10 ธ.ค. 53 19:52:17 แก้ไขเมื่อ 10 ธ.ค. 53 19:47:53 จากคุณ : dradul เขียนเมื่อ : วันรัฐธรรมนูญ 53 19:45:10

ความคิดเห็นที่ 45 เห็นแต่ละท่านแนะนำมาแล้ว ยิ่งรู้สึกว่าตัวเองรู้น้อย(จริงๆ)ค่ะ หลายท่านบอกว่าเราสามารถเลือกหุ้นเองได้ ขอบคุณที่มองเราในแง่บวกค่ะ  เราแค่งูๆปลาๆเท่านั้นเองค่ะ ไม่ได้ลึกซึ้งอะไร ยิ่งได้อ่านความเห็น คำแนะนำต่างๆ ยิ่งคิดว่าต้องหาความรู้เพิ่มขึ้นอีกเยอะเลยค่ะ ถ้าจะคิดเลือกทางเดินในตลาดหุ้นอยู่ จากคุณ : WTKn เขียนเมื่อ : วันรัฐธรรมนูญ 53 19:49:11

ความคิดเห็นที่ 46 ^^ แต่ผมคิดว่า จขกท. เก่งและต้องมีความสามารถนะ มีทรัพย์สินได้ขนาดนี้ (ถ้าสร้างด้วยลำแข้งตนเอง) ไม่เชื่อว่ามีความรู้น้อยหรอก ฮิ ฮิ แก้ไขเมื่อ 10 ธ.ค. 53 19:57:55 จากคุณ : dradul เขียนเมื่อ : วันรัฐธรรมนูญ 53 19:56:13

ความคิดเห็นที่ 47 ^^ แต่ผมคิดว่า จขกท. เก่งและต้องมีความสามารถนะ มีทรัพย์สินได้ขนาดนี้ (ถ้าสร้างด้วยลำแข้งตนเอง) จากคุณ : dradul   เขียนเมื่อ : วันรัฐธรรมนูญ 53 19:56:13     ------------------------------------------ มิได้ค่ะ (ของป๊ะป๋าค่ะ) แต่บอกป๊ะป๋าว่าขอเอามาลงทุนค่ะ และท่านไม่สนับสนุนให้เล่นหุ้น  เพราะท่านไม่เข้าใจเลยค่ะ จากคุณ : WTKn เขียนเมื่อ : วันรัฐธรรมนูญ 53 20:02:42

ความคิดเห็นที่ 48 ซื้อทอง 5 ล้าน ซื้อหุ้นกู้อีก 5 ล้าน ผมว่ารักษาเงิน 10 ล้านใม่ยากเท่าหาเงิน 10 ล้าน จากคุณ : หมึกสด เขียนเมื่อ : วันรัฐธรรมนูญ 53 20:03:02

ความคิดเห็นที่ 49 ผมก็มีความเห็นเช่นเดียวกับคุณพ่อคุณนั่นแหละ ไม่เห็นด้วยที่จะนำเงินมาเล่นหุ้น ที่บอกว่า คุณพ่อไม่เข้าใจ ผมว่า ท่านต้องเข้าใจ เพราะถ้าไม่เข้าใจแล้วท่านจะกล้าปฏิเสธได้ไง อนึ่งถ้าคุณพ่อเป็นผู้สร้างสมบัติเหล่านี้มา ลองถามท่านดูสิ อาจได้คำตอบดีๆก็ได้นะ แล้วมาบอกผมบ้างนะ อย่าลืมๆ แก้ไขเมื่อ 10 ธ.ค. 53 20:15:46 จากคุณ : dradul เขียนเมื่อ : วันรัฐธรรมนูญ 53 20:11:12

ความคิดเห็นที่ 50 ผมว่ารักษาเงิน 10 ล้านใม่ยากเท่าหาเงิน 10 ล้าน จากคุณ : หมึกสด     เขียนเมื่อ : วันรัฐธรรมนูญ 53 20:03:02   ----------------------------------------------------- ตอนที่หามาได้ตอนนั้น  ง่ายกว่าตอนนี้ค่ะ เลยต้องพยายามรักษาไว้ จากคุณ : WTKn เขียนเมื่อ : วันรัฐธรรมนูญ 53 20:11:20

ความคิดเห็นที่ 51 ความเสี่ยงไม่มีวันหมดไปครับ เราเสี่ยงตั้งแต่ปฏิสนธิแล้วครับ จะหมดเมื่อเราตายเท่านั้น ความเสี่ยงทำได้แค่ลดและโอนความเสี่ยงไปให้คนอื่นแต่จะมีความเสี่ยงใหม่เพิ่มขึ้นมาแทนที่เสมอ เช่น พันธบัตรรัฐบาลใครว่าไม่มีความเสี่ยง รัสเซีบเคยDEFAULTมาแล้วครับ จ่าย100ได้คืน25 หรือการทำประกัน เป็นแค่การโอนความเสี่ยงไปที่บ.ประกัน แต่มีความเสี่ยงใหม่คือการDEFAULTของบ.ประกัน มี10ล้านถ้าไม่เล่นเองก็ลงกองทุนก็ได้ครับ ดูที่ 10 YrAnlsd% นั่นคือผลตอบแทนเฉลี่ยต่อปีที่ลงทุน บางกองดีๆ ได้ผลตอบแทนถึง20%ต่อปีเลยนะครับ และความเสี่ยงต่ำ(ผลตอบแทนพอๆกะปู่บัพเฟตเลย) หรือไปให้บลจ.เล่นให้ก็ได้ พวกprivate fundอ่ะครับ เค้ามีนโยบายลงทุนให้แบบตามที่เราต้องการ ซึ่งพวกprivate fundนี่ผลตอบแทนอาจจะดีกว่านี้อีกและความเสี่ยงต่ำกว่าด้วย แต่นั่นขึ้นกับฝีมือผู้บริหารกองล่ะครับ สิ่งที่ต้องพิจารณาคือpast performance/stdตลอดช่วงที่เราดู/แล้วใครบริหารช่วงไหนยังไง(ปี40 41 .... 53 ใครบริหาร ผลงานช่วงนั้นเป็นไง) ที่จริงต้องดูว่าเราต้องการผลตอบแทนเฉลี่ยเท่าไหร่ แล้วรับความเสี่ยงได้มั้ย ก็ต้องบาลานซ์กันให้ดี ***เปลี่ยนรูปครับ แก้ไขเมื่อ 11 ธ.ค. 53 00:33:01 แก้ไขเมื่อ 11 ธ.ค. 53 00:32:34 จากคุณ : ANUBIS[TJ] เขียนเมื่อ : วันรัฐธรรมนูญ 53 20:39:58

ความคิดเห็นที่ 52 ความคิดเห็นที่ 49 ที่บอกว่า คุณพ่อไม่เข้าใจ ผมว่า ท่านต้องเข้าใจ เพราะถ้าไม่เข้าใจแล้วท่านจะกล้าปฏิเสธได้ไง อนึ่งถ้าคุณพ่อเป็นผู้สร้างสมบัติเหล่านี้มา ลองถามท่านดูสิ อาจได้คำตอบดีๆก็ได้นะ แล้วมาบอกผมบ้างนะ อย่าลืมๆ จากคุณ : dradul   เขียนเมื่อ : วันรัฐธรรมนูญ 53 20:11:12   ---------------------------------------------------------- ที่บอกว่าไม่เข้าใจคือ ท่านไม่เชื่อว่าในตลาดหุ้น จะมีหุ้นดีๆอยู่ เพราะท่านมีความเชื่อว่า หุ้นทุกตัวเป็นหุ้นปั่นค่ะ ส่วนเงินจำนวนนี้ ท่านอนุญาตให้ลงทุนในธุรกิจได้ค่ะ และเวลานี้ ท่านวางมือแล้วค่ะ ถ้าท่านจะทำคือ หาซื้อที่เก็บไว้ค่ะ จากคุณ : WTKn เขียนเมื่อ : วันรัฐธรรมนูญ 53 20:42:46

ความคิดเห็นที่ 53 เห็นด้วยว่าสมัยนี้ 10 ล้านไม่พอครับ ป่วยหนักมาทีผ่าตัดใหญ่ รพ ดี ๆ หน่อยก็หลายตังค์ครับ ว่ากันหลักหลายแสน  และอย่าลืมว่าเงินเฟ้อปีละ 4% ถ้าตอนนี้ใช้ปีละ 2 แสนอีก 20 ปีก็ใช้ 4.5 แสนเลยนะ ส่วนวิธีการ ชอบ คห 14 ครับ จากคุณ : tytsn1197 เขียนเมื่อ : วันรัฐธรรมนูญ 53 20:44:16

ความคิดเห็นที่ 54 ไม่มีสิ่งใดไร้ความเสี่ยงครับ เว้นแต่ว่าคุณจะไม่ทำอะไรเลยครับ แนะให้เริ่มศึกษาจากสิ่่งที่คุณสนใจและทำได้ดีครับ ขอตัวอย่างสิ่งที่คุณทำได้ดีได้ไหมครับ? จากคุณ : seebyfly เขียนเมื่อ : วันรัฐธรรมนูญ 53 21:44:22

ความคิดเห็นที่ 55 ส่วนตัวผมลงประมาณนี้ ปัจจุบันลงพวกพันธบัตร และหุ้นกู้ PTT PTTEP BANPU พวกเรตตี้ต่ำไม่ได้ซื้อ ฝากธนาคารบ้าง BEบ้าง และกองทุนพวกตราสารหนี้แบบมีระยะเวลา 6-24 เดือน ผลคือ อัตราผลตอบแทนต่ำ และหุ้นก็เลือกตัวที่คิดว่าจะไม่ขาดทุน (BCP-DR1@13.70) ส่วนหุ้นอื่นๆก็แบ่งเงินมาลงเป็นส่วนน้อย โดยลงเงินสักสองเท่าของดอกเบี้ยของตราสารหนี้ทั้งหมดใน 5 ปีข้างหน้า แปลว่าเราจะถือหุ้นโดยไม่ต้องขายเลยตลอด 5 ปี ถ้าหุ้นลงไม่ต่ำกว่า ครึ่งหนึ่ง เราก็จะไม่ขาดทุน (คล้ายหลักของกองทุนที่คุ้มครองเงินต้นแต่เพิ่มสัดส่วนในหุ้นมากขึ้นสักหน่อย) แต่มันก็ยังได้ผลตอบแทน ไม่เกิน 10%อยู่ดี ส่วนตัวสนใจกองอสังหาอยู่ แต่ราคามันสูงอยู่ สรุป 10m น้อยเกินไปที่จะไม่เสื่ยง แต่มีใช้ไปตลอด จากคุณ : Lita_T เขียนเมื่อ : วันรัฐธรรมนูญ 53 21:57:15

ความคิดเห็นที่ 56 เอารูปใหม่ ในกรอบน้ำเงินคือ ผลตอบแทนเฉลี่ยต่อปี ส่วนกรอบสีแดงคือความผันผวนของพอร์ท เมื่อเทียบกับตลาด ข้างกรอบสีแดง เป็นตัวเลขแสดงความผันผวนของพอร์ทเฉลี่ยตลอดระยะเวลา3ปีหลัง จากคุณ : ANUBIS[TJ] เขียนเมื่อ : 11 ธ.ค. 53 00:41:13

ความคิดเห็นที่ 57 เอาใหม่รูปไม่ขึ้น จากคุณ : ANUBIS[TJ] เขียนเมื่อ : 11 ธ.ค. 53 00:42:03

ความคิดเห็นที่ 58 ดิฉันว่าเล่นหุ้น  กับลงทุนในหุ้น  ไม่น่าจะเหมือนกันเท่าไหร่ เพราะลงทุนในหุ้น  ตามความเข้าใจ  คือเลือกหุ้นพื้นฐานดี ผลตอบแทนที่เป็นปันผล อยู่ในระดับสูง  และก็รับเงินปันผลไปเรื่อย ๆ   หุ้นบางตัวที่ผลตอบแทนสูง  ราคาจะ ไม่สวิงสวาย  และไม่ค่อยจะมีการซื้อขายกันในตลาด  อย่างหุ้นบริษัท  S&P   สมัยแรก ๆ   ก็ขาดทุนไปเหมือนกัน  เพราะไปเล่นหุ้น  แต่ตอนหลัง ๆ เรียกว่าลงทุน จริง ๆ ค่ะ  แต่ก็ไม่ใช่ทั้งหมด  กระจายความเสี่ยงไปที่พันธบัตร  หรือกองทุนบ้าง เหมือนกัน    เคยดูรายการแนะนำการลงทุน  จำได้ว่า ข้าราชการบำนาญ ท่าน หนึ่งท่าน เล่าว่า  ท่านลงทุนในหุ้นเกือบจะทั้งหมด แล้วหากจำเป็นต้องใช้เงิน ท่านบอก...ก็ขายหุ้นสิ  ตัวอย่าง  หุ้น CP จ่ายปันผลทุก 3 เดือน  บางปีอาจจะไม่ถึง 5%  แต่มูลค่าที่ขึ้นไปเรื่อย ๆ  ก็คุ้มกับการลงทุน ราคาต่ำสุดของ CP    รู้สึกเคยอยู่ ที่ 3 หรือ 4 บาท  เทียบกับราคาวันนี้ดู จากคุณ : sao..เหลือ..noi เขียนเมื่อ : 11 ธ.ค. 53 07:39:41

ความคิดเห็นที่ 59 เอาเงินไปซื้อสวนยางพาราสิคัฟ ซัก 5 ล้าน ได้เป็นหลายสิบไร่ หรือร้อยไร่ถ้าชอปดีๆ แล้วเก็บกินจากยางไปเรื่อย ไม่กี่ปีคืนทุน ต้นไม้โตยังขายได้อีกไร่ละแสนสองแสน ซำบายใจเฉิ๊บบบบบบบบบบบ จากคุณ : Ensign เขียนเมื่อ : 11 ธ.ค. 53 10:27:58

ความคิดเห็นที่ 60 เห็นคุณ WTKn บอกว่าเข็ดกับการเล่นหุ้น ผมห็นด้วยครับว่า เราไม่ควรเล่นหุ้น เพราะเราจะโดนหุ้นเล่น แต่ผมเห็นด้วยกับคุณคนสวยเหลือที่ว่างหัวใจน้อย (sao..เหลือ..noi) ที่ขยายความใน คห 58 ไว้เกี่ยวกับการเล่นหุ้นและลงทุนในหุ้นได้ดี เงิน 10 ล้านที่มี ก็อย่าให้เสีย แต่ต้องสร้างรายได้ให้เราสัก 10% ต่อปีด้วยจะดีมากเลย เดือนละเกือบแสน ใช้ชีวิตธรรมดาๆ ก็น่าจะพอใช้จ่าย ดังนั้น ผมว่า อย่าไปหวังว่า มูลค่าหุ้นจะขึ้นไปเท่าไหร่เลยครับ หวังแค่ เงินปันผลจะจ่ายให้อย่างน้อย 10% หรือเปล่า น่าจะเป็นโจทย์ที่ดีกว่า เพราะถ้าไปมุ่งหวังที่จะได้ผลตอบแทนในผลต่างของมูลค่าหุ้น เราจะโฟกัสไปที่หุ้นที่มีการผันผวน ก็กลายเป็นติดกับพวกเล่นหุ้นผั่นเปล่าๆ แต่ถ้ามุ่งหวังหุ้นปันผล เราจะต้องมองที่พื้นฐานของหุ้นเป็นหลัก ว่าทำไมเขาถึงจ่ายเงินปันผลให้สูงๆ ได้ แล้วจะจ่ายให้ได้แบบนี้ทุกๆ ปีหรือเปล่า ก็จะะทำให้เราได้หุ้นที่ทำให้เราอยู่รอดได้ด้วยเงิน 10 ล้านบาท ชิมิ ชิมิ จากคุณ : เตร็ดเตร่ เขียนเมื่อ : 11 ธ.ค. 53 12:06:35

ความคิดเห็นที่ 61 เป็นผมนะ ขายที่ไปเลย ได้เงินมา 40 ล้าน ฝาก fixed ธนาคารไว้ซัก 10 ล้าน กินดอก สภาพคล่องสูง ซื้อพันธบัตรซัก 10 ล้าน กินดอก ซื้อทองซัก 10 ล้าน กันเงินเฟ้อแทนที่ดิน แต่สภาพคล่องสูง ซื้อสลากออมสินซัก 5 ล้าน หรือซื้อกองทุน ไว้ลุ้นเล่นๆ อีก 5 ล้าน ไปหาซื้อที่ดินใหม่เก็บไว้ อาจะตาม ต่างจังหวัด หรือ ปริมณฑลก็ได้ ได้อยู่บรรยากาศดีๆ พร้อมเก็บที่ดินไว้ให้ลูกหลานต่อไป แค่นี้ วันๆก็ไม่ต้องทำอะไรแล้ว แล้วถ้าว่างมากก็ไปสมัครงานเป็น อาสาสมัคร ซะเลย หรือ เป็นผมก็จะลองหัดเป็นนักเขียน(ไส้ไม่มีทางแห้ง)ดู จากคุณ : Fraudster เขียนเมื่อ : 11 ธ.ค. 53 12:30:34

ความคิดเห็นที่ 62 คุณ เตร็ดเตร่  คะ  ลงทุนในหุ้นมาก็หลายปี  บอกได้ว่า  ปันผล 10 % น่ะ รู้สึกว่า ไม่เคยเห็นค่ะ  10  ล้าน  จะได้เดือนละ  แสน  เป็นไปได้ยากค่ะ    ปกติ  ปลาย ๆ ปี Broker  จะส่งรายการมาให้ ว่า หุ้นตัวไหนที่ผลตอบแทนดี น่าลงทุน  เฉลี่ยที่เห็นจะอยู่ประมาณ  6-7 %  สำหรับบริษัทที่มั่นคง  มูลค่าหุ้น จะเพิ่มขึ้นไปเรื่อย ๆ ตามดัชนีตลาด  และผลประกอบการของบริษัท  แต่นั่น แหละค่ะ  การลงทุนมีความเสี่ยง  บางทีมันก็ผิดคาด เหมือนกัน  แต่เฉลี่่ยแล้ว ดีตรงที่  เมื่อมีความจำเป็นเปลี่ยนเป็นเงินสด ได้ง่าย  ดิฉันมองในแง่ว่า ฝากคนอื่น เขาลงทุึน  เสี่ยงน้อยกว่าลงทุนเอง  แต่โอกาสเจ๊งก็มีเหมือนกัน  แต่ถ้าระวังดี ๆ มันถอนตัวง่าย...สำคัญคืออย่าโลภค่ะ ขนาดระมัดระวังมาก  ในพอร์ต  ก็มีหุ้นที่เน่า ๆ  กอดเอาไว้เหมือนกัน  ใจไม่ถึง ที่จะตัดใจขายแบบขาดทุน...เพราะไม่ใช่นักเล่นหุ้น จากคุณ : sao..เหลือ..noi เขียนเมื่อ : 11 ธ.ค. 53 13:07:29

ความคิดเห็นที่ 63 ได้แลกเปลี่ยนความคิดกับพี่สาวฯ ก็น่าจะช่วยลับขี้เลื่อยในขมองผมได้เป็นอย่างดี ทำให้เด็กเพิ่งหัดลงทุนที่ไม่ถึงปีอย่างผม น่าจะกล้าแกร่งขึ้นมาได้ ปีนี้ผมเพิ่งหัดลงทุนครับพี่สาวฯ ด้วยวงเงินไม่เยอะ ซื้อปุ๊บเงินหมดปั๊บ ต้องลงเงินไปเรื่อยๆๆๆ โดยเน้นหุ้นที่ให้เงินปันผลเป็นหลัก อย่าง Advanc Shin ฯลฯ เป็นต้น แต่ก็มีเอาไปลงในหุ้นที่เขาเชียร์กันว่าน่าจะดีแต่จ่ายเงินปันผลน้อยมากๆ อย่าง CPF IVL และ SVI เป็นต้น จะด้วยที่โชคดีที่ตอนนี้บริษัทแม่ที่เมืองนอกต้องการถอนเงินลงทุน (มั้ง) Advanc กับ Shin เลยจ่ายเงินปันผลไว้เยอะ ได้ถึง 14% และ 15% ในปีนี้ (ถ้าไม่ขายหุ้น Shin ไปก่อนประกาศจ่ายเงินปันผลอีกรอบ คงได้เพิ่มอีก 8%) ทำให้เงินปันผลเฉลี่ยต่อเงินที่ลงทุนอยู่ที่ 9.62% หรือคิดเทียบกับเงินที่ลงไว้ในพอร์ตทั้งหมด ก็จะได้อยู่ 8.86% จึงทำให้ผมคิดไปไกลว่า ถ้าหากผมทำได้แบบนี้ไปเรื่อยๆ จนพอร์ตมีเงิน 10 ล้าน แล้วได้เงินปันผล 10% ได้เงินมาใช้ เดือนละแสน น่าจะพอเป็นไปได้บ้าง ครับ ส่วนเรื่องที่ ราคาจะปรับตัวขึ้นๆ ลงๆ นั้น ก็ยอมรับครับว่าเป็นปัจจัยให้รู้สึกเสียวในช่วงที่เริ่มลงทุนแรกๆ แต่พอถึงจุดที่มันมีกำไรเลี้ยงตัวเองแล้ว กลับเริ่มไม่ค่อยเป็นกังวลใจเท่าไหร่แล้วคิด คิดไปว่า ถ้าราคามันจะตก ก็ช่างมันเถอะ เพราะเราก็เคยติดตัวแดงไปแล้วและมันก็ดีดกลับเป็นกำไร ไม่ใช่เหรอ เป้าหมายของเราคือ เงินปันผล ยกเว้นเสียแต่ว่า เราเห็นจังหวะดีที่จะปรับพอร์ตให้มีต้นทุนที่ต่ำลง ผมก็จะขายเพื่อซื้อใหม่ อย่างกรณีของ Advanc เป็นต้นครับ แต่หุ้น Shin นั้น ตอนแรกก็ว่าจะปรับพอร์ต พอขายปุ๊บ หุ้นดันขึ้นไปในวันนั้น เลยไม่ได้ไล่ซื้อกลับมาครับ ปล่อยทิ้งเลย นี่คือวิธีการที่ผมใช้ในการลงทุนครับ หากพี่สาวฯ มีคำแนะนำเพิ่มเติม ยินดีรับฟังเพื่อพัฒนาตัวเองต่อไปครับ จากคุณ : เตร็ดเตร่ เขียนเมื่อ : 11 ธ.ค. 53 13:55:12

ความคิดเห็นที่ 64 วันนี้มีธุระแต่เช้า เพิ่งจะพอมีเวลาบ้าง ขอบคุณความเห็นที่เข้ามาเพิ่มเติม คำว่าเล่นหุ้นของเรา มันเป็นการกึ่งเล่น กึ่งลงทุน เพราะบางตัวเราถือไว้นานหลายปีก็ยังไม่ขาย บางตัวเป็นหุ้นดี ราคาไม่ขยับ เราก็เปลี่ยนไปหาตัวที่มีแนวโน้มว่าจะขยับ บางตัวก็ซื้อเพราะดูว่าเจ้ากำลังจะลาก ดังนั้น หุ้นในปอดจึงมีหลายอย่างผสมผเสกัน การจะเป็นนักลงทุนเต็มตัว ต้องมีคุณสมบัติ  ใจเย็น  ใจนิ่ง  และต้องทำการบ้าน คือต้องศึกษาหุ้นเป็นรายตัว เรามีนิสัยขี้เล่น ซุกซน ดังนั้น จึงอาจมือบอนบ้าง อยากลองดีบ้าง  ก็จะได้รับรสชาติของชีวิต  คือผิดหวังบ้าง และสมหวังบ้าง  โทษใครไม่ได้ แต่นั่นเป็นทุนส่วนน้อย   คราวนี้ได้ทุนมาใหม่ จึงอยากทำอะไรให้สุขุมรอบคอบ ไม่ให้เจ้าของทุนผิดหวังค่ะ จากคุณ : WTKn เขียนเมื่อ : 11 ธ.ค. 53 14:25:18

ความคิดเห็นที่ 65 เงินปันผลน่ะครับ จากคุณ : jejeeppe เขียนเมื่อ : 11 ธ.ค. 53 15:15:55

ความคิดเห็นที่ 66 ออกความเห็น เรื่องที่ดินครับ ทางเลือกกว้างๆ มี 2 ทาง 1. เก็บไว้ 2. ขาย ถ้าเก็บไว้ ผลประโบชน์ที่ได้มี  2 ทาง 1. จากการให้เช่า ไม่ว่าจะลงทุนเอง หรือให้คนอื่นลงทุน     1a) รายได้จาการเช่า ยังสามารถเอามาลงทุนต่อได้ 2. จากมูลค่าที่เพิ่มขึ้นตามเวลา หามูลค่าในอนาคต ตามเวลาที่กำหนด ถ้าขาย ผลประโยชน์มีทางเดียว คือเงินที่สามารถนำมาลงทุนต่อ หามูลค่าในอนาคต ตามเวลาที่กำหนด นำมูลค่าในอนาคตทั้ง 2 ทางมาเปรียบเทียบกัน อย่างไหนมากกว่า เลือกทางนั้น อ้อ อย่าลืมเรื่องภาษีด้วยครับ แก้ไขเมื่อ 12 ธ.ค. 53 13:04:07 จากคุณ : ช า ติ เขียนเมื่อ : 12 ธ.ค. 53 13:01:48

ความคิดเห็นที่ 67 ตอนนี้  จขกท อายุเท่าไหร่อ่าครับ - ถ้าคุณยังวัยหนุ่ม สาวแล้วมีเงิน+asset ขนาดนี้   ผมว่าคุณมีฐานะมากคนนึงหละ    มีโอกาสสร้างอะไรๆอีกเยอะ   - แต่ถ้าคุณอยู่ในวัย 50 up  ก็เรียกว่าตอนวัยเกษียณ   ก็มีกินตลอดชีวิตสบายๆ  ถ้าไม่มีความต้องการมากมาย  เช่น  ไปซื้อรถคันละ 4-5 ล้านบาทเป็นต้น จากคุณ : onginthailand เขียนเมื่อ : 13 ธ.ค. 53 09:11:45

ความคิดเห็นที่ 72 ขอบคุณมากค่ะ คุณน้องสามสี ตอนนี้แวะมาบ้านแม่ เดี๋ยวกลับบ้านจะหาเวลาอ่านทบทวนอีกค่ะ แต่อ่านคร่าวๆแล้ว รู้สึกว่าคุณน้องสามสี มีความสามารถอธิบายทฤษฎีที่ชื่อฟังยาก  ให้เข้าใจได้ง่ายๆค่ะ ขอบคุณค่ะ จากคุณ : WTKn เขียนเมื่อ : 18 ธ.ค. 53 18:52:51