PANTIP.COM : I10015776 ==++* อเมริกาพิมพ์เงินได้เอง *++== โดยไม่ต้องใช้ทองคำ จริงเหรอครับ ทำไมหล่ะครับ [หุ้น]

ความคิดเห็นที่ 4

เรื่องนี้ก็ต้องร่ายกันยาวอีกแล้ว ~*

สมัยก่อนจะพิมพ์ธนบัตรออกใช้ได้ จะต้องมีทองคำอย่างเดียวเท่านั้นเป็นทุนสำรอง 100% ประเทศอังกฤษนับเป็นประเทศแรกที่ใช้มาตรฐานทองคำ
ประกาศใช้ในปี ค.ศ. 1821 ทำให้เงินปอนด์สเตอร์ลิงของอังกฤษเป็นเงินตราสกุลหลักที่มีเสถียรภาพและทรงมูลค่ามากที่สุดในยุคนั้นเพราะว่าใช้
ทองคำบริสุทธิ์หนุนไว้ในการผลิตธนบัตร แต่ละประเทศก็พยายามรักษาเสถียรภาพและคุณค่าของเงินตราประเทศตนเองไว้ และในหลายๆประเทศเริ่ม
ประกาศใช้มาตรฐานทองคำแบบเช่นอังกฤษในช่วงปี 1876 ในช่วงนั้นแต่ละประเทศก็ใช้ทองคำหนุนหลัง 100% ดังเช่นอังกฤษเป็นต้นมา

หลังจากนั้นในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ประธานาธิบดี แฟรงคลิน โรสเวลต์ ได้มีแนวความคิดเพื่อรักษาความสงบและสันติของโลก จึงได้มีการคิด
เกี่ยวกับองค์การสหประชาชาติซึ่งชาติสมาชิกเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน แต่ก็ถึงอสัญกรรมไปเสียก่อนที่จะได้เห็นชัยชนะของสงคราม จนกระทั่งจบสงคราม
ฝ่ายสัมพันธมัตรได้รับชัยชนะ หลังจากนั้นก็มีการตั้งองค์กรต่างๆขึ้นมามากมายรวมทั้งองค์การสหประชาชาติ และภายใต้การนำของสหรัฐอเมริกา
ซึ่งเป็นมหาอำนาจในสมัยนั้นจากผู้นำในการชนะสงครามโลกครั้งที่ 2 จึงทำให้สหรัฐเป็นผู้นำของโลกนับแต่นั้นมา อำนาจในมือของสหรัฐล้นเหลือ
อย่างหาที่สุดไม่ได้ จนกระทั่งปี 1971 ประธานาธิบดี ริชาร์ด นิกสัน ของสหรัฐ ได้ออกมาประกาศยกเลิกการใช้ทองคำหนุนหลังธนบัตร

การประกาศยกเลิกนั้นทำให้สหรัฐอเมริกาเป็นเพียงชาติเดียวที่สามารถพิมพ์ธนบัตรออกมาเป็นปริมาณเท่าใดก็ได้ แต่ก็ไม่ได้ตามแต่ใจของสหรัฐ
ที่อยากจะพิมพ์แบบไร้วัตถุประสงค์ แต่ต้องเป็นการจัดทำเพื่อสร้างเสถียรภาพ หรือกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศและของโลก เนื่องจากสหรัฐเป็นผู้นำ
ของความเป็นมหาอำนาจและเศรษฐกิจโลกด้วย การพิมพ์ธนบัตรสามารถใช้ทองคำหนุนหลังได้เช่นเดิม และประเทศชาติอื่นๆสามารถใช้เงินตราสกุล
US Dollar เป็นทุนสำรองเงินตราหนุนหลังเพื่อผลิตธนบัตรของตนเองได้เช่นกัน นอกจากนั้นยังสามารถใช้สินทรัพย์ระหว่างประเทศอื่นๆใช้หนุนหลัง
เพื่อเป็นการพิมพ์ธนบัตรของประเทศตนเองได้เช่นตราสารหนี้หรือพันธบัตรของรัฐบาลอื่น แต่กระนั้นประเทศสหรัฐอเมริกาก็มีทองคำหนุนหลังเช่นกัน

ประเด็นหลักของการพิมพ์ธนบัตร USD ได้อย่างไร้ขีดจำกัดคือทองคำนับวันมีแต่จะลดลง แต่จำนวนประชากรมากขึ้น การขยายตัวทางเศรษฐกิจเพิ่ม
ทำให้ในโลกของเราการใช้ทองคำหนุนหลังเพียงอย่างเดียวจึงไม่สามารถทำได้ จึงมีการใช้ USD เป็นมาตรฐานขึ้นเพื่อให้ประเทศอื่นๆพิมพ์ธนบัตรเพิ่ม
โดยใช้ USD หนุนหลังเป็นเงินสกุลหลักของตนเองได้ ซึ่งช่วยลดภาระทางทองคำได้อย่างมาก สหรัฐอเมริกาเองถึงแม้จะมีการสำรองทองคำส่วนหนึ่ง
แต่โดยเนื้อแท้จริงๆแล้วก็พิมพ์ธนบัตรได้เรื่อยๆอยู่ดี ด้วยเสถียรภาพที่อดีตรัฐบาลสงครามสร้างมาตรฐานของอำนาจเอาไว้ จึงทำให้สหรัฐเป็นชาติที่
ได้เปรียบมาจนถึงปัจจุบัน แต่ก็ต้องคงด้วยภาระหนักอึ้งที่จะต้องดูแลเศรษฐกิจทั้งของประเทศตนเองและของโลกเอาไว้ด้วย

ทองคำที่สหรัฐสำรองไว้มีอยู่ราวๆ 8 พันตัน (มูลค่าประมาณ 3.4 แสนล้านเหรียญ) ซึ่งเก็บไว้ในห้องนิรภัยของธนาคารกลางสหรัฐ (FED) นิวยอร์ค
ภายในห้องนิรภัยเป็นเหล็กหนา 3 เมตรและมีระบบการรักษาความปลอดภัยแบบสูงสุด ภายในห้องมีทองคำแท่งอัดเรียงเป็นจำนวนมากซึ่งเป็นประเทศ
ที่มีการสำรองทองคำมากที่สุดของโลก ส่วนประเทศในภูมิภาคอาเซียนที่ถือครองทองคำเป็นทุนสำรองมากที่สุดคือฟิลิปปินส์ราว 158 ตัน ตามด้วย
สิงคโปรที่มีราว 127 ตัน และอันดับสามคือไทย ที่มีทองคำสำรองอยู่ราว 84 ตัน นับว่าน้อยมาก เพราะเรามีสินทรัพย์อื่นหนุนหลังมากกว่า

จากรายงานปลายเดือน พ.ย. 53 ไทยเรามีเงินตราสกุลต่างประเทศสำรองหนุนมูลค่าราว 2 แสนล้านบาท, ทองคำประมาณ 1 แสนล้านบาท
หลักทรัพย์รัฐบาลไทยประมาณ 61 ล้านบาท และที่มากที่สุดคือหลักทรัพย์ต่างประเทศมีมูลค่าราว 1.6 ล้านล้านบาท เช่นพันธบัตรและตราสาร
ธนบัตรที่ออกใช้หมุนเวียนทั่วประเทศเราประมาณ 9.7 แสนล้านบาทและยังอยู่ที่ ธนาคารแห่งประเทศไทยประมาณ 7 หมื่นล้านบาทที่ยังไม่ได้ออกใช้
ธนับตรทั้งหมดที่ออกใช้เป็นธนบัตรที่มีสินทรัพย์ดังกล่าวหนุนหลังทั้งหมด 100% ซึ่งนับว่ามีเสถียรภาพค่อนข้างมากพอสมควร

ส่วนเหรียญตราต่างๆที่เราใช้กันเช่นเหรียญสิบ เหรียญห้า อะไรทั้งหลายเหล่านี้ไม่ต้องมีทองคำหรือสินทรัพย์หนุนหลัง เนื่องจากเป็นสินทรัพย์ที่รัฐบาล
ออกใช้โดยที่เหรียญตรามีมูลค่าของโลหะในตัวมันเอง ดังนั้นรัฐบาลจะสามารถออกใช้เท่าไหร่ก็ได้ (แต่ก็แน่หละใครอยากจะถือเหรียญกันเยอะๆ)
เหรียญตราที่เราใช้กันอยู่ในปัจจุบันทำจากแร่ดีบุกซึ่งหาได้ง่ายในภาคใต้ของไทย ไม่เป็นสนิมและทนการสึกกร่อนได้ดี จึงเป็นสินแร่หลักในการผลิตเหรียญ

จากคุณ : venezier

เขียนเมื่อ : 12 ธ.ค. 53 10:47:17