ความคิดเห็นที่ 1 สามารถสับเปลี่ยนในช่วงเวลาใด ปีไหนก็ได้ โดยยังคงอย่สภานะการลงทุนในปี เดียวกับปีที่ซื้อไว้ต้องแต่แรกอยู่เช่นเดิมครับ เพียงแต่จำนวนหน่วยลงทุนที่ย้ายไป อยู่ในกองทุนปลายทาง (SCBLTS) ก็จะมีจำนวนหน่วยลงทุนที่แตกต่างไปจากที่ อยู่ในกองทุนเดิม แต่ต้นทุนเงินลงทุนยังคงปรากฏเป็นเช่นเดิมคือ ...... 200,000 บาท ที่ไปรวมอยู่ใน SCBLTS ทั้งหมดนั่นเองครับ แก้ไขเมื่อ 16 ธ.ค. 53 13:07:09 จากคุณ : pjuk เขียนเมื่อ : 16 ธ.ค. 53 13:02:57

ความคิดเห็นที่ 2 ขอบคุณ pjuk มากครับ คำตอบ รวดเร็ว ชัดเจนเหมือนเช่นเคย จากคุณ : CrownTail เขียนเมื่อ : 16 ธ.ค. 53 13:08:35

ความคิดเห็นที่ 3 ตัวอย่างของผลลัพท์หลังจากที่มีการสับเปลี่ยน .... จะเห็นว่า SCBLTT จัดตั้งกองทุนในปี 2550 แต่เนื่องจากมีการสับเปลี่ยนย้ายกองทุนจากที่มีการซื้อไว้ในปี 2547 ไปไว้ที่ SCBLTT ทำให้ปรากฏเป็นการลงทุนใน SCBLTT ในปี 2547 ได้ครับ ..... จากคุณ : pjuk เขียนเมื่อ : 16 ธ.ค. 53 13:12:02

ความคิดเห็นที่ 4 ขอบคุณอีกครั้งครับ จากคุณ : CrownTail เขียนเมื่อ : 16 ธ.ค. 53 13:19:20

ความคิดเห็นที่ 5 pjuk ครับ ถ้าจะขายคืนหน่วยลงทุนในปีนี้ 2553 คือหน่วยลงทุนที่ซื้อเมื่อปี 47,48 คือรายการตามreport เลยใช่หรือไม่ครับ? ถึงแม้ว่าปี 47 ตัวที่ซื้อไม่ใช่ SCBLTT กล่าวคือ รายการที่ขายคืนจะเป็น 2547 SCBLTT = 1,315.4747 หน่วย 2548 SCBLT3 = 6,023.2650 หน่วย + SCBLTT= 4,465.5950 หน่วย จากคุณ : WINDOM เขียนเมื่อ : 16 ธ.ค. 53 13:25:35

ความคิดเห็นที่ 6 ถ้าย้ายไป กำไรก็หายหมดสิคะ  ต้องไปเริ่มคิดใหม่กับ SCBLTS หน่วยเงินที่สับเปลี่ยนไปก้อเป็นท 200000 บาทเหมือนเดิม  ไม่มีกำไรใช่ป่ะคะ จากคุณ : Intern_Smile เขียนเมื่อ : 16 ธ.ค. 53 13:35:16

ความคิดเห็นที่ 7 #5 ... เมื่อมีการสับเปลี่ยน ให้ระบุกองทุนที่จะขายคืนตามที่เป็นในปัจจุบันของวันที่ทำรายการ ไม่ใช่ระบุกองทุนที่ซื้อครับ ซึ่งตรงกับที่เข้าใจใน #5 ครับ #6 .... ผลตอบแทน (กำไร) ถูกย้ายไปไว้ที่กองทุนปลายทางด้วยครับ โดยจะแยกการส่งค่า ต้นทุน และผลแระโยชน์แยกกันไป ทำให้สามารถระบุได้ว่า ผลประโยชน์ที่เกิดขึ้นจากเงินลงทุนเป็นเท่าไหร่ครับ จากคุณ : pjuk เขียนเมื่อ : 16 ธ.ค. 53 14:02:54

ความคิดเห็นที่ 8 สับเปลี่ยน ... ต้นทุนคงที่ไม่มีการเปลี่ยนแปลง แต่หน่วยลงทุนที่ได้รับ = (ต้นทุนเงินลงทุน + ผลตอบแทน) / ราคาสับเปลี่ยนเข้า ส่วนต้นทุนเฉลี่ยต่อหน่วย = ต้นทุนเงินลงทุน / จำนวนหน่วยลงทุนที่ได้รับ ผลตอบแทน (สะสม) = (ราคาสับเปลี่ยนเข้า - ต้นทุนเฉลี่ย) x จำนวนหน่วยลงทุนที่ได้รับ จากคุณ : pjuk เขียนเมื่อ : 16 ธ.ค. 53 14:05:46

ความคิดเห็นที่ 9 ขอบคุณค่ะ Pjuk ไม่กล้าซื้อ LTF อยู่ตั้งนาน นึกว่า อยู่กองไหนกองนั้นตลอด แล้วราคาขึ้น ๆ ลง  ๆ  กลัวขาดทุนน่ะค่ะ  แสดงว่าสับเปลี่ยนไป กำไรยังอยู่  แถมความเสี่ยงลดลงด้วยใช่ไหมคะ  เสียดายจังค่ะ หลงไม่เข้าใจอยู่นาน จากคุณ : Intern_Smile เขียนเมื่อ : 16 ธ.ค. 53 14:07:28

ความคิดเห็นที่ 10 โอกาสสร้างได้ด้วยการสับเปลี่ยนครับ จากคุณ : pjuk เขียนเมื่อ : 16 ธ.ค. 53 14:35:56

ความคิดเห็นที่ 11 ขออนุญาตสอบถาม Pjuk ค่ะ เรื่องการซื้อ LTF  รายละเอียดคือ - รายได้ตลอดปีหลังหักค่าลดหย่อน(กลุ่มวิชาชีพเฉพาะ หักค่าลดหย่อน 60 %)   เหลือ820,800 บาท   - หักรายได้ทุกเดือน จ่ายภาษี 3% เดือนละ 4950 บาท  รวมทั้งปี 59400 บาท - ปีนี้ ซื้อประกันไป 100,000 บาท แล้ว - สามารถ ซื้อ LTF ได้อีกเท่าไหร่ค่ะ  สนใจของ SCB ค่ะ  ขอบคุณสำหรับคำตอบค่ะ จากคุณ : Intern_Smile เขียนเมื่อ : 16 ธ.ค. 53 14:47:41

ความคิดเห็นที่ 12 คำนวณจากรายได้ ก่อนหักลดหย่อน และก่อนภาษีหัก ณ ที่จ่ายครับ ดังนั้น รายได้ตลอดปีหลังหักค่าลดหย่อน (กลุ่มวิชาชีพเฉพาะ หักค่าลดหย่อน 60 %)   เหลือ 820,800 บาท  แสดงว่ามีรายได้รวม 2,050,000 บาท ทำให้สามารถใช้สิทธิ์ ในการลงทุน LTF ได้ = 2,050,000 x 15% = 307,500 บาท (ไม่เกิน 5 แสนบาท) ครับ จากคุณ : pjuk เขียนเมื่อ : 16 ธ.ค. 53 15:14:39

ความคิดเห็นที่ 13 สอบถามเพิ่มเติมค่ะ pjuk  ถ้าอยากทราบเพิ่มเติมว่า LTF ที่ซื้อแล้วได้ผลประโยชน์ลดหย่อนภาษีมากที่สุด เต็ม max โดยไม่ต้องขอภาษีที่จ่ายไปล่วงหน้าคืน   พอดีเมื่อกี๊โทรไปที่สรรพากร เจ้าหน้าที่ที่รับโทรศัพท์บอกแนวทาง แล้วให้มาคิดเอง คุยกันไป คุยกันมา ก้อ งง ทั้งคนถาม คนตอบ แต่คำตอบที่ได้เหมือนที่ pjuk ตอบไปข้างต้นค่ะว่า  คิดจากเงินได้ที่ยังไม่หัก  คือซื้อได้ 307,500 บาท  แต่ถ้าจะคิดว่า ซื้อเท่าไหร่ ที่พอดีไม่ต้องขอคืนภาษีที่จ่ายไปล่วงหน้า เป็น แบบนี้หรือเปล่าคะ -  เงินได้หลังหักค่าใช้จ่าย 60%  เท่ากับ 820,800 บาท -หักค่าลดหย่อน 30,000 บาท -หักประกันชีวิต 100,000 บาท -หักท่องเที่ยวในประเทศ 15,000 บาท -เหลือ   675,800 บาท นำมาคิด เทียบอัตราก้าวหน้า 150,000  แรก ไม่ต้องเสีย 150.000 - 500,000   10%  คิดเป็น  35,000 บาท 500,000-1,000,000   20%  คิดเป็น  35,160 บาท รวมเป็นภาษี 70160 บาท   แต่ว่าจ่ายล่วงหน้าไป 59400 บาท  ดังนั้นต้องจ่ายเพิ่ม 10760 บาท   แล้ว......จะซื้อ LTF เท่าไหร่ดีคะ จากคุณ : Intern_Smile เขียนเมื่อ : 16 ธ.ค. 53 16:08:05

ความคิดเห็นที่ 14 คิดได้ 53800 อ่ะค่ะ  รบกวนตรวจให้หน่อยนะคะ pjuk ขอบคุณค่ะ   แล้วถ้าจะซื้อ LTF เต็ม ที่ที่ซื้อได้เนี่ย  เวลาขอภาษีที่จ่ายไปล่วงหน้าคืน นี่ดำเนินการยุ่งยากไหมคะ จากคุณ : Intern_Smile เขียนเมื่อ : 16 ธ.ค. 53 16:11:40

ความคิดเห็นที่ 15 ผมมีข้อสงสัยหน่อยครับ P JUK คือว่า ปี 51 ซื้อ lt1 200,000 ปี 52 ได้กำไร+ทุน lt1 230,000 ปี 53 เราโอนไป lt2 หมดเลย ดังนั้น lt2 มันจะแสดงยอด 200,000                                    30,000 ใช่ไหมครับ แล้วกำไรที่ได้จากการสับเปลี่ยนนี้ ถือเป็นการซื้อ ltf เพิ่มในปีนั้นหรือเปล่า จากคุณ : เด็กใหม่หัดลงทุน เขียนเมื่อ : 16 ธ.ค. 53 16:27:15

ความคิดเห็นที่ 16 ขั้นภาษีไปตกที่ 20% จำนวน 175,800 บาท มีภาษีที่เหลือต้องจ่ายอยู่ 10,760 บาท ซึ่งถ้าคิดที่ 20% จากขั้นภาษีที่ต้องเสีย ต้องลงทุน (10,760 / 20%) = 53,800 บาท จะสามารถให้เงินได้สุทธิลดลงไป 53,800 บาท ด้วย ทำให้ภาษีที่ต้องคำนวณสามารถลดลงไปได้ = 53,800 x 20% = 10,760 บาท ได้ตรงตามที่ต้องการครับ จากคุณ : pjuk เขียนเมื่อ : 16 ธ.ค. 53 17:17:42

ความคิดเห็นที่ 17 ทั้งนี้ถ้าซื้อ LTF เต็มสิทธิ์ที่ 307,500 บาท จะทำให้ เงินได้สุทธิที่อยู่ในขั้น 20% จำนวน 175,800 บาทหมดไปด้วย นั่นหมายถึงประหยัดภาษีที่ต้องจ่ายไปได้คือ 175,800 x 20% = 35,160 บาท ส่วนที่เหลือกอีก (307,500 - 175,800) = 131,700 ที่ตกอยู่ในขั้นภาษี 10% ทำให้ลดหย่อนภาษีออกไปได้อีก = 131,700 x 10% = 13,170 บาท ทำให้รวมภาษีที่จ่ายน้อยลงไป = 35,160 + 13,170 = 48,330 บาท ซึ่งภาษีที่จ่ายล่วงหน้าไป 59,400 บาท ก็จะได้รับคืนกลับมา = 59,400 - 48,330 = 11,070 บาทครับ จากคุณ : pjuk เขียนเมื่อ : 16 ธ.ค. 53 17:24:15

ความคิดเห็นที่ 18 รายได้ของคุณหมอ (ประกอบโรคศิลป์) ไม่ทำให้เกิดความยุ่งยากในการดำเนินธุรกิจครับ ... สรรพากรกลัวหมอมากครับ แก้ไขเมื่อ 16 ธ.ค. 53 17:28:47 จากคุณ : pjuk เขียนเมื่อ : 16 ธ.ค. 53 17:28:19

ความคิดเห็นที่ 19 สอบถามเพิ่มเติมค่ะ  พอดีลองคิดอีกแบบ  ได้ตัวเลขอีกแบบค่ะ รบกวน pjuk ช่วยดูให้ด้วยค่ะ - เงินสุทธิหลังหักลดหย่อนทั้งหมด (ยกเว้น LTF)  เท่ากับ  675,800 -  ซื้อ LTF เต็ม max  307,500 บาท   - ลดหย่อน LTF แล้วเหลือ  368,300 บาท   นำมาคิด เทียบอัตราก้าวหน้า -  150,000  แรก ไม่ต้องเสีย -   150.000 - 500,000   10%  คิดเป็น  21830 บาท - จ่ายภาษีหักไปแล้ว ทั้งปีรวมเป็น 59400 บาท - เพราะฉะนั้น จะได้คืน  59400-21830  เท่ากับ 37570  คิดแบบนี้ผิดใช่ป่าวคะ แก้ไขเมื่อ 17 ธ.ค. 53 10:17:16 จากคุณ : Intern_Smile เขียนเมื่อ : 16 ธ.ค. 53 18:16:29

ความคิดเห็นที่ 20 ผมสรุปความหมายของตัวเลขผิดไปครับ ต้องกล่าวว่า ถ้าลงทุน LTF เต็มสิทธิ์ จะสามารถประหยัดภาษีไปได้ = 35,160 + 13,170 = 48,330 บาท กว่าการที่ไม่ได้ลงทุนใน LTF เลยครับ.... ส่วนภาษีที่ต้องเสีย ถ่าได้ลงทุนใน LTF เต็มสิทธิ์ที่ 307,500 บาท จะทำให้สามารถจ่ายภาษีเหลือเพียงแค่ 21,830 บาท ตามที่คิดใน ตห.19 ถูกต้องครับ แต่ถ้าไม่ได้ใช้สิทธิ์ลดหย่อนภาษีด้วย LTF เลย จะเสียภาษีที่ 70,160 บาท   ดังนั้นประหยัดภาษีไปได้ = 70,160 - 21,830 = 48,330 บาท ------------ ดังนั้นภาษีที่จ่ายไปแล้ว 59,400 บาท เมื่อใช้สิทธิ์นำตัวเลขเงินลงทุนไปใช้สิทธิ์ ลดหย่อนภาษีแบบเต็มที่ ทำให้ เหลือภาษีที่ต้องจ่ายจริงคือ  21,830 บาท ทำให้ สามารถขอคืนภาษี ได้ = 59,400 - 21,830 = 37,570 บาท ตาม คห.19 ครับ แก้ไขเมื่อ 16 ธ.ค. 53 21:22:45 จากคุณ : pjuk เขียนเมื่อ : 16 ธ.ค. 53 21:18:36

ความคิดเห็นที่ 21 ตัวเลข 11,070 บาท ใน #17 ไม่มีความหมายใดเลยครับ จากคุณ : pjuk เขียนเมื่อ : 16 ธ.ค. 53 21:23:50

ความคิดเห็นที่ 22 P'Juk ครับ ขอถามเพิ่มเติมอีก เวลาสับเปลี่ยนกองทุน ผมสามารถเลือกได้ ใช่ไหมครับว่าจะสับเปลี่ยนจาก LTF3 ของปี 48 ไปเป็น LTS ได้เลย หรือว่าผมต้องมาดูเองว่าต้นทุน + กำไรของ LTF3 ของปี 48 เป็นเท่าไหร่จากนั้นก็เอาจำนวนนั้นไปสับเปลี่ยน หรือผมถ้าผมอยากจะสับเปลี่ยน LTF3 ของปี 49 ไปเป็น LTS ระบบจะเข้าใจว่ายังไงครับ จากคุณ : ดาวเคลื่อนดาราคล้อย เขียนเมื่อ : 16 ธ.ค. 53 23:54:33

ความคิดเห็นที่ 23 ผมทำเลขใหม่เล่มใหม่ทุกปีทุกกอง ไม่ต้องสับสน จากคุณ : *Tan* เขียนเมื่อ : 17 ธ.ค. 53 00:57:59

ความคิดเห็นที่ 24 #22 ... ด้วยระบบ FIFO การทำรายการสับเปลี่ยนจะกระทบต่อหน่วยลงทุน ที่เกิดรายการของกองทุนนั่นก่อนเสมอครับ โดยไม่สามารถเลือกได้เองว่าจะทำรายการที่เกิดจากการซื้อในปีใดครับ สำหรับการสับเปลี่ยน จะต้องทำเป็นจำนวนหน่วยลงทุน โดยที่จำนวนหน่วยลงทุน ก็ได้สะท้อนให้เห็นได้ว่าเกิดจากต้นทุนเท่าไหร่ ซึ่งเมื่อทำรายการสับเปลี่ยนออก เป็นจำนวนหน่วยลงทุน ก็หมายถึงทั้งต้นทุน และผลประโยชน์ ได้ออกไปพร้อมกันนั่นเองครับ เนื่องจาก ผลประโยชน์ = (ราคาสับเปลี่ยนออก - ต้นทุนต่อหน่วยที่ซื้อ) x จำนวนหน่วยลงทุนที่ทำรายการ สำหรับการที่ตั้งใจจะทำรายการสับเปลี่ยนของที่ลงทุนในปี 2549 ออกไปก่อน ระบบจะไม่ยอมทำตามให้ แต่จะทำเป็นการสับเปลี่ยนของ 2548 ออกไปให้ก่อน ถ้าทั้งปี 2548 และ 2549 ลงทุนไว้ในกองทุนเดียวกันครับ จากคุณ : pjuk เขียนเมื่อ : 17 ธ.ค. 53 12:06:50

ความคิดเห็นที่ 25 สามารถดูได้จากรายงาน ตามคห.3 น่าจะเห็นภาพได้ชัดเจนมากขึ้นครับ จากคุณ : pjuk เขียนเมื่อ : 17 ธ.ค. 53 12:07:36