ความคิดเห็นที่ 1 ตัวอย่าง บริษัท ผลิตไฟฟ้า EGCO ปี 2005 /ปี 2006 /ปี 2007 /ปี 2008 /ปี 2009 เงินปันผลจ่าย (ล้านบาท) 1,706.53 / 2,149.61/ 2,241.01 /2,753.17 /2,707.53 กำไรสุทธิ (ล้านบาท) 4,092.51 /6,035.82 /8,402.05 /6,926.71 /7,935.60 ยอดขาย (Sale) 15619.52 15694.78 /17612.85 /10939.4 /10319.66 /9145.07 จำนวนหุ้นสามัญ(ที่ชำระครบแล้ว) 526465000 /526465000 /526465000 /526465000 /526465000 ราคาหุ้นในตลาดขณะนั้น ณ สิ้นปี 81 /95.5 /112 /68.5 /79.25 การวิเคราะห์จะได้ดังนี้ ยอดขาย / จำนวนหุ้น 29.81 /33.45 /20.78 /19.60 /17.37 (บาทต่อหุ้น) EPS (กำไรสุทธิต่อหุ้น) 7.77 /11.46 /15.96 / 13.16 / 15.07 (บาท/หุ้น) เงินปันผล / จำนวนหุ้น 3.24 / 4.08 / 4.21 / 5.23 / 5.14 (บาท/หุ้น) ความสามารถในการจ่ายเงินปันผล 2.40 / 2.81 / 3.79 / 2.52 / 2.93 อย่างสมํ่าเสมอ (เท่า) เงินปันผลเทียบกับกำไรสุทธิ 41.70 / 35.61 / 26.67/ 39.75/ 34.12 (%) อัตราการปันผลเทียบกับราคาหุ้นขณะนั้น 4.00 /4.28 / 3.75 / 7.63 / 6.49 (%) จำนวนปีที่จะได้ทุนคืนจากปันผล 24.99 / 23.39 /26.63 /13.10 / 15.41 อย่างเดียวอัตรานี้(ปี) P/E Ratio 10.42 / 8.33 / 7.02 / 5.21 / 5.26 อย่าลืมทำอย่างนี้ให้เสร็จก่อน แล้วค่อยดูว่าหวังเงินปันผลอย่างเดียวจะคุ้มหรือไม่ Credit : K.navapon @Thaivi จากคุณ : คนจนที่อยากรวย เขียนเมื่อ : 22 ธ.ค. 53 08:13:11

ความคิดเห็นที่ 2 ทีนี้ ลองแปลความหมายของขึ้อมูลที่ได้ ความสามารถในการจ่ายเงินปันผลสูงสมํ่าเสมอดีมาหลายปี 2.xx เท่ามาตลอด แต่มาดูอย่างอื่นต่อ สมมติ ถ้าซื้อหุ้นที่ ปี 2009 ที่ราคา 79.25 บาท แล้วรอปันผล ต้องรอ 15.41ปี ถึงจะได้ทุนคืน (ลงทุน 79.25 บาท ปันผล 5.14บาท ดังนั้น 79.25 / 5.14 = 15.41 ปี) ขณะมองในแง่ของ P/E Ratio ณ ราคานี้ = 5.26 นั่นคือ ถ้าลงทุนซื้อหุ้นที่ราคานี้ ถ้าบริษัทได้กำไรคงที่เท่านี้ อีก 5.26 ปี จะได้คืนทุน (กำไร 15.07 บาท x 5.26 ปี = 79.25 บาท) กรณีถ้าไม่ปันผลเลย แต่จริงๆแล้วกำไรที่ได้ก็สะสมอยู่กับบริษัท ถ้าราคาหุ้นยังไม่ขึ้นตามกำไรที่ได้ ตามทฤษฎีของVI เช่นตลาดเปลี่ยนเป็น ขาลงพอดี ผู้ถือหุ้นก็อาจจะรู้สึกว่ายังไม่ได้ทุนคืนหรือรู้สึกว่าตนขาดทุนด้วยซํ้า ดังนั้นการจ่ายปันผลซึ่งมักจะจ่ายมาจากส่วนหนึ่งของกำไรที่ได้จึงเป็นตัวทำให้ผู้ถือหุ้นรู้สึกดีขึ้นว่าได้ผลตอบแทนมาบ้าง ตลอดระยะเวลาที่ถือหุ้นเอาไว้ เพราะเราก็ไม่รู้ว่ารอนานๆโดยไม่ได้อะไรเลย(ปันผล) อะไรจะเกิดขึ้นกับบริษัทบ้าง ส่วนการไม่ปันผลเลยหรือปันผลน้อยๆมีข้อเสียอยู่หลายประการ เช่น 1 เราก็ไม่รู้ว่ากำไรที่โชว์ให้เห็นในงบการเงิน มันของจริงหรือเปล่า ทำไมบริษัทไม่แบ่งเค็กให้เรากินบ้าง 2 อย่างที่กล่าวข้างต้น ถ้าเป็นช่วงหุ้นตก ทั้งที่บริษัทยังกำไรดี บางคนชอบคิดว่าตัวเองขาดทุนแล้ว 3 บางบริษัทเก็บกำไรไว้ขยายกิจการหรือลงทุนต่อโดยไม่ปันผลออกมา 3.1 ถ้าโครงการลงทุนผลลัพธ์ออกมาดี ผู้ถือหุ้นก็โชคดีไป ค่อยรู้สึกคุ้มค่ากับการอดเปรี้ยวไว้กินหวานมาตั้งนาน 3.2 แต่ถ้าโครงการที่ลงทุนเจ๊งไม่เป็นท่า ไอ้เงินของเราที่ฝากอยู่กับเขา แทนทีที่จะได้กลับคืนมาในรูปปันผล ในช่วงที่ผ่านๆมาบ้าง ก็ต้องมลายหายสิ้นไปกับโครงการตำนํ้าพริกละลายแม่นํ้า 3.3 ข้อนี้จึงสำคัญมาก ต้องหัดดูให้ออกให้ได้ เวลาบริษัทจะลงทุนเพิ่มขยายกิจการต่อว่า ไอ้ธุรกิจที่จะไปลงทุนมีแนวโน้มมีอนาคตหรือไม่ Credit : K.navapon @Thaivi แก้ไขเมื่อ 22 ธ.ค. 53 08:21:53 จากคุณ : คนจนที่อยากรวย เขียนเมื่อ : 22 ธ.ค. 53 08:19:39

ความคิดเห็นที่ 3 . จากคุณ : คนจนที่อยากรวย เขียนเมื่อ : 22 ธ.ค. 53 08:23:09

ความคิดเห็นที่ 4 ... จากคุณ : คนจนที่อยากรวย เขียนเมื่อ : 22 ธ.ค. 53 08:23:21

ความคิดเห็นที่ 5 คุณฯอยากรวย พูดถึงเงินปันผล ตัวที่ได้คืนมาคุ้มค่ามากที่สุดในพอร์ตคือ...... ถือไว้โดยไม่ต้องทำคลายเครียดเรโชผ่านส่วนต่างราคาหุ้นก็ได้ สามารถทำคลายเครียดเรโชจุลภาค ผ่านการจ่ายค่าเลี้ยงดู จากการกระทำของคนในบริษัทจดทะเบียนแทน ทุกวันนี้  หุ้นทั้งหมดในพอร์ตทำคลายเครียดเรโชมหภาค   ผ่านการกระทำของคนในบริษัทจดทะเบียน ปีละประมาณ ๓ เท่า   ก็เลยไม่ค่อยได้ทำคลายเครียดเรโชจุลภาค  ผ่านหุ้นรายตัวเท่าไร แต่น่าเสียดาย  หุ้นที่ให้ผลตอบแทนผ่านเงินปันผลคุ้มที่สุด กลับเป็นหุ้นที่ถือเอาไว้น้อยมาก + แก้ไขเมื่อ 22 ธ.ค. 53 09:13:29 แก้ไขเมื่อ 22 ธ.ค. 53 08:42:01 แก้ไขเมื่อ 22 ธ.ค. 53 08:40:20 จากคุณ : endophine เขียนเมื่อ : 22 ธ.ค. 53 08:37:47

ความคิดเห็นที่ 6 welcome back ค่ะ น้องคนจนที่รวยแล้ว อยากมีพอร์ตแบบพี่เอ็นโดฯ มั่งจังเลยนะคะ จากคุณ : หวานใจกัปตัน เขียนเมื่อ : 22 ธ.ค. 53 08:48:41

ความคิดเห็นที่ 7 สวัสดีครับเฮียเอนโด หุ้นต้นทุน 1.4 บาท หากนับการจ่ายปันผลตั้งแต่ปี05 จะรวมได้ทั้งหมดเท่ากับ 3.6 บาท ได้กำไร 2.2 บาท หรือเทียบเท่า 157% สำหรับผมพึ่งได้รับเงินปันผลประจำปีครั้งแรกเองครับ จะได้รับอีกครั้งก็กลางปีหน้าโน่นนนน แหะๆ ปล.ทำไมต้นทุนหุ้นตัวนี้ของเฮียต่ำจังครับ จากคุณ : คนจนที่อยากรวย เขียนเมื่อ : 22 ธ.ค. 53 08:50:47

ความคิดเห็นที่ 8 สวัสดีครับพี่หวานใจกัปตัน ดีใจด้วยนะครับสำหรับ MCS และ PTL (ตัวหลังนี้คุ้นๆเหมือนว่าพี่น่าจะถืออยู่) อิอิอิ จากคุณ : คนจนที่อยากรวย เขียนเมื่อ : 22 ธ.ค. 53 08:53:45

ความคิดเห็นที่ 9 ส่วนหุ้นที่ต้องยอม ทะยอยตัดขาดทุนมาตลอดทางขาลง เพราะหลงเงินปันผลที่เจ้าของเอามาล่อก็คือ...... จ่ายดีจนทำให้เคลิ้ม   ได้ยีลด์ตั้งเกือบยี่สิบเปอร์เซนต์   หาได้ที่ไหน   ปรากฏว่า  ก็หาได้ในตลาดหุ้นนั่นแหละ ล็อตสุดท้ายยอมตัดขาดทุนแบบเปลี่ยนหุ้น ที่เปรียบเทียบแล้วเน่าพอๆกัน  ไม่มีสภาพคล่องคอพอๆกัน เอาหนึ่งหุ้น ... ไปแลกกับหนึ่งหุ้น TPP  ที่ราคาเจ็ดบาทกว่าเท่ากัน ปรากฏว่าตอนนั้น TPP  ลงต่อ  ส่วนตัวนั้นทำท่าจะขึ้นให้เจ็บใจเล่น ลงท้าย ก็เป็นแบบที่เขาว่า ผิดหรือถูก ก็ยากที่จะบอก แต่ที่ผมเปลี่ยนตัวนั้นกับ TPP   ทั้งๆที่ผลประกอบการเน่าพอๆกัน ไม่เคยจ่ายปันผลมานานเป็นสิบๆปี พอๆกัน สภาพคล่องแย่พอๆกัน ก็เพราะว่า TPP    มีหนี้สินน้อยกว่าตัวนั้นประมาณ ยี่สิบเท่า ถ้าทั้งคู่เจ๊งพร้อมกัน  เอามาเลหลังขายพร้อมกัน ได้เงินคืนจาก TPP  มากกว่าอย่างแน่นอนที่สุด + จากคุณ : endophine เขียนเมื่อ : 22 ธ.ค. 53 08:57:35

ความคิดเห็นที่ 10 สวัสดีครับ มาตอกบัตรครับ อยากให้อ่านกรุงเทพธุรกิจออนไลน์ตรงนี้ครับ น่าสนใจชีวิตคนคนนี้มากครับ ธุรกิจ : BizWeek วันที่ 17 ธันวาคม 2553 01:00 เซียนหุ้นหน้าหยก 'กิติชัย เตชะงามเลิศ' พอร์ตหุ้น 400 ลบ. โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ จากคุณ : ฮะ ว่าไงนะ เขียนเมื่อ : 22 ธ.ค. 53 08:58:34

ความคิดเห็นที่ 11 แว่บมาทักทาย ก่อนไปทำงานก่อนนะครับบบ . จากคุณ : ภูมิทัศน์ เขียนเมื่อ : 22 ธ.ค. 53 09:02:24

ความคิดเห็นที่ 12 เข้ามาอ่านครับ..อิอิ จากคุณ : แฟน รพ เขียนเมื่อ : 22 ธ.ค. 53 09:04:51

ความคิดเห็นที่ 13 คุณฯ อยากรวย ผมทำตามโมเดลที่เหมาะสมกับความสามารถตามปัจจัยพื้นฐานของตัวเองคือ ๑ ถือหุุ้นที่คิดว่าดีๆ  ได้ไม่จำกัดเวลา คือถือห้านาที หรือห้าปีก็ได้ ๒ กระจายความเสี่ยงถือหุ้นหลายๆตัว (คุณลูกอิสานก็เน้นเรื่องนี้เหมือนกัน) วิธีคิดอาจจะไม่เหมือนกัน แต่ผมต้องกระจายควาเมสี่ยง เพราะว่า "ไม่มีความสามารถที่จะทำนายอนาคตของหุ้น ที่ปัจจุบัน มันดูเหมือนว่า มันจะดีได้" ตอนนั้นซื้อ rojna เพราะpbv ต่ำ  ยีลด์ดี มีหนี้สินน้อยและ "บริษัทไม่มีสภาพคล่องคอ" บอกใครว่าซื้อตัวนี้    ก็มีแต่คนส่ายหน้า บอกว่า เป็นหุ้นที่ไม่มีสภาพคล่องคอ พอมันขึ้นถึง  สามสิบบาทจากพาร์สิบ ก็ทำคลายเครียดเรโชเอาทุนคืน  แล้วถือที่เหลือมาจนถึงปัจจุบันนี้ มันก็น่าแปลกใจเหมือนกัน ทำไม  หุ้นที่เขาว่าดีๆ   มันต้องมามีสภาพคล่องคอ  ตอนที่มันแพงเล้ว ตกลงว่า นักลงทุนกำลังตามซื้อหุ้นดีๆ  หรือราคาหุ้นดีๆ  กันแน่ + แก้ไขเมื่อ 22 ธ.ค. 53 09:20:46 จากคุณ : endophine เขียนเมื่อ : 22 ธ.ค. 53 09:11:13

ความคิดเห็นที่ 14 สำหรับของผมเวลาจะเลือกซื้อหุ้นที่มีอัตราการจ่ายปันผลที่สูง(มากกว่า5%)และสม่ำเสมอนั้น คร่าวๆผมจะดูตามนี้ครับ 1.นโยบายการจ่ายปันผล (ถ้ามากกว่าร้อยละ50ของกำไรสุทธิ อย่างนี้ +1) 2.อัตราการจ่ายปันผลในอดีต (ถ้ามีแนวโน้มคงที่หรือเพิ่มขึ้น อย่างนี้ +1) 3.หนี้ระยะยาวต้องไม่ควรมี หรือหากมีต้องมีน้อยมากๆเมื่อเทียบกับหนี้ระยะสั้น (ถ้าไม่ต้องกู้หนี้ยืมสินจากสถาบันการเงิน อย่างนี้ +1) 4.กำไรสะสมต้องมีควรมากพอในระดับหนึ่ง  (ถ้ามากกว่าหนี้สินทั้งหมด อย่างนี้ +1) 5.กระแสเงินสดจากกิจกรรมจัดหาเงินควรมีค่าเป็นลบ นั่นคือไม่ควรไปกู้เงินจากสถาบันการเงินมามากโดยผิดสังเกตุ (ถ้าติดลบอย่างต่อเนื่อง อย่างนี้ +1) อาจจะดูยุ่งยากสักหน่อย แต่ถ้าเลือกได้ตามนี้แล้ว ก็พอช่วยให้อุ่นใจในการถือหุ้นได้ในระดับหนึ่งครับ จากคุณ : คนจนที่อยากรวย เขียนเมื่อ : 22 ธ.ค. 53 09:11:29

ความคิดเห็นที่ 15 สวัสดีครับ พี่คนจนที่อยากรวย ผมกำลังศึกษาแนว VI อยู่ แต่ยังไม่เชี่ยวชาญนัก แต่พอมีความรู้ด้านการเงินมาบ้าง (เรียนบัญชี) + กับข้อมูลที่ได้อ่าน ทำให้ได้เห็นข้อสังเกตหลายๆ อย่างที่ควรจะเอามาประยุกต์ใช้ เลยเข้ามาเพิ่มเติม แต่ถ้าหากผิดพลาดก็ขอให้ชาว VI ช่วยแก้ไขหรือเพิ่มเติมด้วยครับ เรื่องของ PE P = ราคาตลาด E = EPS กำไรต่อหุ้น โดยส่วนตัวเคยได้แสดงความเห็นไปแล้ว เลยเอามาเปิดเผยในห้องนี้อีกที เกี่ยวกับเรื่องของ PE การคำนวณ PE นั้น คนส่วนใหญ่จะเอา ค่า P กับ E ของปัจจุบันมาคำนวณ ซึ่งคำนวณออกมาแล้วจะถูกหรือแพง ผมมองว่ามันเป็นปัจจุบัน ไม่สามารถบอกอนาคตได้ ตัวอย่าง หุ้นตัวนึง มีราคาตลาด (P) อยู่ที่ 5 บาท และมีกำไรต่อหุ้น (E) อยู่ที่ 0.25 เพราะฉะนั้น PE ของหุ้น ณ ปัจจุบันจะอยู่ที่ 20 เท่า ถามว่าแพงหรือไม่ โดยส่วนตัว VI จะมอง PE อยู่ที่ต่ำกว่า 10 เท่าถึงจะดี แต่ถ้าหากอยู่ในเกณฑ์ 12-15 ก็ถือว่าพอลงทุนได้ ซึ่งผมมองว่าเราไม่ควรนำเอา PE ในปัจจุบันมาประเมินอนาคต ประเมินอนาคตด้วย E กัน ในอนาคตหากเราประเมินว่า ปีหน้า หรืออีกหลายปีข้างหน้า กำไรต่อหุ้นจะเพิ่มจาก 0.25 เป็น 0.40 คือเพิ่มขึ้นอีก 0.15 บาทต่อหุ้น เพราะฉะนั้น PE จะเหลือแค่ 12.5 เท่า ซึ่งราคาปัจจุบันก็ถือว่ายังน่าสนใจลงทุน และยังไม่แพงจนเกินไป แต่หากเราประเมินว่าธุรกิจนี้จะแย่ลง (ด้วยปัจจัยอะไรก็ตามแต่) และกำไรต่อหุ้นจะลดลงเหลือ 0.15 เท่า ลดลงอีก 0.10 จะทำให้ค่า PE เพิ่มเป็น 33 เท่า ซึ่งก็ถือว่าแพงมาก ขนาดแค่ 20 เท่าก็คิดว่าแพงแล้วนะเนี่ย ส่วนตัว P ผมว่าหากเราประเมิน E ในอนาคตได้ เราก็จะประเมิน P ในอนาคตได้แบบคร่าวๆ และในความเป็นจริงตัว P มันจะปรับขึ้นหรือลงไปหาจุดที่เหมาะสมของมันเอง แต่การประเมิน E นั้นไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เลย ผมเคยอ่านหนังสือเขาบอกว่าถึงแม้ PE จะสูงก็ใช่ว่าราคาจะปรับสูงขึ้นกว่านั้นไม่ได้ นั่นเป็นเพราะ ตัว E มันเพิ่มขึ้นทุกๆ ปีนั่นเอง สรุปสำหรับ PE ก้จบลงเพียงแค่นี้ ใครมีอะไรจะแนะนำเพิ่มเติมก็เชิญได้ครับ ไว้คราวหน้าจะเอาเรื่องน่าสนใจมานำเสมอต่อๆ ไป (แต่คงไม่ได้เอามาลงทุกวัน) ขอบคุณครับสำหรับกระทู้ดีๆ จากคุณ : bigzaa เขียนเมื่อ : 22 ธ.ค. 53 09:12:48

ความคิดเห็นที่ 16 น้องคนจนที่รวยแล้วจ๋า พี่ขาย PTL ไปแล้วแหละ  T T ส่วน MCS รักไม่เปลี่ยนแปลงค่ะ  มีทำ SAP ไปบ้าง ถ้าเป็นหุ้นประดับพอร์ต แบบเป็นเงินก้นถุง ก็ต้อง WG ค่ะ จากคุณ : หวานใจกัปตัน เขียนเมื่อ : 22 ธ.ค. 53 09:12:50

ความคิดเห็นที่ 17 คห.14 ^ ^ หุ้นถือยาวของผม ก็เลือกประมาณนี้อ่ะ + ROE สูงกว่า 15% และ PBV ต่ำกว่า 1 ให้อีกอย่างละ +1   อิอิอิ แก้ไขเมื่อ 22 ธ.ค. 53 09:18:14 จากคุณ : แฟน รพ เขียนเมื่อ : 22 ธ.ค. 53 09:16:58

ความคิดเห็นที่ 18 กลับมาแล้วเหรอครับ...ดีจังครับ ผมอ่าน DVD เงียบๆ มานานแล้ว จากคุณ : luangrit เขียนเมื่อ : 22 ธ.ค. 53 09:21:54

ความคิดเห็นที่ 19 ขอเข้าแก๊งค์ Endophine Model 1.0 Omega ด้วยคนครับ จากคุณ : คนจนที่อยากรวย เขียนเมื่อ : 22 ธ.ค. 53 09:32:30

ความคิดเห็นที่ 20 หวัดดีครับคุณ Bigzaa ถูกต้องครับ   e(eps) ที่นำมาคำนวณในสูตร ถ้าจะให้ผลดีต้องเป็น e ที่คาดการณ์ในอนาคตครับ ข้อมูลจากเวปส่วนใหญ่ pe ที่ได้นั้น ส่วนใหญ่คำนวณ e มาจาก 4 ไตรมาสย้อนหลัง ซึ่งผมมองว่า นำมาเป็นเกณฑ์ตัดสินได้ไม่ดีเท่าไหร่ ถ้าเป็นผม ก็จะใช้วิธี “คาดการณ์” ผลประกอบการของปีถัดไปว่าจะเติบโตขึ้นจากปีก่อนเท่าไหร่ โดยมากมักตั้งไว้ที่ 10% (ถ้าบริษัทเติบโตได้มากกว่าที่ตั้งไว้ก็ถือว่าเป็น jackpot) และนั่นก็จะยิ่งทำให้ pe มีค่าลดลงครับ ส่วนเรื่องราคา ผมไม่ค่อยจะเก็งเท่าไหร่ เพราะเก็ง e แล้วมาเก็ง p อีก กลัวว่ามันจะเก็งจนเจ๊งเอาน่ะครับ อิอิอิ จากคุณ : คนจนที่อยากรวย เขียนเมื่อ : 22 ธ.ค. 53 09:40:08

ความคิดเห็นที่ 21 หวัดดีครับ พี่คนจนทีรวยแล้ว ยินดีต้อนรับอีกครั้งครับ  รู้นะว่าแอบซุ่มดูอยู่ทุกวัน สวัสดีเฮียเอ็นโด สวัสดีพี่หวานใจกัปตัน หวัดดี พี่ภูมิทัศน์ หวัดดีพี่ฮะว่าไงนะ หวัดดี พี่แฟนรพ และหวัดดีทุกท่านที่ไม่ได้เอ่ยนามครับ ลงทุนแบบ vi  สบายใจที่สุดแล้วครับ   เย้ๆๆๆ รวยๆๆๆ ใกล้รับปันผลกันแล้วซินะ ... จากคุณ : ahcmos เขียนเมื่อ : 22 ธ.ค. 53 09:53:03

ความคิดเห็นที่ 22 อ๊ะ กระทู้ DVD กลับมาแล้ว จากคุณ : หมึกสด เขียนเมื่อ : 22 ธ.ค. 53 10:08:25

ความคิดเห็นที่ 23 ดีใจจังเลยค่ะ ที่คุณคนจน กลับมาแล้ว จากคุณ : Ms.Kyo เขียนเมื่อ : 22 ธ.ค. 53 10:42:45

ความคิดเห็นที่ 24 หวัดดีครับ พี่คนจน ตกกะใจ มีโอกาสเข้ากระทู้ series DVD ด้วย เมื่อวานพลาดไม่ได้เข้า เหอ ๆ จากคุณ : Grand Marshal1 เขียนเมื่อ : 22 ธ.ค. 53 11:21:47

ความคิดเห็นที่ 25 กระทู้ดีจริงๆ ครับ จากคุณ : dzia เขียนเมื่อ : 22 ธ.ค. 53 11:42:41

ความคิดเห็นที่ 26 ได้รับความรู้มากมายเลยครับ จากทั้ง พีคนจนที่อยากรวย พี่ endophine พี่ bigzaa จากคุณ : wormonline เขียนเมื่อ : 22 ธ.ค. 53 13:40:41

ความคิดเห็นที่ 27 ดีใจที่กระทู้นี้กลับมานะครับ รอตามอ่านทุกวันเลยย แต่ตอนนี้ก็ยังงงๆกับตัวเองจะลงทุนแนวพื้นฐาน หรือ เทคนิคดี ตอนนี้มันมั่วๆไปดูไม่ค่อยได้ผลเท่าไหร่เลย - - จากคุณ : เดสโทราตี้ เขียนเมื่อ : 22 ธ.ค. 53 14:23:18

ความคิดเห็นที่ 28 หวัดดีครับคุณเดสโทราตี้ ที่ว่า " ตอนนี้มันมั่วๆไปดูไม่ค่อยได้ผลเท่าไหร่เลย " รบกวนช่วยขยายความหน่อยครับว่ามันมั่วๆยังไง ? จากคุณ : คนจนที่อยากรวย เขียนเมื่อ : 22 ธ.ค. 53 14:49:06

ความคิดเห็นที่ 29 ก็ปัจจุบันคือบางตัวซื้อเพราะเทคนิคคอล บางตัวก็ดูพื้นฐาน บางทีซื้อเพราะดูเทคนิคพอผิดทางมันตกก็ยังไม่ขายเพราะดูแล้วพื้นฐานดี บางตัวดูที่ดูเทคนิคเป็นหลัก บางทีดูระยะสั้นพอมันตกก็ไปดูระยะกลางแทนว่ายังไปได้อยู่ อะไรแบบนี้นะครับ คือมั่วๆไปหมดจริง - - แต่ให้ดูพื้นฐานล้วนๆก็ยังไม่มั่นใจในตัวเองเลยว่าเราจะดูถูกจริงรึป่าว จำได้ว่าเคยดู PRIN ไว้ถือยาวนานมากค่อนพอร์ตสรุปเสียโอกาสไปมากมาย ตอนนี้มาดูพวก TTCL , TASCO TCAP ราคาก็อยู่เฉยไม่ไปไหนนานมากแล้วอะครับแถมลงด้วยซ้ำ เซ็งๆกันไป - - จากคุณ : เดสโทราตี้ เขียนเมื่อ : 22 ธ.ค. 53 15:45:28

ความคิดเห็นที่ 30 มาเยี่ยมกระทู้พี่คนจนเ้จ้าเก่าครับ ... ไม่เห็น(กระทู้)นานมาก สบายดีนะครับ จากคุณ : มิ่งกลิ้ง เขียนเมื่อ : 22 ธ.ค. 53 23:07:55

ความคิดเห็นที่ 31 Daily VI Discussion (DVD 106) กระทู้การลงทุนแนวเน้นคุณค่า ประจำวันที่ 23/12/10 จากคุณ : คนจนที่อยากรวย เขียนเมื่อ : 23 ธ.ค. 53 08:13:14