ความคิดเห็นที่ 1 1. ใช่ครับ .... LTF ที่ซื้อในปี 2549 ครบเงื่อนไข 5 ปีปฏิทิน ในปี 2553 โดยสามารถ ขายคืนได้ตั้งแต่วันทำการแรกของปี .... เพียงแต่อย่าลืมตรวจสอบจำนวนหน่วยลงทุน ที่ปรากฏในปี 2549 ให้ถูกต้องก่อนการขายคืนด้วยนะครับ 2. ใช่ครับ .... LTF ที่ซื้อในปี 2550 ขายคืนได้ตั้งแต่วันทำการแรกของปี 2554 เป็นต้นไป 3. การสับเปลี่ยน จะใช้ระบบ FIFO เช่นเดียวกับการขายคืน ดังนั้นจำนวนที่มีการลงทุน ในปี 2551 ที่อยู่ภายใต้นกองทุนเดียวกับปี 2549 - 2550 .... ถ้ามีการสับเปลี่ยนเกิดขึ้น ก่อนส่วนที่ลงทุนในปี 2549 - 2550 จะขายออกไป ... จะกลายเป็นการสับเปลี่ยนส่วน ที่ลงทุนในปี 2549 (และอาจจะรวมถึง 2550) ย้ายไปอยู่กองทุนปลายทาง (SCBLTT) แทนที่จะเป็นของปี 2551 ตามที่ตั้งใจนะครับ แต่ถ้าส่วนที่ลงทุนในปี 2549 และ 2550 ได้ขายออกไปแล้ว หรือสับเปลี่ยนย้ายไปอยู่ ที่กองทุนอื่นจนหมดแล้ว .... การสับเปลี่ยนของปี 2551 ถึงจะสามารถดำเนินการได้ ตามความตั้งใจครับ 4. สำหรับกำไรที่เกิดจากการขายคืน ต้องนำไปแสดงในแบบ ภงด.90 ด้วยเสมอไม่ว่า จะมีการลงทุนครบเงื่อนไขระยะเวลาการลงทุน 5 ปีปฏิทินแล้วหรือไม่ก็ตามครับ.... เพียงแต่ถ้ามีระยะเวลาการลงทุนถูกต้องคามเงื่อนไขแล้ว ให้นำส่วนที่เป็นกำไรกรอก ในแบบ ภงด.90 ในช่อง ยกเว้น เพื่อที่จะไม่ถูกรวมคำนวณเป็นรายได้ครับ จากคุณ : pjuk เขียนเมื่อ : 25 ธ.ค. 53 01:20:16

ความคิดเห็นที่ 2 5. การสับเปลี่ยนสามารถทำได้โดยอิสระ ไม่จำกัดจำนวนครั้ง และไม่มีค่าธรรมเนียมด้วยครับ ไม่ว่าจะสับเปลี่ยนกลับไปมาภายในปีเดียวกัน หรือต่างปีกันก็ตาม .... โดยสถานะการลงทุนในปีนั่นๆ ก็ยังคงตามไปอยู่แม้ว่าจะย้ายไปกองทุนในปีหลังจากปี ที่ซื้อก็ตามครับ 6. SCBLT3 , SCBLTT และ SCBLT4 ทั้ง 3 กองทุนที่มีการกระจายการลงทุนไปในหุ้น ขนาดกลาง ไปถึงเล็ก รวมๆ กันแล้วมากกว่าลงทุนในหุ้นขนาดใหญ่ .... แต่ถ้าดูสัดส่วน การลงทุนเป็นหุ้นรายตัว ก็ยังคงมีหุ้นขนาดใหญ่อยู่ในระดับต้นๆ (5 อันดับแรก) อยู่ครับ ถ้าจะเลือกกองทุนที่มี สัดส่วนการลงทุนใน PTT น้อยสุด น่าจะเป็น SCBLT3 http://www.scbam.com/v1/pdf/old_download/portfolio/PORT_SCBLT3.pdf ส่วน SCBLT4 และ SCBLTT ก็มีไม่มากถ้าเทียบกับ SCBLT1, SCBLT2 ครับ จากคุณ : pjuk เขียนเมื่อ : 25 ธ.ค. 53 01:40:31

ความคิดเห็นที่ 3 ข้อมูลชัดเจนมาก ขอบคุณ P'juk มากครับ จากคุณ : Comrade1 เขียนเมื่อ : 25 ธ.ค. 53 23:59:45