ความคิดเห็นที่ 1 ตอนที่ 1 : "จุดวกกลับ"...หัวใจสำคัญของหุ้น Turnaround     ผมขอเขียนจากความเข้าใจส่วนตัวนะครับ เพราะผมก็เป็นอีกคนนึงที่หลงไหลหุ้นประเภทนี้อยู่มากๆเช่นกัน ถ้าพูดถึง "หุ้น Turnaround" ก็ต้องนึกถึงคำสำคัญที่สุดคำหนึ่ง นั่นก็คือคำว่า "จุดต่ำสุด" หรือ "จุดวกกลับ" นั่นเอง คล้ายๆกับภาพ "กราฟพาราโบลาหงาย" ที่เราเรียนสมัยมัธยมอ่ะนะครับ     หุ้น Turnaround มี Criteria มากมายในการสังเกต แต่มันต้องใช้ระยะเวลายาวนานเพียงพอ ในการ Confirm การเป็นหุ้น Turnaround จริงๆ การลงทุนหุ้นประเภทนี้ มีผลตอบแทนที่ดีมากๆ จะว่าไปแล้ว อาจจะมากพอๆกับหุ้น Super Stock เลยก็ว่าได้!!! เพราะระหว่าง การเติบโตจากสิ่งที่เลวร้าย(ฐานเก่าต่ำ) กับ การเติบโตจากสิ่งที่ดีอยู่แล้ว สองอย่างนี้ มี Momentum ไม่ได้ยิ่งหย่อนไปกว่ากันเลย แต่ปัญหาคือว่า เรามั่นใจได้แค่ไหนว่า หุ้นที่เราสนใจ จะเป็น "หุ้น Turnaround แท้" หรือเป็นแค่ "หุ้น Turnaround เก๊" *** และสิ่งที่สำคัญที่สุด นั่นก็คือ... ระหว่างคำว่า "หุ้น Turnaround" กับคำว่า "หุ้นที่เข้าข่ายน่าจะ Turnaround" สองคำนี้มีความหมายต่างกันราว "ฟ้า" กับ "เหว" เลยนะครับ เพราะ"หุ้นที่เข้าข่ายน่าจะ Turnaround" มีมากมายอยู่เกลื่อนตลาด หรือบางคนอาจเรียกว่า "หุ้นก้นบุหรี่" อาทิเช่น P/BV ต่ำ, ผลประกอบการเริ่มดีขึ้น จากขาดทุนเป็นกำไร, มีการปรับ Business Model ,มีการปรับโครงสร้างหนี้ หรือมี Hidden Asset มากมาย แต่ในหุ้นจำนวนมากมายเหล่านี้... คงมีเพียงแค่ไม่กี่ตัวที่จะเป็น "หุ้น Turnaroundแท้ๆ" ที่จะสามารถพลิกฟื้นได้อย่างแข็งแรง และยั่งยืน และถ้าคุณค้นพบ มันจะเป็นหุ้นที่คุณจะถือได้อย่างมั่นใจและสบายใจในระยะยาว ผมไม่เชื่อว่าจะมีใครมอง "หุ้น Turnaround" ออกได้ภายในไม่กี่วัน เพราะผมมองว่า ระยะเวลาและผลประกอบการเท่านั้นที่จะเป็นเครื่องพิสูจน์ "เพชรในตม" เม็ดนี้ การซื้อที่ "จุดวกกลับ" หรือ "จุดต่ำสุด" นั้น ว่ากันว่าเป็นสิ่งที่ยากมากแล้ว แต่ผมว่า การซื้อก่อนถึงจุดวกกลับนั้นยากเย็นยิ่งกว่า สิ่งที่น่าจะเป็นไปได้ที่สุด คือ... "เราซื้อเมื่อมั่นใจว่า มันได้ผ่านจุดต่ำที่สุด" มาแล้ว และมันกำลังจะฟื้นตัวได้อีกครั้งหนึ่ง ซึ่งคุณต้องตอบตัวเองให้ได้ว่า "เพราะอะไร?" มิใช่เพียงหลับหูหลับตาซื้อตามคนอื่น สรุปว่าสำหรับผมแล้ว... การลงทุนใน "หุ้น Turnaround" นั้นก็คือ "การซื้อของดีในราคาถูกเหลือเชื่อ" ก็เท่านั้นเองครับ แก้ไขเมื่อ 27 ธ.ค. 53 14:29:25 แก้ไขเมื่อ 27 ธ.ค. 53 14:27:54 จากคุณ : Bata (Again-With-Love) เขียนเมื่อ : 27 ธ.ค. 53 14:23:10

ความคิดเห็นที่ 2 มีต่อป่าว ยังไงขอปาดก่อนดีกว่า คิคิ จากคุณ : arakball เขียนเมื่อ : 27 ธ.ค. 53 14:27:16

ความคิดเห็นที่ 3 ภาพประกอบใน คห.ที่ 1 อ่ะนะขอรับ จากคุณ : Bata (Again-With-Love) เขียนเมื่อ : 27 ธ.ค. 53 14:31:10

ความคิดเห็นที่ 4 jas ถือว่าเทรินมั้ยครับ ขอบคุณครับสำหรับประสบการณ์ แก้ไขเมื่อ 27 ธ.ค. 53 14:34:07 จากคุณ : maiaowna เขียนเมื่อ : 27 ธ.ค. 53 14:33:20

ความคิดเห็นที่ 5 ตอนที่ 2 :"หุ้น Turnaround ตัวพ่อ"...รู้ทันเจ้าของ บทความในตอนที่ 1 ที่ผมได้เขียนไว้ เป็นเรื่องเกี่ยวกับ หุ้น Turnaround แบบตรงไปตรงมา แต่เพราะโลกวันนี้ วิศวกรรมศาสตร์ ทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างในโลกใบนี้เปลี่ยนแปลงไป ไม่เว้นแม้แต่วงการตลาดหุ้นของเรา นั่นก็คือศาสตร์ที่เรียกว่า "Finance Engineering" ซึ่งเป็นที่มาของบทความนี้ นั่นก็คือ "หุ้น Turnaround ตัวพ่อ...รู้ทันเจ้าของ" สำหรับผมแล้ว "หุ้น Turnaround ตัวพ่อ" หรือ "หุ้น Turnaround แบบไม่ปกติ" นั่นก็คือ หุ้นที่เจ้าของมีเจตนาจงใจทำให้หุ้นของตัวเองตกต่ำลง โดยทำให้ผลประกอบการตัวเองดูแย่ลง เพื่อจุดประสงค์ที่แตกต่างกันไป เช่น ต้องการซุกผลประกอบการที่ดีเอาไว้, ต้องการซื้อหุ้นของตัวเองในราคาที่ถูก หรือแม้แต่เพื่อผลประโยชน์ทางด้านภาษีของบริษัทฯ อาทิเช่น การทำเทคนิค "Cookie Jar Reserve" ซึ่งมักจะมีการตั้งค่าเผื่อ หรือสำรองทางบัญชี ซึ่งมักจะทำให้กำไรในปัจจุบันลดลง แต่ในปีต่อๆไปอาจมีการกลับรายการ และที่สำคัญที่สุดในวงการหุ้น Turnaround นั่นก็คือเทคนิคที่เรียกว่า "Big Bath" ซึ่งก็คือ การล้างบางตัวเลขทางบัญชี เพื่อรอการ Turnaround รอบใหญ่ อาทิเช่น การตั้งสำรองหนี้สินเพื่อกดดันกำไรของบริษัทฯตัวเอง หรือการเอาของเสียๆมารวมกันครั้งใหญ่ และเหตุการณ์แบบนี้ จะทำให้เกิด Panic ในนักลงทุนรายย่อย และก็จะเข้าทางเจ้าของทันที โดยมักจะเกิดขึ้นในช่วงเศรษฐกิจตกต่ำ บริษัทฯมักจะเลือกใช้เทคนิคต่างๆเหล่านี้เพื่อตบตานักลงทุนรายย่อยทั่วไป อย่างที่บอกครับ เพื่อผลประโยชน์ที่แตกต่างกันไป แต่ถ้าเราสังเกตเห็นอาการเหล่านี้ ในหุ้น Turnaround เจอแล้วหล่ะก็ นั่นแปลว่า คุณกำลังจะเจอกับ "หุ้น Turnaround ตัวพ่อ" เลยหล่ะครับ นั่นแปลว่า "ได้ 2 เด้ง" ทั้ง Turnaround แบบ "ปกติ" และ "เจ้าของจงใจ(โดยวาง Road Map ไว้ทั้งหมดแล้ว) ซึ่งในข้อเท็จจริงแล้ว มันไม่ง่ายเลย ถ้าเราไม่มีข้อมูล Inside เราคงทำได้แค่สังเกตจาก "งบการเงิน" และ "การซื้อขายหุ้นในกระดาน" หรือทำการวิเคราะห์แบบ Qualitative Analysis เท่านั้นเอง ผมเคยเห็นบริษัทฯพยายามซุกผลประกอบการที่ดีเอาไว้ จนมันไม่สามารถจะซุกได้อีกต่อไป (เรียกว่าผลประกอบการที่ดีกำลังจะระเบิดออกมา) บางบริษัทฯซุกไม่ไหว จึงขอทำเรื่อง Tender Offer ออกจากตลาดหลักทรัพย์ไปเลยก็มี และแน่นอนครับ ในราคาที่ต่ำกว่าพื้นฐานที่แท้จริง แต่ถ้าบริษัทฯไม่ออกจากตลาดหลักทรัพย์ นั่นแหล่ะครับ "หุ้น Turnaround ตัวพ่อ...สุดยอดของสุดยอดหุ้น Turnaround" และไม่ง่ายเลยที่จะค้นหาเจอ แต่ที่แน่ๆ นอกจาก Criteria พื้นฐานในการดูหุ้น Turnaround แล้ว เราต้องรู้ทันเจ้าของด้วยนะครับ ย้ำนะครับ ใน Case นี้ เราต้องเรียกว่า "รู้ทันเจ้าของ" ไม่ใช่ "เจ้ามือ" นะครับ   ปล. ข้อมูลบางส่วนนำมาจากการอบรมใน Class เรื่อง "วิธีอ่านและวิเคราะห์งบการเงินสำหรับนักลงทุนเน้นคุณค่า" ของ อ.วรศักดิ์ ทุมมานนท์ แก้ไขเมื่อ 30 ธ.ค. 53 00:35:34 จากคุณ : Bata (Again-With-Love) เขียนเมื่อ : 27 ธ.ค. 53 14:36:39

ความคิดเห็นที่ 6 พี่ช่วยแชร์ประสบการณ์ที่ไปเจอ + วิธีการดูจากงบการเงิน หน่อยครับ อยากศึกษาครับ จากคุณ : maiaowna เขียนเมื่อ : 27 ธ.ค. 53 14:41:12

ความคิดเห็นที่ 7 ชื่อนี้ รับประกันผลงาน   แจก give ชิดขวาจองที่นั่งชมเลย อิ อิ จากคุณ : จินหยง เขียนเมื่อ : 27 ธ.ค. 53 14:41:22

ความคิดเห็นที่ 8 ตอนที่ 3 : ใครๆก็อยาก Turnaround...แต่จะมีกี่คนที่ทำได้จริง!!! "โครงการเรื่องการลงทุนในการจัดหาน้ำจืดโดยผลิตจากน้ำทะเล โดยใช้เรือที่มีเทคโนโลยีขั้นสูงมากลั่นน้ำจืดจากน้ำทะเล และเรือดังกล่าวมีศักยภาพในการจัดหาน้ำได้สูงสุด 150,000 ลูกบาศก์เมตรต่อวัน โดยโครงการมีมูลค่าทั้งสิ้น 250 ล้านดอลล่าสหรัฐ ระยะเวลาของโครงการไม่เกิน 30 ปี โดยบริษัทจะทำหน้าที่เป็นคนกลางในการรับซื้อและขายน้ำให้แก่ลูกค้าในพื้นที่เมืองพัทยา และเกาะสมุย" "โครงการพลังงานสะอาด ที่ดำบลท่าแลง จังหวัดเพชรบุรี โครงการได้เริ่มดำเนินการได้ระยะหนึ่ง โดยบริษัทได้มีความตั้งใจที่จะทำโครงการแปลงขยะเป็นพลังงานสะอาด และได้มีการลงนามใจบันทึกความเข้าใจกับบริษัทในประเทศเยอรมันชื่อ WEHRLE Umwelt GmbH ซึ่งเป็นบริษัทที่ผลิตเครื่องจักรในการกำจัดขยะและแปลงขยะเป็น RDF เพื่อใช้เป็นเชื้อเพลิงในการให้พลังงาน" คุณเคยได้ยินไหมว่า... "อัจฉริยะกับคนบ้า" ห่างกันเพียงเส้นบางๆเท่านั้น!!! วันนี้ แม้คุณจะมองว่าเขาบ้า แต่ไม่แน่..เขาอาจเป็นอัจฉริยะก็ได้!!! ซึ่งไม่ต่างอะไรกับหุ้น Turnaround เท่าไหร่นัก ใครๆก็อยาก Turnaround ด้วยกันทั้งนั้น "Story ต่างๆมากมายที่น่าสนใจ" และ กลยุทธ์ทางธุรกิจ และ Business Model ใหม่ๆ...จึงถูกคิดค้นขึ้น และนำเสนอเรื่องราวเหล่านั้นออกมาแก่นักลงทุน นี่คืออีกรูปแบบหนึ่งของการ Turnaround นั่นก็คือ "Implement New Business Model" "จินตนาการ ,ความฝัน และความจริง" มันก็อยู่ห่างกันเพียงแค่เส้นบางๆเช่นเดียวกัน การ Turnaround ของหุ้น ไม่ได้มีเพียงแค่ "การเปลี่ยน CEO , การปรับโครงสร้างทุน หรือการทำ Reorganization บริษัทฯ" เท่านั้น แต่การ Implement New Business Model คือการ Turnaround ที่สำคัญอีกรูปแบบหนึ่ง ซึ่งมันเป็นการ Shift Paradigm รูปแบบการทำธุรกิจของบริษัทฯนั้นๆไปอย่างสิ้นเชิง หลายๆบริษัทฯ ก็อยากจะพลิกฟื้นจากภาวะการขาดทุนกลับมามีกำไรอย่างยั่งยืนด้วยกันทั้งนั้น แต่จะมีซักกี่บริษัทฯที่ทำได้จริง จะมีซักกี่บริษัทฯ ที่จะสามารถกลับมามีกำไร ,สามารถกลับมาเข้มแข็ง และสามารถเติบโตได้อย่างยั่งยืน "โอกาสมักแอบซ่อนตัวอยู่ภายในซอกมุมของวิกฤตเสมอ" อยู่ที่ว่า...คุณจะเปิดใจให้โอกาสตัวเอง และให้โอกาสบริษัทฯเหล่านั้นหรือไม่? หากคุณนั่งอ่านความฝันของบริษัทฯต่างๆ เสมือนอ่านนิยายชั้นดีซักเรื่อง แล้วคุณก็แค่ เลือกที่จะเชื่อในเรื่องไหน? และเลือกที่จะเชื่อใคร? ไม่แน่นะครับ นิยายบางเรื่อง มันอาจจะกลายเป็นเรื่องจริงในสักวันก็ได้   สุดท้ายนี้ ผมอยากจะฝากข้อคิดไว้ว่า... "ถ้าเราจะซื้อหุ้น Turnaround ซักตัว เราจะต้องตอบคำถามตัวเองให้ได้อย่างน้อย 2 ข้อ คือ 1. ที่ผ่านมามันเจ๊งเพราะอะไร? 2. แล้วอนาคตข้างหน้า...มันจะฟื้นขึ้นมาได้ ด้วยเหตุผลอะไร?" ถ้าตอบ 2 คำถามนี้ได้ค่อนข้างชัดเจนแล้วหล่ะก็ ก็ต้องบอกว่า..."แล้วจะรออะไรหล่ะครับ" Enjoy กับการลงทุนครับผม (^_^) ปล. - ตัวอย่างแผนธุรกิจที่ผมยกตัวอย่างไว้ข้างต้น นำมาจากข่าวของบริษัท WIN ที่ http://www.set.or.th/dat/news/201011/10037102.pdf ทั้งนี้เพื่อเป็นตัวอย่างในบทความเท่านั้น มิได้มีความหมายในเชิงบวกหรือลบแต่อย่างใดครับ แก้ไขเมื่อ 28 ธ.ค. 53 12:05:11 จากคุณ : Bata (Again-With-Love) เขียนเมื่อ : 27 ธ.ค. 53 14:44:41

ความคิดเห็นที่ 9 ตอนที่ 4 : Criteria ในการคัดเลือกหุ้น Turnaround พอพูดถึงคำว่า "Criteria" ในการคัดเลือกหุ้น Turnaround หรือหุ้นที่เราจะลงทุนแล้ว หลายคนอาจจะนึกถึงตัวเลขต่างๆ เช่น - Revenue , expenses , Gross Profit Margin , P/E Ratio , Book Value , %ROE , Debt , Backlog - จำนวนพนักงานที่ปรับลดลง และจำนวนลูกค้าที่เพิ่มมากขึ้น - Cash Flow , ความสามารถในการชำระหนี้ หรือแม้แต่ผลประกอบการที่เริ่มมีแนวทางที่ดีขึ้น(หรือเริ่มฟื้นตัวขึ้น) และแนวโน้มในการจ่ายเงินปันผล ในขณะที่บางคนอาจจะใช้กราฟ , ค่าเฉลี่ยต่างๆ และหลักการทาง Technical หรือแม้แต่ข้อมูลการซื้อขายของผู้บริหารฯ ในการช่วย Confirm การเป็นหุ้น Turnaround อีกทางหนึ่ง ผมเองใช้ Criteria ทุกสิ่งทุกอย่างที่ได้กล่าวมาข้างต้นเกือบครบถ้วนครับ แต่มากกว่านั้นผมมี Criteria อีก 3 ข้อก่อนตัดสินใจการลงทุน หรือ "ตีแตก" ในหุ้นใดๆก็ตาม นั่นก็คือ "ความตื่นเต้น" , "ความศรัทธา" และ "ความผูกพัน" ประเด็นที่ 1 คือ "ความตื่นเต้น" ถ้าคุณอ่านงบการเงิน หรือฟอร์ม 56-1 แล้วรู้สึกเฉยๆ ก็แปลว่า "มันอาจจะไม่ใช่ล่ะ!!!" เพราะถ้ามันจะเป็นหุ้น Turnaround จริงๆ ผมเชื่อว่า...คุณต้องรู้สึก "ตื่นเต้น!!!" ตื่นเต้นประมาณว่า... "เฮ้ย...ทำไมหุ้นดีๆแบบนี้ ราคามันถึงได้ถูกขนาดนี้ฟร่ะ!!!" "ไม่ใช่ล่ะ...มันต้องมีอะไรผิดแน่ๆ ทำไมคนถึงมองข้ามหุ้นตัวนี้ไปได้ยังไงกันหว่า?" "เมื่อไหร่จะสิบโมงเช้าฟร่ะ ชั้นอยากจะซื้อหุ้นตัวนี้จริงๆนะ สาธุขอให้มีคนตั้ง Offer เยอะๆทีเถิด" "บริษัทฯนี้มันเยี่ยมจริงๆ...ฉันอยากเป็นเจ้าของบริษัทฯนี้จริงๆนะ แม้ว่าฉันจะต้องยอมขายหุ้นอีกบริษัทฯนึงที่ฉันรักมากๆออกมาบ้างก็ตาม" "ถ้าจะให้ฉันสร้างธุรกิจดีๆแบบนี้ขึ้นมาเอง ฉันคงทำไม่ได้ หรือถ้าทำได้มันจะต้องใช้เงินมากกว่าที่จะซื้อหุ้นจากบนกระดานนี้มากมายนัก" ผมเชื่อว่า...คุณต้องรู้สึก "ตื่นเต้น" ก่อนครับ ประเด็นที่ 2 คือ "ความศรัทธา" คุณต้องศรัทธาในอะไรซักอย่างของบริษัทฯนั้น อาทิเช่น... คุณอาจจะศรัทธาใน "ตัวสินค้าและบริการของบริษัท , งบการเงิน , Business Model , ระบบ Supply Chain , ความสามารถในการทำกำไร , ความสามารถในการขยายเครือข่าย หรือแม้แต่ Hidden Asset ของบริษัทฯนั้นๆ" คุณอาจจะศรัทธาใน "Brand ของบริษัทฯนั้นๆ" คุณอาจศรัทธาใน "การสร้างธุรกิจและประวัติความเป็นมาของบริษัทฯนั้นๆ" คุณอาจศรัทธาและชื่นชอบใน "การปรับโครงสร้างองค์กร (Reorganization)" คุณอาจศรัทธาใน "Vision , Mission หรือ Objective ขององค์กร" หรือแม้แต่คุณอาจจะศรัทธาในตัวของ "ผู้นำ ,เจ้าของ หรือ CEO" ผมเชื่อว่าคุณควรจะต้อง "ศรัทธา" ในอะไรซักอย่าง ก่อนที่คุณจะเลือกหุ้นตัวนั้นเข้ามาไว้ในพอร์ตของคุณ ประเด็นที่ 3 คือ "ความผูกพัน" ถ้าคุณยังมี "ความกลัว , ความหวั่นไหว หรือแม้แต่ขายหมู" ออกไป แปลว่าคุณยัง "ผูกพัน" กับมันไม่เพียงพอ... "ถ้ามันเป็นหุ้น Turnaround ที่ดีจริง คุณจะไม่อยากทำกำไรบนมัน แต่คุณจะรู้สึกว่า อยากเติบโตไปพร้อมๆกับมัน!!!" เปรียบเสมือนการปลูกต้นไม้ต้นหนึ่ง และเรานั่งเฝ้ามองการเติบโตของมันอย่างเชื่องช้า วันข้ามวัน เดือนข้ามเดือน ปีข้ามปี นั่นคือ ความผูกพัน ที่คุณมีต่อความตื่นเต้นและความศรัทธาสำหรับ "บริษัทฯในฝัน" ของคุณเอง แต่ท้ายที่สุด... "ต้นไม้ที่เราเฝ้านั่งมอง มันจะออกดอกออกผลบานสพรั่ง หรืออาจจะเหี่ยวตายคาต้น ก็คงยังไม่มีใครรู้ได้แน่นอน เพราะการลงทุนมีความเสี่ยงเสมอ!!!" สำหรับคำตอบสุดท้าย...คงต้องถามหัวใจของตัวคุณเองแล้วหล่ะครับ (^_^) แก้ไขเมื่อ 27 ธ.ค. 53 17:36:35 แก้ไขเมื่อ 27 ธ.ค. 53 17:35:48 แก้ไขเมื่อ 27 ธ.ค. 53 15:51:57 จากคุณ : Bata (Again-With-Love) เขียนเมื่อ : 27 ธ.ค. 53 15:45:23

ความคิดเห็นที่ 10 ปล. กระทู้ที่น่าสนใจเพิ่มเติม 1. กระทู้เรื่อง "หุ้นตัวไหนที่เราจะเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ได้ โดยใช้เงินน้อยที่สุด" ที่ http://www.pantip.com/cafe/sinthorn/topic/I9955319/I9955319.html 2. กระทู้เรื่อง "จ้าวที่ กับ วีไอ!!!" ที่ http://board.thaivi.org/viewtopic.php?f=7&t=45388 3. กระทู้เรื่อง "### ได้โปรด...ช่วยวิเคราะห์ตัวพวกนี้ให้ผมหน่อยซิครับ ทำไมมีแต่คนทิ้งออกมาตลอดเลย??? ###" ที่ http://www.pantip.com/cafe/sinthorn/topic/I10043961/I10043961.html หวังว่าจะอ่านสนุก และได้สาระบ้างนะขอรับ (^_^) แก้ไขเมื่อ 31 ธ.ค. 53 14:00:37 จากคุณ : Bata (Again-With-Love) เขียนเมื่อ : 27 ธ.ค. 53 16:16:36

ความคิดเห็นที่ 11 บันทึกแห่งสัจธรรม โดย : ตะวัน สุรัติเจริญสุข นักเล่นหุ้นแทบทุกคนที่ถูกดึงเข้ามาสู่ตลาดหุ้น มักเชื่อมั่นว่าจะร่ำรวยกลับออกไป แต่คนที่ยืนอยู่บนเวทีแห่งนี้ได้ตลอดรอดฝั่ง กลับมีเพียงแค่หยิบมือ ตลาดหุ้นเป็นเวทีเดียวที่เปิดโอกาสให้กับคนที่ไม่จบปริญญา สู้กับคนระดับดอกเตอร์ได้อย่างเท่าเทียม บทเรียนในตลาดหุ้น มักไม่มีสอนในตำรา แม้แต่ "เซียน" ก็ตกม้าตายมาแล้วนับไม่ถ้วน ตลาดหุ้นมีกฎของมันเอง เป็นกฎของความไม่แน่นอน บางครั้งก็เป็นกฎที่อยู่นอกเหนือจากสิ่งที่คนส่วนใหญ่เชื่อ ด้านมืดที่สุดที่มองเห็น อาจเป็นจุดเริ่มต้นของโอกาส ทางที่คิดว่าปลอดภัยดีแล้ว อาจเป็นทางที่มืดสนิท ในขณะที่มนุษย์มีอิสระที่จะเลือกแนวทางของตนเอง ตลาดหุ้นกลับต้องเผชิญกับแรงกระเพื่อมของ "อารมณ์" จากเสรีภาพนั้น เหตุนี้หุ้นจึงจะสะท้อนเหตุการณ์ล่วงหน้าได้มากกว่าที่ควรจะเป็น และทิ้งช่องว่างของ "โอกาส" ให้ผู้คนเข้ามาแสวงหาความร่ำรวยตลอดเวลา กลไกนี้ทำงานโดยตัวมันเองไม่เคยเปลี่ยนแปลง ไม่มีทฤษฎีที่จะเอาชนะความไม่แน่นอนของตลาดหุ้นได้ ถ้าอยากจะเอาชนะตลาดหุ้น ต้องเอาชนะ ความโลภ ความกลัว และความคาดหวังของตัวคุณเองให้ได้เสียก่อน จงจำไว้...ไม่มีสักครั้งที่ตลาดหุ้น จะร้องไห้เสียใจให้กับใคร ทะเลถ้าปราศจากคลื่นฉันใด...ก็ย่อมไม่ใช่ทะเล นี่คือ สัจธรรม ที่มา : จากปกหลังหนังสือเรื่อง "ขี่กระทิง วิ่งราวเซียน" (โดย ตะวัน  สุรัติเจริญสุข) จากคุณ : Bata (Again-With-Love) เขียนเมื่อ : 27 ธ.ค. 53 16:24:08

ความคิดเห็นที่ 12 เล่นหุ้น...ใครว่าง่าย!!! Case 1 : มองหุ้นผิดตัว => "เจ๊งครับ!!!(ไม่ต้องคิดมากเลย)" Case 2 : มองหุ้นถูกตัว ซื้อถูกจังหวะ แต่ดันขายผิดจังหวะ => "ขายหมู" Case 3 : มองหุ้นถูกตัว แต่ซื้อผิดจังหวะ => "ดอย" Case 4 : มองหุ้นถูกตัว ซื้อถูกจังหวะ และขายได้ถูกจังหวะ => "กำไร" ^ ^ ^ ลองมาคิดๆดู การเล่นหุ้นนี่ไม่ใช่สิ่งง่ายๆนะครับ การลงทุนที่ได้ผลตอบแทนที่ดี..."น้ำหนัก" และ "ส่วนสูง" ต้องมาครบหมด!!! กล่าวคือ... "ต้องมองหุ้นให้ถูกตัว, ต้องซื้อให้ถูกจังหวะ และต้องขายให้ถูกเวลา!!!" แล้วมันง่ายซะที่ไหนหล่ะครับ...คุณว่าไหม? ขอบคุณทุกท่านที่แวะมาอ่านนะขอรับ จบบริบูรณ์... ปล. ขอให้ทุกท่านมีความสุขมากๆในวันปีใหม่นี้ ขอให้โชคดี มีกำไรทุกๆท่าน และที่สำคัญ...ขอให้ทุกๆท่านมีความสุขในการลงทุนมากๆนะขอรับ (^_^) แก้ไขเมื่อ 27 ธ.ค. 53 16:28:04 จากคุณ : Bata (Again-With-Love) เขียนเมื่อ : 27 ธ.ค. 53 16:27:20

ความคิดเห็นที่ 13 เยี่ยมคะ จากคุณ : มาลัยดำ เขียนเมื่อ : 27 ธ.ค. 53 16:57:13

ความคิดเห็นที่ 14 ขอบคุณครับ จากคุณ : WindReturn เขียนเมื่อ : 27 ธ.ค. 53 17:04:26

ความคิดเห็นที่ 15 ขอบคุณครับ จากคุณ : Gunner_Noy_Skywalker_5 เขียนเมื่อ : 27 ธ.ค. 53 19:52:32

ความคิดเห็นที่ 16 ขอบคุณมากครับ จากคุณ : ภูมิทัศน์ เขียนเมื่อ : 27 ธ.ค. 53 20:27:27

ความคิดเห็นที่ 17 thanks a lot kurb จากคุณ : ookhak เขียนเมื่อ : 27 ธ.ค. 53 20:42:17

ความคิดเห็นที่ 18 ขอบคุณค่ะ _/\_ จากคุณ : Ascobic acid เขียนเมื่อ : 27 ธ.ค. 53 21:48:15

ความคิดเห็นที่ 19 อยากเก่งและประสบความสำเร็จในการค้นพบหุ้น Turnaround เหมือน จขกท จัง จากคุณ : Thank you so much (ยากแท้หยั่งถึง) เขียนเมื่อ : 27 ธ.ค. 53 22:12:17

ความคิดเห็นที่ 20 ผมเคยพบครั้งหนึ่งเมื่อสองสามปีก่อนหุ้นนั้นคือ TGCI จำได้คร่าวๆว่าบริษัทในเครือปูนซื้อไปที่ประมาณ1.4บาทต่อหุ้นจากนั้นมันก็สาละวันเตี้ยลงๆ ผมเลยเข้าไปจับด้วยในใจคิดว่า"อย่างน้อยกรูซื้อถูกกว่าปูนละว้า" สุดท้ายคิดถูกคราบ เพราะกระแสเงินสดเป็น+เรื่อยๆ หนี้ลดภาระดอกเบี้ยจากเดือนละ30กว่าล้านเหลือไม่ถึง6ล้าน สุดท้ายก็กำไรเอิกๆ จากคุณ : opar156 เขียนเมื่อ : 28 ธ.ค. 53 08:38:14

ความคิดเห็นที่ 21 ATT : K.maiaowna (คห.ที่ 4) ผมไม่เคยตาม Story ของ JAS เลยครับ ผมเองยังนึกเสียดายมากๆ ที่ไม่ได้ตามตัวนี้ เพราะที่บ้านของผมเองก็ใช้ 3BB ซึ่งเป็นสินค้าและบริการของ JAS เสียดายมากๆกับของใกล้ตัวแท้ๆแบบนี้ ด้วยความไม่รู้อะไรเลยของผม ผมมองว่า JAS ได้ Turnaround ได้สำเร็จแล้วนะครับ จากราคาต่ำสุดแถวๆ 0.30 บาท และขึ้นมาที่ราคา 2.00 บาทแบบนี้ ผมว่ามันเลย "จุดวกกลับ" มาเยอะแล้วครับ ปัจจุบัน คงมองเป็นหุ้น Turnaround ไม่ได้แล้ว มันน่าจะกลายเป็นหุ้น Growth ไปแล้วอ่ะนะครับ แถม "อิงการเมืองนิดๆ" อีกต่างหากอ่ะนะขอรับ สรุปว่า ผมไม่มีความรู้เกี่ยวกับตัวนี้เลยครับ ไม่รู้เป็นไง...ถามถึงตัวนี้ทีไน เจ็บใจทุกที 555+ (^_^) แก้ไขเมื่อ 30 ธ.ค. 53 00:39:22 จากคุณ : Bata (Again-With-Love) เขียนเมื่อ : 28 ธ.ค. 53 11:48:30

ความคิดเห็นที่ 22 ATT : K.opar156 (คห.ที่ 20) ยินดีด้วยครับที่ได้พบเจอหุ้น Turnaround อ่ะนะครับ ผมมองว่า... ถ้าเราถือหุ้น Turnaround แล้ว เราจะแอบสบายใจอ่ะนะขอรับ เพราะเราจะเจอกับ Phase ที่เรียกว่า "Party Time" ในภาพด้านล่างนี้ อีกตัวที่ผมเจ็บใจมากๆ นั่นก็คือ... IFEC เพราะเช้าวันนึง ผมเห็นว่าในสำนักงานใหญ่ของผม เปลี่ยนเครื่องถ่ายเอกสารใหม่ทั้งตึก โดยเจ้าเครื่องใหม่นี้ยี่ห้อ KONICA ซึ่งมันสามารถถ่ายเอกสารได้ ,เป็น Scanner ก็ได้ และยังทำหน้าที่เป็น Printer ได้อีก แถมยังมีการต่อ LAN และยังมีช่อง USB Port สามารถต่อ Handy Drive ได้อย่างสะดวกสบาย เยี่ยมมากๆ ประทับใจผมจริงๆ และด้วยความเป็นคนสอดรู้สอดเห็นของผม ผมจึงมองไปที่ป้าย เห็นว่าตัวแทนจำหน่ายคือ "บริษัท อินเตอร์ ฟาร์อีสท์ วิศวการ จำกัด (มหาชน)" หรือ IFEC "เห็นแล้วแท้ๆ แต่ไม่ยอมกลับไปทำการบ้านต่อ!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!" เซ็งในหัวใจจริงๆ หลังจากนั้นมันก็ Turnaround ได้อย่างสวยงามต่อหน้าต่อตาผม นี่ก็แอบเซ็งมาโดยตลอด ดังนั้นข้อคิดนึงของผม คือ "เราต้องเป็นคนช่างสังเกตกับสิ่งรอบตัว" ครับ และนำข้อมูลรอบตัวของเรา มาทำการบ้านต่อ เพื่อค้นหา Turnaround ที่อยู่รอบตัวของเราอ่ะนะครับ ก็เลยมาเล่าสู่กันฟังครับผม (^_^) แก้ไขเมื่อ 28 ธ.ค. 53 12:07:07 จากคุณ : Bata (Again-With-Love) เขียนเมื่อ : 28 ธ.ค. 53 11:57:49

ความคิดเห็นที่ 23 ลืมรูป Party Time ซะงั้น 555+ จากคุณ : Bata (Again-With-Love) เขียนเมื่อ : 28 ธ.ค. 53 11:58:25

ความคิดเห็นที่ 24 ATT : K.maiaowna (คห.ที่ 6)     "พี่ช่วยแชร์ประสบการณ์ที่ไปเจอ + วิธีการดูจากงบการเงิน หน่อยครับ" เรื่องความรู้ทางบัญชี หรือการอ่านงบการเงินของผม ต้องบอกว่า งูงูปลาปลามากๆเลยครับ แต่ผมบอกตัวเองเสมอว่า... "ถ้าเราจะซื้อหุ้น Turnaround ซักตัว เราจะต้องตอบคำถามตัวเองให้ได้อย่างน้อย 2 ข้อ คือ 1. ที่ผ่านมามันเจ๊งเพราะอะไร? 2. แล้วอนาคตข้างหน้า...มันจะฟื้นขึ้นมาได้ ด้วยเหตุผลอะไร?" ถ้าตอบ 2 คำถามนี้ได้ค่อนข้างชัดเจนแล้วหล่ะก็ ต้องบอกว่า..."ก็แล้วจะรออะไรหล่ะครับ" (^_^) จากคุณ : Bata (Again-With-Love) เขียนเมื่อ : 28 ธ.ค. 53 12:03:01

ความคิดเห็นที่ 25 ขอบคุณมาก จากคุณ : วิญญาณเทวดา เขียนเมื่อ : 28 ธ.ค. 53 14:16:48

ความคิดเห็นที่ 26 ขอบคุณอย่างมากที่เอาสิ่งดีๆมาแบ่งปันกันครับ :) จากคุณ : Myth&Miracle เขียนเมื่อ : 28 ธ.ค. 53 15:00:12

ความคิดเห็นที่ 27 very good topic for this moment thank you for yr kindness so much จากคุณ : view2306 เขียนเมื่อ : 29 ธ.ค. 53 09:55:42

ความคิดเห็นที่ 28 "ใบไม้ยังมีผลัดสี...หุ้นฉันก็มีโอกาส Turnaround"   การเติบโตจากสิ่งที่เลวร้าย(ฐานเก่าต่ำ) กับ การเติบโตจากสิ่งที่ดีอยู่แล้ว สองอย่างนี้ มี Momentum ไม่ได้ยิ่งหย่อนไปกว่ากันเลย แต่ปัญหาคือว่า เรามั่นใจได้แค่ไหนว่า หุ้นที่เราสนใจ จะเป็น "หุ้น Turnaround แท้" หรือเป็นแค่ "หุ้น Turnaround เก๊" เห็นด้วยอย่างยิ่ง ขอบคุณสำหรับบทความดีๆค่ะ จากคุณ : นินจาคาปูชิโน่ เขียนเมื่อ : 29 ธ.ค. 53 12:31:27

ความคิดเห็นที่ 29 แจ๋วไปเลย จากคุณ : แม่น้องอะตอม เขียนเมื่อ : 29 ธ.ค. 53 15:50:56

ความคิดเห็นที่ 30 PAE จัดไป จากคุณ : จูล่ง - สุภาพบุรุษจากเสียงสาน เขียนเมื่อ : 29 ธ.ค. 53 20:36:33

ความคิดเห็นที่ 31 ถ้าพูดถึงการ Turnaround ครั้งใหญ่ๆที่ผมพอจะจำได้ นั่นคือ CPALL ผมจำครั้งแรกที่ผมมองหุ้น 7-11 ตัวนี้ได้ว่า วันนั้นราคาหุ้นอยู่แถวๆ 7 - 9 บาท!!! แต่เมื่อเวลาเปลี่ยนแปลง เงื่อนไขเปลี่ยนไป ผมเข้าใจว่า มีการตัดขายส่วนที่ขาดทุน คือ โลตัสในประเทศจีนออกไป จากนั้น งบของ CPALL ก็กลับมาดี ตามปัจจัยพื้นฐานที่มันควรจะเป็น ผมศรัทธาในระบบ Logistic ของ CPALL รวมทั้ง Brand ที่เข้มแข็งของ 7-11 ประมาณว่า ในต่างจังหวัดไกลๆ ถ้าอำเภอไหนมีร้าน 7-11 ก็ถือว่าคึกคักทีเดียว(สำหรับจังหวัดห่างไกลเล็กๆนะครับ) ซึ่งผมมองว่า CPALL เป็นขั้นเทพของ Supply Chain Management ในประเทศไทยทีเดียว และยากนักที่จะหาคนมาต่อกรได้ แต่ผมกลับไม่ทำการบ้าน แต่ผมกลับเพิกเฉยกับศรัทธาของตัวเอง จนวันนี้ CPALL อยู่ที่ราคาเกิน 40 บาทไปแล้ว แล้วผมจะโทษใคร นอกจากตัวเองหล่ะครับ แก้ไขเมื่อ 30 ธ.ค. 53 14:20:08 จากคุณ : Bata (Again-With-Love) เขียนเมื่อ : 30 ธ.ค. 53 10:52:09

ความคิดเห็นที่ 32 ขอบคุณที่แบ่งปันความรู้  เซียนvi ตัวจริง สุขสันต์ร่ำรวยๆ ในปีใหม่และตลอดไปค่ะ จากคุณ : ต้นตา เขียนเมื่อ : 30 ธ.ค. 53 15:14:30

ความคิดเห็นที่ 33 ขอบคุณมากค่ะ Happy New Year 2011 ค่ะ จากคุณ : nusarathi เขียนเมื่อ : วันสิ้นปี 53 09:12:39

ความคิดเห็นที่ 34 ยังไงผมก็ต้องขอขอบคุณ คุณ arakball , คุณจินหยง  ,  คุณมาลัยดำ , คุณ WindReturn , คุณ Gunner_Noy_Skywalker_5 , คุณภูมิทัศน์ , คุณ ookhak , คุณ Ascobic acid, คุณยากแท้หยั่งถึง , คุณวิญญาณเทวดา , คุณ Myth&Miracle , คุณ view2306 , คุณนินจาคาปูชิโน่ , คุณแม่น้องอะตอม , คุณจูล่ง - สุภาพบุรุษจากเสียงสาน , คุณ nusarathi และทุกๆท่าน ด้วยนะครับ...ที่แวะเข้ามาเยี่ยมเยียนในกระทู้นี้นะขอรับ ที่ผมเขียนไปอาจมีมี ผิดบ้าง ถูกบ้าง ก็คงเป็นไปตามประสบการณ์ของผม ถ้ามีอะไรผิดพลาดก็ต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ (^_^) แก้ไขเมื่อ 31 ธ.ค. 53 10:05:12 แก้ไขเมื่อ 31 ธ.ค. 53 10:03:34 จากคุณ : Bata (Again-With-Love) เขียนเมื่อ : วันสิ้นปี 53 09:55:08

ความคิดเห็นที่ 35 ATT : K.ต้นตา (คห.ที่ 32) มิกล้าครับ... "คนที่เก่งกว่าผม รู้ลึกกว่าผม วิเคราะห์เก่งกว่าผม...ยังมีอีกมากมายนักครับ!!! ไม่ว่าจะเป็นในเว็บ Pantip.com หรือใน ThaiVI.org ผมเองเป็นแค่เพียงส่วนเล็กๆ แต่อาศัยชอบพูด ชอบเล่า ชอบเขียน และชอบนำเสนอเท่านั้นเองครับ คนเก่งจริงๆ...เค้าแค่ไม่ได้พูดออกมาเท่านั้นเองขอรับ" แต่ยังไงก็ขอบคุณที่แวะมาอ่านในกระทู้ของพี่นะครับ "ความขยันและฝีมือ 70% และอีก 30% คือ ความเฮง โชคชะตา และฟ้าลิขิตนะครับ" พี่คิดแบบนี้นะ (^_^) จากคุณ : Bata (Again-With-Love) เขียนเมื่อ : วันสิ้นปี 53 10:01:42

ความคิดเห็นที่ 36 จากคุณ : yai-cho เขียนเมื่อ : วันสิ้นปี 53 11:36:08

ความคิดเห็นที่ 37 ขอบคุณครับ คุณ yai-cho วันส่งท้ายปีเก่าทั้งที ผมชวนคุยเรื่องส่วนตัวบ้างดีกว่านะครับ... ผมเริ่มเล่นหุ้นครั้งแรกเมื่อประมาณ 15 ปีที่แล้ว (น่าจะเป็นช่วงปี 2537 เห็นจะได้) ตั้งแต่สมัยเรียนวิศวะฯครับ E48 KU52 ครับ ผลคือ..."เจ๊งหมดตัวครับ!!!" - วันนั้นซื้อหุ้นยังไม่รู้เลยว่าบริษัทฯมันทำอะไร - วันนั้นดูงบไม่เป็นเลย ย้ำ...ไม่เป็นเลย!!! - วันนั้นไม่รู้จักคำว่า PE Ratio , Book Value , ส่วนของผู็ถือหุ้น ไม่รู้จักซักคำครับ - เทคนิคอลไม่ต้องพูดถึง ไม่รู้จักเลยครับ เจ๊งหนักๆกับ หุ้นบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ธนสยาม และหุ้นหนังสือพิมพ์วัฎจักรครับ หมดไปหลายแสนบาทครับผม และเช่นกันครับ... "ใบไม้ยังมีผลัดสี เกิดเป็นคนทั้งที ก็ย่อมมีโอกาส Turnaround เช่นเดียวกัน" (เดี๋ยวมาเขียนต่อครับ) จากคุณ : Bata (Again-With-Love) เขียนเมื่อ : วันสิ้นปี 53 12:13:25

ความคิดเห็นที่ 38 "15 ปีให้หลัง..." ผมเติบโตขึ้น ใช่ครับ ครั้งนี้ผมเริ่มต้น "ลงทุนในหุ้น" ใหม่อีกครั้งหนึ่งด้วยเงินเริ่มต้นสามแสนบาทครับ (โปรดสังเกตว่า ใน คห.ที่ 37 ผมใช้คำว่า "เล่นหุ้น" แต่ครั้งนี้ผมใช้คำว่า "ลงทุนในหุ้น" นะครับ) ผมกำเงินสดก้อนแรกเข้ามา "สามแสนบาท" ซึ่งมาจากเงินเก็บส่วนตัวจากการทำงาน 15 ปีของผม รวมทั้งในช่วง 1- 2 ปีที่ผ่านมานี้ ผมเก็บออมใช้เงินอย่างประหยัด และไม่ฟุ่มเฟือย โดยระหว่างทางของการลงทุน ผมเอาเงินมาลงเพิ่มอีกประมาณ 700,000 บาท รวมเป็นทั้งหมด "ทุน 1 ล้านบาท" ครับผม (เป็นเงินที่มาจาก เงินเก็บที่ฝากไว้ที่คุณแม่ ,เงินเดือนที่เหลือ .โบนัสที่ไม่ได้ใช้ และเงินที่ญาติผู้ใหญ่ให้มา) ... จากคุณ : Bata (Again-With-Love) เขียนเมื่อ : วันสิ้นปี 53 12:23:13

ความคิดเห็นที่ 39 ผมเริ่มลงทุนอย่างจริงจัง ในวันที่ 23 กรกฎาคม 2552 ด้วยเงินก้อนแรกสามแสนบาทครับ กับหุ้นที่ชื่อว่า BATA (แหม...ผมก็ช่างจำวันได้แม่นเสียยิ่งกระไร 555+) เมื่อครั้งลงทุนใน BATA ผมศรัทธาในแบรนด์ของบริษัทฯครับ เพราะตั้งแต่ผมเกิดลืมตามาบนโลกใบนี้ แบรนด์นี้มันก็โด่งดังในประเทศไทยอยู่แล้ว ไม่มีใครในประเทศไทย ที่ไม่รู้จักชื่อ รองเท้าบาจา แม้กระทั่ง "วงคาราบาว" ในยุคเฟื่องฟูสุดขีด ยังเอาไปแต่งเป็นเพลงในประโยคยอดฮิตเลยครับว่า จบมหาลัย แล้วออกเดินหางาน จน "รองเท้าบาจายังหมดความทนทาน" ผมเริ่มซื้อหุ้น BATA ครั้งแรกที่ ราคาประมาณ 5 บาท และไม่นานครับ เพียงไม่กี่เดือนให้หลัง บริษัทฯเค้าก็ตั้งโต๊ะรับซื้อหุ้นคืนเพื่อขอออกจากตลาดฯที่ราคา 17 บาทครับ แต่ผมทะยอยขายออกไปก่อนหน้่านั้นอ่ะนะครับ เพราะเอาเงินไปเข้าหุ้นตัวใหม่ที่ชื่อว่า NC ครับ แก้ไขเมื่อ 31 ธ.ค. 53 14:08:44 จากคุณ : Bata (Again-With-Love) เขียนเมื่อ : วันสิ้นปี 53 12:29:16

ความคิดเห็นที่ 40 ใช่ครับในวันที่ 17 พย. 52 ผมเริ่มลงทุนในหุ้น NC ที่ราคาเริ่มต้นเพียง 4 บาทกว่าๆ โดยใช้เงินจากทุนของตัวเอง เงินที่เอามาเพิ่มระหว่างทาง และกำไรจากหุ้น BATA เมื่อครั้งลงทุนใน NC ก็เช่นเดียวกัน ผมศรัทธาในแบรนด์ที่แข็งแกร่งชื่อ Cherilon (ที่ผมเข้าใจผิดมาตลอดชีวิตว่าเป็นแบรนด์ของต่างประเทศ) แต่แท้จริงแล้ว มันคือฝีมือของคนไทยล้วนๆ และผู้หญิงส่วนใหญ่ในประเทศไทยแทบไม่มีใครไม่รู้จักชื่อ "เชอรีล่อน" เพราะอย่างน้อยที่สุด ใน "วันรับปริญญา" และ "วันสัมภาษณ์งานครั้งแรกในชีวิต"...ผู้หญิงทุกคนใส่ถุงน่องครับผม ผมขาย NC ออกไป อย่าคิดว่าผมไม่เจ็บนะครับ ผมขายออกไป...ที่ PE ประมาณ 4 - 6 เท่า ผมขายออกไป...ทั้งๆที่รู้ว่าบริษัทเติบโตแบบ 2 Digit มาตลอด รวมทั้งกำไรที่เพิ่มขึ้นและคาดการณ์ว่าน่าจะจ่ายปันผลได้มากขึ้น ผมขายออกไป...ทั้งๆที่ "หุ้นที่ NC เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่อยู่" กำลังเติบโตเช่น หุ้น IT และอีกหลายๆตัวในพอร์ตการลงทุนของ NC ผมขายออกไป...ทั้งๆที่รู้ว่า บริษัทลูก หรือ NPK กำลังจะกลับเข้าเทรดในตลาดอีกครั้งเร็วๆนี้ ซึ่งผลดีต่อ Asset ของ NC แน่นอน มันเจ็บนะครับ แต่มันก็ต้องแลกครับ... ผมได้ "เงินปันผล" มาจากหุ้น NC หลายหมื่นบาททีเดียวครับ พร้อมกับประสบการณ์ "การได้มีรายชื่อเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ฯ" ได้มีชื่อยู่ใน Settrade.com กับเค้าซักที "เป็นเกียรติอย่างยิ่ง และผมจะจำครั้งแรกนี้ตลอดไป" นะครับ... ด้วยความเคารพท่านผู้บริหารฯ และเพื่อนๆนักลงทุนทุกท่านนะครับ (^_^) แก้ไขเมื่อ 01 ม.ค. 54 10:16:04 จากคุณ : Bata (Again-With-Love) เขียนเมื่อ : วันสิ้นปี 53 12:35:15

ความคิดเห็นที่ 41 คำเตือน : ข้อความด้านล่างนี้ เป็นเพียงความคิดเห็นส่วนตัว จขกท. ผู้เขียนเท่านั้น การลงทุน ย่อมมีความเสี่ยง โดยเฉพาะการลงทุนในหุ้น Turnaround ที่ยังไม่มี Indicator หรือ Evidence บ่งชี้ที่แน่ชัดว่าบริษัทจะฟื้นกลับมาได้ นั่นหมายถึง...ความเสี่ยงที่เพิ่มสูงขึ้นมากๆเป็นทวีคูณเช่นกัน!!!!!!!!!!!!! โปรดหาข้อมูลประกอบการตัดสินใจอย่างรอบรอบด้วยนะครับ โดยเฉพาะ นักลงทุนมือใหม่ ที่ยังไม่มีความรู้ความเข้าใจและประสบการณ์ในการลงทุน และล่าสุด...ในวันที่ 1 ตุลาคม 2553 จนมาถึง PAE สำหรับผมแล้ว...บริษัท PAE มันยิ่งใหญ่มากนะครับ!!! มันไม่เคยเป็น "หุ้นปั่น" ในสายตาผมเลย แต่ผมไปห้าม "นักปั่นหุ้น" ไม่ได้ครับ!!! ผมไม่สามารถไปห้าม ไม่ให้เค้ามาเล่นหุ้นที่ผมถืออยู่ไม่ได้ เพราะมันเป็นกลไกของตลาดเสรี สำหรับผม ผมมองว่ามันคือบริษัทฯที่สามารถเติบโตไปได้พร้อมๆกับกลุ่มพลังงาน ที่ยังคงมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่องในช่วงเศรษฐกิจฟื้นตัว รวมทั้งภาคเอกชนก็เพิ่งจะเริ่มเดินหน้าในการขยายการลงทุนอย่างชัดเจนในช่วงไม่นานมานี้ และที่สำคัญที่สุด... "ครั้งนี้...ผมศรัทธาใน CEO ของบริษัทฯครับ" เสมือน...ผมศรัทธาใน "Steve Jobs" แห่ง Apple เสมือน...ผมศรัทธาใน "คุณก่อศักดิ์ ไชยรัศมีศักดิ์" แห่ง CPALL แม้ว่าผมเองจะเคยได้มีโอกาสสัมผัสท่านประธานเพียงน้อยนิดก็ตาม ผมคงไม่อธิบายรายละเอียดเพิ่มเติมนะครับ ไม่งั้นมันจะดูเชียร์กันน่าเกลียดเกินไป ^ ^ และไม่ผิดใช่ไหมครับ...ที่ผมจะ "ศรัทธา" ใครซักคน ผมเข้าใจดีครับในเรื่องของ "ความเสี่ยง" ผมรวมสิ่งนี้เข้าไปเป็น Factor ในการตัดสินใจของผมเป็นอย่างดีแล้วครับ และเป็นอีกครั้งหนึ่งครับที่... "เมื่อปิดสมุดบัญชีเมื่อไหร่...ผมก็มีรายชื่อเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่(แม้ว่าจะมีหุ้นไม่มากนักก็ตาม) ในบริษัทฯที่ผมศรัทธาในตัวของท่านผู้นำแล้วอ่ะนะขอรับ" (^_^) แก้ไขเมื่อ 31 ธ.ค. 53 14:02:56 แก้ไขเมื่อ 31 ธ.ค. 53 12:55:54 จากคุณ : Bata (Again-With-Love) เขียนเมื่อ : วันสิ้นปี 53 12:52:49

ความคิดเห็นที่ 42 จบแล้วครับ สำหรับชีวิตการลงทุน ใน 1 ปีครึ่ง...ที่ผ่านมาของผม ที่จริงๆน่าจะเรียกว่า 15 ปีมากกว่านะครับ สำหรับการเจ๊งหมดตัวในรอบแรก และการลงทุนใหม่ในรอบที่ 2 ซึ่งก็ยังไม่รู้ว่า จะออกหัวหรือก้อย ในช่วง "หัวเลี้ยวหัวต่อ" ของบริษัทฯเช่นนี้ ถึงวันนี้ในวันสิ้นปี พอร์ตของผมมีขนาดประมาณ 5.0 ล้านบาทครับผม ก็ถือว่า "เล่าสู่กันฟังวันหยุด" ครับ สุดท้ายนี้...ก็ขอให้ทุกท่านประสบความสำเร็จในสิ่งที่หวัง เริ่มต้นสิ่งดีๆในวันปีใหม่ที่จะมาถึงนี้ และขอให้ทกๆท่านมีความสุขมากๆในการลงทุนนะครับ ไม่ว่าคุณจะลงทุนในรูปแบบใดก็ตาม (^_^) แก้ไขเมื่อ 31 ธ.ค. 53 13:15:35 จากคุณ : Bata (Again-With-Love) เขียนเมื่อ : วันสิ้นปี 53 13:02:55

ความคิดเห็นที่ 43 "เวลาหุ้นเป็นสีเขียว...หัวใจของเรามันก็พองโต เวลาหุ้นเป็นสีเหลือง...หัวใจของเรามันก็ So So เวลาหุ้นเป็นสีแดง...หัวใจของเรามันก็มักจะเหี่ยวเฉาลงไปด้วยเสมอๆ" แท้จริงแล้ว...ชีวิตการลงทุนของเรายังมีอะไรอีกมากมาย มากเกินกว่า "สีเพียงแค่สามสี" มากมายนัก เราต้องก้าวข้ามผ่าน จิตวิทยามวลชนของ "สีสามสี" นี้ไปให้ได้ หาแนวทางการลงทุนที่เหมาะสมกับตัวเองที่สุด และเดินไปอย่างมั่นคงบนแนวทางเส้นนั้น ในโลกใบนี้ ไม่มีอะไรที่ "ไม่เสี่ยง" หรอกครับ   แม้แต่เรื่องของ "ความรัก" เราก็ยังต้องเสี่ยงเลย...จริงไหมครับ? Happy New Year 2011 ครับผม (^_^) แก้ไขเมื่อ 31 ธ.ค. 53 13:11:20 จากคุณ : Bata (Again-With-Love) เขียนเมื่อ : วันสิ้นปี 53 13:08:52

ความคิดเห็นที่ 44 ปล. ลืมพูดไปอีกประเด็นนึงครับว่า... "ถึงวันนี้ ผมยังคงใส่รองเท้าบาจาอยู่ทุกวัน และที่บ้านผม ก็ยังมีแต่โฟมล้างหน้าและโลชั่น SCRUPLES ของ NC อยู่ตลอดอ่ะนะครับ" และผมก็อดอมยิ้มไม่ได้ทุกครั้งเลยครับ เมื่อเวลาที่แอบเห็นบริษัทฯรองเท้า Bata กำลังพยายามปรับ Brand Positioning อยู่ในเมืองไทย สรุปว่า "มันยังผูกพันเสมอ" ครับผม จากคุณ : Bata (Again-With-Love) เขียนเมื่อ : วันสิ้นปี 53 14:15:14

ความคิดเห็นที่ 45 . จากคุณ : บานบุรีสีม่วง เขียนเมื่อ : วันสิ้นปี 53 23:57:30

ความคิดเห็นที่ 46 สวัสดีปีใหม่คุณ Again นะครับ ขอบคุณสำหรับประสบการณ์ มุมมอง และแนวคิดที่ นำเสนอได้สนุกสนาน น่าสนใจ และเต็มไปด้วยสาระมาก จะบอกว่าเพราะคุณ Again ที่ทำให้ผมเดินเข้าไปในร้านบาจาเร็วๆ นี้ และรู้สึกว่า มันเป็นรองเท้าคุณภาพดีที่ราคาเหมาะสม แล้วก็ได้ติดมือมาอีกหนึ่งคู่ บางทีหุ้นที่ดีก็อยู่ใกล้ตัวนะครับ แต่เราไม่ทันเอะใจเท่านั้นเอง ผมเชื่อว่าคุณการที่คุณ Again เลือกที่จะเปลี่ยนหุ้นบางตัว ที่ดูดีอยู่แล้ว ไปเป็นหุ้นบางตัวที่อาจจะดูดีไม่เท่าในแง่ผลประกอบการ คงมีเหตุผลที่ดี อาจเป็นไปได้ว่าคุณ Again อยู่ใกล้แหล่งข้อมูล และรับรู้ถึงความเป็นไปของตัวบริษัทที่ลงทุนอย่างครบถ้วน เหมือนมองเห็นทางที่มันจะเป็นไป และมันจะไปถึงไว้เรียบร้อยแล้ว ที่เรียกว่า "begin with the end in mind" เริ่มต้น(การลงทุน)ด้วยจุดหมายปลายทาง(ของการลงทุนที่มองเห็นแล้ว)ในใจ ผมเชื่อว่าคุณ Again จะประสบความสำเร็จในหุ้นที่เป็นผู้ถือรายใหญ่ ความเชื่อและศรัทธาทำให้เกิดสิ่งยิ่งใหญ่ที่ดูจะเป็นไปไม่ได้ให้เราเห็นมามากแล้ว คงไม่อวยพรให้ XXX Good........... ในแง่ราคานะครับ เพราะผมเชื่อว่ามันจะเป็นไปตามผลประกอบการ แต่ถ้าได้สักสองสามเด้ง (หรือมากกว่านั้น) ผมคงดีใจแทนน้องหมา หรือใครก็ตามที่อาจจะได้รับความเอื้อเฟื้อและช่วยเหลือ จากคุณ Again อีกครั้ง สมชื่อ Again-With-Love ครับ แก้ไขเมื่อ 01 ม.ค. 54 10:08:27 จากคุณ : gongort2 เขียนเมื่อ : วันปีใหม่ 54 09:56:05

ความคิดเห็นที่ 47 ตามคุณ pak มาอ่านอะนะขอรับ ^_______^ จากคุณ : เจ้าชายชาเย็น เขียนเมื่อ : 2 ม.ค. 54 17:41:25

ความคิดเห็นที่ 48 บทความใหม่เพิ่งเขียนเสร็จครับผม (^_^) จากคุณ : Again-With-Love เขียนเมื่อ : 6 ม.ค. 54 14:21:45