|
'เอกยุทธ' ประเมิน SET Index 1,300-1,500 จุด
เอกยุทธ อัญชันบุตร ประธานบริหารเครือโอเรียนเต็ล มาร์ท กรุ๊ป หนึ่งในนักลงทุนรายใหญ่ กล่าวว่า ดัชนีหุ้นไทยในปี 2554 โอกาสที่จะมาเล่นที่ระดับ 1,300-1,500 จุด "ยังมีสูงมาก" สาเหตุเป็นเพราะว่าดูสัญญาณจากบรรดากองทุนรายใหญ่ในต่างประเทศ โดยเฉพาะที่อยู่ในสหรัฐอเมริกา พบแนวโน้มว่าจะมีการขยับขยายไปลงทุนในต่างประเทศ เนื่องจากเจอกฎเกณฑ์ใหม่ๆ และการเก็บภาษีที่เพิ่มขึ้น ทำให้กองทุนขนาดใหญ่จำเป็นต้องเคลื่อนย้ายเงินทุน
"เท่าที่ตรวจสอบเบื้องต้นพบว่า นอกจากตลาดหุ้นในแถบยุโรปที่น่าสนใจแล้ว ยังมีตลาดหุ้นเอเชียที่กองทุนรายใหญ่ในสหรัฐอเมริกากำลังเฝ้ามองและศึกษา อยู่ แต่ยืนยันว่าไม่น่าจะใช่ตลาดญี่ปุ่นและจีน ขณะที่เกาหลีใต้นั้นก็ไม่น่าสนใจเพราะยังมีความกังวลปัญหาการสู้รบที่อาจมี ขึ้นกับเกาหลีเหนือ โดยบรรดากองทุนขนาดใหญ่กำลังเฝ้ามองมาที่ตลาดไต้หวัน ฮ่องกง มาเลเซีย ไทย และอินโดนีเซีย"
เอกยุทธ บอกว่า ปีนี้คงไม่มีเหตุการณ์อะไรน่าเป็นห่วง การเมืองหลายคนก็เริ่มชินชาแล้ว ส่วนปัญหาต่างประเทศคงไม่มีอะไรมาเซอร์ไพรส์ จนทำให้ดัชนีทรุดตัวอย่างรุนแรง เว้นเสียแต่มีเรื่องใหม่ๆ เกิดขึ้น สิ่งที่นักลงทุนต้องจับตามองคือ "อัตราแลกเปลี่ยน" ในระยะกลาง-ยาว เงินดอลลาร์มีแนวโน้มอ่อนค่าลงซึ่งจะทำให้ราคาทองคำและราคาน้ำมันปรับตัวสูง ขึ้น อย่างราคาทองคำในปี 2554 มีโอกาสขึ้นไประดับ 1,600-1,800 ดอลลาร์ต่อออนซ์
เขายังเตือนด้วยว่า ในปี 2554 จะมีเงินทุนไหลเข้ามาเก็งกำไรในตลาดหุ้นมากขึ้น รัฐบาลและผู้ที่มีหน้าที่เกี่ยวข้องจะต้องวางแผนรับมือให้ดี โดยเฉพาะในเรื่องของ "ค่าเงิน" และ "ราคาน้ำมัน" ที่จะสูงขึ้นอย่างแน่นอน นักลงทุนควรมองภาพระยะกลาง-ยาว ตลาดทุนไทยยังน่าจะดี
โดยให้เน้นไปที่หุ้น กลุ่มพลังงาน ธนาคารพาณิชย์ อาหาร และอุปกรณ์ยานยนต์
"นักลงทุนควรเลือกหุ้นตัวหลักๆ และถือยาวๆ อย่าเล่นช่วงสั้นหรือเทรดรายวัน เพราะข่าวร้ายรายวันจะมีให้เห็นเสมอ ในปีนี้โอกาสได้รับผลตอบแทนระดับ 15-20% ยังทำได้ ส่วนการจัดพอร์ตลงทุนแนะนำให้ลงทุนหุ้น 80% ที่เหลือให้ซื้อพันธบัตรและฝากแบงก์"
เอกยุทธ แนะนำว่า หากดัชนีย่อตัวลงมาอยู่ระดับ 960-1,000 จุดให้เข้าซื้อหุ้น "บิ๊กแคป" สัดส่วน 60% โดยเฉพาะหุ้น "ครอบครัว ปตท." (PTT, PTTEP, PTTCH, PTTAR, TOP, IRPC) รวมถึงธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ เช่น KBANK ราคาเหมาะสม 120 บาท BBL ราคาเป้าหมาย 180 บาท และ SCB ราคาเหมาะสม 140 บาท
สำหรับเงินที่เหลือ 40% ให้ซื้อหุ้นกลุ่มอาหาร เช่น TUF, TVO และ CPF กลุ่มก่อสร้าง เช่น STEC, ITD และ CK เพราะปีนี้หุ้นกลุ่มก่อสร้างจะดี ส่วนหุ้น "ม้ามืด" STA ก็ยังน่าสนใจเพราะราคายางพารายังดีมาก ราคาเป้าหมาย 50 บาทมีโอกาสได้เห็น
สำหรับหุ้นตัวเล็กหรือหุ้น เก็งกำไร เอกยุทธ "ไม่แนะนำ" ถ้าจะเล่นต้องดูพื้นฐานรายบริษัท โดยเฉพาะแนวโน้มผลประกอบการว่าเป็นอย่างไร ถ้าค่า P/E ไม่สูงมากก็ยังพอเล่นได้ แต่ถ้าเกิน 20 เท่าหลีกเลี่ยงไปเลยอย่าไปเสี่ยง
แก้ไขเมื่อ 06 ม.ค. 54 01:04:42
จากคุณ |
:
ขอบฟ้าบูรพา
|
เขียนเมื่อ |
:
6 ม.ค. 54 01:03:51
|
|
|
|
|