Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
Daily VI Discussion (DVD 115) กระทู้การลงทุนแนวเน้นคุณค่า ประจำวันที่ 12/01/11 ติดต่อทีมงาน

กระทู้นี้แตกประเด็นมาจาก http://www.pantip.com/cafe/sinthorn/topic/I10117856/I10117856.html

สวัสดีครับทุกๆท่าน ผมขอเป็นตัวแทนทำหน้าที่แวะมาเปิดบ้่าน VI ให้นะครับ
ขอให้ทุกท่านโชคดีในการลงทุน  ลงทุนด้วยความรู้และมีความสุขในการลงทุนนะครับ

กระทู้วันนี้ผมขออนุญาตนำบทความจากกระทู้ Thaivi มาให้ได้อ่านกันนะครับ

กำไรอยู่ที่ตอนซื้อ

ผมเชื่อว่าวลีนี้ได้เกิดขึ้นมานานแล้ว แต่ผมได้ยินวลีนี้ครั้งแรกจากคุณพ่อของผม เมื่อผมได้แยกมาประกอบธุรกิจเอง ท่านเล่าให้ฟังว่า การค้าที่ท่านทำ เป็นการค้าที่แข่งขันกันสูง กำไรจึงมีน้อย (อันนี้ผมทราบดี เพราะผมช่วยทางบ้านค้าขายตั้งแต่อายุ 6 -7 ขวบ โดยเริ่มจากช่วยทอนตังค์ก่อน) เพราะฉะนั้น ใครที่สามารถ ซื้อของได้ถูกกว่าจึงจะมีโอกาสที่จะมีกำไรมากกว่า เมื่อครั้งผมยังเป็นเด็ก ผมเคยมากรุงเทพกับท่าน ท่านได้เคยผาผมเดินตลาดขายส่งเพื่อหาซื้อสินค้า จำได้ว่า บางครั้งท่านต้องเดินเช็คราคาตั้งหลายร้าน ก่อนที่จะตัดสินใจซื้อ เพราะแม้แต่ราคาผิดกันหน่วยละ 25 สตางค์ก็มีความหมายมาก ผมยังจำได้ว่า ผมไม่ชอบเดินตลาดขายส่งกับท่าน เพราะผมอยากอยู่เล่นกับลูกพี่ลูกน้อง หรือดูโทรทัศน์ที่บ้านญาติมากกว่า เพราะนานๆทีจะเข้ากรุงเทพสักที
เมื่อผมทำธุรกิจเอง ธุรกิจของผมมีการแปรรูปสินค้าเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่ม แต่วัตถุดิบก็ยังคงเป็นสินค้าตัวเดียวกันกับธุรกิจของคุณพ่อผม ซึ่งตอนนั้น คุณพ่อผมได้เกษียณแล้ว จากการแปรรูปสินค้านี่เอง ทำให้มีกำไรดีกว่าการซื้อมาขายไป  ผมจึงไม่ค่อยสนใจในการเดินเช็คราคาสินค้าเท่าไหร่ ซึ่งเมื่อคุณพ่อของผมทราบ ท่านจึงได้เตือนสติผมด้วยวลีดังกล่าว
เวลาผ่านไป ธุรกิจผมเริ่มมีการแข่งขันที่สูงขึ้น คู่แข่งผุดขึ้นเป็นดอกเห็ด ค่าเช่าก็แพงขึ้น ลูกค้าก็เก่งขึ้น (ไม่อยากใช้คำว่าเขี้ยวขึ้น) ผมจึงรู้ว่าการซื้อของในราคาที่ถูกเป็นปัจจัยที่สามารถทำให้เราอยู่รอดได้ (แต่ทั้งนี้ก็ต้องพยายามให้มียอดขายด้วย)

ถ้าผมจะตีความวลีดังกล่าวด้วยเรื่องราคาอย่างเดียว ก็คงทำให้ความหมายที่ได้รับไม่สมบูรณ์ เพราะจริงๆแล้ว การซื้อสินค้าที่ ขายได้ ก็เป็นปัจจัยสำคัญอย่างยิ่งด้วย ถ้าเราไม่พิถีพิถันพอสมควรในการเลือกซื้อสินค้า หรือมองสินค้าไม่ขาด เราอาจได้สินค้าที่ไม่ถูกใจหรือไม่เป็นที่ต้องการของลูกค้าเรา ซึ่งจะทำให้สินค้านั้นขายไม่ออก หรือขายออกช้า จนทำให้สินค้านั้นต้องนอนทุนและทำให้เราต้องขายขาดทุนออกไปในที่สุด (หรือบ้างครั้งเราอาจต้องยกให้คนอื่นไปฟรีๆ ซึ่งเราต้องแถมเงินค่าขนย้ายให้เขาด้วย) เพราะฉะนั้น กำไรจึงอยู่ในการซื้อสินค้าที่ขายออกอย่างแน่นอนด้วย
อาจสรุปได้ว่า กำไรอยู่ในการซื้อให้ ถูก ที่แปลว่าไม่แพง และแปลว่าไม่ผิดด้วย

เมื่อผมเลิกเล่นหุ้นแล้วหันมาลงทุนในหุ้น (ผู้ที่ลงทุนในหุ้นจริงๆจะทราบถึงความแตกต่าง) (อันที่จริงเมื่อผมเล่นหุ้นน้อยลง ผมก็ถูกหุ้นเล่นน้อยลงด้วยเช่นกัน)  ผมก็ได้ยินวลีนี้อีกครั้ง แต่จำไม่ได้ว่าได้ยินจากไหน ผมจะมีความสุขมากที่ได้ซื้อบริษัทที่ผมชอบ ได้มีส่วนร่วมในการเป็นเจ้าของ ได้รู้ว่าผู้บริหารมีความตั้งใจทำงาน มีธรรมาภิบาลที่ดี ให้ความสำคัญกับผู้ถือหุ้นทั่วไปพอสมควร และมีสินค้าหรือบริการที่เป็นที่ถูกอกถูกใจของลูกค้า มีความได้เปรียบในการแข่งขัน ฯลฯ กำไรของผมจึงอยู่ที่การได้ซื้อบริษัทเช่นนี้ แต่ทั้งนี้และทั้งนั้น กำไรก็อยู่ในการซื้อในราคาที่สมเหตุสมผลด้วย หรือถ้าถูกกว่านั้นได้ก็ยิ่งดี (มี Margin of Safety)

ด้วยความเคารพ รัก และคิดถึงคุณพ่อ
รพินทร์ ไพรวัลย์

แก้ไขเมื่อ 12 ม.ค. 54 08:22:40

จากคุณ : คนจนที่อยากรวย
เขียนเมื่อ : 12 ม.ค. 54 08:18:13




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com