ความคิดเห็นที่ 1 ปล. 1) เพื่อความสมบูรณ์ของบทความสุดท้ายนี้ คำว่า "P/E Ratio นั้น...ทรงพลังที่สุด!!!" เป็นคำพูดของ ดร.นิเวศน์ จากงานสัมมนาเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมานะครับ แม้ว่าท่านจะพูดต่างกรรมต่างวาระกัน!!! และสิ่งที่ท่านพูด ไม่ได้เกี่ยวกับอะไรกับเรื่องหุ้น Turnaround เลยแม้แต่นิดเดียว แต่ผมหยิบ "คำพูด" หรือ "มุมคิด" นั้น นำมาต่อยอด และนำมาใช้ในบทความของผมเท่านั้นเอง ดังนั้นผมจึงเห็นว่า ควรใส่ Credit ไว้ด้วยอ่ะนะครับ 2) บทความตอนเดิมทั้งหมดอยู่ที่ กระทู้เรื่อง "### ใบไม้ยังมีผลัดสี...หุ้นฉันก็มีโอกาส Turnaround (รวมบทความเรื่องหุ้น Turnaround) ###" ที่ http://topicstock.pantip.com/sinthorn/topicstock/2010/12/I10069785/I10069785.html 3) บทความทั้งหมดนี้เกิดจากประสบการณ์ส่วนตัวของผม จึงอาจจะมีทั้งถูกและผิด และน่าจะมีข้อบกพร่องอยู่บ้าง ดังนั้น การตัดสินใจในการลงทุน ต้องพึงระลึกถึง "ความเสี่ยง" เสมอๆ เพราะถ้าเรามองผิด ระหว่าง "ลูกเทนนิส" กับ "ไข่ไก่" มันอาจไม่ได้เสียหายแค่เพียงไม่กี่เปอร์เซนต์นะครับ แต่เงินลงทุนเราอาจจะหายไปทั้งก้อนได้ทันที ดังนั้นต้องพึงระวัง และบริหารความเสี่ยงให้ดีนะครับ จะว่าไปแล้ว หุ้น Turnaround ก็เปรียบเสมือน "คนไข้อาการโคม่า" ที่ถูกเข็นเข้าห้องฉุกเฉิน แต่คุณก็รู้ใช่ไหมครับว่า..."ไม่ใช่ทุกราย...ที่จะได้รอดกลับออกมา!!!" ด้วยความเคารพ pak (^_^) แก้ไขเมื่อ 15 ก.พ. 54 09:47:31 แก้ไขเมื่อ 17 ม.ค. 54 14:35:58 จากคุณ : Bata (Again-With-Love) เขียนเมื่อ : 17 ม.ค. 54 14:28:44

ความคิดเห็นที่ 2 ขอบคุณครับ จากคุณ : หยองแหยง เขียนเมื่อ : 17 ม.ค. 54 14:42:06

ความคิดเห็นที่ 3 เห็น E เยอะแยะเลย E ตัวนั้นก็เป็น turnaround ด้วยหรือเปล่าครับ กรณีของ ดร นิเวศน์ เคยอ่านเจอที่ไหนสักแห่งว่า หุ้นที่ ดร เลี่ยง ก็คือหุ้น turnaround นี่แหละครับ เนื่องจากหาราคาที่เหมาะสมได้ยากมากๆ แต่ก็นั่นแหละครับ ก็ไม่จำเป็นต้องตาม ดร เสมอไป คุณ pak ก็เป็นคนเปิดหูเปิดตาให้ผมรู้ว่า หุ้นหลายตัวที่แต่ก่อนผมคิดว่าเป็นหุ้นปั่นนั้น มันก็เป็นทางเลือกอื่นๆ ในการลงทุน ที่ได้ผลตอบแทนที่ดี สำหรับผู้ที่ตาถึง มองแยกคุณค่า ออกมาได้ ขอบคุณครับ จากคุณ : gongort2 เขียนเมื่อ : 17 ม.ค. 54 15:01:17

ความคิดเห็นที่ 4 ถ้าปีนี้มีแนวโน้มว่าดี พอมองออกว่าตัวไหนขึ้น 100-300% ก็พอมีอยู่ครับ จากคุณ : PromZero เขียนเมื่อ : 17 ม.ค. 54 16:37:22

ความคิดเห็นที่ 5 มันจะเทรินด์ก็เกินจากตัวผลประกอบการกับการมีคนเจตนาให้มันเทรินด์เช่นการควบรวม ผมว่าของแบบนี้ต้องอาศัยความสามารถในการค้นหาจริงๆครับ จากคุณ : coffee4you เขียนเมื่อ : 17 ม.ค. 54 20:41:19

ความคิดเห็นที่ 6 โดยส่วนมาก การทำกำไรในตลาดหุ้น คือ "การใช้ประโยชน์จากการเคลื่อนไหวของราคาหุ้นบนกระดาน" ทั้งใน "ขาขึ้น" และ "ขาลง" "ขาขึ้น" รอบที่ผ่านมานี้ มีคนใช้โอกาส และสามารถทำกำไรกันได้ออกไปแล้วอย่างเป็นกอบเป็นกำ แต่ถ้าเค้าเล่น "ขาลง" กันเมื่อไหร่ การ Short Againt Port จะเกิดขึ้นทันที คือ การขายออกไปก่อน รอราคาย่อตัวลงมามากๆ แล้วจึงค่อยซื้อคืน ดังนั้นสุดท้าย ด้วยต้นทุนเท่าเดิม แต่เค้าก็จะได้หุ้นจำนวนมากขึ้น (เนื่องจากซื้อคืนในราคาที่ต่ำลง) โดยส่วนมาก ก็ได้ไปจากรายย่อยอย่างพวกเรานี่แหล่ะครับ ที่ชอบซื้อแพง แล้วขายถูก ถ้าเราเข้าช่วงนี้ ก็อาจจะ "พอร์ตแดงติดดอย" ได้ง่ายๆอ่ะนะครับ ในช่วงขาขึ้น...ถ้าคุณยังไม่กล้าที่จะซื้อ เจ้าหรือรายใหญ่ เค้ามีวิธีการมากมายที่จะทำให้คุณตัดสินใจซื้อได้เร็วขึ้น(โดยการเล่นกับความโลภของคุณ) และในขาลง...ถ้าคุณยังเสียดาย และไม่กล้าที่จะขาย เจ้าหรือรายใหญ่ เค้าก็มีเครื่องมือและวิธีการที่จะทำให้คุณขายทิ้งหนีตายกันกระเจิดกระเจิงได้เช่นกัน(โดยเล่นกับความกลัวของคุณ) ดังนั้นผมมองว่า เราก็จะเป็นเหมือนเบี้ยตัวเล็กๆเพียงตัวนึงบนกระดาน ที่จะโดนเค้ากินได้ตลอดเวลา ถ้าเราไม่รู้จักและมั่นใจในสิ่งที่เรียกว่า "Trend" ดังนั้นถ้าเราอ่าน Trend ออก เราก็จะเป็นผู้ชนะได้ แต่ Trend ก็จะมากจาก ความเชื่อ, ข่าวที่จะมากระทบ และผลประกอบการที่จะประกาศในอนาคต ดังนั้นการวิเคราะห์แนวโน้มผลประกอบการ และข่าวในอนาคต จึงเป็นเรื่องที่สำคัญมากๆ!!! แต่การทำกำไรที่ผมพูดมา มันเกิดกับหุ้นแต่ละตัว เป็นรายตัว แต่ไม่แน่นะครับ มันอาจจะยังคงมีหุ้นดีๆบางตัว ที่ยังไม่มีคนใช้โอกาสนั้นไป คือหุ้นยังไม่ได้ขึ้น หรือขึ้นมายังไม่มากนัก (ตามมุมมองของคุณ PromZero) สุดท้ายอยากฝากว่า... "จงลงทุนด้วยความรู้ความเข้าใจ และอย่าเล่นหุ้นเพียงแค่เชื่อที่เค้าลือๆและบอกต่อกันมา" "อ่านให้เยอะๆ เรียนรู้ประสบการณ์จากผู้อื่นให้มากๆ ทั้งที่สำเร็จและล้มเหลว" มันมีความสำคัญทั้งสองด้าน เรายิ่งมีข้อมูลมากเท่าไหร่ เรายิ่งได้เปรียบในเกมส์นี้ครับผม (^_^) จากคุณ : Bata (Again-With-Love) เขียนเมื่อ : 18 ม.ค. 54 15:01:22

ความคิดเห็นที่ 7 หุ้น Turn around เป็นอะไรที่ดูยากสุดๆครับ เราจะไปรู้ได้อย่างไรจากตัวเลขบนหน้าจอ   ว่าไอ้ตัวนี้ E มาแล้ว บริษัทจะต้องฟื้นกลับมาอย่างยั่งยืนได้แน่ๆ ?? ต้องลงตลาด ลุยเข้าโรงงานจริง หล่ะมั้งครับ ถึงจะเจอหุ้นประเภทดังกล่าว จากคุณ : แซลมอลรมควัน เขียนเมื่อ : 18 ม.ค. 54 21:55:24

ความคิดเห็นที่ 8 #7 ค้นหาหุ้นที่คาดว่าเป็นหุ้น Turnaround แล้วสมัครงานเข้าไปแฝงตัวอยู่ในนั้น //ฮ่าฮ่าฮ๋า จากคุณ : CySpk เขียนเมื่อ : 20 ม.ค. 54 08:55:38

ความคิดเห็นที่ 9 #8 น่าสน ฮ่าๆ จากคุณ : AIScript เขียนเมื่อ : 21 ม.ค. 54 11:44:25

ความคิดเห็นที่ 10 "ทุกอย่างพร้อมพรัก ขาดแต่ลมบูรพา..." สุภาษิตบทนี้อุปมาถึง "การประกอบภารกิจใดภารกิจหนึ่ง องค์ประกอบต่างๆ ได้ตระเตรียมจนพร้อมหมดแล้ว ยังขาดก็แต่องค์ประกอบที่สำคัญที่สุด" ว่าแต่...คุณจะอดทนรอคอยกับสิ่งที่เรียกว่า "ลมบูรพา" ของคุณได้แค่ไหน? นี่คืออีกหัวใจสำคัญหนึ่งของ "หุ้น Turnaround" ครับผม (^_^) จากคุณ : Bata (Again-With-Love) เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 54 14:21:49

ความคิดเห็นที่ 11 หลายๆท่านคงทราบดีว่า ผมเองจะเน้นการลงทุนในหุ้น Turnaround มาตลอด 2 ปีที่ผ่านมา (ด้วยเงินลงทุน+เงินชาวบ้านที่มาซื้อฝากพอร์ต รวมทั้งสิ้นทั้งสองอย่างเป็นเงินรวม 1.5 ล้านบาท) ผมมานั่งคิดดูว่า เรามีหลักการอะไรในการลงทุนหว่า นั่งคิดอยู่นาน จึงมาสรุปกับตัวเองว่า... การลงทุนในหุ้นของผม...ผมจะใช้หลักการ "PEG Analysis" ครับ ดิกชันนารี อังกฤษเป็นไทย 1. peg [transitive verb, สกรรมกริยา] คำแปล/ความหมาย : ตอกหมุด Synonym : hold, clip, staple Antonym : unpin,unclip คำที่เกี่ยวข้อง : ตรึง, ติดหมุด เมื่อเราสนใจในหุ้น Turnaround ตัวใดตัวหนึ่งแล้ว ให้เราหาเหตุผลให้ไดว่า... ข้อ 1. ที่ผ่านมา มันเจ๊งเพราะอะไร? ข้อ 2. และอนาคต มันจะฟื้นได้อย่างไร? และในข้อ 2 นี้แหล่ะครับ ที่เราต้องนำมาจัดทำ PEG Analysis กล่าวคือ ปักหมุดเหตุการณ์ในอนาคตให้หมด!!! คุณต้องใช้ข้อมูลทั้งหมดที่มา แต่ไม่ใช่ข้อมูลตัวเลขทางการเงินอย่างเดียวนะครับ คุณต้องใช้ Business Strategy และโครงการในอนาคตของบริษัทฯมาพิจารณาประกอบด้วย จากนั้น หลับตาลง และ จินตนาการ ถึงสิ่งที่ควรจะเกิดขึ้นในอนาคตครับ และ "ปักหมุด" มันไว้ เช่น PEG ที่ 1 บริษัทฯควรจะพลิกกลับมามีกำไรในไตรมาสนี้ PEG ที่ 2 รายได้บริษัทฯควรจะเพิ่มมากขึ้น PEG ที่ 3 รายจ่ายเรื่องดอกเบี้ยส่งธนาคาร ควรลดลง เนื่องจากการนำส่งคืนหนี้สิน PEG ที่ 4 บริษัทฯควรลดค่าใช้จ่ายในการบริหารลง เช่น ลดจำนวนพนักงาน PEG ที่ 5 บริษัทฯควรขยาย Line สินค้าเพิ่มเติม PEG ที่ 6 บริษัทฯควรมีรายได้ส่งออกมากขึ้น PEG ที่ 7 บริษัทฯควรทำการ Haircut หนี้สิน PEG ที่ 8 บริษัทฯควรจะขายสินทรัพย์ที่เน่า หรือไม่ก่อให้เกิดกำไรออกไป PEG ที่ 9 บริษัทฯน่าจะมีการเพิ่มทุน PEG ที่ 10 บริษัทฯควรล้างขาดทุนสะสมให้มดได้ภายใน 2 ปี PEG ที่ 11 บริษัทฯควรกลับมาจ่ายเงินปันผลได้อีกครั้งหนึ่ง PEG ที่ 12 บริษัทฯควรมีจำนวนลูกค้าที่เพิ่มสูงขึ้น PEG ที่ 13 บริษัทฯควรจะทำ Gross Profit Margin ที่ดีขึ้นได้ PEG ที่ 14 บริษัทฯควรมีการลดทุน แล้วนำมาล้างขาดทุนสะสม จะคิดกี่ข้อก็คิดไป แต่เอาที่มันเป็นไปได้ ด้วยพื้นฐานของข้อมูลที่เรามี อาจจะแค่ 3 PEG หรือ กี่ PEG ก็ได้แล้วแต่เราจะตั้ง หลักการง่ายๆก็คือ... ถ้าตราบใด ทุกอย่างยังเป็นไปตาม PEG ที่เราตั้งไว้ เราก็แค่ถือ Let Profit Run แต่ถ้าสิ่งที่เกิดขึ้นจริง มันไม่เป็นไปตาม PEG ที่เราตั้งไว้ และบริษัทฯไม่มีเหตุผลชี้แจงที่ดีพอ เราก็แค่ขายทิ้งทั้งหมด หรือ Cut Loss ออกไป จินตนาการสำคัญกว่าความคิด!!! แล้วคุณหล่ะ...มี PEG หรือ หมุด ในใจหรือยังครับ? จากคุณ : Bata (Again-With-Love) เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 54 21:52:28