ความคิดเห็นที่ 1 กระทู้ดี มีน้ำใจ รออ่าน แจกกิ๊ฟ และโหวตเป็นกำลังใจก่อนครับ จากคุณ : แกลดิโอลัส เขียนเมื่อ : 20 ม.ค. 54 14:08:00

ความคิดเห็นที่ 2 เดี๋ยวนี้ วีไอเล่นมาร์จินกันแล้ว หึหึ จากคุณ : Phatchraphat เขียนเมื่อ : 20 ม.ค. 54 14:21:11

ความคิดเห็นที่ 3 Balance PS(20%) DELTA (20%) HEMRAJ (20%) HMPRO (20%) SF (20%) CPN (20%) ใช้ margin 20% แบบนี้จะเหมาะกับนักลงทุน VI แบบแท้ๆค่ะ ที่ไม่ค่อยจะหวั่นไหวกับสภาพตลาด แต่ไม่ถึงกับเป็นนักลงทุนอาชีพ ลักษณะ port แบบนี้ยังเน้นหุ้น “growth” อยู่เหมือนเดิมค่ะ วิเคราะห์หุ้นรายตัว ในกลุ่มนี้จะเลือกเฉพาะที่โบรคเกอร์ไม่ค่อยออกบทวิเคราะห์นะคะ ส่วนบริษัทที่มีบทวิเคราะห์อยู่แล้ว ก็หาอ่านบทวิเคราะห์กันเองได้ค่ะ โดยต้องย้ำอีกครั้งว่าให้อ่านเฉพาะ “ข้อเท็จจริง” เท่านั้น อย่าไปสนใจราคาเป้าหมายค่ะ SF ในปีนี้จะมีการขยายพื้นที่เช่าอีก 2 โครงการค่ะ คือบริเวณแถบถนนนวมินทร์ และตรงด้านหลังเอสพลานาดรัชดา ซึ่งมีที่ดินเหลืออยู่อีก 14 ไร่ และภายในปี 2555 ก็จะเริ่มรับรู้โครงการ “mega bangna” ซึ่งร่วมทุนกับ ikea ยักษ์ใหญ่ที่ขายเฟอร์นิเจอร์จากต่างประเทศ โครงการนี้ใหญ่มาก โดย SF ถือหุ้นอยู่ในโครงการดังกล่าว 49% ถือเป็นรายได้ก้อนใหญ่ที่จะสร้างการเติบโตให้กับ SF อีกอย่างที่สำคัญก็คือการบันทึกบัญชีแบบมาตรฐานใหม่ (TAS40) จะทำให้ SF แสดงถึงศักยภาพการทำกำไรมากขึ้นค่ะ PS สำหรับยักษ์ใหญ่อสังหาเบอร์ 1 ของเมืองไทย คงไม่ต้องพิสูจน์ถึงฝีมือการสร้าง และขายแล้วนะคะ ส่วนราคาที่ลงมามากในตอนนี้ น่าจะเป็นความ “กลัว” สภาวะ “ฟองสบู่อสังหา” อย่างไรก็ตาม เมื่อความกลัวหายไป ราคาหุ้น ก็จะกลับเข้าสู่มูลค่าพื้นฐานของกิจการเองค่ะ ลองหา presentation เกี่ยวกับเป้าหมายในการทำธุรกิจในปี 2554 ดูนะคะ ให้เป้ายอดขาย และรายได้ น่าสนใจมากค่ะ จากคุณ : เลี้ยงแมวให้เป็นหมู เขียนเมื่อ : 20 ม.ค. 54 14:21:16

ความคิดเห็นที่ 4 VI นี่เล่น margin กันเลยหรือครับ โดยเฉพาะตอน set 1000+ ไม่ใช่ตอน 400+ นิครับ จากคุณ : no preservation เขียนเมื่อ : 20 ม.ค. 54 14:28:32

ความคิดเห็นที่ 5 Conservative EASTW (25%) SC (25%) GLOW (25%) SIS (25%) MCS (25%) แบบสุดท้ายแล้วนะคะ แบบนี้จะเป็นแบบจัด port เพื่อเน้นรับ ไม่เน้นรุก เน้นการปกป้องรักษาเงินต้น และเลือกหุ้นที่ไม่ค่อยอิงกับสภาพตลาดมาก เหมาะสำหรับหนักลงทุน VI ที่ยังประสบการณ์ยังไม่เยอะ การจัด port เป็นแบบ high dividend และ growth วิเคราะห์หุ้นรายตัว SIS หุ้นตัวนี้มีการจ่ายปันผลสูง กิจการโตช้าๆ แต่มั่นคง ผู้บริหารมีความ conservative ในการดำเนินธุรกิจพอสมควร และได้ผลดีจากการเจริญเติบโตของอุตสาหกรรม IT SC หุ้นอีกตัวที่ผลการดำเนินงานเติบโตต่อเนื่องทุกปี จ่ายเงินปันผลเพิ่มขึ้นทุกปี SC ไม่ได้สร้างบ้านขายอย่างเดียว ยังมีรายได้จากการให้เช่าตึกชินวัตรทั้ง 3 ตึก ทำรายได้ประมาณ 800 ล้านบาทต่อปี ด้วยมูลค่าของตึกทั้ง 3 ตึก น่าจะมีมูลค่ามากกว่า market cap ของ sc ซะอีก MCS ผู้ผลิตเหล็กสำหรับการก่อสร้างอาคารสูงในญี่ปุ่น ผลการดำเนินงานเติบโตต่อเนื่อง มีปันผลทุกๆปี ในปีนี้ผู้บริหารจะขอให้เป็นบริษัทที่สามารถผลิตเหล็ก S-grade ได้ ซึ่งเดิม mcs ผลิตเหล็กแบบ H-grade คู่แข่งในญี่ปุ่นมีประมาณ 200 บริษัท แต่ถ้าผ่าน S-grade คู่แข่งจะลดลงเหลือประมาณ 10 บริษัทเท่านั้น ถือว่าเป็น story ที่น่าสนใจค่ะ จากคุณ : เลี้ยงแมวให้เป็นหมู เขียนเมื่อ : 20 ม.ค. 54 14:47:24

ความคิดเห็นที่ 6 เข้าตอนราคาไม่เหมาะสม MOS ไม่มากพอ ก็ดอยเหมือนกันนะครับ ระวังหน่อย กลัวว่าจาก VI จะไป VL แทน จากคุณ : JayJekKen เขียนเมื่อ : 20 ม.ค. 54 14:47:36

ความคิดเห็นที่ 7 VI กับมาร์จิ้นที่ SET100 หาMOSไม่เจอ ปันผลพอจ่ายดอกเบี้ย?ทั้งปี? Panic sell เจอ force sell ทำไงอะ จากคุณ : opar156 เขียนเมื่อ : 20 ม.ค. 54 14:48:07

ความคิดเห็นที่ 8 5555 ผมสงสัยเหมือน คคห 4 เลยครับ จากคุณ : Papiruz เขียนเมื่อ : 20 ม.ค. 54 14:51:07

ความคิดเห็นที่ 9 ใน port แบบ conservative ขอ edit เป็นแบบนี้แทนนะคะ Conservative EASTW (20%) SC (20%) GLOW (20%) SIS (20%)MCS (20%) เป็นแบบถือหุ้น 100% แบบไม่มี margin ค่ะ จากคุณ : เลี้ยงแมวให้เป็นหมู เขียนเมื่อ : 20 ม.ค. 54 14:52:04

ความคิดเห็นที่ 10 สำหรับเรื่อง margin เป็นเรื่องที่น่ากลัวสำหรับนักลงทุนมือใหม่ค่ะ แต่ความกลัว จำกัดได้โดยการใช้ margin ในจำนวนต่ำพอเหมาะ เช่น 25% -30% จะทำให้ไม่ถูก force sell ได้ง่ายๆค่ะ หุ้นลงมาที่ floor แล้ว ก็ยังไม่โดน force นักลงทุน vi อาชีพ มีไม่น้อยนะคะ ที่ใช้ margin ในการลงทุน ความแตกต่างกับนักลงทุนมือใหม่ ก็คือการควบคุมความโลภ ไม่ให้ใช้วงเงิน margin เกินไปค่ะ ลองคำนวนดูนะคะ จากคุณ : เลี้ยงแมวให้เป็นหมู เขียนเมื่อ : 20 ม.ค. 54 14:55:28

ความคิดเห็นที่ 11 VI จะกลายร่างเป็น VD คร่าวนี้ละมั้ง VD = Value Doy จากคุณ : เตร็ดเตร่ เขียนเมื่อ : 20 ม.ค. 54 15:01:16

ความคิดเห็นที่ 12 มีน้ำใจเป็น idea ขอบคุณครับ :) จากคุณ : Mr Google เขียนเมื่อ : 20 ม.ค. 54 15:05:58

ความคิดเห็นที่ 13 จบแล้วนะคะ สำหรับกระทู้นี้ ยังไงรบกวนช่วยคลิกเก็บไว้ในคลังกระทู้ด้วยนะคะ เพราะว่าเดี๋ยวกระทู้จะถูกลบไป แล้วพอถึงสิ้นปี port นี้เป็นอย่างไร เรามาดูบทสรุปกันค่ะ ว่าแต่ละแบบ กำไร หรือขาดทุน ถ้าสำเร็จ ก็มาดูว่าสำเร็จเพราะอะไร ถ้าขาดทุน ก็มาสรุปว่าขาดทุนเพราะอะไร แล้วเจอกันที่สิ้นปีค่ะ จากคุณ : เลี้ยงแมวให้เป็นหมู เขียนเมื่อ : 20 ม.ค. 54 15:10:25

ความคิดเห็นที่ 14 ยังไม่บอกเลย ให้ถือไปถึงเมื่อไหร่ครับ จากคุณ : เตร็ดเตร่ เขียนเมื่อ : 20 ม.ค. 54 15:19:07

ความคิดเห็นที่ 15 แล้วviคืออะไรหว่า  มือใหม่อย่างเรางงเต็ก จากคุณ : ArpatAnthakan เขียนเมื่อ : 20 ม.ค. 54 16:09:51

ความคิดเห็นที่ 16 ผมว่าอย่าเอาคำว่า VI มาใส่เลยครับ เปลี่ยนเป็นการจัดพอร์ตราย 1 ปีดีกว่า อีกอย่างคือลืมกำหนดราคาหรือเปล่าครับ จะได้เอาไว้เปรียบเทียบกับปลายปีได้ จากคุณ : ฮอ. นกฮูก เขียนเมื่อ : 20 ม.ค. 54 16:26:23

ความคิดเห็นที่ 17 ดูสิ แนว VI แบบนี้ ทิ้งไว้ 1 ปี ปอดไม่เขียวให้มันรู้ไป จากคุณ : เตร็ดเตร่ เขียนเมื่อ : 20 ม.ค. 54 16:37:12

ความคิดเห็นที่ 18 แนว VI  คือถือหุ้นที่มีอนาคต กิจกรรมมั่นคง กำไรทุกๆปี ถือไว้ยาวๆครับ  คล้ายๆกับการออมทรัพย์แต่งอกเงยได้ไวกว่า จากคุณ : PromZero เขียนเมื่อ : 20 ม.ค. 54 16:43:29

ความคิดเห็นที่ 19 ดูจากการเลือกหุ้น และรูปแบบการลงทุน ถือว่า จขกท ศึกษามาดีเลยครับ แต่ว่าอยากขอข้อมูลเพิ่มเติมว่า expect return ของแต่ละ scenario จะอยู่ที่ประมาณกี่ % ของแต่ละพอร์ตครับ สำหรับปี 2554 ขอบคุณครับ จากคุณ : Morning Star เขียนเมื่อ : 20 ม.ค. 54 16:54:10

ความคิดเห็นที่ 20 หุ้นหลายตัวก็ หุ้นที่มีอนาคต กิจกรรมมั่นคง กำไรทุกๆปี มีตั้งหลายร้อยตัว น่าจะมีสัก 80% ของหุ้นที่มีทั้งหมด งั้น ก็ซื้อตัวไหนไปก็ได้สิครับ แค่ซื้อแล้วถือยาวๆ ได้ชื่อว่า "ฉันเป็น VI แล้ว โววววววววว" ต่อให้พอร์ตแดงเถือก ก็ปล่อยมันไป เพื่อกินเงินปันผลใช่ไหมครับ แล้วหุ้นอีก 142 ตัว (ไม่รวมตัวที่ไม่จ่ายเงินปันผลอีกเท่าไหร่ก็ไม่รู้นะ) จ่ายเงินปันผลต่ำกว่า 4% (ค่าครองชีพน่าจะมากกว่านี้นะ คิดแค่ 4% ละกัน) เราก็ต้องทนยอมออมทรัพย์ไปเรื่อยๆ ใช่ไหมครับ เย้ เย้ เย้ ได้ความรู้แล้วเว้ย จะเป็น VI นี่มันต้องอดทนนี่เอง จากคุณ : เตร็ดเตร่ เขียนเมื่อ : 20 ม.ค. 54 16:58:51

ความคิดเห็นที่ 21 ก็ว่ากันไป จากคุณ : แม่น้องอะตอม เขียนเมื่อ : 20 ม.ค. 54 17:06:56

ความคิดเห็นที่ 22 1. Aggressive หวังผลตอบแทนสูง 2. Balance หวังผลตอบแทนปานกลาง 3. Conservative หวังรักษาต้นทุน แต่ผลตอบแทนพอใช้ ข้อสงสัย ๑. จากล่างขึ้นบน แปลข้อมูลได้ว่า     ข้อสาม ผลตอบแทนพอใช้ แต่เงินทุนไม่หายแน่นอน     ข้อสอง ผลตอบแทนปานกลาง บางตัวทุนอาจหดบ้าง อะไรบ้างก็ได้       ข้อหนึ่ง ผลตอบแทนสูง แต่โอกาสทุนอาจจะหายมีสูง...อย่างงั้นดิ???   ถ้าเช่นนั้น ผลตอบแทนที่ว่า คือ อยู่ในรูปปันผล (เงิน/หุ้น) เท่านั้นเหรอ แต่ไม่น่าใช่ เพราะพูดไปถึงเล่นมาร์จิ้น+ราคาของหุ้น ก็ต้องหวังส่วนต่างมากกว่าสิ   ข้อสงสัย ๒. ช่วยแจกแจงผลตอบแทนคาดหวังเป็น % ไว้ด้วยดิ (สูง-กลาง-พอใช้) จขกท.ต้องสามารถคาดการณ์ได้บ้างแล้ว เหตุผลเพราะ...ไม่เช่นนั้น จขกท.จะไม่สามารถ classify ได้ชัดเจนแบบนี้ ข้อสงสัย ๓. แบบสุดท้าย Conservative เป็นแบบถือหุ้น 100% ไม่มี margin เป็นเพราะไม่เล่นมาร์จิ้น เลยหวังเงินทุนไม่หดไม่หาย...อย่างนั้นป่าว?? ถ้าใช่..แสดงว่าความเสี่ยงของแต่ละแบบ ก็เกิดจากความล้มเหลวตอนใช้ margin ดิ ถ้าใช่..งั้นแบบ ๑ แต่ไม่เล่น margin ก็รับประกันการขาดทุนได้หมดเลยสินะ จากคุณ : tomimoto เขียนเมื่อ : 20 ม.ค. 54 17:20:07

ความคิดเห็นที่ 23 กลัวจะกลายเป็น เลี้ยงแมวให้เป็นหนู 55555 จากคุณ : Joey999 เขียนเมื่อ : 20 ม.ค. 54 17:38:46

ความคิดเห็นที่ 24 เอ้ ศีลหลักนักลงุทนแนว VI คือ value oriented หรือ value investor คือซื้อเมื่อราคาต่ำกว่าราคาที่ประเมินได้ในอนาคต อีกนัยคือ ราคาที่ซื้อมีความสำคัญอันดับแรก  สมมุติ ย้ำสมมุติ!! n-park มีมูลค่าที่ประเมินอย่างมีเหตุผลได้ 10 บาท  ณ ราคาปัจจุบัน ก็ถือว่าเป็นการลงทุนแนว VI กลับกัน หาก cpall ราคาที่ประเมินได้ 10 บาท ราคา ณ วันนี้ ก็ไม่ถือว่าเป็นการลงทุนแนว VI แล้วมิใช่เหรอครับ ผมขอลองยกตัวอย่างบริษัทนิคมอุตสาหกรรมตัวนึง-- (มิได้ชี้นำแต่อย่างใด) ตั้งแต่ปี 2555 - 2566 จะมีกำไรจากโรงไฟฟ้าที่ร่วมทุนกับ Glow เฉลี่ยปีละ 1,400 ล้านบาท EPS ~ 0.14  พูดง่ายๆคือจากปี 2555 ไปอีกสิบปี บริษัทจะมีกำไรแน่ๆแล้วหุ้นละ 0.14   แล้วก็สมมุติอีกครั้ง ว่าบริษัทไม่มีรายได้อย่างอื่นเลย วันดีคืนดีราคาหุ้นของบริษัท ลดลงเหลือหุ้นละ 0.10 บาท ณ ราคาสมมุตินี้ก็ถือว่า เป็นการลงทุน VI คือราคาต่ำกว่ามูลค่าในอนาคตที่เราประเมินได้ เพียงแค่ซื้อแล้วถือไว้เพียงปีเดียว!!!ก็คืนทุนแถมกำไรมาอีกหุ้นละ 0.04  on the other hand หรือในกรณีหากที่ว่า ราคาหุ้นของบริษัทขึ้นไป 5 บาท ณ ราคานี้ เราต้องถือหุ้นไปถึง 35 ปี (p/e 35.xx) กว่าจะคืนทุน สำหรับผมก็ไม่ถือว่าเป็นการลงทุนแนว VI เพราะฉะนั้นนักลงทุนแนว VI ควรให้ความสำคัญกับ ราคาซื้อ เป็นสำคัญก่อนลงทุน จำไว้ว่า "ลงทุนในบริษัทที่ดี บนราคาที่เหมาะสม" (คำพูดใครผมจำไม่ได้ รู้แต่มันอยู่ในสมองผมตลอดเวลาก่อนที่จะลงทุน)   แก้ไขเมื่อ 20 ม.ค. 54 17:43:58 จากคุณ : Child_Temple เขียนเมื่อ : 20 ม.ค. 54 17:42:58

ความคิดเห็นที่ 25 แบบที่ 1 หวังผลตอบแทนจาก cap gain 50% ขึ้นไป แบบที่ 2 หวังผลตอบแทนจาก cap gain 25% ถึง 40% แบบที่ 3 หวังผลตอบแทนจาก cap gain 15% ส่วนเป้าหมายราคา ไม่สะดวกโพสค่ะ เพราะผิดกฏกลต เดี๋ยวจะเป็นการให้เป้าหมายราคาหุ้น โดยไม่มี license ค่ะ จากคุณ : เลี้ยงแมวให้เป็นหมู เขียนเมื่อ : 20 ม.ค. 54 18:08:45

ความคิดเห็นที่ 26 ผมว่าคนอ่านต้องใช้วิจารณาญาณในการอ่านนิดหนึ่ง บางตัวมันก็ไม่ได้ดีแบบที่ จขกท. คิด เพราะมุมมองในการมองกิจการในการคาดหวัง การเติบโตของผลประกอบการในอนาคต มันคือการคาดเดา คาดการณ์ ผมว่าถ้าจะแนะนำน่าจะให้เหตุผลที่มันมากกว่านี้ ยิ่งมีการใส่เรื่องของมาร์จิ้นเข้ามา ถ้าคนที่เป็นมือใหม่ไม่เข้าใจไปลงทุนตามเพราะคิดว่าปลอดภัยจะไปกันใหญ่ อย่าง HEMRAJ หรือ JAS ถ้าคนไม่ได้เป็น VI อ่านงบการเงินหรือดูการประเมินมูลค่าหุ้นไม่ออก เขาจะทราบได้อย่างไรว่า Fair value อยู่ที่กี่บาท และถ้าซื้อเลยทันทีด้วยมาร์จิ้น เกิดติดดอยโดย Force sale เขาไม่เสียหายหรือครับ อันตรายนะครับมันเป็นดาบสองคม ทีเดียว หรืออย่าง MCS อะไรที่ทำให้คุณมั่นใจว่าเขาจะจ่ายปันผลได้เท่าเดิมหรือมากกว่าในเมื่องบการเงินรวมของปี 53 ยังไม่ออก คุณเอาข้อมูลอะไรมาประเมินการเติบโตของบริษัทในปี 54 ยิ่งคุณเล่นตาม story อย่างเดียวมันก็ไม่ต่างจากพวกเก็งกำไร แล้ว VI แบบคุณไม่มี cutlose ด้วย คนที่เชื่อลงทุนตามก็เสี่ยงสูง ถ้าจะให้ข้อมูล คุณน่าจะให้บอกวิธีการคำนวณค่า EPS ในอนาคต ,การคำนวณการเติบโต หรือการหาค่า DCF อะไรที่เป็นเหตุเป็นผลมากๆหน่อย ให้เขาตัดสินใจเองว่าจะเลือกตัวไหนบ้าง แล้วการไปบอกว่า หวัง cap gain 50% ผมว่าใครๆก็เลือกอันนี้ แต่ถ้าถามต่อคุณมีค่าความถูกต้องหรือคววามเชื่อมั่นมากแค่ไหนว่า มันจะได้ 50% จริงๆ เข้าใจว่าหวังดีนะครับ แต่อยากเตือนว่าอันตราย ที่นี้มันไม่ใช่มีคนที่เป็น VI อย่างเดียวคนที่ไม่เข้าใจ ก็เยอะ เขาอ่านแค่ cap gain 50% เขาก็ซื้อตามคุณว่าได้เหมือนกัน ถ้าจะแนะนำจะแลกเปลี่ยน ควรจะหาเหตุผลแบบตรรกะมาอธิบาย มาแนะนำจะดีกว่า หรือไม่ก็แนะนำให้ไปอ่านที่ห้องร้อยคนร้อยหุ้น เพิ่มเติม ก่อนจะเลือกว่าจะจัดเป็นพอร์ตแบบไหน บอกถึงรายละเอียดตรรกะการเลือกในเชิงรูปธรรมมากกว่าที่ให้มานี้ครับ จากคุณ : coffee4you เขียนเมื่อ : 20 ม.ค. 54 19:09:36

ความคิดเห็นที่ 27 ผมไม่ได้ติดใจในหุ้นที่คุณ เลี้ยงแมวให้เป็นหมู ครับ หรือวิธีเลือกหุ้น หรือ วิธีจัดพอร์ต จัดมาร์จิ้น เพราะดูการวิเคราะห์แล้ว เชื่อว่า คุณ เลี้ยงแมวให้เป็นหมู เก่งกว่าผมเยอะ ติดใจก็ตรงคำว่า จัด port แบบ VI นี่แหละ ผมอาจจะโง่ กับคำว่า VI เพราะไม่เข้าใจมันลึกซึ้งถึงวิธีการ การดำเนินการ หรือ การบริหารพอร์ต แต่การที่คุณ เลี้ยงแมวให้เป็นหมู ใช้คำนี้ มันจี๊ดจริงๆ ว่า อะไรๆ ทำไมคนชอบใช้คำว่า VI กันนะ มันไม่ใช่คำวิเศษวิโสเลย แต่มันจะวิเศษวิโสถ้าเรารู้จักใช้มัน ่ตรงนี้แหละครับ จากคุณ : เตร็ดเตร่ เขียนเมื่อ : 20 ม.ค. 54 20:46:05

ความคิดเห็นที่ 28 MCS ผู้ผลิตเหล็กสำหรับการก่อสร้างอาคารสูงในญี่ปุ่น ผลการดำเนินงานเติบโตต่อเนื่อง มีปันผลทุกๆปี ในปีนี้ผู้บริหารจะขอให้เป็นบริษัทที่สามารถผลิตเหล็ก S-grade ได้ ซึ่งเดิม mcs ผลิตเหล็กแบบ H-grade คู่แข่งในญี่ปุ่นมีประมาณ 200 บริษัท แต่ถ้าผ่าน S-grade คู่แข่งจะลดลงเหลือประมาณ 10 บริษัทเท่านั้น ถือว่าเป็น story ที่น่าสนใจค่ะ ราคาขึ้นมารอแบบนี้ผมแอบลุ้นๆกลัวๆนะครับ ความคาดหวังของคนเรามันอันตรายต่อราคาหุ้นในระยะสั้น(แล้วจะกลัวทำไมในระยะยาว =*=) ลองนึกภาพ MCS ราคาขึ้นไปรอที่ 12 บาท(ตัวเลขสมมติ) แล้วสิ้นเดือน มีนาคม ผลออกมาว่าไม่ได้ S-grade  ดูสิครับ.... ราคาน่าจะตกแรง(ในระยะสั้น) โดยส่วนตัวแล้วผมคิดว่าราคาขึ้นเพราะมีข่าว(เดิมๆ)มาให้นักลงทุนเริ่มวาดฝัน... ปล.ที่บอกว่าระยะสั้น เพราะถ้าไม่ได้ s-grade พื้นฐ่นบริษัทก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลง(ลุ้นทดสอบครั้งต่อไปก็ได้) แต่อย่างไรก็ตาม ถ้าได้ S-grade จริงๆ ผมคิดว่าดีขึ้นมากๆแน่ๆ  ปลที่2. เรื่อง S grade เค้าพูดกันมาเป็นปีแล้วนะ...หรือว่าจะขึ้นมาเพราะคนละเรื่องหว่า  จากคุณ : มิ่งกลิ้ง เขียนเมื่อ : 20 ม.ค. 54 21:07:03

ความคิดเห็นที่ 29 ผมว่า จขกท. ต้องการนำเสนอเป็นทางเลือกให้เท่านั้น เชื่อไม่เชื่อ เป็นวิจารณญาณของผู้ลงทุนแต่ละท่าน ผู้ซึ่งเป็นคนกดคำสั่งครับ เงินใครก็ของคนนั้น กำไรได้มา จขกท. ก็ไม่ได้มาขอแบ่งนี่ครับ ขาดทุนเจ้าของกระทู้ก็คงไม่ได้มาชดเชยให้ โพสพอร์ทตัวอย่าง ... พร้อมอธิบายสั้นๆ เป็นไอเดีย แบบนี้ ผมมองว่าดีกว่า ตั้งกระทู้ อันนั้น goodddd, อันนี้ Baddd เป็นไหนๆ (ไม่ได้ว่าใครนะครับ ถ้าเคืองต้องขออภัย) นักลงทุนทั่วไปถึงจะเป็นมือใหม่ ... ก็คงไม่ได้สักแต่ว่าซื้อเพราะเชื่อตามกระทู้หรอกครับ และถึงแม้ว่าเชื่อ ก็ต้องรู้ว่าการลงทุนย่อมมีความเสี่ยง...และยอมรับความเสี่ยงนั้นด้วยตัวเองครับ ให้กำลังใจ จขกท. ครับ cheer up///// ปล. เห็นด้วยกับที่ด้านบนบอกว่า VI เป็นการลงทุนที่คงต้องดู Margin Of Safety จริงๆ ครับ อย่างบางตัว ซื้อตอนนี้ ไม่แน่ใจว่า จะมี MOS พอหรือเปล่า คงต้องดูดีๆ จากคุณ : Astromantic เขียนเมื่อ : 20 ม.ค. 54 22:00:08

ความคิดเห็นที่ 30 ใช้มาร์จินแบบไม่กลัวหมดตัวเลยนะ หุหุ จากคุณ : Pu121 เขียนเมื่อ : 20 ม.ค. 54 23:08:52

ความคิดเห็นที่ 31 ผมว่าติดอยู่ตรงคำว่า "VI" นี่แหละครับ ถ้าไม่ใช้คำนี้ คงไม่มีเสียงคัดค้านขนาดนี้ครับ จากคุณ : ชาเขียว เขียนเมื่อ : 21 ม.ค. 54 04:30:02

ความคิดเห็นที่ 32 อะไรๆ ก็ VI   5555 จากคุณ : vacuum_car เขียนเมื่อ : 21 ม.ค. 54 06:40:46

ความคิดเห็นที่ 33 เพิ่งเห็นกว่าเป็นกระทู้แนะนำด้วย แอบปลื้มนิดๆค่ะ ขอเข้ามาชี้แจ้งเรื่องการจัด port แบบ VI ซักหน่อยนะคะ ที่เลี้ยงแมวใช้คำว่า VI ก็คือมันเป็นการเลือกหุ้นแบบ VI จริงๆค่ะ เพราะ 1. เลี้ยงแมวเลือกหุ้นโดยเจาะจงไปที่" พื้นฐานหุ้นรายตัว" ทั้งปัจจัยเชิงปริมาณ และปัจจัยเชิงคุณภาพ และไม่ได้สนใจสภาพตลาด สภาพเศรษฐกิจ fundflow หรือปัจจัยอะไรต่างๆอีกมากมาย ที่ไม่สามารถคาดเดาได้ค่ะ 2. port ทุกแบบ เลี้ยงแมวคิดว่าหุ้นที่เลือกยังมีความ "Under Value" อยู่ และยังมี "Mos" มากพอที่ยังสามารถลงทุนได้ ปล ขอ mark ราคา ณ วันที่โพสนะคะ เมื่อเวลาผ่านไป แล้วเรามาเช็คดูกัน ว่าหุ้นแต่ละตัว กำไร หรือขาดทุนอย่างไร ราคาณวันที่ 20 มกราคม 2554 JAS 1.94 HEMRAJ 1.78 PS 18.4 DELTA 30 HMPRO 8.8 SF 6.95 CPN 31.25 EASTW 6.6 SC 17.4 GLOW 40.75 SIS 14.2 MCS 11.5 จากคุณ : เลี้ยงแมวให้เป็นหมู เขียนเมื่อ : 21 ม.ค. 54 08:17:24

ความคิดเห็นที่ 34 ขอบคุณ จขกท.ครับ โพสต์มาเถอะครับ ผมอ่านหมด ส่วนจะเชื่อหรือไม่ ก็คงต้องไปดูรายละเอียดแต่ละตัว(สำหรับตัวที่สนใจ) ส่วนมาจิ้นตอนนี้คงต้องงดก่อน รอpanic sell แยะๆ ค่อยว่ากันอีกที ขอบคุณครับ จากคุณ : หยองแหยง เขียนเมื่อ : 21 ม.ค. 54 09:39:24

ความคิดเห็นที่ 35 VI แบบสำเร็จรูป ฉีกซอง เติมน้ำ กินได้เลย ไม่ต้องคิดมาก 55+ จากคุณ : happy dog เขียนเมื่อ : 21 ม.ค. 54 10:50:06

ความคิดเห็นที่ 36 ติดใจตรง vi เหมื่อนกัน สอนแนวคิด อธิบายวิธีการคิด จะดีกว่าแนะนำแบบนี้นะครับ แนะนำแบบนี้บอกราคามาเลยก็ได้ครับ ไม่ต่างกัน MCS เรื่อง S-Grade นี้เห็นข่าวมานานมากแล้วครับ ผมซื้อตั้งแต่ตอน 7 บาทขายไป 9 บาท ก็นึกว่าข่าวจบแล้ว ตอนนี้ไป 11 บาทกว่าละ (ไม่มีหุ้นละครับ) "ลงทุนในบริษัทที่ดี บนราคาที่เหมาะสม"  << ลุงบัฟพูดใวครับ จากคุณ : AIScript เขียนเมื่อ : 21 ม.ค. 54 11:21:12

ความคิดเห็นที่ 37 รักแนว VI ต้องอดทนครับ ผมทำสรุปจำนวนหุ้นในการลงทุนที่มูลค่า 1 ล้านบาทมาให้ครับ ราคาวันนี้ ตอนนี้ ยังไม่ใช่สิ่งยืนยันผลการจัดพอร์ตแนว VI นี้ทั้งสิ้น แค่ผลกระทบเล็กๆ จากภาวะไม่แน่นอนในช่วงนี้ ผมก็เชื่อแบบพี่เลี้ยงแมวว่า ถ้าวัดกันสิ้นปีนี้ กำไรแน่นอน มาดูกันครับว่า สุดท้าย วิธีจัดพอร์ตแบบไหน กำไรสูงสุด จากคุณ : เตร็ดเตร่ เขียนเมื่อ : 21 ม.ค. 54 11:22:41

ความคิดเห็นที่ 38 เง้อ  ลองไปดูกับของที่ตัวเองจัดไว้(เพิ่งหัดจัด) ไม่ตรงกับจขกท.สักตัวเลยวุ้ย  T^T เดะลองไปศึกษาตัวที่จขกท.จัดดูบ้าง จากคุณ : ArpatAnthakan เขียนเมื่อ : 21 ม.ค. 54 12:22:30

ความคิดเห็นที่ 39 คุณเตร็ดเตร่ ต้องคิดดอกเบี้ยจาก margin ด้วยนะครับ ถ้าตามที่เจ้าของกระทู้บอก จากคุณ : baggioo เขียนเมื่อ : 21 ม.ค. 54 12:31:42

ความคิดเห็นที่ 40 คิดดอกเบี้ยมาร์จิ้นไม่เป็นครับ เอาเป็นว่า คิดดอกเบี้ยตอนปลายปีละกัน หากเป็นแนว VI กันจริง ต้องอย่าทิ้ง จนกว่าบรรลุเป้าหมาย สรุปผลปลากรอบการตอนเช้าครับ จากคุณ : เตร็ดเตร่ เขียนเมื่อ : 21 ม.ค. 54 13:03:37

ความคิดเห็นที่ 41 เมื่อจขกทใช้คำว่าวีไอ แสดงว่าจขกทเลือกซื้อหุ้นโดยดูมูลค่าของหุ้นเป็นหลัก และซื้อหุ้นเมื่อราคาต่ำกว่ามูลค่าในใจจขกท คำว่าวีไอฟังดูเทห์ เพราะมีวีไอจำนวนมากประสบความสำเร็จกำไรเป็นร้อยเป็นพันเท่า ทำให้มีหลายๆคนคิดว่าคนที่เป็นวีไอ คือต้องเล่นจนกำไรหลายๆเท่าต่อปี ไม่งั้นไม่ใช่วีไอ แต่ถ้ามองกันจริงๆหากใครได้อ่านเรื่องความคาดเฟ้อของ ดร นิเวศน์จะพบว่าจริงๆวีไอไม่ได้เทห์ขนาดนั้น บัฟเฟตเองยังกำไรเฉลี่ยแค่ 10% ต่อปี จริงๆวีไอกำไรต่อปีน้อยมาก และวีไอก็ไม่ได้รวยเร็วๆ เพราะถ้าซื้อแล้วหวังกำไรจากมูลค่าที่แท้จริงของหุ้น ไม่มีทางเยอะได้ แต่ที่กำไรเยอะๆเพราะแรงคาดหวังจากตลาดต่างหาก กำไรที่เกิดจากแรงเหวี่ยงของตลาดเป็นกำไรที่คาดการณ์ไม่ได้ ต้องอาศัยดวงนิดๆ บางคนเลยคิดว่าวีไอคือคนที่เก็งหุ้นเก่งๆ เข้าใจบริษัทจนสามารถประเมินได้ว่าหุ้นจะพุ่งหรือจะร่วง ซึ่งผิดถนัดวีไอที่เก่งๆเข้าใจแค่ว่าบริษัทนี้ดีหรือไม่ดี มีมูลค่าควรแก่การซื้อหรือไม่เมื่อเทียบกับราคา แต่ไม่มีวีไอคนไหนบอกได้หรอกว่าซื้อแล้วราคาจะพุ่งหรือร่วง วีไอไม่จำเป็นต้องกำไรมาก เป็นวีไอหรือไม่อยู่ลงทุนโดยมองมูลค่าเป็นหลักรึเปล่า ชื่อก็บอกอยู่แล้ว value investor การลงทุนแบบเน้นคุณค่า  ไม่ใช่นักลงทุนแบบเน้นกำไร ดังนั้นการที่จะประเมินว่าคนนึงเป็นวีไอหรือไม่ด้วยการดูว่า กำไรหรือไม่กำไร จึงไม่สมเหตุสมผลเท่าไหรนัก จากคุณ : ษุภณัฏฐ์ เขียนเมื่อ : 21 ม.ค. 54 13:50:54

ความคิดเห็นที่ 42 พี่เลี้ยงแมวสุดยอดจริงๆ นับถือ แง่ VI ใส่ใจเพราะ? กรณีพี่เลี้ยงแมว หรือใครก็ตาม มองเห็นมูลค่าอนาคต ของหุ้นใดๆ พบว่า คุ้มค่าจะลงทุน นั่นก็หุ้นคุณค่า (ของคนๆนั้น) คนอื่นจะคิดว่าแพงไป ก็ช่างปะไร สุดท้าย ถูกผิด เดี๋ยวก็รู้ เชียร์พี่เลี้ยงแมวเต็มที่ครับ ว่า VI พันธุ์แท้ ปล. วิเคราะห์ดีกว่าคนอย่างผมเยอะ ผมมันประเภทดูมูลค่าจาก P/E, EPS ๆลๆ only แต่ไม่รู้จักบริษัทเลย (ทำไงได้ อยากรู้ แต่ไม่รู้จริงๆ) จากคุณ : gift2k เขียนเมื่อ : 21 ม.ค. 54 18:50:57

ความคิดเห็นที่ 43 เห็นเปิดประเด็นคำว่า VI มาหลายกระทู้ ผมว่าตอนนี้มีคนใช้เข้าใจคำนี้ผิดไปมาก VI จริงๆ ไม่ใช่คนที่ซื้อหุ้น ตามบทวิเคราะห์ หรือหุ้น bigcap แล้วถือยาว ๆ กินปันผล หรือตั้งเป้าว่ากำไร 10-20% แล้วค่อยขาย   แต่ Real VI คือคนที่สามารถวิเคราะห์มูลค่าที่แท้จริงของหุ้น แกะงบการเงินด้วยตัวเอง บทวิเคราะห์ของ broker เป็นเพียงแค่ส่วนประกอบ เมื่อซื้อหุ้นแล้วจะไม่มีเป้าหมายตายตัวว่าต้องขึ้นกี่ % ถึงจะขาย หุ้นที่ถืออาจถือเพียง 1 อาทิตย์ หรือ 1ปี หรือตลอดไป ตราบเท่าที่ราคายังไม่สะท้อนมูลค่าที่แท้จริง หรือไม่มีอะไรที่ทำให้ปัจจัยพื้นฐานที่ประเมินไว้เปลี่ยนแปลง  ในส่วนของการใช้ margin ไม่ได้ผิดหลักการของ VI แต่อย่างใด ถ้ามีการประเมินความเสี่ยงและอัตราผลตอบแทน ถ้ามากกว่าดอกเบี้ย margin ในส่วนนี้ก็ควรกู้มาลงทุนครับ จากคุณ : Notelio เขียนเมื่อ : 21 ม.ค. 54 22:09:12

ความคิดเห็นที่ 44 ชอบใจเจ้าของกระทู้จัง สุภาพ จริงใจ  ไม่ใส่อารมณ์  ใช้ภาษาถูกต้อง อ่านง่าย ขอบคุณครับ จากคุณ : suratanonin เขียนเมื่อ : 22 ม.ค. 54 11:34:06