ความคิดเห็นที่ 1 ไม่กล้าวิจารณ์พอร์ทคนอื่นครับ เพราะความรู้ผมเองก็น้อย อยากให้คุณ modpon ให้เวลากับตัวเองสัก 1 ชั่วโมง เงียบๆ แล้วถามตัวคุณ modpon เองว่า หุ้นที่มีอยู่ในพอร์ทนั้น แต่ละตัว "ซื้อด้วยเหตุผลอะไร" ทำไมถึงเลือกซื้อหุ้นตัวนั้น ถ้ารู้เหตุผลแล้ว ... คำตอบก็จะออกมาเองครับ ถ้าคำตอบค้านกับเหตุผลที่คิดไว้ นั่นก็คือเราเดินมาผิดทาง ต้องรีบแก้ไข ผมเองก็ใช้หลักการนี้เช่นเดียวกัน เวลาเกิดปัญหา ที่สำคัญคือต้องคิดอย่างมีสติ เป็นกำลังใจให้ครับผม แก้ไขเมื่อ 21 ม.ค. 54 21:49:02 จากคุณ : คนจนที่อยากรวย เขียนเมื่อ : 21 ม.ค. 54 21:46:36

ความคิดเห็นที่ 2 ถ้าทยอยเข้ามาตั้งแต่ปี09 ตอนนี้รวมแล้วก็น่าจะมีกำไรอยู่นะฮะ อย่างที่พี่คนรวยฯว่าน่ะฮะ ให้เวลากับตัวเอง คิดวางแผนให้เหมาะกับตัวเองฮะ จากคุณ : Duckcovery เขียนเมื่อ : 21 ม.ค. 54 21:50:53

ความคิดเห็นที่ 3 ถ้าเป็นผม ผมจะแบ่งเงินส่วนหนึ่งไปซื้อหุ้น VI ซัก 5 ตัวถือยาวกินปันผล ผมเล่นหุ้นมา 6 เดือน ณ ตอนนี้ +8% เพราะพอร์ตผมมีแต่หุ้น VI ทำให้ผมรู้สีกว่าเล่นเดย์เทรดไม่เหมาะกับเราเลย แต่ก็เล่น นิดหน่อย ลองเปลี่ยนเล่นหุ้น VI ดูสิครับ คุณจะไม่ค่อยเครียด เหมือนผม เพราะทุกตัวในพอร์ตคุณ ราคามันสูงหมดแล้วครับ คุณมีหุ้นเหมือนผมตัวเดียวคือ AJ  แต่ทุนผม 9 บาทครับ ถ้าคุณมีความอดทนสูง หุ้น ประเภท VI น่าจะเหมาะกับคุณนะ ผมว่า จากคุณ : เมกูมิ (champ.nuch) เขียนเมื่อ : 21 ม.ค. 54 21:51:25

ความคิดเห็นที่ 4 ให้เวลากับตัวเอง คิดวางแผนให้เหมาะกับตัวเอง  แล้วก็เชื่อมั่นในความคิดและความสามารถตนเองด้วยครับ จากคุณ : Cycle..คิด เขียนเมื่อ : 21 ม.ค. 54 22:00:42

ความคิดเห็นที่ 5 เผลอไผลไปตามอารมณ์ตลาด หุ้นตัวไหนออกตัวไปแล้ว เราเข้าไม่ทัน ก็ไม่น่าตาม จากคุณ : WindReturn เขียนเมื่อ : 21 ม.ค. 54 22:09:12

ความคิดเห็นที่ 6 โอเค ลูกผู้ชายดีครับ ผมชอบคนเปิดเผยแบบนี้ เลยอยากให้คำแนะนำตรงไปตรงมาแบบลูกผู้ชายเช่นกัน ผมขอพูดตรงๆว่าคุณยังเล่นหุ้นไม่เป็นเลย ดูจากตัวที่ซื้อกับราคาที่ซื้อแสดงว่าคุณชอบเล่นหุ้นตามแห่เห็นตัวไหนใครว่าดีก็ซื้อ เผลอๆชอบไล่ซื้อโดยไม่รู้เลยว่าราคามันเกินพื้นฐานแค่ไหน หุ้นทุกตัวในพอร์ตของคุณสำหรับผมแล้วมันแพงเกินไปมากทุกตัว ไม่มีวันที่ผมจะซื้อลงเลย ต่อให้มันลดลงมาอีก 30-40% ก็เถอะยังแพงไปอยู่ดี ส่วนใหญ่แพงเกินบุ๊คไป 3-4 เท่า สำหรับคำแนะนำถ้าเป็นผมนะ ล้างพอร์ตแล้วกลับมาตั้งหลักใหม่ ดูหลายตัวคุณก็พึ่งซื้อไม่นาน ยังขาดทุนไม่มาก ถอยตอนนี้กำลังดี ถ้าตลาดเป็นขาลงคุณจะปลอดภัยกับการติดหุ้น คุณเล่นหุ้นมาไม่นานยังไม่รู้จักรสชาติของหุ้นขาลง แค่นี้ยังน้อยครับ คนที่ผ่าน Subprime และเอาตัวรอดมาได้จะเข้าใจดี เมื่อล้างพอร์ตไปแล้วหาความรู้ความเข้าใจด้านการลงทุนให้มากกว่านี้ เมื่อคุณให้คำตอบกับตัวเองได้เมื่อไหร่ว่าราคาหุ้นตัวนี้มันถูกหรือแพง ควรซื้อหรือไม่ควรซื้อ เมื่อนั้นคุณจะประสบความสำเร็จในเส้นทางสายลงทุนได้ เอาใจช่วยครับ ปล.คำแนะนำผมมันเหมือนยาขมอ่านแล้วอาจสะอึกแต่หวังดีอย่างจริงใจครับ จากคุณ : คนรักน้ำมัน เขียนเมื่อ : 21 ม.ค. 54 22:31:02

ความคิดเห็นที่ 7 เห็นด้วยอย่างยิง ช่วงขาขึ้น ลิงซื้อหุ้นยังกำไร .... จากคุณ : Miracle Boy เขียนเมื่อ : 21 ม.ค. 54 22:33:50

ความคิดเห็นที่ 8 หุ้น AJ , JAS , TFI , SAT , PTL  คือ หุ้นปั่น (มีเจ้ามือ-ชี้นำราคาได้) ถ้าเป็นผม  ผมจะขอแบ่งพอร์ต เล่น เป็น 3-4 กอง กระจายลงทุน 1. หุ้นกลุ่มเครือ PTT 2. หุ้นกลุ่มพลังงาน สาธารณูปโภคพื้นฐาน ไฟฟ้า ประปา สัมปทาน ปัจจัย4 ๆลๆ 3. หุ้นกลุ่มแบงค์ใหญ่  BIG4  --->  KBANK SCB BBL KTB  ฐานแน่นๆ 4. หุ้นกลุ่มอื่นๆ นอกเหนือจาก 3 กลุ่มแรก คือ จะหวือหวา เข้าออกเร็ว มีได้-เสีย เล่นตามข่าว วันต่อวัน แล้ว แบ่งน้ำหนัก 4 กลุ่ม อย่างละ 20-30% ตามชอบ ของคุณ mod  นี้ ไปหนัก ด้าน ข้อ4 ซะเยอะเลย แต่ ก็ขอเป็นกำลังใจให้ครับ สู้ๆๆ ครับ จากคุณ : mdtech เขียนเมื่อ : 21 ม.ค. 54 22:34:25

ความคิดเห็นที่ 9 มือใหม่มักมีปัญหาไม่กล้าขายคัทลอสเพราะกลัวว่ามันจะขึ้นไปอีกจะทำให้เราดูโง่ มักทำใจลำบาก แต่ผมอยากฝากไว้ว่านี่คือเรื่องปรกติ เมื่อคัทแล้วอย่าไปนั่งเฝ้าตลาด หาเวลาห่างตลาดซักระยะ ถ้าคัทแล้วมันลงคุณจะโล่งอก แต่หากมันดีดขึ้นจะกลุ้ม เชื่อผมเถอะกลุ้มไปก็เท่านั้น อย่าคิดเอาคืนด้วยการไล่ซื้อแพงขึ้น นั่นเป็นทางหายนะเลยทีเดียว เพราะจะเข้าไปสู่วงจรอุบาทก์ไม่สิ้นสุด ให้ถอยออกมาเลียแผลและรอรอบใหม่เลยครับ ไปเที่ยว พักร้อนไปเลย จำไว้ว่าไม่มีคำว่าสายไปกับการการซื้อหุ้น คำว่าตกรถไม่มีจริง แต่ติดหุ้นนั่นแลคือของจริงแท้และแน่นอน จากคุณ : คนรักน้ำมัน เขียนเมื่อ : 21 ม.ค. 54 22:38:46

ความคิดเห็นที่ 10 เป็นกำลังใจให้ค่ะ จากคุณ : michita เขียนเมื่อ : 21 ม.ค. 54 22:41:28

ความคิดเห็นที่ 11 คุณแค่เข้าผิดจังหวะไปนิดครับ  แต่เพื่อความปลอดภัยควรหยุดซักพัก รอดูความชัดเจนของตลาดก่อน.... เพราะทุนสูงมาก 2 แสน ไม่ถึง 10% เด๋วก็ได้คืนครับ... จากคุณ : มดงานน้อย เขียนเมื่อ : 21 ม.ค. 54 22:56:56

ความคิดเห็นที่ 12 ผมคงแนะนำให้พี่หาอ่าน หนังสือ "คัมภีร์หุ้น เล่ม 1 และ 2" ดูนะครับ ได้ข้อคิดอย่างไร ก็ลองเริ่มต้นใหม่ดูอีกทีครับ วางแผนให้แน่นอน ก่อนคีย์ซื้อ-ขายครับท้อได้ แต่อย่าถอย หาก "ถอย" ก็จงอย่าเสียดายสิ่งที่ "เสีย" ไปเลยครับ จากคุณ : mspaint เขียนเมื่อ : 21 ม.ค. 54 22:56:59

ความคิดเห็นที่ 13 ผมไม่รู้ว่าคุณเลือกจากอะไร จะ TA จะ VI แต่ที่เห็นได้ชัดคือ คุณขาด 2 สิ่ง 1. ไม่กล้า cutloss 2. money management 2 อย่างนี้จำเป็นมาก โดยเฉพาะสาย TA ส่วนตัวก็ยังติดหุ้นหลายตัว แต่ก็เป็นแค่ไม้ 1/4 เอง ถือรอได้ ซื้อเฉลี่ยก็ยังไหว คงต้องมองหาแนวของตัวเองแล้วแหละครับ อีกอย่าง port ใหญ่ๆน่าจะใช้ future ช่วย hedge บ้างครับ จากคุณ : no preservation เขียนเมื่อ : 21 ม.ค. 54 23:08:32

ความคิดเห็นที่ 14 รายการ มันนี่ทอร์ค ให้สูตร มาดูว่า หุ้นไหนดีไม่ดี ดูตรงไหน เลยขอเล่าสู่กันฟังครับ 1. P/E = น้อยกว่า 10 เท่า 2. P/BV = น้อยกว่า 1 3. ROE = 15% up 4. % Yield = 3% up แต่ เค้าจะให้ น้ำหนักความสำคัญกับ P/E กับ ROE เยอะกว่า P/BV กับ % Yield ครับ แก้ไขเมื่อ 21 ม.ค. 54 23:24:45 จากคุณ : mdtech เขียนเมื่อ : 21 ม.ค. 54 23:12:23

ความคิดเห็นที่ 15 มือใหม่เหมือนกันนะ   แต่เห็นด้วยกับ พี่คนรักน้ำมัน หุ้นที่ถือ ดี ทุกตัว  แต่ เสียอย่างเดียว คือ   เข้าที่ราคาเกินพื้นฐานมากไปแล้ว ลองทบทวน หาความรู้เพิ่ม ต่อไปคงประสบความสำเร็จในการลงทุนค่ะ ให้ถือ คติ "เราล้ม เพื่อที่จะเรียนรู้  การลุกขึ้น" เป็นกำลังใจให้ จากคุณ : boozy bird เขียนเมื่อ : 21 ม.ค. 54 23:24:58

ความคิดเห็นที่ 16 เอาใจช่วยครับ ^^ จากคุณ : PimNarakAhh+ เขียนเมื่อ : 21 ม.ค. 54 23:29:52

ความคิดเห็นที่ 17 วันนี้คัทลอสโดนไปสองแสนกว่าบาทเลยน๊ะครับ แถมยังเหลือติดพอร์ทขาดทุนอยู่อีกเกือบสามแสน ที่อยากติงก็คงเป็นพี่กะเล่นเก็งกำไรหุ้นฟิล์ม เพราะดูจากสัดส่วนพอร์ตพี่ลง AJ PTL และ TFI ไปค่อนข้างเยอะ  ปัญหาของพี่คงเป็นตั้งใจเล่นสั้นเพราะต้นทุนพี่ถือว่าสูงน่าจะซื้อตอนไล่ราคาแล้วกะไปขายที่ราคาสูงกว่า แต่พอมันไม่ขึ้นหรือขึ้นมากำไรจิ๊ดๆแล้วยังรู้สึกว่ามันน่าจะไปต่อพี่ก็เลยไม่ได้ขาย แถมตอนมันเริ่มติดดอยลงมาเลยทุนแล้วก็ยังปล่อยให้ไหลลงมาตั้งหลายวันด้วยอาการเสียดายมีจิตผูกพันกับหุ้นเลยทำให้บางตัวขาดทุนเกิน 20% แล้วจึงค่อยขาย อย่างนี้คงต้องแก้ไขกลยุทธลงทุนใหม่แล้วหล่ะครับ ปรับวินัยใหม่ก็น่าจะไม่โดนแบบนี้อีกแล้วครับ เป็นกำลังใจให้น๊ะครับ หัวอกเดียวกัน สองสามปีที่แล้วผมก็เคยโดนแต่หนักกว่านี้เยอะเพราะซื้อหุ้นแบบไม่ศึกษา แถมคิดว่าไม่ขายไม่ขาดทุน จากเงินสี่ห้าล้าน เหลือมูลค่าไม่ถึงล้านบาท ขาดทุนไปกว่า 80% ของเงินต้น จนบัดนี้ดัชนีกลับมาสูงกว่าตอนนั้นไปเยอะแล้วแต่หุ้นเน่าบางตัวที่ซื้อไว้ยังไม่คืนทุนเลย T T (เช่น EVER สี่บาทกว่า THL สี่บาทกว่า TTA เกือบสี่สิบบาท) จากคุณ : ปอป้อง เขียนเมื่อ : 21 ม.ค. 54 23:31:22

ความคิดเห็นที่ 18 ดูจากแต่ละตัวแล้ว เหมือนพี่ซื้อตามข่าวที่โบรคคอยเชียร์เลย (หากไม่ใช่ก็ขออภัย) ลองกลับมาคิดๆดูว่าเราซื้อเพราะอะไร ถ้าพี่ซื้อเพราะโบรคให้เป้ามาเท่านี้ๆ หรือมีใครบอกว่าจะไปถึงเท่านั้นเท่านี้  มันก็ไม่ต่างกับการเดาว่าเราจะแทงถูกหรือแทงผิด แถมยิ่งอยู่นานก็ยิ่งมีแนวโน้มว่าจะผิด (เหมือนคาสิโน) เพราะตลาดมันขึ้นๆลงๆ เราจะยิ่งปวดตับและหวาดวิตก เพราะเราไม่รู้ว่าวันต่อไปมันจะลงหรือจะขึ้น ถึงแม้ผลสุดท้ายราคาจะไปถึงเป้าหมายจริง(นั่นคือพี่เดาถูก)  แต่ระหว่างทางที่มันลงพี่ก็จะกลุ้มใจ ไม่มั่นใจและผลสุดท้ายก็จะขายขาดทุนออกไป ตามกระแสข่าวที่ออกมาในช่วงนั้นๆ หรือถ้าพี่เดาถูกในช่วงแรกๆ แน่นอนว่าเงินก้อนพี่ก็จะใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ และผลสุดท้าย หากขาดทุนแม้แต่ครั้งเดียว นั่นแหล่ะจะเป็นเงินก้อนที่ใหญ่ที่สุดเท่าที่ลงทุนมา และเสียมากที่สุดเท่าที่ลงทุนมา โดยมีอีกวิธีหนึ่งคือ ถ้าพี่ซื้อเพราะคาดเดาผลประกอบการ และพี่เป็นคนคำนวนเอง อย่างน้อยเราก็จะมีราคาในใจ มีเหตุมีผล และรอคอยราคาที่เราคำนวนไว้ โดยดูจากผลประกอบการที่แจ้งออกมา  หากผิดคาด เราก็เอามาคำนวนราคาใหม่ ให้เป้าหมายใหม่ด้วยตัวเอง และยอมรับว่าเราคาดหวังผลาดและให้ราคาใหม่ตามผลประกอบการนั้นๆ เราก็จะเป็นผู้คุมเกมส์ที่เรากำหนดขึ้น มีเหตุมีผล และ คาดเดาผลลัพท์จาการกระทำและผลกำไร-ขาดทุนได้ครับ ง่ายสุดก็ลองใช้วิธีของหุ้นท่านทองคำครับ (แต่ ณ set ราคาปัจจุบัน คงหายากหน่อยครับ) หรือ เก่งขึ้นมาหน่อยก็ลองแบบ FCF  หรือสุดท้ายถ้ามองภาพกว้างได้ ก็ซื้อแบบมองแนวโน้มโลกไปเลยครับว่าสินค้าใดจะต้องอยู่ในทุกเครือเรือนในอีก 20 ปีข้างหน้า ส่วนแนวเทคนิค ขอไม่กล่าวถึงเพราะไม่สันทัดครับ หากลองแนวทางใดแนวทางหนึ่งและยังคงขาดทุนอยู่ทุกแนวทาง โดยถึงแม้จะ อ่านหนังสือ ศึกษาหาความรู้เพิ่มเติม หรือวิเคราะห็ตนเองทั้งหมดแล้ว ก็ยังไม่สามารถกำไรได้  ขอแนะนำให้ฝากไว้ที่กองทุนรวมพวกหุ้นกู้ หรือพันธบัตรครับ เพราะอย่างน้อยเงินต้นไม่หายแน่นอน (ถ้า บ.ไม่เจ้งไปก่อนนะ) เพราะกองทุนรวมหุ้นมันก็ยังขึ้นๆลงๆตามตลาดอยู่ดีนั่นแหล่ะครับ แถมเราเลือกหุ้นกับสัดส่วนการลงทุนเองไม่ได้อีกต่างหาก ขอบคุณครับ แก้ไขเมื่อ 21 ม.ค. 54 23:38:47 จากคุณ : แซลมอลรมควัน เขียนเมื่อ : 21 ม.ค. 54 23:37:31

ความคิดเห็นที่ 19 ผมเอาใจช่วย หลายตัวในพอร์ทก็ใช้ได้นะ สู้ต่อไปขอให้ไม่ขาดทุนครับ จากคุณ : Petercopdi เขียนเมื่อ : 21 ม.ค. 54 23:41:10

ความคิดเห็นที่ 20 ปกติครับ ค่าวิชา ใครๆก็เคยเสีย บางคนว่าเล่นมานาน เอาตัวรอดได้แล้ว ก็ยังพลาดได้ ช่วงซัพไพร์ม มันลงดิ่งนรกวันละ20กว่าจุดเป็นเดือนๆ ต่อให้หุ้นเทพขนาดไหน ลองดูปัจจัยพื้นฐานก่อนซื้อครับ set.or.th  บริษัทมีปันผลมีมั้ย บริษัทมีศักยภาพทำกำไรต่อเนื่องหรือเปล่า ถ้าหุ้นดี เดี๋ยวก็ขึ้นครับ ผมเองยังพลาดมานับครั้งไม่ถ้วน เพราะเล่นตามอารมณ์ตลาด แก้ไขเมื่อ 22 ม.ค. 54 00:00:08 จากคุณ : อมยิ้มไม่หวาน เขียนเมื่อ : 21 ม.ค. 54 23:54:13

ความคิดเห็นที่ 21 โอว์ อย่างกะแฝดของปอดเรา แต่ปอดเราเล็กว่าเยอะ เห็นปอดคุณแล้วรู้สึกเลยว่าของเราชิลๆ ขึ้นเยอะเลย ทุนเยอะขนาดนี้ทำไมไม่ซื้อตัวนำตลาดบ้างเลยคะ  พวก พี่ปู พี่ปอ แบงค์ ไอ้สองตัวสุดท้ายไม่รู้จักอะ จากคุณ : เจ้าชายน้อย (^-^) เขียนเมื่อ : 22 ม.ค. 54 00:17:32

ความคิดเห็นที่ 22 พี่เคยเล่นเกมไม๊ ยิ่งพวก puzzle น่ะค่ะ ยิ่งตอนเราเล่นยิ่งเล่นบางทีก็ยิ่งหลง แต่บางทีถ้าเรามองคนอื่นเล่น มองจากข้างนอกชี้แป๊บๆก็หางทางออกเจอ ลองนั่งนิ่งๆ ให้เหตุผลอยู่เหนืออารมณ์ก่อนนะคะ จากคุณ : n-OO//bit-a เขียนเมื่อ : 22 ม.ค. 54 00:18:20

ความคิดเห็นที่ 23 คุณmodpon ครับ ผมไม่วิจารณ์หุ้นที่คุณถือ ผมเคารพในการตัดสินใจ แต่ผมขอบอก อย่างนึงว่า ไม่มีใครเก่งได้กำไรไม่เคยขาดทุนหรอกครับ ผมว่าคุณเองนั่นแหละเก่งที่สุด ในเงินของคุณแล้ว หาข้อมูลแล้วตัดสินใจด้วยตัวคุณเองอย่างมีสติแล้วเดี๋ยวก็กลับมาได้ อย่างแน่นอน ผมเคยหมดตัวจากการเล่นหุ้นเป็นหนี้เพราะเล่นมาร์จิ้นตอนวิกฤติต้มยำกุ้ง ต้องเอาบ้าน เข้า OD Bank เพื่อโปะหนี้ หลังจากนั้นเก็บเงินได้ 2 แสน มาเล่นใหม่ ณ.ตอนนี้ก็สบายๆ 2 ปีที่ผ่านมาผมเช่าพระกับซื้อปืนไปร่วม 2 ล้านให้สะใจเล่น...ที่ผมเล่านี่จะให้คุณเห็นไง ว่าปัญหาคุณชิวๆ เท่าที่ผมดูพอร์ทคุณ ไม่ได้เลวร้ายเลย ไม่เกินกลางปีผมว่าคุณน่าจะ ยิ้มคำโตๆได้.....เชื่อมั่นในตัวคุณเองครับ จากคุณ : kimmy เขียนเมื่อ : 22 ม.ค. 54 00:20:45

ความคิดเห็นที่ 24 ดูหุ้นไม่เป็นค่ะ  เข้ามาให้กำลังใจเฉยๆ     ใจเย็นๆนะคะ เดี๋ยวก็มีทางออก จากคุณ : กันดัมจัง เขียนเมื่อ : 22 ม.ค. 54 00:38:49

ความคิดเห็นที่ 25 Port สินธร ครับ ^^ จากคุณ : PimNarakAhh+ เขียนเมื่อ : 22 ม.ค. 54 00:40:05

ความคิดเห็นที่ 26 ความรู้น้อยครับ ผมว่าหาข้อมูลเพิ่มดีกว่าครับ(ใช้สมาร์เสริชหาการวิเคราะห์ของกูรูในนี้ก็ได้นะ) แล้วดูว่าตัวไหนควรขายทิ้งไป ทำบัญชีซื้อขายเก็บไว้(สำคัญนะ) อย่าทิ้งมันไป มันทำเราเจ็บเราต้องเอาคืนแต่ตอนนี้พักไว้ก่อน ทุกอย่างรอได้ครับ และอย่าตัดสินใจซื้อเพราะห้องนี้บอกว่าGOOOD หาข้อมูลก่อนว่าทำไมถึงGOOOD สุดท้ายอ่านคำแนะนำของกูรูในห้องนี้แยะๆ ขอกำไรจงมาหาและอยู่กับพวกท่าน เหล่าเม่าทั้งหลาย จากคุณ : oatzhu เขียนเมื่อ : 22 ม.ค. 54 01:02:34

ความคิดเห็นที่ 27 ตามจ่าคิมค่ะ ถึงประสบการณ์ไม่มาก แต่อยากจะบอกว่า port ก็ไม่ได้เลวร้ายเท่าไหร่ อย่าเครียดมากนะคะ เศรษฐกิจประเทศไทยก็ OK. อยู่ ดูซี่่คุณกรยังบอกจะไปถึง 1700 ถ้าไม่กล้า cut loss และเงินเย็นจริงๆ แนะนำว่าช่วงนี้ให้ปิดคอมและออกห่างจากตลาดหุ้นและข่าวสารต่างๆค่ะ การอยู่ในภาวะเดิมที่เครียดนานอาจทำให้เกิดโรคซึมเศร้าได้ บางครั้งการหยุด และออกมาตั้งหลักใหม่ก่อนอาจได้ idea อะไรดีๆก็ได้นะคะ ... เป็นกำลังใจให้ค่ะ จากคุณ : แสงส่องที่ปลายฟ้า เขียนเมื่อ : 22 ม.ค. 54 01:07:30

ความคิดเห็นที่ 28 ผมว่าถ้าเทียบเปอร์เซ็นต์แล้ว ตอนนี้ถือว่าไม่มากครับความรู้สึกเหมือนปอด 300,000 แล้วหายไป 25000 หรือ 30000 แล้วหายไป 2500 อะครับ  เพราะอย่างน้อยถ้าเราคัทเสร็จ เราศึกษาใหม่ เตรียมตัวใหม่ยังมีโอกาสเอา 250,000 กลับมาอย่างไม่ยากครับดูตามเปอร์เซ็นต์ดีกว่า แต่ผมว่าคุณมีเครดิตอีก 11 ล้านยิ่งน้อยเลยครับถ้ามีเงินสดอีกเอาทุนทั้งหมดมารวมกันเทียบเป็นเปอร์เซนต์ สองแสนนี่ไม่ยากเลยครับแต่ต้องตัดสินใจซื้อดีหน่อยแบบไม่ตามอารมณ์ตลาด แล้วยิ่งทุนเยอะๆ ต้องพื้นฐานดี เล่นรอบยาวหน่อยเอามั่นคงสักนิด เล่นหุ้นปั่นๆ สัก 10-15 เปอร์เซนของพอร์ตพอ   หลังจากนี้จัดระเบียบใหม่เลยครับ เอามั่นคงหน่อยไม่รีบ รอจังหวะดี ๆ แบ่งสัดส่วนเก็บระยะยาวมากหน่อย จากคุณ : kunmae เขียนเมื่อ : 22 ม.ค. 54 02:13:29

ความคิดเห็นที่ 29 portคุณไม่ได้เลวร้ายนัก ถ้าถอยหลังไป 1 เดือน...สีเขียวแน่ๆ ช่วงนี้ก็เป็นอย่างนี้แหละ สัปดาห์หน้าอาจดีขึ้น..เขียวได้ภายใน 2 วัน ผมมีเหมือนกับคุณ2ตัว CPALL..35.8 PTL...34.5 ผมเคยพลาดมาไม่น้อย แทบฆ่าตัวตายด้วยซ้ำ แต่คิดได้ว่ายังเหลือชีวิตอยู่ ต้องสู้กันไป ถ้าเหลือน้อยก็ใช้น้อย มาม่าใส่ผักเยอะ..ก็อยู่ได้แล้ว ซื้อไข่สัก1กิโล ใส่ลงไปด้วย ความพยายามอยู่ที่ไหน ความพยายามอยู่ที่นั่น...ล้อเล่นครับ สู้ๆๆ จากคุณ : autonomous เขียนเมื่อ : 22 ม.ค. 54 02:21:05

ความคิดเห็นที่ 30 ตามนั้น จากคุณ : แม่น้องอะตอม เขียนเมื่อ : 22 ม.ค. 54 02:51:16

ความคิดเห็นที่ 31 สู้ๆนะครับ จากคุณ : Papiruz เขียนเมื่อ : 22 ม.ค. 54 06:14:46

ความคิดเห็นที่ 32 ควรถอยมาตั้งหลักก่อนนะครับแบบนี้ จากคุณ : P Phod เขียนเมื่อ : 22 ม.ค. 54 06:49:30

ความคิดเห็นที่ 33 ขอบคุณที่เปิดปอดนะครับ ทำให้มีข้อวิจารณ์ ซึ่งทำให้คนอ่านได้รับความรู้เยอะเลย จากคุณ : zaffer เขียนเมื่อ : 22 ม.ค. 54 07:34:56

ความคิดเห็นที่ 34 ให้กิฟท์ปลอบใจแทนนะคะ เราก็เล่นมานาน แต่เล่นแบบไม่มีความรู้ ตอนนี้เริ่มแดงได้ 2% แล้วเหมือนกัน จากคุณ : paripan เขียนเมื่อ : 22 ม.ค. 54 08:49:58

ความคิดเห็นที่ 35 ทุนในพอร์ต 5.1 M line available 4.72 M mkt value 2.99 M รวมเป็น 7.71 M ยังไม่รวมที่เอาออกไปก่อนหน้านี้ 2 M กำไรประมาณ 37% ? จากคุณ : tobacco เขียนเมื่อ : 22 ม.ค. 54 08:52:22

ความคิดเห็นที่ 36 แวะมาให้กำลังใจค่ะ จากคุณ : Ascobic acid เขียนเมื่อ : 22 ม.ค. 54 08:53:44

ความคิดเห็นที่ 37 จากคุณ : sandee.kung เขียนเมื่อ : 22 ม.ค. 54 09:31:59

ความคิดเห็นที่ 38 ดูแล้วนี่ซื้อตามคนอื่นป่ะครับ เห็นใครบอกgoodก็ตามไปหมด ทำธุระกิจต้องไม่ใช้อารมณ์ หุ้นก็เช่นกัน ไม่ใช่หุ้นไม่ดี แต่คุณไม่ได้ดูเลยว่ามันไปถึงไหนแล้ว อ่านเยอะครับแล้วมีสติ จากคุณ : ANUBIS[TJ] เขียนเมื่อ : 22 ม.ค. 54 11:00:08

ความคิดเห็นที่ 39 เล่นตัวดังๆ ทั้งนั้นเลยอ่ะ AJ PTL JAS ต้องแบง พอร์ต รับพวก ป  หรือ หุ้นปันผลมั่งคับ จากคุณ : BonShi เขียนเมื่อ : 22 ม.ค. 54 11:33:35

ความคิดเห็นที่ 40 ถ้ามองว่าแนวโน้มเศรษฐกิจยังเติบโตต่อเนื่อง เรื่องคัทหรือล้างพอร์ทคงไม่จำเป็นถ้าคุณเน้นการลงทุน จากคุณ : Narinph เขียนเมื่อ : 22 ม.ค. 54 11:42:46

ความคิดเห็นที่ 41 ผมได้พิจารณาพอร์ตของคุณ modpon แล้ว มันทำให้ผมคิดถึงบทความนี้ขึ้นมา ลองอ่านดูนะครับ เขียนโดยคุณ มนตรี นิพิฐวิทยา ================================================= เรื่อง "อย่าจับจังหวะตลาด" โดย : มนตรี นิพิฐวิทยา (16 ยุทธศาสตร์ พิชิตการลงทุน) แนวคิดง่ายๆที่นักลงทุนหลายๆท่านต่างก็เข้าใจและพยายามทำให้ได้ในทุกครั้งที่ซื้อขายหุ้นคือ "ซื้อหุ้นตอนที่ยังถูกและขายตอนแพง" แต่พอเอาเข้าจริงทำกันไม่ค่อยได้ ไม่อย่างนั้นคงไม่มีคำพูดว่า "ติดดอย และขายหมู" แน่นอน ดังนั้นผมขอบอกไว้ก่อนว่ายุทธศาสตร์ข้อนี้ "เป็นแนวคิดง่ายๆ แต่ยากในการปฏิบัติ" !! คงมีไม่กี่ครั้งที่เราสามารถซื้อขายได้ถูกเวลา เราอาจซื้อได้ถูกในบางครั้งแต่นั้นไม่ใช่เพราะเราประเมินราคาได้อย่างถูกต้อง แต่เป็นเพราะเราโชคดี และตอนขายนี่ยากกว่าตอนซื้อมากนัก และมักจะขายแล้วราคายังขึ้นต่อ นำความเจ็บช้ำน้ำใจมาสู่เราได้ตลอดเวลา จากการศึกษาแล้ว การจับจังหวะเข้าซื้อหรือขายนั้นหากทำได้จะสร้างผลตอบแทนได้อย่างมหาศาล และมากกว่าเทคนิคการลงทุนใดๆทั้งปวง แต่ในความเป็นจริงมันทำไม่ได้ ฉะนั้นที่หลายต่อหลายท่านมักถามผมว่า "ตอนนี้ตอนนั้น ตลาดจะเป็นอย่างไร? ซื้อได้ไหม?" ผมตอบเหมือนเดิมเหมือนเมื่อสิบปีที่แล้วครับ คือ "รู้ก็ดีซิ ไม่มาบอกฟรีๆหรอก ทำเป็นข้อมูลขายดีกว่า" ไม่ได้กวนจริงๆ ที่ตอบอย่างนั้นก็เพราะไม่รู้ ถ้ารู้ผมคงรวยโดยไม่ต้องทำอะไรมาก แค่ขายคำทำนายก็รวยแล้ว สรุปก็คือ การจับจังหวะตลาดนั้นทำได้ยากมาก และโอกาสถูกต้องนั้นก็น้อยมากๆเช่นกัน แล้วถ้าเป็นอย่างนี้จะทำอย่างไร? กำปั้นทุบดินครับ ก็ไม่ได้ไปใส่ใจกับตลาด เพราะเราไม่ได้ซื้อหุ้นทั้งตลาด เราซื้อหุ้นรายบริษัทที่เราวิเคราะห์แล้วว่าดี และใช้วิธีรอราคาถูกๆ หรือเฉลี่ยซื้อไปเรื่อยๆ ขายก็เช่นกัน เกินราคาที่ประเมินไว้แล้วก็ทยอยขาย ที่ทำอย่างนี้เพราะธรรมชาติของตลาดสินทรัพย์ทางการเงินทุกชนิดมีลักษณะตามแห่ครับ สังเกตให้ดี เมื่อราคาหุ้นขึ้นจะมีคนมาแย่งกันซื้อ แต่ถ้าราคาลงก็แย่งกันขาย และถ้าความมั่นใจของนักลงทุนในตลาดปรับสูงขึ้นพร้อมๆกันเมื่อไร สังเกตให้ดีครับ ไม่นานตลาดจะปรับลง และต่อให้หุ้นมีพื้นฐานดีอย่างไร ราคาหุ้นนั้นก็ลงตามตลาดด้วย เป็นอย่างนี้มาตลอด กฎข้อนี้ถือว่าตายตัว เพราะเป็นนิสัยถาวรของมนุษย์ทุกคน คือ "โลภ และ กลัว" และขอให้สังเกตอีกครั้งว่า เมื่อตลาดหุ้นอยู่ในสภาพที่ไม่ดู เราจะเห็นว่ามีการซื้อขายน้อยมาก ไม่ว่าด้วยเหตุผลใดก็ตาม นักลงทุนต่างก็นั่งทับเงินเอาไว้ก่อน แน่นอนทุกคนมักจะพูดว่า "ฉันใช้วิธีซื้อถูกๆและขายตอนแพง" ด้วยกันทั้งนั้น แต่พอหุ้นลงต่างก็นั่งนิ่งๆรอให้ตลาดดูดีก่อนแล้วค่อยซื้อหุ้น ซึ่งนั้นก็คือตลาดเริ่มปรับตัวดีขึ้นแล้ว ราคาหุ้นตัวที่น่าสนใจก็ปรับขึ้นแล้วเช่นกัน และนักลงทุนหลายๆคนก็มักจะสนใจหุ้นที่ปรับตัวดีขึ้นกันทั้งนั้น ผลตอบแทนที่เรามักจะได้คือ ผลตอบแทนค่าเฉลี่ยเหมือนกันกับทุกๆคนที่ซื้อหุ้นตอนตลาดดีๆ หรือกล่าวอีกนัยหนึ่งคือ “เราจะไม่ได้ผลตอบแทนที่ดีกว่าตลาด หากเราคอยจับจังหวะตลาด” และถ้าหากเราคอยซื้อเมื่อตลาดดีแล้ว นั่นหมายถึงมีคนซื้อมาก่อนหน้าเรามากแล้ว ราคาคุณนั้นอาจจะกำลังแพงเกินไปแล้วก็ได้ กรณีนี้มีความเสี่ยงสูงที่หุ้นนั้นกำลังถูกขายทำกำไรในอีกไม่นานนี้ เบนจามิน เกรแฮม บิดาแห่งการวิเคราะห์หลักทรัพย์ ผู้แต่งตำราคลาสสิคเรื่อง นักลงทุนผู้ชาญฉลาด หรือ Intelligent Investor และ การวิเคราะห์หลักทรัพย์ หรือ Security Analysis ได้กล่าวไว้ว่า “ให้ซื้อหุ้นเมื่อหลายๆคน...รวมถึงผู้เชี่ยวชาญต่างๆ...มีความคิดในแง่ร้ายต่อตลาด และขายเมื่อพวกเขาเหล่านั้นมีความคิดต่อตลาดในเชิงบวกมากๆ” เบอร์นาร์ด บารัค อดีตที่ปรึกษาประธานาธิปดีสหรัฐฯที่ประสบความสำเร็จท่านหนึ่งในประวัติศาสตร์ กล่าวไว้ว่า “อย่าทำอะไรตามฝูงชนเป็นอันขาด” พฤติกรรมทำอะไรตามๆกันนั้นเป็นธรรมชาติของสัตว์หลายๆชนิด รวมถึงมนุษย์ด้วย อาจเป็นการยากสำหรับพวกเราที่จะทำอะไรสวนกระแส หลายครั้งหลายหนอาจจะถูกมองว่า “เพี้ยน” ทำอะไรไม่เหมือนชาวบ้าน เช่นการซื้อหุ้นตอนที่ชาวบ้านเขาขายหรือช่วงที่ตลาดตกต่ำย่ำแย่ และขายตอนที่ตลาดยังดูดี หรือตอนที่ผู้เชี่ยวชาญเรื่องหุ้นยังคงแนะนำให้ซื้อหุ้น และยังคงเชื่อว่าหุ้นจะปรับตัวดีขึ้นเรื่อยๆก็ตาม สังเกตให้ดีครับ เมื่อทุกคน รวมถึงผู้เชี่ยวชาญทั้งหลายต่างออกมาบอกว่า ตลาดจะขึ้นไปที่นั่นที่นี่ จากนั้นไม่นาน ตลาดจะปรับฐาน หรือไม่ก็ลงอย่างรุนแรง แต่ถ้าพวกเขายังมีความเห็นที่ระมัดระวังอยู่ หุ้นจะยังไม่ไปไหน เห็นไหมครับ ว่าเป็นแนวคิดง่ายๆ “ซื้อตอนถูก ขายตอนแพง” แต่ปฏิบัติได้ยากจริงๆ !!! ================================================= ที่มา : http://board.thaivi.org/viewtopic.php?f=7&t=46102 จากคุณ : Bata (Again-With-Love) เขียนเมื่อ : 22 ม.ค. 54 12:27:12

ความคิดเห็นที่ 42 รวมทั้งยังอยากให้อ่านบทความเตือนใจนี้ ที่ผมนั่งอ่านอยู่ทุกครั้ง ก่อนตัดสินใจอะไรในตลาดแห่งนี้ เอาไว้เตือนใจตัวเองครับ ================================================= เรื่อง : บันทึกแห่งสัจธรรม โดย : ตะวัน สุรัติเจริญสุข นักเล่นหุ้นแทบทุกคนที่ถูกดึงเข้ามาสู่ตลาดหุ้น มักเชื่อมั่นว่าจะร่ำรวยกลับออกไป แต่คนที่ยืนอยู่บนเวทีแห่งนี้ได้ตลอดรอดฝั่ง กลับมีเพียงแค่หยิบมือ ตลาดหุ้นเป็นเวทีเดียวที่เปิดโอกาสให้กับคนที่ไม่จบปริญญา สู้กับคนระดับดอกเตอร์ได้อย่างเท่าเทียม บทเรียนในตลาดหุ้น มักไม่มีสอนในตำรา แม้แต่ "เซียน" ก็ตกม้าตายมาแล้วนับไม่ถ้วน ตลาดหุ้นมีกฎของมันเอง เป็นกฎของความไม่แน่นอน บางครั้งก็เป็นกฎที่อยู่นอกเหนือจากสิ่งที่คนส่วนใหญ่เชื่อ ด้านมืดที่สุดที่มองเห็น อาจเป็นจุดเริ่มต้นของโอกาส ทางที่คิดว่าปลอดภัยดีแล้ว อาจเป็นทางที่มืดสนิท ในขณะที่มนุษย์มีอิสระที่จะเลือกแนวทางของตนเอง ตลาดหุ้นกลับต้องเผชิญกับแรงกระเพื่อมของ "อารมณ์" จากเสรีภาพนั้น เหตุนี้หุ้นจึงจะสะท้อนเหตุการณ์ล่วงหน้าได้มากกว่าที่ควรจะเป็น และทิ้งช่องว่างของ "โอกาส" ให้ผู้คนเข้ามาแสวงหาความร่ำรวยตลอดเวลา กลไกนี้ทำงานโดยตัวมันเองไม่เคยเปลี่ยนแปลง ไม่มีทฤษฎีที่จะเอาชนะความไม่แน่นอนของตลาดหุ้นได้ ถ้าอยากจะเอาชนะตลาดหุ้น ต้องเอาชนะ ความโลภ ความกลัว และความคาดหวังของตัวคุณเองให้ได้เสียก่อน จงจำไว้...ไม่มีสักครั้งที่ตลาดหุ้น จะร้องไห้เสียใจให้กับใคร ทะเลถ้าปราศจากคลื่นฉันใด...ก็ย่อมไม่ใช่ทะเล นี่คือ สัจธรรม ================================================ ที่มา : จากปกหลังหนังสือเรื่อง "ขี่กระทิง วิ่งราวเซียน" (โดย ตะวัน  สุรัติเจริญสุข) จากคุณ : Bata (Again-With-Love) เขียนเมื่อ : 22 ม.ค. 54 12:30:32

ความคิดเห็นที่ 43 พอกลับไปดูพอร์ตของตัวผมเอง เลยแวะเข้ามาปลอบใจ จขกท. อีกที ว่า... "ซื้อหุ้นตัวใหญ่ๆดีๆแล้วราคามันลง ก็คงจะดีกว่าซื้อหุ้นตัวเล็กๆแล้วราคาลงอ่ะนะครับ" ยังไงก็น่าจะมีอนาคตมากกว่านะครับ ถ้าตลาดกลับมาเป็น Trend ขาขึ้น อาทิเช่น หุ้น E ของกระผม ซื้อมาไม่ถึง 2 - 3 เดือน ขาดทุนซะเพียบเชียว ดีนะ ซื้อแค่ร้อยหุ้น 555+ ปล. ตอนนี้ผมมีหุ้นในพอร์ตทั้งหมด 26 ตัวแล้วขอรับ จะซื้อไปทำไมเยอะแยะฟร่ะ...ตรู แก้ไขเมื่อ 22 ม.ค. 54 12:43:28 จากคุณ : Bata (Again-With-Love) เขียนเมื่อ : 22 ม.ค. 54 12:41:44

ความคิดเห็นที่ 44 ผมเคยโง่ และโง่ยิ่งกว่าพี่อีกครับ แต่ผมบอกว่ากับตัวเองว่า ขอโง่แค่ช่วงนั้นช่วงเดียว ผมโง่ และเรียนรู้ว่ามันผิดพลาดอย่างไร และเรียนรู้ที่จะไม่เดินซ้ำ ผมโง่ เพื่อที่จะไม่โง่ซ้ำอีก คนฉลาดและเก่งในวันนี้ ก็คือคนที่เคยโง่ เมื่อวันวานครับ มาเป็นกำลังใจให้ และขอให้เรียนรู้ความผิดพลาด และเมื่อวันที่พี่มีพอร์ตร้อยล้าน พี่จะไม่รู้สึกเสียดายเลย ที่วันนี้พี่จ่ายค่าครูไปไม่กี่แสน สู้ๆครับ ^^ จากคุณ : shine-rise เขียนเมื่อ : 22 ม.ค. 54 12:44:40

ความคิดเห็นที่ 45 ยังเหลือทุน ยังเหลือแรง ก็ไม่สิ้นหวัง ขาย cutloss แล้วออกมาทบทวนตัวเองว่ามีอะไรผิดพลาดและจะเลือกแนวทางใดในการลงทุน ให้หากลยุทธ์ใหม่ในการซื้อขายหุ้น จะเลือกแนวเทคนิค แนวพื้นฐาน ก็ได้  อาจยังไม่ต้องลงเงินจริง แต่ลองทำการบ้านในกระดาษหาข้อมูล อ่านหนังสือ เมื่อไหร่มั่นใจในสิ่งที่ศึกษาแล้วค่อยๆเพิ่มเงินลงไป ไม่ต้องกลัวไม่ทันคนอื่น ตราบใดที่มีทุน มีเวลา มีแรงทำงาน ไม่มีคำว่าสาย สำหรับนักลงทุนครับ จากคุณ : พ่อน้องนา เขียนเมื่อ : 22 ม.ค. 54 13:05:28

ความคิดเห็นที่ 46 แนะนำอ่าน หนังสือ "หุ้นห่านทองคำ" ของ คุณเทพ รุ่งธนาภิรมย์ค่ะ หากไม่ได้หนังสือเล่มนี้คงรู้สึกว่าตลาดหุ้นไม่น่าเข้าใกล้ และไม่รู้จะลงทุนอย่างไรค่ะ จากคุณ : i_boomka เขียนเมื่อ : 22 ม.ค. 54 13:08:07

ความคิดเห็นที่ 47 ผมเคยถามเม่าโง่ๆอยู่คนนึง เขาจะซื้อเวลาหุ้นลงและขายเวลาหุ้นขึ้น แต่เขาไม่เคยคิดว่าเวลาหุ้นลงเขาซื้อ ถ้ามันลงอีก ลงซ้ำ ลงเรื่อยๆละทำยังไง ? คำตอบของคำถามนี้มีมากมาย อยู่ในหนังสือหลายๆเล่ม สิ่งนึงที่ผมรู้จาก จขกท คือ ท่านหาจังหวะซื้อขายไม่เป็นครับ แก้ไขเมื่อ 22 ม.ค. 54 13:23:56 จากคุณ : chai012 เขียนเมื่อ : 22 ม.ค. 54 13:22:20

ความคิดเห็นที่ 48 ผมก็เคยขาดทุนเกือบ 50% ครับ เข้าใจความรู้สึกดี อย่าเพิ่งยอมแพ้ยังไงก็เอาใจช่วยนะครับ จากคุณ : coffee4you เขียนเมื่อ : 22 ม.ค. 54 13:58:42

ความคิดเห็นที่ 49 เข้ามาอ่านและเป็นกำลังใจให้ค่ะ จากคุณ : kungchan เขียนเมื่อ : 22 ม.ค. 54 14:47:09

ความคิดเห็นที่ 50 ข้อสังเกตุ 1. มีหุ้นหลายตัวเกินไป 2. ทำให้แต่ละตัวมีวอลลุ่มไม่มาก ถึงกำไรก็กำไรไม่เยอะ 3. ส่วนใหญ่ต้นทุนเฉลี่ยของยอดๆดอย แสดงว่าอาจซื้อตอนใกล้พีค แล้วซื้อเฉลี่ยขาลงลงมา 4. ส่วนใหญ่เป็นหุ้นเทิร์นอะราวนด์  แต่ไปรับหุ้นตอนเกือบพีคหรือเกือบจบรอบพอดี 5. ลองขายคัททิ้งบางตัวให้เหลือหุ้นน้อยตัวลง จะช่วยให้มีเวลาดูแลหุ้นแต่ละตัวได้มากขึ้น+ใกล้ชิดขึ้น+ละเอียดขึ้น ลองดูนะครับ  ค่อยๆทำ  เพระาหุ้นสามารถเล่นได้ตลอดชีวิต ครับ จากคุณ : Joey999 เขียนเมื่อ : 22 ม.ค. 54 15:09:06

ความคิดเห็นที่ 51 เห็นปอดพี่แล้วผมจุกแทนเลยคร้าบ ... แต่อย่างที่ข้างบนเค้าแนะนำกันแหละ หุ้นหลายๆตัว ไม่น่าเข้าเลยจริงๆ  น่าจะมีหลักการเข้าซื้อบ้างนะครับ ไม่ว่าจะ TA หรือ พื้นฐาน เพราะเท่าที่ดูเนี่ย เหมือนแห่ซื้อตามเวลามันพุ่งจริงๆ ขอให้ตั้งหลักได้ไวๆครับ จากคุณ : ^MoOn_Man^ เขียนเมื่อ : 22 ม.ค. 54 15:35:13

ความคิดเห็นที่ 52 สำหรับผม ก็เป็นอดีตนักเก็งกำไร มาซื้อตอนชาวบ้านเขาฮือฮาเหมือนกัน อยู่เกือบยอดดอย PTT ช่วงแฮมเบอร์เกอร์บูด ตอนหลังเลิกแล้ว หุ้นปั่นหรือเล่นรอบ ดัีงนั้น คงไม่ซ้ำเติมกัน มีสติ แก้ไขดีกว่า ข้อแรกคือ คุณเอาปอดวันตลาดเลือดสาด แดงเดือดมา ก็เป็นของธรรมดาที่มันจะแดง ตอนนี้เศรษฐกิจโลก ยังไม่ไดพังพินาศ จนจะทำให้คุณติดลบมากกว่านี้มากมาย เหมือน 1997 หรอื 2008-09 ข้อถัดไปคือ ขอบอกตัวที่พอจะรู้จัก ว่าพื้นฐานยัีงดี ตัวที่จะพูดถึงต่อไปนี้ เขียวแน่นอน ไม่ใช่หมอดู แต่ดูจากตัวเลข ประวัติศาสตร์อดีต และผลงานไตรมาสที่ผ่านมา HMPRO SAT CPALL JAS ตัวนี้ มันคือ Turnaround PE กำลังจะลดจต่ำลง เพราะ PE ที่โชว์หน้า SET ปัจจุบัน ใช้ไม่ได้แล้ว เป็นผลประกอบการตกต่ำในอดีต ตัวที่เหลือ ไม่กล้าวิจารณ์ เพราะไม่รู้จริง แต่คุณมี PTL เยอะ 57% ของปอด และ AJ ด้วยพอกล้อมแกล้ม คุณรู้ที่มาไหมครับ ว่าทำไม 2 ตัวนี้ราคามันถึงขึ้น? ของจริงก็คือเป็นเพราะฟิล์มขาดตลาดครับ หลัก demand-supply ที่คนซื้ออยากได้ของจนคนขายผลิตไม่ทัน เหมือนยาง STA ที่คุณมี (กับ TRUBB แต่ปีที่ผ่านมา ลิ่งให้คนลิงโลด แต่มันก็มีของปลอมก็คือกระแสปั่นอยู่ด้วย TFI ก็อุตสาหกรรมเดียวกันกับ PTL/AJ ก็น่าจะรอด แต่ 23% จะหลุดไปรึเปล่ายังไม่แน่ใจ แต่ก็น่าจะขาดทุนน้อยลง ผมไม่มีข้อมูลมากมายนัก 3 ตัวนี้ เป็น cyclical stock หรือหุ้นวัฏจักร คุณไปรับตอนมันไต่ขึ้นสูงไปแล้ว แต่เชื่อว่าผลปลายปี  จะออกมาดี เลยเชื่อว่าคุณจะขาดทุนน้อยลง หรือถ้าผลออกมาดีมาก แล้วจะกลายเป็นกำไรพอกล้อมแกล้ม ดังนั้น ตัวที่ผมพูดถึง ไม่ขายก็ไม่ขาดทุน เพราะกิจการยังไม่ได้เจ๊งหนีไปไหน แค่ราคาหวั่นไหวไปตาม Mr. Market เลยย้ำว่า อย่าตกใจ คุณเอาปอดวันตลาดเลือดสาด แดงเดือดมาติดๆ กัน ก็เป็นของธรรมดาที่มันจะแดง  PTL ติดลบ 7.5% เรื่องจิ๊ดๆครับ เจ้าตัวจริงออกมาแผลงฤทธิ์ซึ่งก็คือผลประกอบการออกมาปลายกุมภา ถ้าดี เดี๋ยวก็หลุด รอไปตั้งจังหวะใหม่ ตลาดมันก็แบบนี้ ไม่มีใครคำนวณล่วงหน้าได้จริง แต่ผมว่าคุณรอสักระยะใจเย็น หรือสักเดือนรอผลประกอบการมาอย่างที่บอก แล้วค่อยๆ ล้างออกไป เพราะคุณซื้อตอนที่ราคามันสูงไปแล้ว ความปลอดภัยมันเลยต่ำ เข้าผิดจังหวะไปแล้ว ยังมีโอกาสออกครับ พอมันเริ่มเขียวจังหวะเห็น "องค์ลง" สั่นพั่บๆวันไหน ล้างไปเถอะ ไปหาตัวที่มันสะท้อนมูลค่าไม่มาก จะดีกว่าไปตามกระแสที่เขาปั่น หวังว่าจะใช้ประสบกาณ์ ณ ปอดแดงสอนตัวเองวันนี้ว่า ไปหาความรู้ ก่อนที่จะซื้อ อย่าไปซื้อตอนมันร้อนเฮโลตามชาวบ้านอีก  แก้ไขเมื่อ 22 ม.ค. 54 17:27:26 จากคุณ : Ii'8N เขียนเมื่อ : 22 ม.ค. 54 17:13:02

ความคิดเห็นที่ 53 อย่างดีผมบอกว่า รู้ PTL อยู่ห่างๆ เลยไปค้นดูใน Thai VI มีคนวิเคราะห์ในนั้นว่า ปีนี้ ผลประกอบการ จะออกมาสูงที่สุด นับแต่เปิดบริษัท เพราะราคาสินค้าที่จำหน้่ายสูงขึ้น แต่ต้นทุน ไม่ได้สูงตาม ถ้าไม่มีเหตุการณ์การเมือง หรือเศรษฐกิจโลก น่ากลับมาเขียวแน่นอน ดังนั้น ลองไป download ข้อมูล 3 ไตรมาสผ่านมาส (งบการเงิน) พร้ัอมประมาณการไตรมาสที่เหลือ ก็น่าจะรู้ได้ http://www.set.or.th/set/companynews.do?symbol=PTL&language=th&country=TH ขอให้โชคดีครับ จากคุณ : Ii'8N เขียนเมื่อ : 22 ม.ค. 54 17:38:31

ความคิดเห็นที่ 54 ตามความเห็นส่วนตัวอาจไม่ถูกต้อง ถ้าจะเล่นเดย์เทรด  ควรไปเรียนรู้วิชากราฟมาเป็นเครื่องมือนะครับ ถ้าจะเล่นพื้นฐาน  ก็ควรอ่านงบดุลพอได้ เลือกทางเดินมีเครื่องมือ  จะเสียหายน้อยลงและมีกำไรมากขึ้น ไม่มีอะไรที่ผิดตลอด  และเช่นกันไม่มีอะที่ถูกต้องทุกครั้งไป สู้ครับ บทเรียนนี้ใช้เงินซื้อมาแล้ว จากคุณ : P_ปรัชญา เขียนเมื่อ : 22 ม.ค. 54 19:25:22

ความคิดเห็นที่ 55 ลบดีกว่า อาย อิอิ สงสัยจะสอนจระเข้ให้ว่ายน้ำ แก้ไขเมื่อ 22 ม.ค. 54 21:34:23 จากคุณ : monomaniac }:-] เขียนเมื่อ : 22 ม.ค. 54 19:55:34

ความคิดเห็นที่ 56 ผมเห็นด้วยกับ คห.8ครับ หุ้นเกือบทุกตัวมีเจ้าของ การวิเคราะห์ทั้งปัจจัยพื้นฐานหรือเทคนิค จะไม่มีประสิทธิภาพเลย  แต่เป็นกำลังใจให้ครับ จากคุณ : เสือกิ๋น เขียนเมื่อ : 22 ม.ค. 54 20:37:52

ความคิดเห็นที่ 57 ขอบคุณทุกท่านมากครับ ทุกความคิดเห็น ทุกคำล้วนเป็นประโยชน์และเปิดหลายๆมุมมองให้ผมเองอย่างมาก ทุประสบการณ์ในตลาดที่ผมผ่านมา ผมก็พยายามทบทวนและนำไปปรับปรุงตัวเอง รวมทั้งทุกคำชี้แนะจากทุกท่านด้วย คุณIi'8N กิฟท์ผมหมดพอดีนะครับ ขอโทษจริงๆ ผมอยากให้พอร์ทผมเป็นประโยชน์กับทุกๆท่านที่เข้ามาอ่านด้วยเลยตั้งใจเปิดให้ดูหมด ถ้าทุกท่านอ่านรายละเอียดข้อมูลต้นทุนเงินที่ลงในพอร์ต กับเงินที่เหลือก็จะทราบดีว่าผมยังพอมีกำไรอยู่บ้าง แต่การที่กำไรค่อยๆหายไปทุกวันๆ โดยไม่ทำอะไรเลย ทำให้ผมรู้สึกผิดพลาดและสับสน ความมั่นใจในหุ้นที่ถืออยู่ก็เริ่มหมดไป เลยตัดสินใจมาเปิดรับมุมมองจากหลายๆท่านเพื่อเตือนสติในสิ่งที่บางครั้งผมอาจยังไม่ได้คิดถึงหรือพลาดไป จากพอร์ตที่เห็นผมจะให้น้ำหนักไปที่หุ้นฟิล์มเป็นส่วนใหญ่แต่ผมไม่ได้เริ่มซื้อราคาที่เห็น ptl ผมเริ่มซื้อตั้งแต่ 19 บาท และเริ่มหาข้อมูล มากขึ้นทำให้มั่นใจก็ทะยอยซื้อเพิ่มทุกครั้งที่ราคาย่อลงมา ขายตัวไหนมาก็มาลงหุ้นฟิล์มหมด เพราะตอนนั้นมั่นใจว่าผลประกอบการต้องดีแน่ๆ eps ต่อหุ้น สูงสุดเป็นประวัติการณ์ แต่เมื่อถึงเราจะรู้  eps ที่แน่นอนจริง แล้วราคาจริงในตลาดล่ะครับ จะเป็นเท่าไหร่ เพราะ pe แต่ละคนประเมิณไม่เท่ากัน ตรงนี้ยิ่งทำให้ความมั่นใจผมหายไปหมดเมื่อตลาดเริ่มผันผวนหนัก และไม่ทราบว่าถ้าเป็นขาลงจริงๆแล้วนั้นไอ้กำไรที่ได้มาคงจะหมดไปอย่างรวดเร็วจนกระทั่งกลายเป็นขาดทุน ที่ผ่านมาที่ผมมีกำไรมาได้ก็เป็นเพราะเป็นช่วงตลาดขาขึ้นทำให้การที่ผมใช้วิธีซื้อ-ขาย โดยทะยอยซื้อเมื่อราคาย่อ และทะยอยขายเมื่อราคาพุ่งขึ้นแรงๆ แล้วกลับมารับกลับเมื่อราคาย่อลงมา บางครั้งก็ต้องตามไปซื้อที่ราคาแพงกว่าที่ขายไป ทำให้ราคาต้นทุนในพอร์ตจะสูงตลอดเวลา ตอนนั้นที่ผมคิดคือไม่อยากขายหมู เพราะเราประเมิณราคาที่แท้จริงไม่ได้ ถึงเราจะคำนวณค่า eps ในแต่ละปีได้ใกล้เคียงแค่ไหนก็ตาม เพราะค่า pe ที่ตลาดจะให้กับหุ้นตัวนั้นๆ บอกตรงๆว่าผมดูไม่ออกจริงๆ ptl เริ่มซื้อ-ขาย ตั้งแต่ราคา 19 บาท ทะยอยซื้อตลอดทางจนถึงราคา 42 บาท จากความมั่นใจว่ากำไรในอีก 2 ไตรมาสที่จะถึงดีมากๆแน่ๆ ผมประเมิณทั้งปี 2553 ว่า eps น่าจะได้ น้อยสุดคือ 4.5 แต่ในใจคิดว่า ถึง 5 แน่ๆ จากราคา bopet ที่เพิ่มขึ้นอย่างมาก เลยมั่นใจ เลยซื้อมาตลอดทาง ขายตัวไหนมาก็มาลงหุ้นฟิล์มหมดทุกครั้งที่ราคามันย่อลง ทำให้ต้นทุนสูงขึ้นมาก โดยลืมคิดไปว่าแล้วถ้าตลาดให้ค่า pe หุ้นที่เรามีต่ำๆล่ะ มันก็ทำให้ราคามัน over value จากที่เราคิดไปเยอะทำให้เราขาดทุนล่ะสิ และนี่ก็คงเป็นอีกข้อผิดพลาดที่ผมมี aj เริ่มซื้อตั้งแต่ 15 บาท ตอนซื้อคิดว่าหุ้นฟิล์มดีทุกตัวแน่ปีนี้ แต่ราคายังขึ้นน้อยกว่า ptl ที่ขึ้นแรงนำไปก่อนแล้ว ตัวนี้ยังไงก็ต้องขึ้นตาม แต่ให้สัดส่วนน้อยกว่า ptl เพราะผลิตภัณฑ์ สัดส่วนไม่เท่ากัน ตัวนี้จะเน้น bopp มากกว่า ราคาจะไม่สูงเท่า bopet ของ ptl ผมเลยซื้อไว้แค่ สิบกว่าเปอร์เซ็นต์ของที่ซื้อ ptl tfi นี่เป็นตัวที่ผิดพลาดอย่างแรง ถือเป็นการเล่นกับไฟโดยแท้จริง ตัวนี้เพราะความโลภของตัวเองอย่างแท้จริงเพราะเคยได้กำไรจากการทำลิ่งมา 2 ครั้งมั๊งครับถ้าจำไม่ผิด ขายทิ้งไปแล้ว กำไรหลักแสน แต่ในที่สุดความโลภของตัวเองบังตาเลยคิดว่ายังไงมันก็หุ้นฟิล์ม ราคามันต้องไปเหมือนกันแน่ๆพลาดแล้วไม่ยอมหนีกลับลงซ้ำไปอีกหวังจะเอาคืนจุดจบเลยเป็นอย่างนี้ ได้มาจากตัวนี้เท่าไหร่ มันก็ตามกลับไปยิ่งกว่าที่ได้มาจนได้ Cpall ก็เริ่มซื้อตั้งแต่ราคา 20 บาท ทั้งซื้อ ทั้งขาย มาตลอดทาง จนมาขายราคาสุดท้ายที่ 40-41 บาท แล้วกลับมาซื้ออีกที 38-39 Hmpro นี่ก็เริ่มซื้อตั้งแต่ 7 บาท ทะยอยซื้อเพิ่มมาจนได้ปันผลเป็นหุ้นและหลังจากราคา ไป11บาท แต่ไม่ได้ขายเพราะคิดว่ายังไงก็คงถึง12บาท แต่ก็ตกลงมาทุกครั้ง แล้วทะยอยขายไป ราคา 9.5-10.5 บาท Jas นี่อาจเรียกว่าซื้อตามก็คงได้ เพราะเห็นผู้บริหารซื้อเยอะมาก และธุรกิจอินเตอร์เนตคงต้องอยู่อีกนานและมีแนวโน้มเติบโตได้มากจริงๆ รู้แค่นี้ เลย ทะยอยซื้อตลอดที่ตก ในราคาที่เห็นนี่แหละครับ sat คิดว่าอุตสาหกรรมรถยนต์คงจะยังคงดีในปีนี้ และเคยในหนังสือหุ้นหรือเวบไหนจำไม่ได้ เคยอ่านได้ความว่าราคาหุ้นยานยนต์จะยังคงดีต่อเนื่องไปอีกหลายปีหลังจาก อุตสาหกรรมยานยนต์ดีถึงจุดพีค เลยตัดสินใจซื้อ sat เพราะเห็นว่าราคาย่อลงมาพอควร sta เริ่มซื้อตั้งแต่ 20 บาท ทะยอยเก็บมาตลอดทางจนมาขายที่ราคา 40 บาท แล้วกลับมารับใหม่ เพราะเห็นว่าราคายางล่วงหน้ายังคงสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง อุตสาหกรรมยางคงจะยังคงดีต่อไปเพราะ ยางเป็นสิ่งจำเป็นในหลายๆอุตสาหกรรม และ โดยเฉพาะถ้ากลุ่มยานยนต์ดี ก็น่าจะทำให้ sta ดีตามไปด้วย หุ้นทุกตัวในพอร์ตที่ผมมีตอนนี้ ผ่านการซื้อๆ ขายๆมาแล้วเกือบทุกตัว บางตัวเคยขายไปตอนราคาสูงสุด แล้วพอราคาลงมาก็กลับไปซื้อที่ราคาต่ำกว่าที่ขายไป เพราะคิดว่ากิจการในปีนี้ยังคงดีอยู่ทุกตัว ทุกตัวล้วนเคยทำกำไรแล้วขายออกมาก่อนแล้วทั้งนั้น มันเลยทำให้ผมไม่ได้คิดถึงความผิดพลาดของจังหวะในการซื้อ-ขายที่เกิดขึ้น ในพอร์ตที่เห็นมีตัวเดียวคือ utp ที่เพิ่งซื้อ นอกนั้นเคยขายทำกำไรออกมาบ้างแล้วทุกตัวครับ ซึ่งมาตอนนี้ในลักษณะการซื้อ-ขายแบบที่ผมทำอยู่ถือว่าเป็นความผิดพลาดมาก มันทำให้เกิดความสับสน และความมั่นใจที่มีหายไป แต่ก็ทำให้ผมได้กลับมาทบทวนการลงทุนใหม่และได้รับฟังความเห็นดีๆจากทุกๆท่านที่มีน้ำใจ ขอบคุณมากๆเลยครับทุกๆท่าน ขอให้ทุกท่านประสบความสำเร็จในการลงทุนครับ จากคุณ : modpon เขียนเมื่อ : 22 ม.ค. 54 21:14:08

ความคิดเห็นที่ 58 เป็นกำลังใจให้ จขกท. สู้ๆ นะครับ ศึกษา เรียนรู้เพิ่มเติมเพื่อ สักวันจะได้ไปของเรา ครับ จากคุณ : Mr.BonBon เขียนเมื่อ : 22 ม.ค. 54 21:22:44

ความคิดเห็นที่ 59 ขอบคุณ คุณ P_ปรัชญา ,คุณ monomaniac }:-] และ คุณ เสือกิ๋น ด้วยนะครับ ขอโทษด้วยครับที่กิฟท์หมดครับ จากคุณ : modpon เขียนเมื่อ : 22 ม.ค. 54 21:33:11

ความคิดเห็นที่ 60 ขอบคุณ คุณMr.BonBon ด้วยครับ หวังว่าข้อแนะนำของทุกๆท่านและพอร์ตที่เกิดจากการลงทุนที่ผิดพลาดของผมคงเป็นประโยชน์และเป็นบทเรียนให้กับอีกหลายๆคนที่มีโอกาสได้อ่านกระทู้นี้ไม่มากก็น้อยนะครับ จากคุณ : modpon เขียนเมื่อ : 22 ม.ค. 54 21:39:19

ความคิดเห็นที่ 61 ลองคิดกลับ  คุณขายทำกำไรไปเท่าไหร่   รวมกำไรแล้ว มากกว่าหรือน้อยกว่าส่วนที่ขาดทุน ณ ตอนนี้   อยากจะคุณถือยาวให้มากขึ้น จากคุณ : pophan เขียนเมื่อ : 22 ม.ค. 54 21:44:28

ความคิดเห็นที่ 62 คุณ monomaniac }:-]  ไม่น่าลบออกเลยครับ แนวคิดและความคิดเห็นของคุณน่าสนใจและดีมากๆ ผมว่าน่าจะเป็นประโยชน์กับผมและหลายๆท่านที่ได้อ่านนะครับ ผมยังไม่ได้เซพเก็บไว้อ่านเลย น่าเสียดายมากๆ อยากรบกวนให้คุณมาลงอีก ถือเป็นการแชร์ความคิดแบ่งปันกันนะครับ อย่าคิดว่าเป็นการสอนจระเข้ว่ายน้ำเลย เพราะ จระเข้ถ้าเจอน้ำวนหนักๆ ว่ายน้ำเป็นยังไงก็ถูกน้ำวนดูดไปตายได้เหมือนกันนะครับ น้อมรับทุกความคิดเห็นและทุกแนวคิดครับ ขอบคุณอีกครั้งครับ จากคุณ : modpon เขียนเมื่อ : 22 ม.ค. 54 22:32:03

ความคิดเห็นที่ 63 คุณทำกำไรไปแล้วหลายรอบ ไม่แปลกที่พอร์ตแดงในช่วงนี้ แต่อาจกำไรมากกว่า คนที่เขียวเพราะสะสมของถูกมาแต่ไม่เคยขายเลยก็ได้ จากคุณ : autonomous เขียนเมื่อ : 22 ม.ค. 54 23:41:20

ความคิดเห็นที่ 64 พี่เค้ากำไรก็เยอะ รวมแล้วไม่ได้ขาดทุนครับ เพียงแต่น่าจะแพ้ตลาด แต่ก็ไม่แปลกเพราะปอดใหญ่ จากคุณ : Lita_T เขียนเมื่อ : 22 ม.ค. 54 23:46:52

ความคิดเห็นที่ 65 ปอดเหมือนเราเลยค่ะ ไม่ใช่ใหญ่เหมือนกันนะคะ แต่เป็นแดงทุกตัวเหมือนกันเลย หุ หุ สู้ๆค่า ^^ จากคุณ : จุ๊กกุ๊กจัง เขียนเมื่อ : 23 ม.ค. 54 10:48:34

ความคิดเห็นที่ 66 อยากเป็นกำลังใจให้พี่เขา โดยการขอให้ JAS ขึ้นๆๆๆๆๆซะที เพราะผมก็ถืออยู่ครับ อิอิ ราคาและจำนวนเท่าพี่เขาเลย ตอนนี้เลยนั่งกลุ้มใจซะ เห้อ จากคุณ : mailarm เขียนเมื่อ : 23 ม.ค. 54 12:51:23

ความคิดเห็นที่ 67 ก็โอเคนะครับ ผมว่าเดี๋ยวก็เด้ง ของผมก็แดงหมด จากคุณ : STARLU75 เขียนเมื่อ : 23 ม.ค. 54 13:33:36

ความคิดเห็นที่ 68 มีหุ้นธุรกิจที่ดีผลประกอบการน่าจะดีขึ้นเมื่อเทียบกับปัจจุบันหลายตัว ติดพวกนี้ก็คงไม่เป็นไรมากมังครับ เดี๋ยวผลประกอบการก็มารับลงดอย ตามตัวที่เป็น cyclical ดีๆ แล้วกัน หุ้น cycle เข้าออกถูกกี่ถูกเวลา = รวยมาก ผิดที่ผิดเวลา ผลตรงกันข้าม แต่อย่างว่านะครับ ตัวเลขขาดทุนกำไรจากราคาตลาด ก็ขึ้นกับอารมณ์ mr market ที่แปรปรวนมาก โชคดีครับ จากคุณ : gongort2 เขียนเมื่อ : 23 ม.ค. 54 13:45:11