|
วันที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2554 ปีที่ 34 ฉบับที่ 4281 ประชาชาติธุรกิจ
"อาซือหม่า"ลุยศูนย์ส่งออกสินค้าไทย-จีน
"อภิสิทธิ์" ถอนตัวส่ง "อลงกรณ์" ควงแขน "อาซือหม่ากรุ๊ป" เปิดตัวโครงการศูนย์จำหน่ายสินค้าส่งนานาชาติไทย-จีน หรือ China City Complex มูลค่า 45,000 ล้านบาท กับแผนทำโครงการคู่ขนานสร้างศูนย์ จำหน่ายสินค้าไทยที่เมืองอี้อู-เมือง นง เหมา เฉิน ในจีนต่อ
ในระหว่างการแถลงข่าวการประชุมอาเซียน-ไชน่า บิสซิเนส ฟอรัม ในต้นสัปดาห์นี้ ได้มีการเปิดตัวโครงการศูนย์จำหน่ายสินค้าส่งนานาชาติไทย-จีน 45,000 ล้านบาท
จากเดิมที่ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีจะเดินทางมาเป็นประธาน ก็ได้เปลี่ยนมาเป็น นายอลงกรณ์ พลบุตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ในนาทีสุดท้าย ท่ามกลางกระแสต่อต้านของผู้ประกอบการรายกลาง-รายเล็ก (SMEs) ที่กลัวว่า สินค้าจีนจะเข้ามาแย่งตลาดสินค้าไทยทั้งในและนอกประเทศ โดยอาศัยช่องทางผ่านศูนย์จำหน่ายสินค้าแห่งนี้
นายอลงกรณ์ กล่าวว่า โครงการศูนย์จำหน่ายสินค้าส่งนานาชาติไทย-จีน เป็นส่วนหนึ่งของความร่วมมือทางด้านการค้า-การลงทุนระหว่างกลุ่มอาเซียนและจีน ภายใต้เขตการค้าเสรีอาเซียน-จีน เพื่อขับเคลื่อนให้ไทยเป็นศูนย์กลางการค้าส่งในอาเซียน เป็นโอกาสผู้ประกอบการไทย มีตลาดกว้างขวางมากขึ้นไม่แม้แต่ในอาเซียนหรือจีน แต่จะสามารถขยายผลไปยังภูมิอื่น ๆ ทั้งแอฟริกา, สหภาพยุโรป, สหรัฐอเมริกา
พร้อมกับยืนยันว่า โครงการศูนย์จำหน่ายสินค้าส่งนานาชาติไทย-จีนนอกจากจะมีบริษัทอาซื่อหม่ากรุ๊ปแล้ว ยังมีนักลงทุนไทยเข้าร่วมด้วย "แต่จะเป็นใครหรือสัดส่วนการลงทุนเท่าใดนั้นขึ้นอยู่กับภาคเอกชนเขาไปหารือกันเอง รัฐบาลคงไม่เข้าไปแทรกแซงภายใต้การดำเนินการที่ถูก
ภายใต้การร่วมมือระหว่างไทย-จีน ยังมีแผนที่จะไปเปิดศูนย์จำหน่ายสินค้าอีก 2 แห่ง คือศูนย์จำหน่ายสินค้าส่งที่เมืองอี้อูกับศูนย์จำหน่ายสินค้าอาหารเกษตรที่เมืองนงเหมา เฉิน มณฑล เจ้อเจียง เพื่อเปิดตลาดสินค้าไทยไปยังเมืองจีนเพิ่มเติมอีกด้านหนึ่ง
ด้านนายต่ง หง ฉี ประธานบริษัท อาซือหม่ากรุ๊ป หรือ Ashima Group กล่าวถึงแผนการลงทุนในโครงการ China City Complex มูลค่า 45,000 ล้านบาท ว่า อาซือหม่ากรุ๊ปเจ้าของโครงการเห็นศักยภาพทางเศรษฐกิจและภูมิศาสตร์ที่ได้เปรียบ จึงตัดสินใจที่จะลงทุนก่อสร้างโครงการนี้ในไทย
"China City Complex จะไม่ส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการไทยอย่างที่หลายฝ่ายกังวลกัน แต่ศูนย์ส่งออกสินค้าแห่งนี้จะเป็นโอกาสของผู้ประกอบการไทยที่จะเปิดตลาดไปสู่อาเซียน จีน และภูมิภาคอื่น ๆ ด้วย โดยบริษัทพร้อมที่จะให้การส่งเสริมผู้ประกอบการไทย อาทิ การให้สิทธิประโยชน์ต่าง ๆ เช่น การคิดค่าเช่าให้กับผู้ประกอบการไทยถูกกว่าผู้ประกอบการจีน
"ขณะนี้มีผู้ประกอบการไทยหลายรายสนใจที่จะเข้าร่วมลงทุนด้วย ซึ่งทางอาซือหม่ากรุ๊ปยินดีเปิดรับข้อเสนอการลงทุนของทุกคน ภายใต้หลักเกณฑ์การร่วมทุนตามที่กฎหมายไทยกำหนด" ประธานอาซือหม่ากรุ๊ปกล่าว
ขณะที่นายวิจิตร หยาง นายกสมาคมส่งเสริมเศรษฐกิจและความร่วมมืออาเซียน-จีน ในฐานะผู้อยู่เบื้องหลังโครงการนี้ กล่าวว่า การเปิดเขตเสรีการค้าอาเซียน-จีน ที่มีผลตั้งแต่ 1 มกราคม 2553 ตลอด 1 ปีที่ผ่านมาประสบความสำเร็จอย่างมาก มูลค่าเศรษฐกิจการค้าเพิ่มจาก 2 แสนล้านเหรียญสหรัฐ เป็น 3 แสนล้านเหรียญสหรัฐ
สำหรับบริษัทอาซือหม่ากรุ๊ป (Ashima Group) ซึ่งมีนาย ต่ง หง ฉี เป็นประธาน เป็นบริษัทที่ใช้กลยุทธ์ความร่วมมือทางการค้าการลงทุนกับรัฐบาลและเน้นใช้ทรัพยากรร่วมกัน โดยได้ขยายการลงทุนร่วมกับรัฐบาลจีนพัฒนาเขตเศรษฐกิจตามมณฑลต่าง ๆ ด้วยการสร้างศูนย์ค้าส่งสินค้าช่วงปี 2548-2554 มีมูลค่าการลงทุนรวมประมาณ 1,220 ล้านหยวน
อาซือหม่ากรุ๊ปได้วางแผนจะเข้ามาลงทุนในไทยนำร่องด้วย โครงการศูนย์จำหน่ายสินค้าส่งนานาชาติ โดยมีแรงจูงใจในการลงทุนจาก 5 ปัจจัยคือ
1)ไทยเปิดการค้าเสรีอาเซียนเริ่ม 1 มกราคม 2553 ด้วยการลดอัตราภาษีเป็นร้อยละ 0 2)รัฐบาลจีนมีนโยบายให้นักธุรกิจจีนขยายการค้าการลงทุนไป ต่างประเทศโดยใช้พื้นที่ยุทธศาสตร์มณฑลยูนนานเชื่อมโยงกับอาเซียน 3)นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้เข้าร่วมการประชุมกับนายต่ง หง ฉี เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2553 จากนั้นจึงมอบหมายให้นายอลงกรณ์ พลบุตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ทำข้อตกลงร่วมกับนครฉงชิ่ง สำรวจนโยบายเศรษฐกิจและตลาดในเมืองไทย
4)การพัฒนาเศรษฐกิจทั้งไทยและจีนในศตวรรษที่ 21 เติบโตรวดเร็ว GDP เพิ่ม 6-8% และ 5)รัฐบาลทั้ง 2 ประเทศได้แสดงความสนใจโครงการศูนย์จำหน่ายสินค้าส่งนานาชาติ และพร้อมพัฒนาให้เป็นศูนย์การค้าในเอเชียตะวันออก-ตะวันตกส่งสินค้าไปจำหน่ายในยุโรปและสหรัฐต่อไป
http://www.prachachat.net/view_news.php?newsid=02p0103200154§ionid=0201&day=2011-01-20
จากคุณ |
:
sandee.kung
|
เขียนเมื่อ |
:
23 ม.ค. 54 10:55:22
|
|
|
|
|