Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
Due Diligence 9 ขั้นตอนง่ายๆ ในการสอบทานธุรกิจ ติดต่อทีมงาน

Due Diligence In 9 Easy Steps

    บทความนี้จะนำเสนอขั้นตอนง่ายๆ สำหรับการมองหาหุ้นตัวใหม่ เริ่มตามลำดับขั้นตอน เพื่อให้ได้แง่มุมหลายๆ ด้าน ก่อนจะตัดสินใจลงทุน

ขั้นที่ 1. สินทรัพย์รวม
       ขั้นตอนนี้จะช่วยให้เรามองเห็นภาพของบริษัทได้อย่างกว้างๆ ว่า เป็นบริษัทที่มีขนาดใหญ่มากน้อยแค่ไหน มูลค่าบริษัทในตลาดจะให้ข้อมูลเกี่ยวกับการผันแปรของราคาหุ้น ผู้ถือหุ้นมีมากน้อยแค่ไหน และแนวโน้มที่บริษัทจะมีส่วนแบ่งในตลาด ตัวอย่างเช่น บริษัทขนาดใหญ่หรือขนาดยักษ์มีแนวโน้มที่จะมีรายได้รวมคงที่และผันแปรน้อย ในขณะที่บริษัทขนาดกลางและขนาดเล็กอาจจะครองตลาดเพียงส่วนเดียว และมีความผันผวนอย่างมากในเรื่องของราคาหุ้นและรายได้
       ยังไม่มีการตัดสินใจใดๆ ในขั้นตอนนี้ เป็นเพียงการรวบรวมข้อมูลเบื้องต้น สำหรับการตรวจสอบอื่นๆ ที่กำลังจะตามมา ซึ่งเมื่อคุณเริ่มพิจารณาถึงรายได้และผลกำไร ขนาดของบริษัทจะช่วยให้คุณมีโลกทัศน์ที่กระจ่างขึ้น

ขั้นที่ 2 รายได้รวม กำไร และแนวโน้มอัตรากำไร
       เมื่อเริ่มมองที่ตัวเลข เป็นการดีถ้าหากจะเริ่มต้นด้วย รายได้รวม ผลกำไร และแนวโน้มอัตรากำไร เริ่มจากตัวเลขในช่วงสองสามปีที่ผ่านมา ซึ่งอาจจะเป็นยอดรายไตรมาส หรือรายปี รวมทั้งการตรวจดูค่าอัตราส่วนราคาต่อยอดขาย (P/S) และอัตราส่วนราคาต่อกำไร (P/E) พิจารณาดูแนวโน้มค่าทั้งสองตัวในห้วงเร็วๆ นี้ พร้อมกับจดบันทึกข้อสังเกตการเติบโต อืดอาด หรือสม่ำเสมอ หรือมีการผันผวนขึ้นๆ ลงๆ (เช่น +/- 50% ในปีเดียว)
       เราควรจะทบทวนอัตรากำไร ดูว่ามีการเพิ่มขึ้นลดลงเป็นปกติ หรือไม่เปลี่ยนแปลง ข้อมูลเหล่านี้จะเป็นประโยชน์ต่อการพิจารณาในขั้นตอนต่อไป

ขั้นที่ 3 ธุรกิจและคู่แข่ง
       ถึงตอนนี้ เราจะรู้สึกถึงความเล็กใหญ่ของบริษัทและความสามารถในการทำกำไร ถึงเวลาแล้วที่จะพิจารณาถึงธุรกิจที่ทำอยู่และมีใครอยู่ในสนามแข่งขัน เปรียบเทียบอัตรากำไรของคู่แข่งซักสองหรือสามบริษัท แต่ละบริษัทมักจะมีคู่แข่งที่ต้องแย่งชิงตลาดกันเสมอ ถ้ามีมากกว่าหนึ่งก็ให้ดูบริษัทที่เป็นคู่แข่งหลักในแต่ละธุรกิจ จะช่วยให้เราได้เห็นถึงขนาดความใหญ่ของตลาดสินค้าที่เราสนใจ
       นำข้อมูลของบริษัทคู่แข่ง มาทำตารางเปรียบเทียบคู่ไปกับบริษัทเป้าหมาย ถ้าหากยังไม่เข้าใจโมเดลทางธุรกิจของบริษัท ก็จำเป็นต้องค้นคว้าให้ท่องแท้ก่อนจะก้าวขั้นต่อไป บางครั้งการได้อ่านข้อมูลของบริษัทคู่แข่ง จะช่วยเพิ่มความเข้าใจบริษัทเป้าหมายว่าทำธุรกิจอะไรบ้าง

ขั้นที่ 4 ประเมินค่าบริษัททั้งหมด
       แล้วก็มาถึงตัวเลขสำคัญ P/E, Price/Earnings to Growth Ratio (PEG) และอื่นๆ ของบริษัททั้งที่เป็นเป้าหมายและคู่แข่ง บันทึกข้อแตกต่างสำคัญระหว่างบริษัทคู่แข่งเพื่อการทบทวนในขั้นต่อไป มันเป็นเรื่องปกติที่หากบริษัทคู่แข่งจะกลายเป็นเป้าหมายที่น่าสนใจในช่วงขั้นตอนนี้ แต่ขอให้เรายึดติดกับบริษัทเป้าหมายจนสิ้นสุดการสอบทานธุรกิจ ในขณะเดียวกันก็โน๊ตความน่าสนใจของบริษัทคู่แข่ง ที่เราจะมาค้นคว้าต่อในภายหลัง
       เราสามารถใช้อัตราส่วน P/E เป็นพื้นฐานในการประเมินค่าเบื้องต้นของบริษัท การประเมินค่าจะใช้ผลกำไรในอดีต ซึ่งก็อาจจะมีการผันผวนไปบ้าง หรืออาจจะใช้การประเมินค่าในปัจจุบัน ที่ช่วยให้เราสามารถเปรียบเทียบกับบริษัทคู่แข่งได้ตรงๆ เราต้องแยกแยะให้ชัดเจนว่า หุ้นของบริษัทเป้าหมายนั้นมีลักษณะเป็นหุ้นโตเร็วหรือเป็นหุ้นคุณค่า (Growth Stock vs Value Stock) ควบคู่ไปกับการประเมินว่าบริษัทมีความคาดหวังต่อการเติบโตมากน้อยแค่ไหน เป็นการดีที่จะทบทวนรายได้สุทธิย้อนหลังหลายๆ ปี เพื่อให้แน่ใจว่าตัวเลขปัจจุบันมีความถูกต้องใกล้เคียงมากที่สุด
       เมื่อดูตัวเลข P/E ก็ต้องพิจารณาคู่ไปกับ P/B, Price/Sale และ Enterprise Multiple (= Enterprise Value / EBITDA ; ไม่นำภาษีมาคำนวณ) ตัวเลขเหล่านี้เน้นการประเมินค่าบริษัทในด้านหนี้สิน รายได้ประจำปี และงบดุล แต่เนื่องจากในธุรกิจที่ต่างกันก็จะมีค่าตัวเลขการเงินที่ไม่เหมือนกัน จึงเป็นสิ่งสำคัญที่จะเปรียบเทียบบริษัทเฉพาะที่อยู่ในธุรกิจเดียวกัน
       ที่สุดแล้ว ก็มาถึงอัตราส่วน PEG (= PE-ratio / Annual EPS Growth) สำหรับการคาดคะเนการเติบโตในอนาคต รวมทั้งการเปรียบเทียบกับผลกำไรในปัจจุบัน  หุ้นที่มีค่า PEG ใกล้เคียง 1 ถือว่าเหมาะสม ในสภาวะตลาดปกติ

ขั้นที่ 5 ผู้ถือหุ้นใหญ่และการบริหารจัดการ
       บริษัทบริหารงานโดยผู้ก่อตั้งหรือเปล่า? หรือว่ามีทีมบริหารที่เปลี่ยนหน้ากันบ่อยๆ ? อายุของบริษัทเป็นปัจจัยสำคัญเมื่อพิจารณาในประเด็นนี้  ในขณะที่เริ่มก่อตั้งบริษัทมักจะบริหารงานด้วยสมาชิกครอบครัวของผู้ก่อตั้ง  ขอให้ดูรายชื่อกรรมการบริหารบริษัท สืบค้นข้อมูล ดูว่ามีประสบการณ์การบริหารงานเป็นอย่างไร
       นอกจากนี้แล้ว ผู้ก่อตั้งและผู้จัดการเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัทหรือไม่ มีสถาบันเข้าถือหุ้นมากน้อยแค่ไหน ซึ่งจะมีผลต่อปริมาณการซื้อขายหุ้น การถือหุ้นใหญ่ของผู้บริหารเป็นเรื่องดีเนื่องจากจะต้องพยายามอย่างเต็มที่สร้างผลกำไรให้กับบริษัทและส่งผลดีกับตัวเอง
.

 
 

จากคุณ : WindReturn
เขียนเมื่อ : 23 ม.ค. 54 11:19:24




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com