ความคิดเห็นที่ 1 http://www.google.com/search?ie=tis-620&oe=tis-620&q=Daily+VI+discussion&sitesearch=pantip.com/sinthorn&x=0&y=0 จากคุณ : คนจนที่อยากรวย เขียนเมื่อ : 24 ม.ค. 54 08:33:03

ความคิดเห็นที่ 2 ... จากคุณ : คนจนที่อยากรวย เขียนเมื่อ : 24 ม.ค. 54 08:33:27

ความคิดเห็นที่ 3 สวัสดีเพื่อนๆ นักลงทุนทุกท่านครับ เช้านี้เอเชียเปิดมาเขียวนะครับ ยกเว้นญ๊่ปุ่นตอนนี้ที่ยังไม่เปิด อากาศสดใสในวันนี้ ขอให้บรรยากาศการลงทุน และการตัดสินใจ สดใสด้วยเช่นกันนะครับ Update บทความวันนี้ "High risk, High return เสมอไปจริงๆ หรือ" ---------------------------------------- http://www.muegao.blogspot.com พื้นฐานความรู้ บทความเกี่ยวกับ หุ้น การเงิน การลงทุน ธุรกิจ โดย มือเก่าหัดขับ ---------------------------------------- จากคุณ : มือเก่าหัดขับ เขียนเมื่อ : 24 ม.ค. 54 08:44:21

ความคิดเห็นที่ 4 คุณอยากรวย ผมแทบไม่เคยตอบคำถามประเภทที่ระบุว่า จะถือนานเท่าโน้นเทานี้เดือน  นานเท่าโน้นเท่านี้ปี เพราะเอาเข้าจริงๆ   คนที่ถือได้นานๆ มักจะป็นคนที่ไม่เคยบอกว่า   จะถือไว้นานเท่าไร + จากคุณ : endophine เขียนเมื่อ : 24 ม.ค. 54 08:46:33

ความคิดเห็นที่ 5 สวัสดี ท่านคน...รวยครับ .....ขอให้เฮงๆ นะครับ จากคุณ : tuxpower เขียนเมื่อ : 24 ม.ค. 54 08:57:59

ความคิดเห็นที่ 6 สวัสดีครับพี่มือเก่าหัดขับ และเฮียเอนโด จริงๆแล้วจดหมายของสาวน้องช่างฝันฉบับนี้ ผมนำมาจากกระทู้ thaivi นี่เองครับ hi-light สำคัญไม่ใช่คำถาม แต่เป็นแนวคิดคำตอบของพี่ๆรุ่นบุกเบิกครับ (ปี2004) ขออนุญาตคัดลอกความเห็นของพี่ธันวามาให้ได้อ่านกันครับ ------------------------------------------------------------ ผมว่าถ้าคุณ ....... สะกดรอยตามพี่ๆ เพื่อนๆ ในห้องนี้ คงจะไม่รู้สึกอย่างที่เป็นอยู่แน่นอนครับ หากมองการลงทุนเหมือนเป็นเจ้าของธุรกิจเป็นของตนเองแล้ว คุณ archarao ต้องไม่ต้องเฝ้าคอยติดตามราคาของกิจการนั้น และต้องการขายออกไปทุกวัน ๆ ในทางตรงกันข้าม คุณ archarao คงต้องทำความเข้าใจกับธุรกิจดังกล่าวให้ดีพอ ผู้บริหารที่เรากำลังจะมอบความไว้วางใจให้บริหารงาน ไว้ใจได้หรือไม่ ติดตามผลประกอบการการดำเนินงานของบริษัทรายไตรมาส รายปี ความสุขก็คงจะอยู่ที่การเห็นกิจการต่างดำเนินได้ผลกำไรตามที่ตั้งเป้าหมายเอาไว้ ในที่สุด ราคาหุ้นก็จะสะท้อนถึงผลการดำเนินงานเองครับ หากการดำเนินงานไม่เป็นไปตามเป้าหมาย ก็คงต้องดูรายละเอียดถึงสาเหตุ ผมเองติดตามความเคลื่อนไหวของราคาเกือบทุกวัน แต่แทบไม่ได้ซื้อๆ ขายเลย ส่วนใหญ่ก็ลงทุนเพิ่มในกิจการเดิมที่เรารู้จัก การที่ได้ผลตอบแทนปีละ 12-15% ต่อปี ก็ทำให้ผมมีความสุขกับการลงทุนแล้วครับ ขอมาให้กำลังใจครับ ศิลปะการลงทุนเป็นสิ่งที่น่าสนใจ น่าติดตาม อย่างหนึ่งสำหรับผมครับ Credit : Thanwa @Thaivi จากคุณ : คนจนที่อยากรวย เขียนเมื่อ : 24 ม.ค. 54 08:58:25

ความคิดเห็นที่ 7 ผมคิดว่าที่การที่เราถือหุ้นแล้วไม่สบายใจ  ต้องคอยกังวลเช็คอารมณ์ของนายตลาด น่าจะมีสาเหตุหลักๆมาจาก 1.  ไม่ได้ศึกษา และเข้าใจในธุรกิจนั้นมากพอ ถ้าเรามีความเข้าใจมาก เราก็จะมีความมั่นใจมากขึ้น ทำให้อารมณ์ไม่หวั่นไหวไปตามนายตลาดง่ายๆ 2. อาจจะเนื่องจากกิจการที่เลือกมา เป็นธุรกิจที่มีความไม่แน่นอนสูงอย่างเช่น ยอดขายหรือรายได้มีความผันผวนตามเศรษฐกิจมหภาคเยอะ หรืออาจจะมี สุขภาพทางการเงินที่ไม่ดี (เช่นหนี้สินเยอะ กระแสเงินสดไม่ดีเป็นต้น) ถ้าเราสามารถแก้ 2 ข้อนี้ได้เราก็จะทราบเองว่า เมื่อไรที่ถวร ถือ หรือ ขาย ดีครับ อีก 1 ความเห็นครับ จากคุณ : ภูมิทัศน์ เขียนเมื่อ : 24 ม.ค. 54 08:58:54

ความคิดเห็นที่ 8 สวัสดีครับพี่ๆทุกคน @ ภาพจาก NG ครับ  -  ขอตั้งชื่อเข้ากับสถานการณ์ว่า "หมีมาแล้ว" จากคุณ : ภูมิทัศน์ เขียนเมื่อ : 24 ม.ค. 54 09:01:08

ความคิดเห็นที่ 9 เห็นหมีแต่เช้าเลยนะครับ คุณภูมิทัศน์ จากคุณ : คนจนที่อยากรวย เขียนเมื่อ : 24 ม.ค. 54 09:03:00

ความคิดเห็นที่ 10 ปลายเดือนธันวา ปี 52 ผมเริ่มเปิดพอร์ตลงทุนกับบัวหลวง ตลอดเดือนมกรา-กุมภา ผมยังไม่เริ่มลงทุนในหุ้น แต่ก็มาตั้งคำถามว่า "ถ้าผมจะเน้นหุ้นปันผล แบบซื้อไว้แล้วถือยาว ดีหรือเปล่า" จำได้ว่า มีคนที่จนแล้วอยากรวย หรือ คนที่รวยแต่แกล้งบอกว่าจน นี่แหละ ถามว่า เป็น VI เหรอ ตอนนั้น ไม่รู้เลยว่า VI คืออะไร ก็เลยได้คำตอบว่า Value Investor ไง บอกตามตรง ตั้งครั้งนั้น ถึง ตอนนี้ ก็ยังไม่เข้าใจ Value Investor เท่าไหร่เลย เข้าเรื่อง เดือนมีนาคม ปีที่แล้ว ผมเพิ่งเริ่มลงทุนในหุ้น โดยเน้นหุ้นปันผลอย่างที่ตั้งใจ ก่อนซื้อก็ดูงบ ดูราคาย้อนหลัง ดูกระทู้ใน ThaiVI ว่าเขาพูดเกี่ยวกับหุ้นตัวนี้ว่าไงบ้าง พอเห็นว่า ดี แล้ว ก็ซื้อเลย IHL CPL Advanc Shin ผลก็คือ ได้เงินปันผลมาเยอะสมใจอยาก แลกกับการได้เที่ยวดอยเต่าด้วย โดยเฉพาะ IHL ที่เจอข่าว Tender Offer ถึงกับ งง ทำอะไรในถูกในฐานะมือใหม่มากๆ ถือมาได้เดือนกว่าๆ พร้อมกับตัวแดงเถือก ตัดสินใจ ขายทิ้ง เอาไปลงในหุ้นที่มีอนาคตดีกว่า (พูดดีเนอะ ถ้ารู้ว่าตัวไหนมีอนาคต แล้วทำไมไม่ซื้อเสียตั้งแต่ที่แรก) ก็รอจังหวะที่มันขึ้นมา พอขาดทุนถัวกับที่ได้เงินปันผลมา ทยอยรินทิ้งทีละนิด รินทิ้งไปได้ 2 ขยัก หุ้นเกิดราคาขึ้นพรวด แถมวิ่งริ่วๆๆ เกินดอยที่ตัวเองอาศัยอยู่ จนตั้งรีบเบรคการรินขาย เหลือติดปลายนวมมาหน่อย ไม่ใช่แค่ IHL แต่รวมถึง CPL Advanc ด้วย ส่วน Shin นิ่งๆ เงียบๆ สิ่งหนึ่งที่เข้าใจคือ หุ้นมีขึ้นมีลง มีขึ้นได้ มีลงได้ ตามกระแสของข่าวที่ไหลเข้ามา สมัยก่อน CPF มีข่าว Bird Flu ทำให้หุ้นราคาร่วง แต่ถ้าเทียบกับราคาตอนนี้ ต้องถือว่า มาไกลมาก CPF ตอนนี้ สาละวนเตี้ยลง เอาจริงๆ ยังไม่มีสาเหตุอะไรแน่ชัด ต้องรอช่วงตรุษจีน ช่วงประกาศงบการเงิน ช่วงประกาศจ่ายเงินปันผล ราคาก็จะดีดขึ้นอีกครั้ง แต่ก็ต้องดูว่า ใครมีแรงดึงได้มากกว่ากัน กับกระแสเงินนอกไหลออก ถ้าพื้นฐานของกิจการดี ผู้บริหารมีธรรมาธิบาล ก็ต้องรอต่อไป จากคุณ : เตร็ดเตร่ เขียนเมื่อ : 24 ม.ค. 54 09:05:00

ความคิดเห็นที่ 11 สวัสดีครับพี่เตร็ดเตร่ ก่อนอื่นต้องขอบอกก่อนว่า "คำจำกัดความ" ของคำว่าหุ้นปันผลของพี่และของผมดูท่าจะไม่เหมือนกัน พี่อาจเลือกหุ้นปันผลของพี่โดยดูจาก %yield ที่ต้องมีค่าตัวเลขที่สูง ของผมก็เลือกดูจากหุ้นที่ %yield สูงเช่นกัน (มากกว่า5%) แต่หุ้นปันผลที่ผมจะเลือกซื้อนั้น เบื้องต้นจะต้อง 1.ผลประกอบการเติบโตอย่างสม่ำเสมอ รายได้ไม่ผันผวน (โดยย้อนหลังดูจากปีก่อนๆเป็นตัวอ้างอิง) 2.ควรจะต้องเป็นธุรกิจที่เรียบง่าย ในจำพวกเช่นผลิตสินค้าและขายไป และต้องมีการใช้ซ้ำ 3.สัดส่วนหนี้สินต้องมีน้อย เมื่อเทียบกับผู้ถือหุ้น และต้องมีกำไรสะสมเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง จริงๆแล้วมีอีกเยอะ แต่ผมขี้เกียจพิมพ์ เอาเป็นว่า ธุรกิจที่เรียบง่าย มีนโยบายการจ่ายปันผลที่ไม่เอาเปรียบผู้ถือหุ้น กำไรค่อยๆเติบโตอย่างสม่ำเสมอ อย่างนี้สิ ถึงเป็นหุ้นปันผล ที่ซื้อแล้วความกังวลเกี่ยวกับส่วนต่างราคาจะน้อยลงครับ จากคุณ : คนจนที่อยากรวย เขียนเมื่อ : 24 ม.ค. 54 09:18:51

ความคิดเห็นที่ 12 คุณเตร็ดเตร่ ผมแยกใครเป็นวีไอ ใครเป็นพีเอส (หรือวีเอส)   ตามภาพประกอบข้างบนครับ พีเอสที่ดูกราฟแล้วถือยาวก็มีเหมือนกัน ยกตัวอย่างคุณธราธิป  เคยถือปตท.สผ.นานนับปี เพราะว่า  กราฟเดือนยังคงขึ้นอย่างต่อเนื่องในตอนนั้น ดังนั้น  ถือยาวหรือถือสั้น   คงขึ้นอยู่กับว่าเราใช้เครื่องมือชนิดไหนเป็นหลักในการซื้อขายหุ้น แต่ที่ถือสั้นแน่ๆก็คือ  พวกสิงห์เดย์เทรด + แก้ไขเมื่อ 24 ม.ค. 54 09:33:57 จากคุณ : endophine เขียนเมื่อ : 24 ม.ค. 54 09:22:55

ความคิดเห็นที่ 13 เฮียครับ ผมอยากขับรถบั๊มพ์คันสีเขียววววววววววววววว ปล.เมื่อวันหยุดที่ผ่านมา ผมนั่งไล่อ่านชื่อหุ้นไปเรื่อยๆ ต้องบอกว่าต๊กกะใจ เข้ามาตลาดหุ้นได้ปีกว่าๆ ไม่ยักรู้ว่ามีหุ้นขายยาชวนป๋วยด้วย อยากได้ๆ จากคุณ : คนจนที่อยากรวย เขียนเมื่อ : 24 ม.ค. 54 09:37:34

ความคิดเห็นที่ 14 พูดถึงยีลด์หรือผลตอบแทนจากการลงทุน สิ่งหนึ่งที่ไม่ควรมองข้ามก็คือ "ผลตอบแทนของการอยู่เฉยๆ" ซึ่งมันเป็นปัจจัยที่จะมีผลกระทบกับยีลด์หุ้นที่เราถืออยู่ และเป็นเหตุที่สำคัญที่สุดอีกข้อหนึ่งที่ทำให้ ฟองสบู่แตกปี ๒๕๔๐  ต่างจากหุ้นดิ่งนรกปี ๒๕๕๑  อย่างมากๆๆๆๆๆ ผลตอบแทนของอยู่เฉยๆ ในช่วงฟองสบู่แตก ดอกเบี้ยเงินฝากธนาคารเคยขึ้นไปเกินกว่าสิบเปอร์เซนต์ มันเป็นผลตอบแทนจากการอยู่เฉยๆ  ที่หุ้นทั้งตลาดไม่สามารถให้ได้เลย ส่วนปีที่เกิดซับไพร์ม ผลตอบแทนจากการอยู่เฉย  แพ้ผลตอบแทนจากเงินปันผลหุ้นแบบไม่เห็นฝุ่น ในช่วงนั้น  สิ่งหนึ่งที่ผมถามแล้วตอบตัวเองในใจก็คือ ใครจะบ้าขายทิ้งหุ้นยีลด์สิบเปอร์เซนต์   เพื่อเอาไปฝากธนาคารกินดอกเบี้ยแค่เปอร์เซนต์กว่า ๆ ?????? ช่วงนั้น ผมได้หุ้นยีลด์สิบเปอร์เซนต์มาหลายตัว ทั้ง mcs  ifec  ฯลฯ เพราะตอบคำถามได้ว่า  ไม่มีใครบ้าทำแบบนั้นหรอก หรอกจากโดนบังคับให้จำใจทำ ดังนั้นช่วงนี้  คงต้องเผื่อ margin of safety สำหรับผลตอบแทนของการอยู่เฉยๆ  จากดอกเบี้ยเงินฝาก กับยีลต์ของหุ้นไว้ด้วย ถ้าผลตอบแทนของการอยู่เฉยๆ  เริ่มไล่จี้ยีลด์หุ้น ผมก็คงทิ้งหุ้นเหมือนกันแฮะ + แก้ไขเมื่อ 24 ม.ค. 54 09:50:01 จากคุณ : endophine เขียนเมื่อ : 24 ม.ค. 54 09:47:02

ความคิดเห็นที่ 15 พี่คนที่รวย ครับ คงจะอย่างที่พี่ว่า ผมเน้น yield เป็นหลัก แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า yield เยอะสุดก็ซื้อนะครับ เพราะต้องกรองก่อน แต่ตัวกรองผมยังหยาบอยู่ อย่าง 1.ผลประกอบการเติบโตอย่างสม่ำเสมอ รายได้ไม่ผันผวน > ผมดูแค่งบปี ไม่ได้ลงลึกถึงรายไตรมาส เห็นของ IHl ไตรมาส 1/52 ก็ใจหาย ขาดทุนหรือนี่ เพิ่งรู้ 555 2.ควรจะต้องเป็นธุรกิจที่เรียบง่าย ในจำพวกเช่นผลิตสินค้าและขายไป และต้องมีการใช้ซ้ำ > ตรงนี้ยอมรับครับ ยังโง่อยู่เลย ไม่ได้ดู ดูแค่ เขาทำธุรกิจอะไร ไปวัดไปวาแล้ว ไปทำบุญ ก็ยังน่าลงทุน หรือ มีคนหาม แห่ะ แห่ะ ไม่สนใจเลยครับ กลัวโดนหามด้วย 3.สัดส่วนหนี้สินต้องมีน้อย เมื่อเทียบกับผู้ถือหุ้น และต้องมีกำไรสะสมเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง > จริงๆ ข้อนี้ ผมเห็นแย้งนิดนึงครับ สมัยยังเอ๊าะ เรียน ประถมตรี อาจารย์สอนไว้ว่า ธุรกิจที่ดี ควรมี Debt Equity Ratio ไม่ควรเกิน 1 ดีจริงๆ ไม่ควรเกิน 0.5 แต่ถ้า ต่ำกว่า 0.25 ถือว่า ไม่ดี เพราะไม่รู้จักวิธีขยายกิจการ นอกจากนี้ การที่จะบอกว่า เกิน 1 ไม่ดีนั้น ก็ไม่ใช่ เพราะต้องขึ้นอยู่กับลักษณะธุรกิจด้วย อย่างธุรกิจที่เกี่ยวกับเงิน Debt Equity Ratio มักจะสูง เพราะต้องมีเจ้าหน้าที่เป็นเงินฝาก เพื่อที่จะเอาเงินนั้นไปปล่อยให้คนกู้ กินส่วนต่างของดอกเบี้ย เป็นต้น แม้ผมจะเป็นลูกศิษย์ที่ชอบคืนวิชาอาจารย์ แต่ก็มีบ้างที่มัน error อยู่ในขมองผมครับ อย่างไรก็ตาม ผมก็แอบติดตามกระบวนความคิดของพี่คนที่รวยตลอดเวลาครับ ประสบการณ์ชีวิต ไม่จำเป็นต้องเกิดจากการเรียนรู้ด้วยตัวเอง แต่เกิดจากการเรียนรู้ประสบการณ์ชีวิตของผู้อื่น ก็ได้ ชิมิ ชิมิ จากคุณ : เตร็ดเตร่ เขียนเมื่อ : 24 ม.ค. 54 09:48:54

ความคิดเห็นที่ 16 พี่เตร็ดเตร่อย่าพูดอย่างนั้น พี่อย่ามาติดตามอ่านกระบวนความคิดอะไรของผมเลยครับ ผมเองก็ความรู้น้อย ประสบการณ์น้อย บางเรื่องที่ผมพูดก็อาจยกอ้างลอยขึ้นมาเฉยๆ อันที่จริงผมเป็นคนจำพวก คิดแล้วอยากเขียน เลย "เหมือนจะ" เป็นคนที่รู้มาก แต่จริงๆแล้วเป็นคนรู้น้อยครับ ถึงต้องไล่ตั้งกระทู้อยู่ทุกวัน เพื่ออ่านประสบการณ์/คำแนะนำของท่านอื่นเช่นกัน ถ้าผมรู้มาก ก็คงจะทำตัวเงียบแล้วรวยคนเดียวดีกว่า สบายตัวกว่าเยอะเลย อิอิอิ ปล.ถึงอย่างไร ผมก็ยังคงมีความคิดเหมือนเดิมว่า สัดส่วนหนี้สินต่อผู้ถือหุ้น น้อย ถือว่าดี และจะยิ่งดีขึ้น ถ้าในจำนวนหนี้สินนั้น ไม่มีหนี้ระยะยาว หรือมีน้อยมากๆเมื่อเทียบกับหนี้สินหมุนเวียนครับ จากคุณ : คนจนที่อยากรวย เขียนเมื่อ : 24 ม.ค. 54 09:54:20

ความคิดเห็นที่ 17 เฮียครับ ว่ากันตามตรง ยังงงๆ ว่า จะขึ้นรถเขียว หรือ รถแดงดี เพราะได้ชื่อว่ามีอำนาจขายของหุ้นนี่ มันดูเท่ไม่หยอก แต่ศักยภาพไม่มีนี่นะสิ อดขึ้นรถแดง ส่วน มีอำนาจในการซื้อของเงินนี่สิ ผมมักจะแพ้ใจตัวเองเสมอๆ จากคุณ : เตร็ดเตร่ เขียนเมื่อ : 24 ม.ค. 54 09:56:20

ความคิดเห็นที่ 18 เฮียเอนโดครับ สมัยเมื่อผมเป็นเด็กน้อย มีความคิดอยู่แค่เพียงว่า มีเงินต้องรู้จักอดออมโดยการฝากไว้กับบัญชีออมทรัพย์ของธนาคารออมสิน (ตอนวันเด็กจะยิ่งดีใจ เพราะฝากตังค์แล้วธนาคารมีของขวัญหลอกเด็ก เอ้ยยย ของขวัญแจกให้เด็ก ) โตขึ้นมาหน่อยก็เปลี่ยนมาเป็นฝากประจำ เพราะให้ผลตอบแทนดีกว่า โตขึ้นมาอีกนิดก็เปลี่ยนมาเป็นฝากไว้ในกองทุนตราสารหนี้ เพราะให้ผมตอบแทนเทียบเท่าเงินฝากประจำ แต่สภาพคล่องสูงกว่า โตขึ้นมาอีกหน่อยก็เปลี่ยนเป็น ฝากไว้ในหุ้น หากโตขึ้นไปอีกจากนี้ สงสัยคงต้องฝากไว้กับ ภรรเมีย จากคุณ : คนจนที่อยากรวย เขียนเมื่อ : 24 ม.ค. 54 09:59:34

ความคิดเห็นที่ 19 คุณเตร็ดเตร่ หุ้นที่อยู่ในมือเรา  จะมีอำนาจขายเพิ่มขึ้นหรือลดลง ก็ให้เทียบราคาที่เราซื้อมา หุ้นที่อยู่ในพอร์ตผมตอนนี้  มีอำนาจขายเพิ่มขึ้นจากตอนที่ซื้อ ตั้งแต่เศษหนึ่งส่วนยี่สิบเท่า  ไปจนถึงห้าเท่า ผมค่อนข้างงงกับการพยายามจับยอดขายสุทธิ มาหักจากยอดซื้อสุทธิ สมมติเช่นบอกว่าต่างชาติขายช่วงนี้ สี่หมื่นล้าน ซื้อสุทธิสะสมมาสี่หมื่นล้าน แสดงว่า  ไม่มีหุืนเหลืออยู่ในมือแล้ว ทีไหนได้  ถ้าเขาซื้อสุทธิสี่หมื่นล้านตอนดัชนีสี่ร้อยจุด แล้วเอาขายสี่หมื่นล้านตอนดัชนีพันจุด ที่แท้ยังเหลือหุ้นอยู่ในมืออีกตั้ง หกสิบเปอร์เซนต์ของที่ซื้้อมา อ่านแล้วงงไหมครับ + จากคุณ : endophine เขียนเมื่อ : 24 ม.ค. 54 10:01:52

ความคิดเห็นที่ 20 เฮียครับ คห.19 ผมอ่านแล้วไม่งงเลย หนำซ้ำ ยังเห็นด้วยกับเฮียด้วย 100% ครับ นายมะม่วงซื้อหุ้นตอนนั้น แสนล้าน แล้วหากนำมาขายตอนนี้ แสนล้าน มันไม่ได้หมายความว่า นายมะม่วงหุ้นหมดมือแล้วนะครับ แก้ไขเมื่อ 24 ม.ค. 54 10:05:26 จากคุณ : คนจนที่อยากรวย เขียนเมื่อ : 24 ม.ค. 54 10:04:52

ความคิดเห็นที่ 21 ก็มีหลายๆ คนนะครับ พี่คนที่รวย อย่างเฮียเอ็นโดฯ อย่างคุณสาระขัน และอีกหลายๆคนทั้งที่สินธร และ thaivi ผมมันพวกชอบเรียนลักพักจำนะครับ เรื่อง สัดส่วนหนี้สินต่อผู้ถือหุ้น ไม่เถียงครับ เพราะมันอยู่ที่มุมมองของแต่ละคน จากประสบการณ์ตลอดเกือบ 20 ปีที่ต้องหาเงินเลี้ยงชีพตัวเอง การบริหารธุรกิจนี่ มันเป็นศิลปะชั้นสูงครับ ถ้าบริษัทที่เราลงทุนอยู่ เก่งศิลปะ ก็คงไม่น่าเป็นห่วง เป็นลิง : พยายามหนีห่างเรื่อง เห็นหมี สุดฤทธิ์ เพราะเดี๋ยวสาวๆ จะไม่เข้ามาในกระทู้ จนต้องโดนใบเหลืองอีกใบ จากคุณ : เตร็ดเตร่ เขียนเมื่อ : 24 ม.ค. 54 10:10:11

ความคิดเห็นที่ 22 ไม่งงครับเฮีย ผมก็สงสัยมาตั้งนานแล้วว่า ที่บอกว่า ฝาหรั่งดอง ลงทุน 8 หมื่นล้าน มันจะเป็นแค่ 8 หมื่นล้านจริงเหรอ ขนาดผมลงทุน แสน (หัว) ล้าน แค่ 9 เดือน ยังมีมูลค่าเพิ่ม 20% (ซื้อเก็บ ขายน้อยมาก) กับฝาหรั่งดอง ซื้อมาขายไป กินกำไรไม่รู้กี่รอบๆ แล้ว น่าจะมีมูลค่าไม่น้อยกว่าแสนล้านแน่นอน จากคุณ : เตร็ดเตร่ เขียนเมื่อ : 24 ม.ค. 54 10:22:05

ความคิดเห็นที่ 23 เฮียฮุยเกิดแล้วงานนี้ 555 แก้ไขเมื่อ 24 ม.ค. 54 10:23:32 จากคุณ : คนจนที่อยากรวย เขียนเมื่อ : 24 ม.ค. 54 10:22:21

ความคิดเห็นที่ 24 คุณเตร็ดเตร่ รายย่อยยุคใหม่ต้องรู้จักใช้ตัวช่วยในตัวเองให้เป็นประโยชน์ครับ + จากคุณ : endophine เขียนเมื่อ : 24 ม.ค. 54 10:22:30

ความคิดเห็นที่ 25 หุ้นปันผลของผมคือ เรื่องตามลำดับสิ่งที่ผมสนใจนะครับ 1.ยอดขายโตทุกปีและมีแนวโน้มว่าจะโตต่อ 2.กำไรต้องเพิ่มทุกปี 3.ปันผลมากกว่า 6% 4.ถ้าผมขายหมดหน้าตักต้องไม่ทำให้ราคาเปลี่ยนเกิน 2 ช่อง ผมมองเท่านี้แหล่ะครับ ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าด้วยเงื่อนไขเท่านี้จะทำให้ไปเจอหุ้นอะไรแปลกๆหรือเปล่า รบกวนชี้แนะด้วยครับ จากคุณ : scp1234 เขียนเมื่อ : 24 ม.ค. 54 10:23:22

ความคิดเห็นที่ 26 ผมมีเพื่อนชื่อวินัยนะ แต่มันไม่ยอมมาเป็นเพื่อนผมนี่นะสิ จากคุณ : เตร็ดเตร่ เขียนเมื่อ : 24 ม.ค. 54 10:24:49

ความคิดเห็นที่ 27 ภาพได้อารมณ์มาก แถมน่ารักอีกด้วย เฮียเอนโดขยันหาภาพมากเลยครับ อิอิ อย่างผมคงไม่ได้เป็นเจ้าม้าลายขี่แมงกะไซด์ ผมคงเป็นเป็ดน้อยว่ายน้ำไปมา เสือมันว่ายน้ำไม่เป็น เลยไม่ไ้ด้เจอะกัน อิอิ แต่เป็ดน้อยอาจเจอจระเข้ 5555555555555 จากคุณ : คนจนที่อยากรวย เขียนเมื่อ : 24 ม.ค. 54 10:29:23

ความคิดเห็นที่ 28 ภาพเก่านานมาแล้วครับ ไปคุ้ยเจอจากฮาร์ดดิสก์  เลยมาใส่คำพูดเเพิ่มเข้าไป คุณเตร็ดเตร่ นายวินัย  อาจจะคิดว่าคุณเตร็ดเตร่ชื่อ "โลภมาก" ก็ได้นะ ก็เลยไม่อยากจะคบด้วย จะว่าไปแล้ว  นายวินัย กับนายโลภมาก   มักจะแยกทางกันเดินอย่างทำลายล้างนะ คุณ scp1234   ผมเชื่อว่า  หุ้นกำไรเติบโตทุกปี หาที่มีบีลด์หกเปอร์เซนต์ยากมาก เต็มที่น่าจะได้แค่ สามเปอร์เซนต์ ทุกวันนี้เซเว่น ให้ยีลด์เท่าไร ? เจ้ามือพวกกองทุนทั้งไทยและเทศ  ร่วมกันลากเซเว่น ไปซื้อขายกันที่ราคาอนาคต  เพื่อรอผลประกอบการในอนาคต เผลออาจจะต้องรออีกสี่ห้าปี จนผลประกอบการโตทันราคาที่ขึ้นไปรอ มันจึงจะกลับขึ้นไปทำเรคคอร์ดไฮ ดูง่ายๆ  จีนเติบโตต่อเนื่องมากี่ปี แต่ดัชนีเซี้ยงไฮ้  ยังคลานอยู่แถวต่ำกว่า สามพันจุด เพราะว่า  เมื่อสีปีก่อน ตอนดัชนีสูงสุดหกพันจุด พวกกองทุน มันลากนักลงทุนรายย่อยจีนนับร้อยล้านคน ให้ไปซื้อที่ราคาอนาคต  เพื่อรอผลประกอบการในอนาคต + จากคุณ : endophine เขียนเมื่อ : 24 ม.ค. 54 10:42:15

ความคิดเห็นที่ 29 555 ผมไม่ได้ชื่อนายโลภมาก หรอกครับเฮีย แต่ชื่อ กรมอุตุ หน่ะ 555 พยากรณ์อะไรแล้ว มักจะแม่นในเรื่องตรงกันข้าม จากคุณ : เตร็ดเตร่ เขียนเมื่อ : 24 ม.ค. 54 10:48:48

ความคิดเห็นที่ 30 พี่เตร็ดเตร่ เมื่อสักครู่เหลือบไปดูราคาหุ้นที่หน้าเวป settrade เห็นชื่อ jas และ hemraj พาลให้นึกถึงกระทู้เมื่อวันก่อน ใครอุตริซื้อตามไป เพราะหวังจะได้ port aggressive คงกระอักไม่น้อย สิ่งสำคัญสำหรับการลงทุนแนว VI ก็คือ หุ้นที่ซื้อควรต้องมี margin of safety มากพอในระดับหนึ่ง พอร์ท trial ของพี่เตร็ดเตร่ที่ทำเอาไว้ ป่านนี้เป็นเท่าไหร่แล้วน้อออ ? จากคุณ : คนจนที่อยากรวย เขียนเมื่อ : 24 ม.ค. 54 10:56:45

ความคิดเห็นที่ 31 สวัสดีครับทุกท่าน จำได้ว่าเคยอ่านกระทู้นี้นะครับ ถ้าจำไม่ผิดเจ้าของกระทู้จะไม่เคยกลับมาตอบอีกเลย ไม่รู้ว่าหลังจากนั้นเจ้าของกระทู้คนนี้เป็นตายร้ายดี [ ในตลาดหุ้น ] อย่างไรบ้าง? จากคุณ : < h r i s t i A n Vi e ri >> เขียนเมื่อ : 24 ม.ค. 54 11:01:46

ความคิดเห็นที่ 32 มาตอกบัตรยามตลาดแดง แด๊ง แดง ๆๆๆ เช้าดูอยู่แดง250ตัวมาตอนนี้ 330ตัวละ เขียวเหลือ38ตัวเอง แว่บไปหามีดมาฟันมือตัวเองเล่นดีกว่า จากคุณ : ฮะ ว่าไงนะ เขียนเมื่อ : 24 ม.ค. 54 11:04:59

ความคิดเห็นที่ 33 คุณคนจน แปลว่าวิธีการกรองของผมใช้ได้หรือเปล่าครับ ถ้าให้ได้โดยผ่านเงื่อนไข 4 ข้อนี้ (แต่มันจะผ่านยังไงเนี่ยสิ) ^_^ จากคุณ : scp1234 เขียนเมื่อ : 24 ม.ค. 54 11:23:40

ความคิดเห็นที่ 34 1.ยอดขายโตทุกปีและมีแนวโน้มว่าจะโตต่อ ตอบ โตทุกปีอาจฟังดูยากในแง่ความเป็นจริง เอาเป็นว่า ยอดขายไม่ตกติดต่อกันสองไตรมาส ถือว่าโอเคครับ 2.กำไรต้องเพิ่มทุกปี ตอบ หายากนะบริษัทที่กำไรเพิ่มทุกปี แต่ไม่ใช่ว่าไม่มี 3.ปันผลมากกว่า 6% ตอบ สำหรับผม ผมตั้งไว้ที่ 5% 4.ถ้าผมขายหมดหน้าตักต้องไม่ทำให้ราคาเปลี่ยนเกิน 2 ช่อง ตอบ นั่นคือต้องเป็นหุ้นที่มีสภาพคล่องมากพอสมควร โดยรวมแล้วดีครับ ขอเสริมนิดหนึ่ง คือโดยส่วนตัวแล้วผมให้ความสำคัญกับเรื่องหนี้สินค่อนข้างมาก จึงอยากให้ดูในส่วนนี้ด้วยครับ จริงๆอีกเรื่องหนึ่งก็คือเรื่องของ "งบกระแสเงินสด" ไม่รู้ว่าคุณ scp1234 พอเข้าใจกับคำนี้ไหมครับ ? หมายเหตุ 4 ข้อข้างบนไว้ใช้พิจารณากับเฉพาะหุ้น "ปันผล" เท่านั้นนะครับ (ในเรื่องของยอดขาย/กำไร) แก้ไขเมื่อ 24 ม.ค. 54 11:31:39 จากคุณ : คนจนที่อยากรวย เขียนเมื่อ : 24 ม.ค. 54 11:28:57

ความคิดเห็นที่ 35 โดนนน 555 จากคุณ : คนจนที่อยากรวย เขียนเมื่อ : 24 ม.ค. 54 11:51:45

ความคิดเห็นที่ 36 พี่คนที่รวยครับ รถแจ๊สกับพี่เหมนี่ ผมไม่ได้แตะเลยครับ โดยเฉพาะรถแจ๊สนี่ แตะไม่ได้ เพราะคุณภรรยาทำงานอยู่ที่โตโยต้า ส่วนปอดของผม อาทิตย์ที่แล้ว เคลียร์ไป 3 ตัวครับคือ Advanc IVL และ KK Advanc เคลียร์ไป เพราะข่าวว่าพี่สิงค์จะมาพบนายกฯ เลยขายซะ IVL นี่เริ่มกินทุน จากการคาดการณ์ผิดครับ ยอมจำนน เพื่อรอโอกาสเอาคืน KK นี่ก็ผิดคาดในเรื่องผลประกอบการ ไหลลงจนกู่ไม่กลับ เลยยอมจำนนเช่นกันครับ ทั้ง 3 ตัว ถ้ามองใน Excel ที่ตัวเองทำไว้ ไม่ขาดทุนครับ ตอนนี้ ที่ปอดเหลือ 10 ตัว 8 ตัว ใช้พี่สติช่วยซื้อ อีก 2 ตัว ใช้พี่โลภช่วยซื้อครับ ตอนนี้ ปอดรั่วไป 5% แล้ว เหลือ 17.30% ส่วนปอดของคุณภรรยาที่ลงไว้ 4 ตัว ก็ย่ำแย่เหมือนกัน แดงไป 2 ริบรี่ 1 เขียวอยู่ 1 ครับ สาหัสเหมือนกัน แต่ทั้งของผมและของคุณภรรยาเป็นหุ้นปันผลครับ รอดูว่าจะได้เงินชดเชยจากภาคเอกชนหรือเปล่า จากคุณ : เตร็ดเตร่ เขียนเมื่อ : 24 ม.ค. 54 11:54:57

ความคิดเห็นที่ 37 555 พี่เตร็ดเตร่เข้าใจคำถาม คห.30 ของผมผิด พอร์ทที่ผมว่านั้น หมายถึงพอร์ทจำลองสำหรับ port aggressive ที่ซื้อหุ้น jas+hemraj +margin20% น่ะครับ พอดีเคยเห็นพี่ทำใส่ excel เอาไว้ ผมไม่กล้าละลาบละล้วงพอร์ทของพี่หรอกครับ แหะๆ ปล.style ของพี่เตร็ดเตร่เน้นลงทุนแบบกินปันผลนะครับ เท่าที่ผมได้อ่านๆมา อิอิ จากคุณ : คนจนที่อยากรวย เขียนเมื่อ : 24 ม.ค. 54 11:58:39

ความคิดเห็นที่ 38 ^^^^^ ราคาหุ้นของมายา เงินปันผลรับมา ซิของจริงครับ แฮะ แฮะ พูดไปอย่างนั่นแหละ ที่จริงลงมาจากเรคคอร์ดไฮ  เกือบหนึ่งล้านแล้ว + แก้ไขเมื่อ 24 ม.ค. 54 12:00:21 จากคุณ : endophine เขียนเมื่อ : 24 ม.ค. 54 11:59:41

ความคิดเห็นที่ 39 วันนี้รถบั๊มพ์คันสีแดงเขาแรงครับเฮีย ใครอย่าได้มาคิดบั๊มพ์แข่งกับเขาเชียว อิอิ จากคุณ : คนจนที่อยากรวย เขียนเมื่อ : 24 ม.ค. 54 12:06:59

ความคิดเห็นที่ 40 อ้อๆ เอาไปเลย ผลการลงทุนแนว VI ให้ จากคุณ : เตร็ดเตร่ เขียนเมื่อ : 24 ม.ค. 54 12:11:00

ความคิดเห็นที่ 41 เพิ่เห็น MCS ของผม ราคาหล่นมาเยอะมากเลยวันนี้ มือไม้สั่นอีกแล้ว อาการ กรมอุตุ เริ่มมาอีกแล้ว จากคุณ : เตร็ดเตร่ เขียนเมื่อ : 24 ม.ค. 54 12:15:47

ความคิดเห็นที่ 42 คันเขียวหงายท้องโคโร่ไปเลยแฮะ แวบไปหละ วานคุณฯอยากรวย  แจกน้ำใบบัวบกให้เพื่อนๆด้วย ส่วนผมจะแวะไปกินแถวเยาวราช + จากคุณ : endophine เขียนเมื่อ : 24 ม.ค. 54 12:34:33

ความคิดเห็นที่ 43 พักเบรก ... จากคุณ : คนจนที่อยากรวย เขียนเมื่อ : 24 ม.ค. 54 12:44:53

ความคิดเห็นที่ 44 จัดให้ตามคำขอครับ ไม่ต้องแย่งกัน ได้ทู๊กกกกคน (ผมด้วย) อิอิ จากคุณ : คนจนที่อยากรวย เขียนเมื่อ : 24 ม.ค. 54 12:46:49

ความคิดเห็นที่ 45 อีกนิดเดียว Safe T Cut ได้ทำงาน เป็นลิง : พี่คนที่รวยครับ เหยือกแค่นั้น ไม่พอครับ จากคุณ : เตร็ดเตร่ เขียนเมื่อ : 24 ม.ค. 54 13:08:56

ความคิดเห็นที่ 46 ของผม Hold Only ครับ จากคุณ : yacht7 เขียนเมื่อ : 24 ม.ค. 54 13:29:28

ความคิดเห็นที่ 47 สวัสดีค่ะทุกท่าน มาแปะไว้ก่อน เลิกงานจะตามอ่านค่ะ ^_^ ตอนเที่ยงเปิดดูพอร์ตแล้วต๊กใจหมดเลย ใจหล่นไปอยู่ตาตุ่ม วันก่อนยังเขียวเข้ม ๆ วันนี้มาดูเขียวอ่อน ๆ กับแดงจัดสลับกันเลยค่ะ เฮ้ออออ ปิดแล้วไปทำงานต่อดีกว่า -_-" จากคุณ : Ooh 1234 เขียนเมื่อ : 24 ม.ค. 54 13:37:28

ความคิดเห็นที่ 48 คุณคนจน ผมเข้าใจแบบ snake snake fish fish ครับ ยอมรับว่าไม่ได้ลงลึกมากไปขนาดนั้น แต่อยากรู้จริงๆเลยว่าถ้าผมใช้ตัวกรองแค่ 4 ตัวนี้ ในประวัติศาสตร์จนถึงทุกวันนี้มีหุ้นตัวไหนที่จะทำให้ผมเจ็บตัวได้บ้าง จะได้เริ่มไปแงะดูว่าตรงไหนผมต้องมองเพิ่ม ปล.แน่นอนต้องดูด้วยว่ามูลค่าหุ้นตอนนั้นแพงหรือถูก แต่ผมว่ามันยังไม่สำคัญเท่าไหร่นะ ตราบใดที่ถ้าเรามั่นใจว่าได้ 6 เปอ ชัวร์ๆ (หักภาษีก็เหลือ 5.4) จากคุณ : scp1234 เขียนเมื่อ : 24 ม.ค. 54 16:38:18

ความคิดเห็นที่ 49 โดยภาพรวม ถ้าทำได้ตาม 4 ข้อข้างต้น ก็ถือว่าดีครับ ทั้งนี้ ต้องดูเป็นหุ้นรายตัวด้วยน่ะครับ แหะๆ จากคุณ : คนจนที่อยากรวย เขียนเมื่อ : 24 ม.ค. 54 18:33:26

ความคิดเห็นที่ 50 Daily VI Discussion (DVD 124) กระทู้การลงทุนแนวเน้นคุณค่า ประจำวันที่ 25/01/11 จากคุณ : คนจนที่อยากรวย เขียนเมื่อ : 25 ม.ค. 54 07:55:27