ขอบคุณครับ
ขอให้คุณ ฮะ ว่าไงนะ
เดินทางท่องเที่ยวจีนอย่างสนุกสนาน และไปกลับโดยสวัสดิภาพครับ
คำถามข้างบน
ถ้าตอบตามสมการพีอี แบบง่ายๆก็คือ
ดัชนีเซี้ยงไฮ้ ถูกลากขึ้นไปเล่นก้นที่ราคาอนาคต เพื่อรอผลประกอบการในอนาคต
พอใส่ค่าให้กับ P มากเกินความจริง จน PE โป่งพอง
มากเกินไปกว่าที่ค่า E จะตามขึ้นไปลดค่า PE ลงมาได้ในเวลาอันรวดเร็ว
ก็จะเกิดปรากฏการหุ้นตก ทั้งๆที่ผลประกอบการเพิ่ม
คือ E มันเพิ่มจริง
แต่มันเพิ่มไม่ทันระดับราคา
ที่เจ้ามือแด็กส์ด่วน ลากนักลงทุนรายย่อยตามไปซื้อขายกันที่ราคาอนาคต
ลองใส่ค่าให้ดัชนี เซี้ยงไฮ้แบบเล่นสนุกกับสมการข้างต้นดังนี้
P = 6000 , PEล่วงหน้า = 50 ค่า E จะเท่ากับ 120
ถ้าคาดหวังว่า พีอีล่วงหน้าที่แห่ซื้อกันเพื่อดักรอผลประกอบการ
ออกมาแล้ว ลดลงไม่พอรองรับ ราคาหุ้นที่ถูกซื้อขึ้นไปดักรอล่วงหน้า
สมมติ พีอี ลดลงมาเหลือ ๒๐ อี เพิ่มขึ้นเป็น 150
ค่า พี ของดัชนีเซี้ยงไฮ้จะเหลือเท่าไร ?
นี่เป็นเหตุผลที่ผมจะเน้นลงทุนหุ้นเกรดซี กํบเกรดเอ
มากกว่าหุ้นเกรด บี
ซึ่งหลายตัว
ถูกลากไปซื้อขายกันที่ราคาอนาคต
เพื่อรอผลประกอบการในอนาคต
ถ้าตัวไหน อี ยังเพิ่มต่อเนื่อง ในขณะที่พีอีลดลงมาบ้างแล้ว
ราคาหุ้นก็จะยืนได้มากกว่า
ตัวที่ อี เพิ่มแบบแด็กส์ด่วน
และหุ้นที่ อี ยังโตต่อเนื่อง
ก็มีโอกาสกลับขึ้นไปทำเรคคอร์ดไฮ ในอนาคตอีกครั้ง
แต่คงต้องใช้เวลาอีกหลายปี
ถ้าตลาดหุ้นไม่เป็นใจ
ให้เจ้ามือพยุงราคาหุ้นไว้เล่นเกมล่าส่วนเกินทุนกับรายย่อยต่อ
+
แก้ไขเมื่อ 31 ม.ค. 54 09:11:29
แก้ไขเมื่อ 31 ม.ค. 54 09:04:54
แก้ไขเมื่อ 31 ม.ค. 54 08:52:55
แก้ไขเมื่อ 31 ม.ค. 54 08:49:21
แก้ไขเมื่อ 31 ม.ค. 54 08:41:55