ความคิดเห็นที่ 1 จะขายทำไมก็ไม่รู้ จะซื้อทำไมก็ไม่รู้ ก่อนจะทำอะไรต้องคิดหน้าคิดหลังให้ดีก่อนนะครับ จากคุณ : ผมไวไวไม่ใช่วีไอ (มิ่งกลิ้ง) เขียนเมื่อ : 5 ก.พ. 54 11:23:30

ความคิดเห็นที่ 2 รอดูสถาณการณ์ ถ้ายืดเยื้อ คงต้องปรับพอร์ต จากคุณ : michita เขียนเมื่อ : 5 ก.พ. 54 11:25:56

ความคิดเห็นที่ 4 ลงทุนในธุรกิจอย่ายึดติดกับราคา ให้ดูที่พื้นฐานบริษัทเป็นหลัก พื้นฐานไม่เปลี่ยนถือต่อไป ถ้าตัวที่ถืออยู่ มีpanic ราคาลงมาเยอะ  เริ่มมี mos  มีเงินเหลือให้ซื้อเพิ่ม ถ้าไม่มีเงินให้ปรับพอร์ต ตามเหมาะสม จากคุณ : Ascobic acid เขียนเมื่อ : 5 ก.พ. 54 11:42:13

ความคิดเห็นที่ 5 ขออนุญาตแสดงความคิดเห็น ผมคงทำตัวปกติ นั่นคือ ถือหุ้นในพอร์ทต่อไป ขายออกมาก่อน รอตั้งหลัก ... ผมคงไม่ทำ และคงยังไม่ซื้อเพิ่ม เพราะราคาหุ้นที่ผมสนใจ ณ ตอนนี้ยังถือว่าสูงอยู่มาก ผมไม่มีทางรู้อนาคตว่า Mr.Market จะมีอารมณ์ไปในทิศทางใด ดังนั้นผมจึงไม่พยายามกำหนดกรอบของตัวผมเองครับ ภาษาอังกฤษเรียกว่า Let it be ... จากคุณ : คนจนที่อยากรวย เขียนเมื่อ : 5 ก.พ. 54 11:48:10

ความคิดเห็นที่ 6 ภาคใต้รุนแรงกว่านี้อีกครับ อย่ากลัว ถือต่อไปไอ้มดแดง จากคุณ : hifolk เขียนเมื่อ : 5 ก.พ. 54 11:58:51

ความคิดเห็นที่ 7 ผมซื้อหุ้น เหมือนเป็นเจ้าของบริษัท คงถือไว้ครับ ที่มีอยู่ไม่ขาย แต่ที่จะซื้อเพิ่ม ก็แค่รอจังหวะ จริงๆ แล้ว เมื่อดูดีแล้ว ซื้อมาในราคาที่เหมาะสม หรือถ้าให้ดีมี margin of safety สูง สักหน่อย ก็ถือไว้ไม่เคยคิดว่าจะขายเมื่อไร (เพราะไม่รู้ได้ว่าเมื่อไรจะราคาสูงเกินไป) แม้ว่าบางครั้ง ซื้อหุ้นมาด้วยราคาแพงสักนิด แต่ก็ไม่เป็นไร อย่างมากก็แค่รอนานอีก หน่อย ก็จะกำไรไปเอง การที่จะไปหวังรอซื้อหุ้นที่ราคาต่ำสุดเสมอไป คงเป็นไปได้ยาก ผมซื้อหุ้นทำนองที่ว่า ซื้อบริษัทชั้นเยี่ยมในราคายุติธรรมหรือถูกกว่านิดหน่อย ก็พอใจ แล้ว ปล่อยให้บริษัททำกิจการไป ก็เติบโตขึ้นเอง ได้กำไรเองในระยะยาว ผมเคยตั้งคำถามเพื่อนเล่นๆ ว่า ผม: "อยากได้กำไรสามเท่าทำอย่างไร เช่นซื้อมา 1,000,000 กลายเป็น 3,000,000?" เพื่อน: "ก็ทำกำไรครั้งละ 10% จำนวน 20 ครั้ง" ผม: "แล้วคิดว่า การทำแบบนั้น กับการหาหุ้นดีๆ ชั้นเยี่ยม ถือไว้รอให้ราคาขึ้นไปเอง สองสามเท่าตัว และระหว่างนั้นก็รับปันผลไป ตอนสุดท้ายก็จะได้ปันผลในจำนวน % มหาศาลเมื่อเทียบกับต้นทุน อะไรจะง่ายกว่ากัน?" Update วันนี้ (5 ก.พ. 54) พื้นฐานการลงทุนแนวคุณค่า วันนี้เสนอต่อในเรื่อง "การวิเคราะห์ธุรกิจด้วยตัวเอง" เข้า blog แล้ว คลิ๊กที่ "การลงทุนโดยพิจารณามูลค่าของบริษัท" ทางด้านขวามือนะครับ ---------------------------------------- http://www.muegao.blogspot.com พื้นฐานความรู้ บทความเกี่ยวกับ หุ้น การเงิน การลงทุน ธุรกิจ โดย มือเก่าหัดขับ ---------------------------------------- จากคุณ : มือเก่าหัดขับ เขียนเมื่อ : 5 ก.พ. 54 11:58:59

ความคิดเห็นที่ 8 สวัสดีครับพี่มือเก่า เดี๋ยวนี้เปลี่ยนสีพื้นหลังกระทู้เลียนแบบผมแล้วหรอ 555 ตอนนี้ผมมีห่านน้อยที่น่ารัก 6 ตัว บางตัวออกไข่ทองคำ 4 ครั้งต่อปี บางตัว 2 ครั้ง บางตัวรอนานหน่อย เพราะออกไข่ครั้งละปี (แต่ฟองเบ้อเร่อเลย) ผมพึ่งเริ่มต้นเลี้ยงห่านน้อยได้เกือบจะสองปี ตอนนี้ก็ใกล้ฤดูเก็บไข่แล้ว คงต้องประคบประหงมน้องห่านให้มากๆหน่อย ปล.ห่านน้อยของผม คงต้องเรียกห่านของพี่มือเก่าว่า "ปู่ห่าน" แน่ๆเลย อิอิ จากคุณ : คนจนที่อยากรวย เขียนเมื่อ : 5 ก.พ. 54 12:07:56

ความคิดเห็นที่ 9 ตรรกะควรเป็นอย่างไรครับ ? สมมติว่าหุ้นตัวหนึ่ง vi มองว่าราคาพื้นฐานคือ 55 บาท เขามีต้นทุน 10 บาท ช่วงพึคสุด ๆ รอบนี้ขึ้นไปถึง 41-42 บาท และช่วงนี้ขาลง ถ้าเขาตัดขาย 39 บาท มารับที่ 36 บาท เขาจะได้หุ้นจำนวนมากขึ้นที่ต้นทุน 36บาท แล้วก็ถือยาวไปขายตอนราคาพื้นฐานที่เขาคำนวณไว้ที่ 60 บาท ในภาพรวมถ้าเขาทำแบบนี้ตลอดทางจาก 10 บาทถึง 60 บาท (คือเป็นทั้ง vi ซื้อถูกตัวที่ราคาต่ำ ๆ และเฮียฮุยซื้อขายตามสัญญาณกราฟขาขึ้นขาลงที่ชัดเจน) เมื่อเขาขายทิ้งที่ 60 บาท (หรือมากกว่านั้นหน่อย) ตาม Concept vi ว่าราคาเกินพื้นฐานแล้ว  ก็จะมีกำไรมากกว่าการที่ถือจาก 10 บาทนิ่ง ๆ ไปขายที่ 60 บาท สรุปคือเป็นทั้ง vi ที่เก่งในการเลือกหุ้นที่ถูกตัว กับเป็นทั้งเทคนิคที่เก่งในการซื้อขายตามสัญญาณที่ถูกจังหวะ จะสุดยอดหรือเปล่าครับ จากคุณ : tytsn1197 เขียนเมื่อ : 5 ก.พ. 54 12:10:17

ความคิดเห็นที่ 10 หุ้นอาหาร เหมาะกับยามสงคราม แต่ตอนนี้ มันก็แพงเกินไป แล้ว จากคุณ : Pigfarm เขียนเมื่อ : 5 ก.พ. 54 12:25:22

ความคิดเห็นที่ 11 ขออนุญาตแสดงความคิดเห็นต่อ คห.9 จริงๆแล้ว ตรรกะมันควรไม่เป็นอย่างนั้น ซื้อหุ้นเพื่อหวังขายที่มูลค่าที่เหมาะสม แต่อาศัย "จับจังหวะ" ของตลาดเพื่อทำกำไรรอบสั้น โดยส่วนตัวมองว่า หากทำได้ในครั้งนี้ ครั้งต่อๆไปก็ยากที่จะทำให้ได้เหมือนครั้งนั้น เว้นเสียแต่ว่าเขาคนนั้น "หยั่งรู้" ราคาในอนาคตได้ครับ จากคุณ : คนจนที่อยากรวย เขียนเมื่อ : 5 ก.พ. 54 12:30:47

ความคิดเห็นที่ 12 คุณ คนจนฯ(ไม่จริง) ครับ กลัวเพื่อนๆ เบื่อน่ะครับ เลยเปลี่ยนสีพื้นหลังไปเรื่อยๆ ช่วงหลังๆ นี่จะพยายามเลือกหลากสีเลย ยกเว้นสีที่นักลงทุนบ้านเราไม่ชอบ เวลาตลาดลงคือ สีแดง 555 แล้วหุ้นผม บางตัวผมไม่เคยขายเลย ถือมานานจนจำไม่ได้ว่า ซื้อมาตั้งแต่เมื่อไร อ่อ... ตัวนั้น เวลานี้ ไม่มีต้นทุนครับ ขายเอาทุนออก เหลือเป็นหุ้นที่เป็นส่วนกำไรเท่านั้น ในขณะที่ยังจ่ายปันผลตลอดมา เอ่อ... จริงๆ แล้ว เวลาผมเลือกพื้นหลังสีเดียวตลอด ตอนกลับเข้ามาดูโพสต์ของตัวเองก็เบื่อเหมือนกันล่ะครับ คุณ  tytsn1197 คห.9 ถ้าทำได้อย่างนั้น เยี่ยมเลยครับ ผมก็อยากทำได้ แต่ยังไม่เคยเห็นผู้ที่ทำได้สม่ำเสมอทุกครั้งไป เลยไม่ทราบจะ เรียนรู้จากใครเหมือนกัน อีกอย่างหนึ่ง ไม่มีเวลาเฝ้าด้วยล่ะครับ แก้ไขเมื่อ 05 ก.พ. 54 12:46:34 จากคุณ : มือเก่าหัดขับ เขียนเมื่อ : 5 ก.พ. 54 12:33:39

ความคิดเห็นที่ 13 คิดไปคิดมา ใจมันสั่น ผมก็เลยวางไว้ว่าจะทยอยถอนหุ้น ออกทั้งหมด ย้ายไปลงในทอง ท่าจะดีกว่า จากคุณ : Jukadliang เขียนเมื่อ : 5 ก.พ. 54 12:48:46

ความคิดเห็นที่ 14 พี่มือเก่าครับ นอกเหนือจากหลักการลงทุนในแนวเน้นคุณค่าที่ผมได้จาก ดร.นิเวศน์ ที่สินธรนี้เอง ก็ได้มอบแนวทางดีๆให้ผมมาอีกหนึ่งกระบวนท่า นั่นก็คือ "คลายเครียดเรโช" ดึงเงินส่วนต้นทุนออก ให้เหลือแต่ต้นทุนกำไร ของเฮียเอนโด โดยส่วนตัวมองว่า หากนักลงทุนท่านใดที่ผสมผสานการลงทุนด้วยรูปแบบสองอย่างนี้ได้ ผมมีความเชื่ออย่างแน่นอนว่าจะสามารถอยู่รอดในตลาดหลักทรัพย์ครบทั้งวัฐจักร ...ได้อย่างมีความสุข ครับ พี่คิดเหมือนกับผมไหม อิอิ ? จากคุณ : คนจนที่อยากรวย เขียนเมื่อ : 5 ก.พ. 54 12:50:37

ความคิดเห็นที่ 15 คุณ คนจน(ไม่จริง)ฯ ครับ ถูกต้องครับ คค. เรโช นั่นก็ส่วนหนึ่ง (นานมาแล้วเราเรียกกันว่า คลายเครียดเรโช) อีกส่วนหนึ่งคือ เรารู้ค่าของมัน รู้ค่าของบริษัท มีบริษัทไม่มากนักในตลาด ที่มีค่าสูงกว่าความที่มันเป็น "ค่า" หรือ "มูลค่า" นี้ ไม่ได้ตีกันออกมาเป็นเพียงแค่ตัวเลขทางบัญชี แต่ด้วยอย่างอื่นที่เป็นการผสมกันของศาสตร์และศิลป์ ตัวเลขทางบัญชีน่ะ เป็นแค่ "ผล" ไม่ใช่ "เหตุ" ความผิดพลาดของนักลงทุนจำนวนมาก คือดูที่ผลนี่แหละ ไม่ดูที่เหตุ คนที่อยู่มานาน จะเรียนรู้ในการ "ตีมูลค่าที่ไม่ใช่ตัวเลข" พวกนี้ได้ค่อนข้างดี การเรียนรู้นี้ เกิดจากการลองผิด ลองถูก ด้วยตัวเอง แล้วแก้ไขในกระบวนการคิด ของตัวเอง เมื่อคิดผิดก็แก้ไข สุดท้ายเมื่อเวลาผ่านไป 4-5-10 ปีจะเห็นในสิ่งที่ ตัวเองเคยคิด เคยทำ ว่าผิดหรือถูกอย่างไร แล้วก็เอามาประยุกต์ลงทุน บางที หรือหลายๆ ทีด้วยซ้ำ เราสามารถบอกได้เลย ว่าหุ้นของ บริษัทนี้ ควรมีราคา เท่านั้นเท่านี้ ผิดถูกก็ 20-40% แค่นี้ก็เกินพอแล้วครับ ไม่ต้องเป๊ะๆ หรอก ประสบการณ์เป็นเรื่องสำคัญ ถ้าใครไม่เคยขาดทุนจริงๆ 6 หลัก หรือขาดทุนในพอร์ต 6-7 หลัก แล้วรอดมาได้ คงบอกว่าเป็นเซียนได้ยากครับ ยังไม่ได้ตอบเลยว่า ลงทุนให้มีความสุข ทำอย่างไร ก็... 1) คิดง่ายๆ ว่าเป็น money game มีเงินเยอะ ตัวเลขมาก ถามจริงๆเถอะว่าใช้วันละ เท่าไร อายุมากขึ้นๆ กินเกินมื้อละ 300 บาทหรือวันละพันบาทเนี่ย โรคภัยถามหาแล้ว 2) เงินทองเป็นของนอกกาย ตายไปเอาไปไม่ได้หรอก 3) ลงทุนด้วยการรู้ค่าของของ ว่าของนี้ควรมีราคาเท่าไร แล้วก็อดทนรอมัน ส่วน ในระหว่างนั้นจะจัดการอย่างไร ก็เป็นอีกเรื่องที่ต้องทำไป 4) คอยติดตามการทำงานของบริษัท ฟังข่าวบ้าง แล้วอย่าตื่นตระหนกตกใจไปมาก ในเมื่อเราได้เลือกบริษัทที่แข็งแกร่ง (ทางธุรกิจ ไม่ใช่แค่การเงิน) แล้ว ก็ต้องมั่นใจ ในเมื่อพื้นฐานไม่ได้เปลี่ยนไป ก็เหมือนกับว่าเราทำกิจการส่วนตัว เป็นเจ้าของบริษัท หุ้นเรา ขายใครก็ไม่ได้ ราคาก็ไม่รู้ถ้าไม่ได้มานั่งตีค่ากันจริงๆ หุ้นขึ้น หุ้นตก ในอีกแง่ มุมของชีวิตก็คือ "แล้วจะไปทำอย่างไรกับมันได้นักหนา" 5) ยอมรับในสิ่งที่ไม่มีเหตุผล หรือดูเหมือนไม่มีเหตุผลได้ หุ้นตกนั่งขำก็มีบ่อย ทุกวันนี้ ผมนั่งแช่งหุ้นตัวเองออกบ่อยไปครับ เพราะว่าหลายๆ ครั้งมีความรู้สึกว่า ซื้อน้อยไป หน่อย (หุ้นลงทุน ผมมีหลักการซื้อตัวละไม่ต่ำกว่า 7 หลักอยู่แล้วทุกตัว ถ้าขึ้น จะต้อง ได้เป็นเนื้อเป็นหนัง ประเภทกระจายกระจ้อยร่อย ไม่เอาครับ ไม่ได้ไม่เป็นไร ถือว่าเรา "แทงผิด" คือเลือกหุ้นผิดตัว ไม่ขาดทุนแต่ได้น้อย ช่างมัน แต่ถ้าแทงถูกตัวแล้วได้ ได้น้อย มันยังไงไม่รู้) ประสบการณ์ผ่านร้อนผ่านหนาวมาเยอะๆ เท่านั้นล่ะครับ จะช่วยได้ ขออภัยนะครับ ยาวไปหน่อย เป็นความบ้าส่วนบุคคล จากคุณ : มือเก่าหัดขับ เขียนเมื่อ : 5 ก.พ. 54 13:42:55

ความคิดเห็นที่ 16   ปลาใหญ่ต้องว่ายน้ำลึก จากคุณ : superman2007 เขียนเมื่อ : 5 ก.พ. 54 13:47:48

ความคิดเห็นที่ 17 ขอบคุณพี่มือเก่า(ไม่ต้องหัดขับ)แล้วมากๆครับ อ่านความเห็นจบแล้ว ได้แต่บอกตัวเองในใจว่า ผมนี่แหละ มือใหม่หัดขับ 555 ขอแลกเปลี่ยนความเห็น หัวข้อที่ 5 หน่อยนะครับ บางคนยึดหลักว่าถือหุ้นหลายตัว เพื่อกระจายความเสี่ยง และผลตอบแทนบางตัวจะช่วยบรรเทาทุกข์จากการขาดทุน หรือได้กำไรน้อยจากหุ้นบางตัว เหตุผลเพราะ ไม่กล้าทุ่มหนักไปที่หุ้นตัวใดตัวหนึ่งมากเป็นพิเศษ บางคนยึดหลักถือหุ้นน้อยตัว เพราะว่าศึกษาหุ้นตัวนั้นมาเป็นอย่างดี ประเมินมูลค่าที่เหมาะสมได้แม่นยำ เวลาได้กำไร ก็จะได้เป็นกอบเป็นกำ โดยส่วนตัวผม ยังไม่ชัดเจนเท่าไหร่นัก เหตุที่บอกว่าไม่ชัดเจน นั่นก็เพราะว่า ยังเหลือเงินบางส่วนอยู่ แต่ยังหาที่ลงไม่ได้ (เหตุที่ต้องบอกว่าหาที่ลงไม่ได้ เพราะผมมองว่า ณ ช่วงเวลานี้ หาหุ้นราคาถูกได้ยากกว่าสองปีที่แล้วเหลือเกิน) แม้ใครจะบอกว่าหุ้นถูกเต็มตลาด แต่ผมกลับมองว่ามีแต่หุ้นที่รับรู้มูลค่าไปแล้วเกือบ 70% อ่านประโยคที่ว่า "ถ้าขึ้น จะต้อง ได้เป็นเนื้อเป็นหนัง ประเภทกระจายกระจ้อยร่อย ไม่เอาครับ " แล้วก็พยักหน้าหงืดๆ สรุป ทำไรไม่ได้ ก็รอต่อไป 555 จากคุณ : คนจนที่อยากรวย เขียนเมื่อ : 5 ก.พ. 54 14:18:49

ความคิดเห็นที่ 18 อ่านเจอแวบๆ ที่ไหนสักแห่ง น่าจะเป็น Lynch ว่า เขามักจะเห็นสงครามเป็นโอกาส ในการเข้าถือหุ้นเพิ่มมากกว่า การขายออก เพราะสงคราม ความขัดแย้งต่างๆ อย่างไรก็ต้องจบลง การขายออกมาดูสถานการณ์ก่อน แล้วค่อยซื้อกลับไปใหม่เมื่อสถานการณ์ดีแล้ว ถ้าทำได้เป็นเรืองที่ดี ผมก็อยากทำอย่างนั้นได้ เพราะผลตอบแทนคงจะเยอะน่าดู แต่ทำไม่เป็นครับ การ timing ตลาดเป็นเรื่องที่ยากครับ ผมคิดว่าอาจจะพออ่านตลาดในระยะเวลาอันใกล้ได้ว่ามีแนวโน้มจะเป็นเช่นไรเราก็เห็นเซียนเทคนิคที่คาดการณ์ตลาดได้ค่อนข้างแม่นยำอยู่หลายท่าน แต่ก็นั่นแหละครับ เมื่อเลือกส่วนผสมของนักลงทุนว่าจะเป็น วีไอ วิธีการลงทุนก็จะต่างไปจากการลงทุนของนักลงทุนทางเทคนิด ดร นิเวศน์ เคยเปรียบเทียบประมาณว่า นักมวยมีอยู่สองประเภท คือ fighter กับ boxer หากให้ fighter ไปชกแบบ boxer ก็คงไม่รุ่งเรือง boxer ก็เช่นเดียวกัน นักลงทุนคงต้องเลือกว่าจะเป็นแบบไหน อาจจะผสมปะปนกันได้บ้าง จะไปกะเกณฑ์ให้เป็นพันธ์แท้ก็คงยาก หลายคนก็มีสองพอร์ต ทั้งวีไอ และเทคนิค เอาไว้แก้เซ็ง หรือเอาไว้ทดสอบวิชากันลืม ส่วนวีไอทำอย่างไรนั้น เซียนๆ วีไอมาตอบกับไปหมดแล้ว ตามนั้นแหละครับ จากคุณ : gongort2 เขียนเมื่อ : 5 ก.พ. 54 14:42:33

ความคิดเห็นที่ 19 แล้วพี่ gongort2 เป็น fighter หรือ boxer ล่ะครับ ? อิอิ ส่วนผม เป็นคนดู ผมชอบดูเวลาที่ fighter กับ boxer ขึ้นต่อยกันครับ แต่หาสถิติไม่ได้หรอกนะ ว่าฝ่ายใดชนะ-แพ้ มากกว่ากัน 555 จากคุณ : คนจนที่อยากรวย เขียนเมื่อ : 5 ก.พ. 54 14:49:01

ความคิดเห็นที่ 21 คิดว่าตัวเองเป็นวีไอ ครับ น่าจะสาย Fisher กับ Buffett ปัจจุบัน boxer fighter หนะ เป็นไม่ได้หรอก พี่คนฯรวย หาเรื่องให้ผมตายคาเวทีซะละ 5555 ปล. ช่วงนี้ไหว้เจ้ายุ่ง ไม่มีเวลาเปิด DVD หรือครับ???? แก้ไขเมื่อ 05 ก.พ. 54 14:58:22 จากคุณ : gongort2 เขียนเมื่อ : 5 ก.พ. 54 14:55:52

ความคิดเห็นที่ 22 นานๆ เข้ามาดูที กระทู้นี้ประมานว่า เว้ยเฮ้ย นี่มันบู๊ตึ๋งเปิดประเด็น แล้วเจ้าสำนักเส้าหลินผู้คืนยุทธภพ มาถกเคล็ดวิชาดูเส้นเอ็นหุ้น กับ เจ้าสำนักหนุ่มไฟแรงแห่งพรรคกระยาจก (ไม่เห็นจะจนจริง)   มาถกวิชา พลังคุณค่า ที่รับมาจากผู้เฒ่าวิเวก กับแถมวิชา เคลื่อนย้ายโยกอัฐ ที่รับมาจากเซียนจิตว่างในตำนานอีก อ่านแล้วหากธาตุไฟคันมือเข้าแทรก ซื้อหุ้นเข้าไปใครจะรับผิดชอบนี่ ว่าแต่ไม่อยากเลี้ยงห่าน ท่านเจ้าพรรคกระยาจก พอแนะ นกกระจอกเทศให้สักตัวได้ไหมครับ เห็นว่าได้ทั้งไข่ได้ทั้งเนื้อนะครับ : ) จากคุณ : Talmud เขียนเมื่อ : 5 ก.พ. 54 14:57:26

ความคิดเห็นที่ 23 อ่าว แสดงว่าผมตีความหมายที่พี่ gongort2 เขียนไว้ผิด " ดร นิเวศน์ เคยเปรียบเทียบประมาณว่า นักมวยมีอยู่สองประเภท คือ fighter กับ boxer หากให้ fighter ไปชกแบบ boxer ก็คงไม่รุ่งเรือง boxer ก็เช่นเดียวกัน " ผมอ่านแล้วตีความว่า " นักลงทุนมีอยู่สองประเภท คือ VI กับ technical หากให้ VI ไปเล่นแบบ technical ก็คงไม่รุ่งเรือง technical ก็เช่นเดียวกัน " [แทรกความเห็นเพิ่มเติม] ที่ทำงานไม่ให้เล่นเนทในเวลาทำงานแล้วครับ เลยแอบมาตั้งกระทู้ไม่ได้ แงๆ (ทุกวันนี้เลยต้องดูหุ้นผ่านมือถือ ลำบากขึ้นไปอีกหนึ่ง step 555) แก้ไขเมื่อ 05 ก.พ. 54 15:06:14 จากคุณ : คนจนที่อยากรวย เขียนเมื่อ : 5 ก.พ. 54 14:59:59

ความคิดเห็นที่ 24 คุณคนจนที่รวยแล้ว ขอแสดงความยินดีที่เจ้านายจับได้ว่า แอบเล่นหุ้น และ เป็น รปภ สินธร แต่มิเป็นไร เพราะ ท่านเป็นเจ้าสำนักแห่งพรรคกระยาจกที่รวยแล้ว ฮา ฮ่า ฮ่า จากคุณ : จิ้งจกเขียว เขียนเมื่อ : 5 ก.พ. 54 15:09:18

ความคิดเห็นที่ 25 ว้า น่าเสียดายนะครับ อ้าวแล้ววันนี้ คุณฯรวย ไม่ทำงานหรือครับ เลยอยู่เล่นเว๊ปบอร์ดได้ ส่วนเรื่องตีความนักมวย ประเด็นอยู่ที่ว่า vi คือ fighter หรือ boxer?? ต้องนิยามกันก่อน ถึงจะตอบได้ มังครับ แต่ผมว่าอยู่แยกกันอย่าปะทะกันทางความคิดเลย เดี๋ยวจะเหมือน DVD วันแรกๆ ที่มีนักเทคนิคเข้ามาถาม จะซื้อเมื่อไหร่ จะขายเมื่อไหร่ ผมลุ้นแทบแย่ แก้ไขเมื่อ 05 ก.พ. 54 15:24:11 จากคุณ : gongort2 เขียนเมื่อ : 5 ก.พ. 54 15:21:38

ความคิดเห็นที่ 26 อ่านความเห็นของพี่ Talmud จบ  ไม่มีคำพูดอื่นใดนอกจาก ฮ่า ฮ่า ฮ่า บู๋ตึ๋งมาเปิดประเด็น แล้วหายจ้อยไปเลยครับ สงสัยกำลังฝึกวิชาพรางตัว 555 เจ้าสำนักเส้าหลินผู้คืนยุทธภพ ผู้เฒ่าวิเวก เซียนจิตว่างในตำนาน ปิดท้ายด้วย เจ้าสำนักหนุ่มไฟแรงแห่งพรรคกระยาจก อ่านๆไปแล้วคล้ายคอลัมน์ซ้อเจ็ด ยังไงยังงั้น อิอิ ขออนุญาตตัดคำว่า "เจ้าสำนัก" ออกไป แล้วเขียนใหม่เป็น หนุ่มไฟมอดแห่งพรรคกระยาจก แทนได้ไหมครับพี่ (ไฟเริ่มมอด เหตุเพราะหาหุ้นถูกและดียากเหลือเกิน) ส่วนเรื่องนกกระจอกเทศนั่น ผมคงไม่ถนัดหาสายพันธุ์เท่าไรนัก ได้ทั้งเนื้อ ทั้งไข่ ผมขอตีความว่า ได้เงินปันผล และกำไร ณ จุดๆหนึ่ง ก็ขายมันทิ้ง กินมันทั้งเนื้อและไข่นั่นซะเลย   ฟังดูโหดร้าย ลัทธิพรรคกระยาจกไม่ทำแบบนั้นแน่นอนครับ 555 จากคุณ : คนจนที่อยากรวย เขียนเมื่อ : 5 ก.พ. 54 15:29:40

ความคิดเห็นที่ 27 (แอบ)เล่นเนทได้เฉพาะช่วงโอทีครับพี่ จากคุณ : คนจนที่อยากรวย เขียนเมื่อ : 5 ก.พ. 54 15:38:37

ความคิดเห็นที่ 28 แนว VI คือเน้นคุณค่า จะสนใจอะไรกับหุ้นขึ้นหรือลง ? ถ้าเราคิดว่าหุ้นที่เราซื้อเป็นหุ้นพื้นฐานดี จะกลัว ไปใย นะ เออ จากคุณ : RoMEAotZ เขียนเมื่อ : 5 ก.พ. 54 16:00:36

ความคิดเห็นที่ 29 อายังตามอ่านอยู่คับ แต่ไม่รู้จะพิมอะไรดี นอกจากขอบคุณสำหรับข้อมูลดีๆที่แบ่งปัน อิอิ จากคุณ : ทายาทจูล่ง เขียนเมื่อ : 5 ก.พ. 54 16:16:27

ความคิดเห็นที่ 30 การมองว่า วีไอเก๋าๆ เขามีต้นทุน ณ ราคาที่ต่ำมากๆ การพยายามสื่อว่า ไม่ควรดำเนินการตามอย่างวีไอรุ่นดึก...ฯ มันเป็นคำกล่าวหรือความเชื่อที่จะทำให้เสียโอกาสซะมากกว่าหรือเปล่า? แทนที่จะพูดแค่ราคาต้นทนของเซียนวีไอ ทำไมไม่พูดหรือคำนึงว่า พีอีตอนเซียนวีไอเก็บ เทียบกับพีอีตอนนี้เป็นอย่างไร ( ถ้ากำไรมันโตไปไวกว่าล่ะ? ) การดูที่ราคาอย่างเดียว มันเหมือนดูไม่รอบด้านหรือเปล่า? สอนศาสตร์ ไม่สอนใช้ศิลป์ จากคุณ : tomimoto เขียนเมื่อ : 5 ก.พ. 54 17:58:11

ความคิดเห็นที่ 31 ซื้อหุ้นต่ำกว่ามูลค่าประเมิน. หุ้นตกแค่ไหนเดี่ยวก็กลับมาครับ จากคุณ : Artelrooy เขียนเมื่อ : 5 ก.พ. 54 17:59:14

ความคิดเห็นที่ 32 VI ผสมมือใหม่อย่างผม ขอใช้เวลาทำกำไรก่อนค่อยมาว่ากันนะครับ ;) ตอนนี้ขาดทุนกับ day-trade อยู่ มิอาจแนะนำใครครับ จากคุณ : daemonview เขียนเมื่อ : 5 ก.พ. 54 20:12:55

ความคิดเห็นที่ 33 เกิดสงครามชายแดนแล้ว PTT ขายน้ำมันได้น้อยลง CPF ขายไก่ไม่ออก CPALL ขายแสตมป์ไม่ได้ (เดี๋ยวนี้เห็นแต่คนซื้อเพื่อแสตมป์) เมื่อนั้นค่อยคิดครับ จากคุณ : sace22 เขียนเมื่อ : 6 ก.พ. 54 01:34:20

ความคิดเห็นที่ 34 KSLตัดอ้อยได้บ่ จากคุณ : autonomous เขียนเมื่อ : 6 ก.พ. 54 09:32:44