ความคิดเห็นที่ 1 ความได้เปรียบจากการใช้เครื่องบินจากค่ายเดียว เครื่องบินจากบริษัทแอร์บัส ซึ่งมีฐานการผลิตในยุโรป หลักๆอยู่ในฝรั่งเศสและเยอรมัน เครื่องบินของแอร์บัสกับโบอิ้ง ถ้าให้นักบินเขาพูดกันเขาก็จะบอกว่าโบอิ้งนั้นก็เหมือนๆกับรถเบนซ์ กินน้ำมันเยอะ แต่ไม่ค่อยงอแง , ส่วนแอร์บัสเหมือนรถญี่ปุ่น มีงอแงบ้าง แต่ประหยัด อย่างไรก็ดีการซื้อเครื่องบินแต่ละลำก็ไม่ใช่เรื่องง่ายมีเงินอย่างเดียวไม่ได้ยังไงก็ต้องรอคิว อย่างไรก็ตามปัจจุบันแอร์บัสก็ยังผลิตให้ไม่ทันความต้องการอยู่ดี จากรายงานของแอร์บัสเดือน ม.ค. 54 เครื่องบินรุ่น A320 มียอดสั่งซื้อทั้งสิ้น 4,492 ลำ จัดส่งไปแล้ว 2,576 ลำ อยู่ในประจำการ 2,495 ลำ ส่วนอีก 81 ลำ อาจจะกำลังผลิต/หรือปลดประจำการ พูดก็พูดเถอะ มีออร์เดอร์เยอะขนาดนี้ จะบอกว่าไม่ใช่เครื่องบินยอดนิยมเลยเชียวหรือ ถ้าถามว่าทำไมเขาถึงนิยมเครื่องรุ่นนี้กันมาก คำตอบก็คือสามารถบรรทุกผู้โดยสารได้พอสมควรประมาณ 180 คน และบินได้ไกลในระดับที่พอใช้ในประเทศใกล้เคียง สำหรับไทยก็บินไปได้ไกลถึงอินเดีย ไต้หวัน จีน ก็ไกลพอสมควรที่เครื่องบินเล็กจะสามารถทำได้ ความได้เปรียบโดยการใช้เครื่องบินจากค่ายเดียวของแอร์เอเชียก็คือ สายการบินสามารถลดต้นทุนในการฝึกพนักงานต้อนรับ พนักงานทำงาน พนักงานฝ่ายช่าง พูดง่ายๆคือทุกฝ่ายนั่นแหละ สามารถเรียนรู้ได้จากตำราฉบับเดียวกัน เพราะใช้เครื่องบินรุ่นเดียวกันทั้งหมด 20 ลำ พนักงานฝ่ายช่างก็มีความเป็น Professional สูง ฝึกฝนซ่อมและดูแลเครื่องบินรุ่นเดียว สามารถเทรนฝ่ายช่างรุ่นต่อไปได้อย่างง่ายดายเพราะข้อมูลของเครื่องบินรุ่นนี้มีเพียงชุดเดียว การซ่อม การดูแลสามารถทำได้ง่าย ไม่ต้องไปฝึกกันบ่อยๆเพราะแต่ละคนเมื่อมีความรู้เฉพาะเครื่องบินรุ่นนี้และซ่อมเครื่องบินรุ่นนี้อย่างเป็นมืออาชีพ ก็สามารถส่งต่อความรู้สู่รุ่นต่อไปที่เป็นฝ่ายช่างได้ง่าย, พนักงานต้อนรับก็ไม่ต้องกังวลว่ามีบินไฟลท์นี้จะเดินไม่ถูกหาปุ่มไม่เจอ อย่างไรซะก็เหมือนกันทุกๆลำ ยิ่งนักบินยิ่งแล้วใหญ่เข้าไปในห้องนักบินยังไงก็เจอแต่การบังคับชุดเดิม ดังนั้นผมเชื่อว่าการที่สายการบินใช้เครื่องบินเพียงแค่รุ่นเดียว เป็นการลดต้นทุนทำให้เกิดความประหยัดได้ และยังสามารถสร้างพนักงานระดับมืออาชีพได้อีกด้วย (ภาพ แอร์บัส A320 ลำที่ 20 ของ AirAsia ขอบคุณภาพจาก HFlight.net) จากคุณ : venezier เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 54 23:10:21

ความคิดเห็นที่ 2 เปรียบเทียบค่าโดยสารระหว่างแอร์เอเชียกับสายการบินอื่น สองตัวอย่างดังนี้ ตัวอย่าง 1 เที่ยวบินกรุงเทพ – ฮ่องกง ไปกลับ เดินทางวันที่ 8-13 เม.ย. (เทศกาลสงกรานต์) ชั้นประหยัด การบินไทยราคารวม 13,140 บาท / แอร์เอเชีย 9,528* บาท / เอมิเรตส์ 9,305 บาท ตัวอย่าง 2 เที่ยวบินกรุงเทพ – ฮ่องกง ไปกลับ เดินทางวันที่ 21-24 มิ.ย. (วันธรรมดา) ชั้นประหยัด การบินไทยราคารวม 12,105 บาท / แอร์เอเชีย 5,986* บาท / เอมิเรตส์ 8,805 บาท * สำหรับแอร์เอเชียยังไม่รวมค่าธรรมเนียมเลือกที่นั่งอีก 50 บาท/เที่ยว ไปกลับ 100 บาท , ค่าธรรมเนียมบัตรเครดิต 50 บาทต่อเที่ยว/ ไปกลับ 100 บาท , ภาษีสนามบินอีกประมาณ 1,600 บาทด้วย ตอนนี้เอมิเรตส์มาตีตลาดกรุงเทพฮ่องกงด้วยเครื่องบินรุ่น Airbus A380 เครื่องบินโดยสารขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ความสามารถคือบรรทุกผู้โดยสารได้มากกว่าแอร์เอเชียสองเท่า ดีกว่าในทุกๆด้านด้วยแถมราคาคือไม่แพงมาก ทำให้การตลาดเส้นทางการบินนี้แอร์เอเชียยังคงอ่อนมาก ต้องปรับปรุง !!! เส้นทางกรุงเทพฮ่องกงเป็นเส้นทางที่มีผู้โดยสารเต็มตลอด เป็นเส้นทางทำเงิน แต่ถ้ามีสายการบินอื่นๆมาทำมากๆ ด้วยคุณภาพที่ดีกว่า แถมราคายังถูกกว่า ในเส้นทางนี้ดูท่าเราจะเป็นรอง *** ปัจจัยเสี่ยงการบิน *** 1. ความเสี่ยงจากลมฟ้าอากาศ บางครั้งแม้พยากรณ์อากาศจะบอกว่าอากาศสดใส แต่จู่ๆมีพายุก็เกิดขึ้นได้ถมไป คุณไม่สามารถเดาได้เลยว่าอากาศพรุ่งนี้เป็นอย่างไรจนกว่าคุณจะเจอกับมัน 2. ความเสี่ยงจากอุปกรณ์การบิน คุณเชื่อไหมว่าการทำการบินแต่ละครั้งที่คุณนั่งเครื่องบิน เหมือนคุณนั่งหมิ่นๆบนเส้นของความเป็นกับความตาย เพราะไม่มีเครื่องบินลำใดที่ออกไปบินด้วยความพร้อมเต็มทั้ง 100% แต่โดยทั่วไปแล้วปัญหาทางเทคนิคแก้ไขได้เสมอ แม้เครื่องยนต์ข้างหนึ่งดับ เครื่องบินก็สามารถใช้พลังงานจากเครื่องยนต์อีกข้างพยุงตัวเองเพื่อลงจอดได้อย่างปลอดภัย อย่าวิตกเกินไป แต่ในเวลาเดียวกันก็ต้องไม่ประมาท แต่โดยสถิติแล้วแอร์เอเชีย ไม่เคยมีสถิติเครื่องบินที่ตกแบบ “โหม่งโลก” เลยแม้แต่ครั้งเดียว 3. ความเสี่ยงจากวินาศกรรม ปัญหานี้ได้รับการแก้ไขแล้ว แต่เราก็ประมาทไม่ได้เหมือนกัน คุณเชื่อหรือไม่ว่าประตูห้องนักบินมีมูลค่าเกือบสิบล้าน และมีความคงทนต่อกระสุนปืนและอาวุธวินาศกรรม ดังนั้นโปรดวางใจได้ว่าเครื่องบินจะไม่บินไปชนตึกแบบเหตุการณ์ 911 ได้ง่ายแบบสมัยก่อน ถ้าจะทำกันจริงๆก็คงต้องใช้เวลาหลายชั่วโมงเพื่อพังประตูห้องนักบินเข้าไป 4. ปัจจัยเสี่ยงด้านราคาน้ำมัน ซึ่งเป็นพลังงานสำคัญสำหรับเครื่องบิน ยิ่งราคาน้ำมันแพงขึ้น ต้นทุนการบินยิ่งสูงตาม กำไรก็ยิ่งหด ยกเว้นแต่สายการบินจะมีความสามารถในการประหยัดเชื้อเพลิงโดยใช้พลังงานจากไบโอดีเซลที่สกัดจากสบู่ดำ โดยก่อนหน้านี้มี 6 สายการบินที่ทดลองบินด้วยไบโอดีเซลนี้ไปแล้วและทำสำเร็จเสียด้วย คาดว่าในอนาคตหากทำได้สำเร็จและมีความพร้อมเต็ม 100% การใช้พลังงานที่ประหยัดได้มากขึ้นน่าจะช่วยลดต้นทุนการบินได้มาก 5. ปัจจัยเสี่ยงจากนักบิน เรื่องนี้โอกาสเกิดขึ้นมีเพียงหนึ่งในพันล้านเท่านั้น ก็คือเรื่องของนักบินอยู่ๆก็ตายพร้อมกันสองคนบนอากาศ ถามว่าเคยเกิดขึ้นไหม? คำตอบคือ เคย และจะเกิดขึ้นอีกไหมเมื่อไหร่ คำตอบคือไม่รู้ เพราะการทำการบิน แม้อาหารที่นักบินกินเข้าไปจะเป็นคนละชุดกันเพื่อความปลอดภัยว่าหากใครคนหนึ่งอาหารเป็นพิษ หรือโดนวางยา นักบินอีกคนก็สามารถนำเครื่องลงได้อย่างปลอดภัย แต่ก็อีกนั่นแหละถ้าเกิดตายทั้งคู่ขึ้นมาจะทำอย่างไร? เรื่องนี้มีโอกาสเกิดขึ้นได้ยากมากถึงมากที่สุด แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีโอกาสเกิดนะจ๊ะ จากคุณ : venezier เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 54 23:11:28

ความคิดเห็นที่ 3 ความได้เปรียบจากการบินไทย การบินไทยมีสหภาพการบินไทย ซึ่งดูเหมือนพักหลังๆมีอิทธิพลมากเหลือเกิน มีรัฐบาลเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ แน่นอนว่าไม่จำเป็นต้องมีการประชุมผู้ถือหุ้นก็ได้ เพราะอำนาจบริหารสามารถชี้นิ้วสั่งได้โดยรัฐบาล แต่จะสั่งได้หรือไม่นั่นอีกเรื่อง การบริหารการบินไทยดูเหมือนช่วงหลังๆจะไม่ค่อยมีประสิทธิภาพมากที่ควร แม้ว่าจะได้ผู้บริหารที่เก่งสักแค่ไหน แต่ถ้าเจออำนาจมืดบางอย่างก็ช่วยไม่ได้จริงๆ นอกจากนั้นยังมีสิทธิพิเศษบินฟรีต่างๆนาๆที่นอกจากพนักงานแล้วยังมีนักการเมือง ฯลฯ อีกมากมาย ส่วนแอร์เอเชียพนักงานมีสิทธิพิเศษบินได้ราคาพิเศษ แต่ก็ไม่บ่อย แต่ไม่มีรายจ่ายยิบย่อย ณ ตอนนี้แอร์เอเชียกำลังไปได้สวยทีเดียว แต่ในอนาคตหลังจากมีการจัดทำเป็นรูปแบบบริษัทมหาชนแล้ว จะเจริญขึ้นหรือตกต่ำลง ก็ขึ้นอยู่กับผู้ถือหุ้นด้วยแล้วหละ ไม่ใช่เฉพาะผู้บริหารแล้ว รูปแบบธุรกิจของ แอร์เอเชีย ธุรกิจการบินของแอร์เอเชีย เป็นการบินต้นทุนต่ำ ไม่มีการเน้นการบริการแบบสายการบินอื่นๆ เพราะเส้นทางการบินโดยมากจะเป็นเส้นทางที่ใช้เวลาไม่นาน มีแต่ที่นั่งชั้นประหยัด นอกจากนั้นยังมีการเช่าเหมาลำเครื่องบินได้ เพื่อให้การเดินทางที่เป็นหมู่คณะ ดังนั้นก็เหมือนลดราคาบินเครื่องเต็มจ่ายราคาเฉลี่ยของต้นทุน +กำไร ดังนั้นรูปแบบการดำเนินธุรกิจของแอร์เอเชียปัจจุบันดำเนินในเส้นทางที่ไม่ไกลเกินไป ลดต้นทุน และเพิ่มรายได้ แม้รายได้บางอย่างดูเหมือนจะทำให้ผู้โดยสารไม่ค่อยพึงพอใจ แต่ถ้าค่าโดยสารโดยรวมต่ำกว่าสายการบินอื่นๆ ก็เชื่อได้เลยว่ายังไงผู้โดยสารก็ต้องเลือกที่จะบินกับแอร์เอเชียอยู่ดี เส้นทางการบิน ปัจจุบันแอร์เอเชียมีเส้นทางการบินภายในประเทศจากกรุงเทพ 10 จุดหมาย, ต่างประเทศจากกรุงเทพ 18 จุดหมาย, ในประเทศจากภูเก็ต 3 จุดหมาย, ต่างประเทศจากภูเก็ต 5 จุดหมาย, ภายในประเทศจากเชียงใหม่ 3 จุดหมาย, ต่างประเทศจากเชียงใหม่ 2 จุดหมาย ในแต่ละวันมีเที่ยวบินเยอะขนาดนี้ เครื่องบินเพียงแค่ 20 ลำ ไม่เพียงพอครับ เป้าหมายการระดมทุนโดยการเป็นบริษัทมหาชน ส่วนหนึ่งผมเชื่อว่าเพื่อระดมทุนไปซื้อเครื่องบิน ขยายฝูงบินและเพิ่มเส้นทางการบินให้มากยิ่งขึ้น ราคาเครื่องบิน A320 ราคาประมาณ 85 ล้านเหรียญ หรือเทียบเป็นเงินไทยราว 2,500 ล้านบาทต่อลำ ถ้าสายการบินระดมทุนได้ประมาณ 5 หมื่นล้านบาท ก็จะสามารถสั่งเครื่องบินเพิ่มได้อีกราว 20 ลำ เพิ่มความสามารถของสายการบินเป็นสองเท่าจากที่เป็นในปัจจุบัน งานนี้ต้องดูว่าทางแอร์เอเชียจะออกหุ้นมาเท่าไหร่เพื่อเพิ่มทุนให้กับสายการบิน งานนี้งานใหญ่จริงๆ แต่ผลตอบแทนระยะยาวนับว่าคุ้มค่ามาก (เครดิตภาพจาก airliners.net) จากคุณ : venezier เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 54 23:12:25

ความคิดเห็นที่ 4 กลุ่มชินคอร์ป ปัจจุบันกลุ่มชินถือหุ้นไทยแอร์เอเชียอยู่ 50% และบริษัทแอร์เอเชียของมาเลเซีย 49% ส่วนอีก 1% ที่เหลือเป็นการถือหุ้นแบบบุคคล ตรงนี้ต้องดูกันว่าเงื่อนไขการแบ่งหุ้นจะเป็นแบบไหน จะมีอัตราส่วนของรายย่อยจำนวนเท่าไหร่ และการถือหุ้นโดยองค์กรแม่จำนวนเท่าไหร่ ข้อมูลส่วนนี้ยังไม่มีการเปิดเผยออกมาจากทางสายการบิน แต่ถ้าให้พูดถึงความเหมาะสมที่ผมอยากให้เป็นคือ อยากให้กลุ่มชินถือหุ้น 30% และมาเลเซียถือหุ้น 20% ส่วนอีก 50% ที่เหลือเป็นรายย่อย ผมคิดว่าผู้บริหารในชุดปัจจุบันยัง “เก่ง” อยู่ และสามารถรันสายการบินได้อย่างดี ความเป็นเอกภาพและอำนาจในการทำงานยังคงอยู่เหมือนเดิม แต่ออกมาระดมทุนเฉพาะในส่วนของการได้ทุนในการทำธุรกิจการบินเพิ่มเติม ผู้ถือหุ้นก็ได้ปันผลกันไป แฟร์จะตาย รางวัลของสายการบิน • World’s Best Low Cost Airline จาก Skytrax • Best Asian Low-Cost Carrier จาก TGG Travel Awards 2009 • Excellence in Leadership จาก Frost & Sullivan ให้กับโทนี่ ผู้บริหารแอร์เอเชีย • Airline of the year จาก Centre of Asia Pacific Aviation บทความเก่าจากกระทู้เมื่อนานมาแล้วที่เคยตั้งนำมาเขียนใหม่เล่าใหม่ ปัจจุบันสายการบินคู่แข่งของไทยแอร์เอเชียมีแค่เพียงสายการบินนกแอร์ และในอนาคตอาจจะมีสายการบินไทยไทเกอร์ออกมาแข่งขันอีกหนึ่งสายการบิน ซึ่งการบินไทยเตรียมออกมาเพื่อแข่งขันกับแอร์เอเชียโดยเฉพาะ แต่โดยรูปแบบการทำงานและความสามารถบอกได้เลยว่าสู้แอร์เอเชียไม่ได้จริงๆ คนสิงคโปรทุกคนเขาก็รู้กันดีว่าไทเกอร์นั้นเป็นสายการบินที่ห่วยที่สุดในประเทศเขาแล้ว แต่ทำไมการบินไทยถึงตัดสินใจร่วมทุน? อันนี้ไม่มีความสามารถจะหยั่งรู้ได้ แอร์เอเชียเน้นตลาดกลุ่มลูกค้าระดับล่าง-กลาง ลูกค้าไฮคลาสไม่เน้นเพราะไม่มีการบริการ โดยมีค่าโดยสารราคาประหยัดเพื่อทำการลดต้นทุนในส่วนของการบริการ เมื่อเปรียบเทียบระหว่างนกแอร์กับแอร์เอเชียแล้ว ราคาตั๋วอยู่ที่ราคาไม่แตกต่างกันมาก แต่สิ่งที่แตกต่างกันคือเครื่องบินและเส้นทางการบิน เมื่อก่อนผมเคยคุยกับพี่คนหนึ่งเป็นอดีตลูกเรือนกแอร์ แต่ตอนหลังถูกเลย์ออฟจากวิกฤติสายการบินซึ่งเธอก็เล่าอย่างออกรสออกชาติว่านกแอร์นั้นมีแนวทางการบริหารที่ค่อนข้างแย่ และเส้นทางการบินในบางเส้นทางดูเหมือนไม่ใช่ทั้งปลายทางของธุรกิจและการท่องเที่ยว (แต่บินไปทำไมกัน น่าสนใจ?) เครื่องบินก็เก่าและไม่มีการพัฒนาที่ดี ผู้บริหารก็ยังไม่มีความเป็นมืออาชีพเมื่อเทียบกับแอร์เอเชียแล้วยังห่างกันอีกเยอะ สิ่งที่เขาเล่ามาผมก็ค่อนข้างเชื่อ แต่ก็ไม่สนิทใจเสียทีเดียว เรื่องเส้นทางการบินต้องดูก่อนว่าเขาเปิดมาเพื่อจุดประสงค์อะไร อาจมีการวิจัยเส้นทางนั้นก่อนหรือไม่? ส่วนเรื่องความสามารถผู้บริหารนี้ผมไม่เถียง เพราะอย่างที่เห็นอยู่ก็ค่อนข้างบอกได้ว่า ยังไม่มีความเป็นมืออาชีพเท่ากับสายการบินอื่นๆ (ภาพเส้นทางการบินจากเว็บไซต์ของแอร์เอเชีย) จากคุณ : venezier เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 54 23:13:23

ความคิดเห็นที่ 5 กลยุทธ์การเล่นกับเงินของแอร์เอเชีย ผมไม่เคยเจอว่าบริษัทไหนจะมีวิธีการบริหารเงินที่แยบยลแบบนี้มาก่อน แต่แน่นอนว่าลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ให้กับสายการบินได้อย่างมาก โดยที่ลูกค้าเต็มใจ เสมือนการให้ยืมเงินก่อนแล้วค่อยคืนกันทีหลัง โดยผ่านโปรโมชั่นบินฟรี Free Seat 0 บาทบ้าง 10 บาทบ้าง กระแสตอบรับของโปรนี้บอกได้คำเดียวว่า ล้นหลามจนเซอร์เวอร์แทบระเบิด ถ้าคุณเคยจองโปรนี้คุณต้องขอภาวนาให้รายการคุณสำเร็จและระบบไม่ล่ม เพราะระบบนี้ล่มทุกครั้งที่โปรนี้มา ปริมาณรายการจองนับแสนรายการต่อชั่วโมง มีผลทำให้กระบวนการทำงานของคอมพิวเตอร์แปรปรวนได้ จุดเด่นของโปรโมชั่นนี้นอกจากจะเรียกแขก เรียกลูกค้าได้แล้ว ยังเป็นสินเชื้อดอกเบี้ย 0% นาน 1 ปี ได้ดีมาก ซึ่งส่วนใหญ่โปรโมชั่นนี้ที่ออกมาในชุดหลังๆเป็นโปรแบบบินข้ามปีกันแล้ว ถ้าคุณจองวันนี้คุณอาจจะได้บินอีกทีก็นู้นเลยปีหน้า นับไปเลยอีก 12 เดือน ผู้โดยสารส่วนใหญ่ที่จองโปรนี้ได้ส่วนใหญ่ก็ต้องรอที่จะบิน ในระหว่างรอที่เงินจ่ายไปแล้ว ช่วงนี้แหละที่สำคัญที่จะนำเงินไปหมุนเวียนได้ในธุรกิจ แอร์เอเชียมีค่าธรรมเนียมยิบย่อย ไม่ว่าจะกระดิกไปไหนก็ต้องเจอค่าใช้จ่ายทั้งหมด แต่สายการบินได้ทั้งหมด ตั้งแต่การเลือกที่นั่ง หากต้องการที่นั่งดีหน่อยก็ 250 บาท/ที่นั่ง , ถ้าอยากจะเลือกเฉยๆเช่นอยากนั่งริมหน้าต่างก็เลือกไป 50 บาทในที่นั่งแบบธรรมดา ถ้าไม่เลือกที่นั่งสายการบินจะสุ่มที่นั่งคุณในช่วงเวลาก่อนทำการบิน ถ้าอยากจะนั่งกับเพื่อนหรือแฟน คุณก็ต้องเสียค่าเลือกที่นั่งเท่านั้น หากคุณจะเช็คอินโดยไม่ใช้เครื่องอัตโนมัติ คุณอยากใช้พนักงาน คุณก็ต้องเสียเงิน 50 บาท, หากอยากโหลดกระเป๋าลงท้องเครื่องก็ต้องเสียตามน้ำหนักที่คุณจะจอง ถ้าไม่โหลดก็ไม่เสียแต่ก็ต้องหิ้วขึ้นเครื่องและห้ามเกิน 7 ก.ก. การจองแต่ละครั้งต้องเสียค่าธรรมเนียมการจ่ายด้วยบัตรเครดิต 50 บาท ต่อคนต่อเที่ยว รวมเบ็ดเสร็จก็หลายร้อยบาทต่อคนต่อเที่ยว หากผู้โดยสารไม่สามารถเดินทางได้ทางสายการบินจะคืนให้แค่ค่าภาษีสนามบินเท่านั้น ส่วนค่าธรรมเนียมอื่นๆที่บอกมา “ไม่คืน” และแน่นอนว่าถ้าคุณจะยกเลิกการเดินทาง คุณต้องยกเลิกหลังจากเครื่องบินทำการบินไปแล้ว ซึ่งก็ต้องรอกันไปอย่างนานเลย ในมุมมองของผู้โดยสารตราบใดที่ค่าตั๋วยังคงถูกกว่าสายการบินอื่นๆ ผมว่าเขาก็ยังคงต้องใช้บริการกันต่อไป แต่ถ้ามองในมุมมองผู้ถือหุ้น มันเป็นรายได้จากค่าธรรมเนียมที่เป็นรายได้อย่างเป็นกอบเป็นกำเลยทีเดียว กรณีสมมติ : ถ้าสมมติว่าในช่วงนั้นมีโปร 0 บาท เส้นทางการบินต่างประเทศ 5 เส้นทาง ช่วงโปรคือประมาณ 3 เดือน (สมมติว่า มี.ค.-พ.ค. 2555) เฉลี่ยแต่ละเที่ยวบินมีลิมิตเอาไว้แค่ 30 ที่นั่งแต่บินตรงทุกวันวันละ 2 เที่ยว เท่ากับว่า 30 ที่นั่ง x2 เที่ยวบิน = 60 ที่นั่ง x 90 วันของโปร = 5,400 รายการ x 5 เส้นทาง = 27,000 รายการโปรโมชั่น และสมมติต่อว่าในแต่ละเส้นทาง ผู้โดยสารจ่ายค่าธรรมเนียมดังนี้ 1. ภาษีสนามบิน 1,500 บาท (ไปกลับ) 2. เลือกที่นั่ง 100 บาท (ไปกลับ) 3. โหลดกระเป๋า 200 บาท (ไปกลับ) 4. ค่าธรรมเนียมจ่ายบัตรเครดิต 100 บาท (ไปกลับ) และทุกคนไม่ซื้อประกัน ไม่ซื้อขนมอาหาร ฯลฯ เท่ากับว่าสายการบินจะมีรายได้จากค่าธรรมเนียมเหล่านี้ 1,900 บาท/รายการ x27,000 รายการ = 51,300,000 บาท !!! ที่จะเป็นยอดเงินที่เข้ามาในบัญชีแอร์เอเชีย โดยเสมือนเป็นสินเชื่อแบบ “ไร้ดอกเบี้ย” ระยะเวลา 1 ปี ดีกว่าหุ้นกู้ซะอีก แม้จำนวนเงินจะดูเหมือนน้อย แต่อย่าลืมว่านี่คือรายได้ที่จะเข้ามาหมุนเวียนกันโดยมีระยะเวลาที่จะบินกันอีก 1 ปีข้างหน้า ถามว่าคุ้มมั้ย ? โคตรคุ้มครับ ระดมทุนโดยใช้ระยะเวลาไม่กี่วัน ได้เงินเยอะขนาดนี้เอามาหมุนเวียนในธุรกิจได้ 1 ปี และยังทำซ้ำๆได้อีกต่างหาก แต่จำนวนเงินจริงๆที่ทำได้มันเยอะกว่านี้ นี่ผมแค่ประเมิณเอาไว้ต่ำๆเท่านั้น ส่วนการทำการบินประเภทอื่นๆก็เป็นการบินแบบจ่ายค่าโดยสารตามปกติ ถ้าเดินทางระยะเวลาสัก 3-4 เดือนข้างหน้าก็จะได้ตั๋วราคาถูกหน่อย แต่ถ้าจะบินอีกไม่กี่วันอยากได้ตั๋วด่วนๆก็ต้องเจอกับราคามหาโหดซึ่งราคาตั๋วมันเป็นแบบขั้นบันได ที่ยิ่งอยากบินเร็วก็ยิ่งแพง เส้นทางการบินและการทำการบินของแอร์เอเชียโดยมากแล้วเครื่องบินโดยส่วนใหญ่เกือบเต็มลำ บางเที่ยวบินก็เต็มลำไม่ค่อยเจอบินแบบโล่งๆสักเท่าไหร่ และยิ่งเครื่องบินของแอร์เอเชีย A320 ปรับรูปแบบที่นั่งที่จากเดิมนั่งประมาณ 150 คนเป็นนั่ง 180 คน ด้วยสมรรถนะที่บินได้ระยะทางสั้นลง แต่ก็คุ้มค่าก็นับว่าการลดต้นทุนเรื่องการบริหารค่าใช้จ่าย และเพิ่มรายได้ของแอร์เอเชียรอบนี้ทำได้ดีมากๆ ส่วนเรื่องจิตวิทยาการบินกับผู้โดยสาร คงปฏิเสธไม่ได้ว่าผู้โดยสารบางคน ไม่ชอบเครื่องบินเก่า เพราะด้วยความกังวลว่าจะตกบ้างหละ จะมีปัญหาบ้างหละ ทั้งที่จริงการบินแล้วเครื่องจะตกไม่ตกมันไม่ได้อยู่ที่ปัจจัยเครื่องบินเลย อาจจะมีส่วนเหมือนกันแต่ก็น้อยมาก แต่ผู้โดยสารส่วนใหญ่ก็มีความคิดเช่นนี้คือกังวลเพราะเครื่องบินเก่า ส่วนแอร์เอเชียเป็นเครื่องใหม่ป้ายแดงทั้งหมด ผู้โดยสารส่วนใหญ่ “ชอบ” ครับเครื่องใหม่ๆ เหมือนตัวเองได้นั่งเครื่องใหม่ คุณภาพดี ความมั่นใจก็ย่อมมากขึ้นตามไปด้วย ตามข่าวที่ออกมา แอร์เอเชียคาดว่าจะนำหุ้นเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ได้ในปลายไตรมาสสามของปีนี้ ซึ่งในขณะนี้ได้เลือกที่ปรึกษาทางการเงินแล้ว และคาดว่าจะเซ็นสัญญาแต่งตั้งได้ภายใน 1-2 สัปดาหนี้ นายทัศพล กล่าวกับผู้สื่อข่าว ก็คาดว่าจะเป็นไปได้ ความเชื่อที่ดีที่สุดคือตัวท่านเองต้องตัดสินใจด้วยตัวเอง ข้อมูลจากบทความนี้ผมแค่นำเสนอและสรุปให้เผื่อเป็นแนวทางในการตัดสินใจร่วมกัน หากใครมีข้อสงสัย คัดค้าน หรือร่วมแสดงความคิดเห็นโปรดแสดงออกมาได้เต็มที่ เราต้องการให้นักลงทุนร่วมแสดงความคิดเห็นเพื่อหาข้อสรุปที่ตกผลึกและดีที่สุดเพื่อการลงทุนที่ดีขึ้นต่อไป ผิดถูกไม่ว่ากัน เราพูดเราคุยกันด้วยเหตุผลครับ ธุรกิจการบินเป็นธุรกิจที่ผมสนใจมากเป็นพิเศษ หวังว่าผู้อ่านคงได้รับสาระและประโยชน์จากบทความที่ผมเขียนนี้ไม่มากก็น้อยนะครับ เขียนโดย venezier วันที่ 9 ก.พ. 2011 จากคุณ : venezier เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 54 23:14:02

ความคิดเห็นที่ 6 การโปรโมทและทำการตลาดรูปแบบใหม่กับสื่อออนไลน์ แอร์เอเชียโปรโมทและทำได้ดีทีเดียว ข้อสำคัญคือไม่จำเป็นต้องจ้างดารานักแสดงสวยๆแพงๆ ไม่ต้องหาโลเคชั่นงามๆ ไม่ต้องเสียค่าโฆษณาให้มากมาย แค่ทำเรื่องง่ายๆให้เป็น talk of the town ได้ ก็เป็นการทำตลาดรูปแบบใหม่ที่สร้างกระแสได้รวดเร็วและติดตาติดใจผู้ชม ผมคิดว่ากลยุทธ์ทางการตลาดแบบนี้ ไม่ใช่เรื่องที่ทำกันได้ง่ายๆ แต่ถ้าทำได้สำเร็จ รับรองว่าเรตติ้งพุ่งกระฉูดยิ่งกว่าโฆษณาสวยๆบนทีวีเสียอีก จากคุณ : venezier เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 54 23:16:22

ความคิดเห็นที่ 7 ผมลูกค้าประจำ... :) อยากเป็นเจ้าของบ้าง แก้ไขเมื่อ 09 ก.พ. 54 23:18:50 จากคุณ : มิ่งกลิ้ง เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 54 23:18:40

ความคิดเห็นที่ 8 ความคิดเห็นที่ 6 น่ารักดี ดูหลายรอบละ ^ ^ ถ้าเข้ามาจริงๆผมจะเปิด port รอเลย .. เป็นเจ้าของซักเสี้ยวก็ยังดี จากคุณ : tuppee เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 54 23:25:42

ความคิดเห็นที่ 9 #6 น้องสาวโน๊ตอุดมแน่เลย จากคุณ : ลงทุนด้วยใจ เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 54 23:42:50

ความคิดเห็นที่ 10 SHIN ไม่ได้ถือ Air Asia นานแล้วครับ จากคุณ : Skyman (Analayo) เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 54 23:47:37

ความคิดเห็นที่ 11 รักเรากว่าฟ้า เพราะค่าบิน สบายกระเป๋ากว่ากันเยอะ  แถมไม่มี พวกอดีตผู้บริหาร หรือผู้ติดตาม สส. มาขึ้นบินฟรีให้เสียอารมณ์ จากคุณ : ตั๊กม๊อ (ปรมาจารย์ตั๊กม๊อ) เขียนเมื่อ : 10 ก.พ. 54 00:19:47

ความคิดเห็นที่ 12 ความเห็นส่วนตัวต่อธุริจการบินคือ 1. เป็นธุรกิจที่รับความเสี่ยงเยอะ (ท่านเขียนไว้ด้านบนแล้ว) โดยเฉพาะน้ำมันที่เป็นเหมือนหนามยอกอก การปรับราคาตามน้ำมันที่ขึ้นทำไม่ได้ง่ายๆ โดยเฉพาะถ้าเป็นสายการบิน low cost 2. เป็นธุรกิจที่ต้องโตด้วยการใช้เงิน หากจะเพิ่มเที่ยวบิน ก็มีโอกาสสูงที่ต้องเพิ่มเครื่องบินซึ่งราคาไม่ใช่เล่นๆ นอกจากนี้ค่าพนักงานก็แพงกว่าอุตสาหกรรมอื่นๆมาก สรุปผมไม่ชอบธุรกิจนี้ในมุมของนักลงทุน จากคุณ : Mr. Prodigy เขียนเมื่อ : 10 ก.พ. 54 01:38:19

ความคิดเห็นที่ 13 เราเคยเป็นแฟนพันธ์แท้ air asia ตอนทำงานที่เก่าบินอย่างน้อยเดือนละสองครั้ง ถ้าออกตังเองในประเทศยังไงก็เลือกแอร์เอเชีย บินสายการบินอื่นไม่ไหวแพงเกินไป จากคุณ : n-OO//bit-a เขียนเมื่อ : 10 ก.พ. 54 02:28:34

ความคิดเห็นที่ 14 ใครรู้วันเข้า แจ้งให้รู้ด้วยนะครับ ขอบคุณมากครับ จากคุณ : mynametp1 เขียนเมื่อ : 10 ก.พ. 54 06:31:01

ความคิดเห็นที่ 15 กระทู้ดีมีสาระ จากคุณ : แม่น้องอะตอม เขียนเมื่อ : 10 ก.พ. 54 08:04:34

ความคิดเห็นที่ 16 วิเคราะห์ได้ดีครับ จากคุณ : uninote เขียนเมื่อ : 10 ก.พ. 54 08:48:39

ความคิดเห็นที่ 17 เพิ่มเติมครับว่า ค่าธรรมเนียมนอกเหนือจากค่าบัตรโดยสาร เช่น ค่าเพิ่มน้ำหนักสัมภาระ ค่าอาหาร ค่าธรรมเนียมการเลือกที่นั่ง ค่าธรรมเนียมการจ่ายผ่านบัตรเครดิต พวกนี้ต้องรวม VAT 7% ด้วยนะครับ เห็นว่าพี่เจ้าของกระทู้ไม่ได้บวกเข้าไปให้ครับ เช่น ค่าธรรมเนียมการจองตั๋วโดยซื้อผ่านบัตรเครดิต แบบรวม VAT แล้วจะเป็น 53.50 บาท ต่อเที่ยวครับ ถ้าจองทั้งไปและกลับผ่านบัตรเครดิต จะเสียค่าธรรมเนียมส่วนนี้เป็น 107 บาทครับ ซึ่งก็มีวิธีเลี่ยงค่าธรรมเนียมต่างๆ เหล่านี้อยู่แล้วด้วยนะครับ ^^ จากคุณ : zylinz เขียนเมื่อ : 10 ก.พ. 54 10:43:34

ความคิดเห็นที่ 18 เอาตัวอย่างงบ Low Cost ที่มีอยู่แล้วในประเทศอื่นมา show ก็ได้ครับ ประกอบกับ industry analysis ที่พอเห็นได้ทั่วไป ในการวิเคราะห์ THAI broke ต่างๆมีพ่วงอยู่แล้ว เราเป็นนักลงทุนดูแค่ ratio และ industry ก็น่าจะรู้แล้วว่า น่าลงทุนหรือไม่ คงต้องไม่ต้องสนขนาดเก็บค่ากระเป๋าโลละกี่บาท   ถ้ามี high speed train ให้เลือกนะ ผมขอลอกการบ้านลุง Buffet ดีกว่า จากคุณ : Crazy Rabbit เขียนเมื่อ : 10 ก.พ. 54 11:03:24

ความคิดเห็นที่ 19 เคยอ่านหนังสือเจอ (จำไม่ไ้ด้ว่าเล่มไหน) เขาบอกว่าอุตสาหกรรมการบิน คือ ก้าวเล็กๆของมนุษยชาติ แต่เป็นก้าวถอยหลังที่ยิ่งใหญ่ของระบบทุนนิยม.... เป็นอุตสาหกรรมที่อ่อนไหวมาก ทุนไม่หนาจริงจะล้มเอาง่ายๆ ปล. ไม่ได้เกี่ยวกะหุ้นนะครับ ผมพูดถึงอุตสาหกรรมโดยรวม จากคุณ : clientuser เขียนเมื่อ : 10 ก.พ. 54 16:04:08

ความคิดเห็นที่ 20 http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E10222958/E10222958.html#22 ลองเข้าห้องblue planet บ่อยๆสิครับ จะรู้ว่า เจ้านี้ปัญหาเยอะแค่ไหน น่าเบื่อ ถูกแต่น่าเบื่อ จากคุณ : kopbirt เขียนเมื่อ : 10 ก.พ. 54 18:42:51

ความคิดเห็นที่ 21 จริงๆผมก็ชอบเจ้านี้นะ ถึงจังหวัดผมจะไม่มีบินก็ตาม ถ้าเข้าตลาด ก็คิดว่าน่าจะลงทุน แต่คุณภาำพ ผมเซ็งครับ หมายถึงบริการทางโทรศัทพ์หรือภาคพื้นดินนะ ตัวเครืองใหม่ เคยนั่ง ดีมาก บริการบนเครืองโอเค จากคุณ : kopbirt เขียนเมื่อ : 10 ก.พ. 54 18:50:04