Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
อัพแอนด์ดาวน์ ของการลงทุนในหุ้นวัฏจักร ติดต่อทีมงาน

The Ups And Downs Of Investing In Cyclical Stocks
         ลองจินตนาการว่าคุณกำลังขับรถสปอร์ต ชั่วขณะหนึ่งคุณอาจจะกำลังแล่นไปบนยอดเขาสูงของโลก อีกอึดใจคุณกลับมาลงมาอยู่ที่ตีนเขา พร้อมที่จะพุ่งทะยานกลับขึ้นไปอีกครั้ง เช่นเดียวกับการลงทุนในหุ้นที่มีธุรกิจเป็นวงรอบก็จะคล้ายคลึงกัน ยกเว้นระยะเวลาที่ใช้วิ่งขึ้นหรือลงเท่านั้นที่ต่างกัน ปรากฏการณ์เช่นนี้เป็นที่รู้จักกันในชื่อที่เรียกว่า วงรอบธุรกิจ หรือวัฏจักรเศรษฐกิจ ซึ่งอาจจะกินเวลานานเป็นปี

หุ้นวัฏจักรคืออะไร ?
         การแยกแยะบริษัทเหล่านี้เป็นเรื่องที่ต้องตรงไปตรงมา โดยปกติ หุ้นวัฏจักรมักจะแฝงอยู่ในหลากหลายอุตสาหกรรม อาทิ อุตสาหกรรมรถยนต์ สายการบิน เฟอร์นิเจอร์ เหล็ก กระดาษ เครื่องจักรกล โรงแรม และภัตตาคาร เป็นต้น ผลกำไรและราคาหุ้นของบริษัทมีแนวโน้มที่เป็นไปตามการขึ้นลงของเศรษฐกิจ นี่แหล่ะจึงเป็นที่มาของคำว่า “วัฏจักร”  เมื่อเศรษฐกิจบลูม เช่นช่วงทศวรรษ 90 ยอดขายของรถยนต์, ตั๋วเครื่องบิน และไวน์ชั้นเลิศ มีแนวโน้มเติบโตรุ่งเรือง แต่ในทางกลับกัน เมื่อเศรษฐกิจย่ำแย่ หุ้นวัฏจักรก็มักจะตกต่ำสุดๆ
         การขึ้นและลงของเศรษฐกิจเป็นไปตามธรรมชาติ ซึ่งก็คือลักษณะของหุ้นวัฏจักร การลงทุนในหุ้นวัฏจักรให้ประสบผลสำเร็จนั้น จะต้องระมัดระวังอย่างมากในการกะจังหวะเวลา มีความเป็นไปได้ที่จะสามารถทำเงินจำนวนมหาศาลถ้าหากคุณเข้าถือหุ้นวัฏจักรในขณะที่อยู่ในช่วงต่ำสุดของวงรอบ ปริ่มๆ ว่าจะเริ่มขยายตัว แต่ก็เช่นกัน นักลงทุนอาจจะเสียเงินจำนวนมากถ้าหากเข้าซื้อหุ้นในช่วงจังหวะที่ผิดพลาด

เปรียบเทียบหุ้นวัฏจักรกับหุ้นเติบโต (Cyclical vs Growth Stocks)
         ในช่วงเศรษฐกิจดี บริษัททั้งหมดจะมีผลกำไรงดงาม แต่กับหุ้นเติบโตแล้วแม้ว่าจะอยู่ในสภาวะเศรษฐกิจแย่สุดๆ ก็ยังคงสามารถบริหารจัดการสร้างผลกำไรปีแล้วปีเล่า ซึ่งในช่วงเศรษฐกิจตกต่ำ การเติบโตของหุ้นเหล่านี้อาจจะชะลอตัวต่ำกว่าค่าเฉลี่ยระยะยาว แต่ก็ยังอยู่ในเกณฑ์ยอมรับได้
         สำหรับหุ้นวัฏจักรแล้ว กลับตรงกันข้าม มีการตอบสนองอย่างผันผวนต่อสภาพเศรษฐกิจมากกว่าหุ้นเติบโต ในช่วงแย่ๆ อาจจะขาดทุนมหาศาลแทบจะประคองตัวไม่รอด แต่เมื่อสถานการณ์กลับกลายเป็นดีขึ้น จะมีการสวิงอย่างรุนแรงจากขาดทุนเป็นกำไร มีผลประกอบการเหนือความคาดหมาย บางครั้งยังทิ้งห่างหุ้นโตเร็วแบบไม่เห็นฝุ่น

การลงทุนในหุ้นวัฏจักร
         อ้าว! แล้วเมื่อไหร่ที่ควรจะซื้อหุ้นวัฏจักร  การคาดคะเนช่วงขาขึ้นเป็นเรื่องยากมากๆ โดยเฉพาะ หุ้นวัฏจักรหลายตัวมักจะเริ่มทำผลงานดีล่วงหน้าหลายเดือนก่อนที่เศรษฐกิจจะหลุดพ้นจากช่วงตกต่ำ การเข้าซื้อหุ้นวัฏจักรต้องอาศัยการค้นคว้าและความกล้า ยิ่งกว่านั้น นักลงทุนต้องมีจังหวะการลงทุนที่เพอร์เฟคต์ถูกต้อง
         กูรูด้านการลงทุน จิม สเลเตอร์ ได้เสนอผลงานที่ช่วยนักลงทุนได้มาก เขาศึกษาถึงอุตสาหกรรมวัฏจักรมีผลกับตัวแปรที่เป็นปัจจัยทางเศรษฐกิจเป็นระยะเวลานานถึง 15 ปี จากข้อมูลได้แสดงให้เห็นว่า อัตราดอกเบี้ยที่ตกลง เป็นปัจจัยสำคัญที่อยู่เบื้องหลังความรุ่งเรืองของหุ้นวัฏจักร เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยต่ำมักจะเป็นไปเพื่อการกระตุ้นเศรษฐกิจ หุ้นวัฏจักรจึงมักจะมีผลกำไรดีเมื่อดอกเบี้ยลดลง ในขณะที่เมื่อดอกเบี้ยเริ่มเปลี่ยนเป็นขาขึ้น ราคาหุ้นวัฏจักรก็มักจะย่ำแย่ สเลเตอร์ได้เตือนนักลงทุนให้ระมัดระวังในช่วงปีแรกที่อัตราดอกเบี้ยเริ่มลดลง ดูจะเป็นช่วงเวลาที่ไม่เหมาะแก่การซื้อ เขาแนะนำว่าเวลาที่ดีที่สุดของการซื้อก็คือ ปีสุดท้ายของการลดอัตราดอกเบี้ย ก่อนหน้าที่ดอกเบี้ยจะเปลี่ยนเป็นขาขึ้นอีกครั้ง ซึ่งนี่ก็คือ ช่วงเวลาที่หุ้นวัฏจักรสามารถเอาชนะหุ้นเติบโตได้
         ก่อนที่จะเลือกหุ้นวัฏจักร เป็นการดีที่จะพิจารณาเลือกอุตสาหกรรม ที่มีทีท่าว่ากำลังจะเด้ง ลำดับต่อมา เมื่อเลือกได้อุตสาหกรรมแล้ว ให้เลือกบริษัทที่ดูดีน่าสนใจ ซึ่งตามปกติ บริษัทใหญ่ที่สุดก็มักจะปลอดภัยที่สุด บริษัทเล็กๆ มักจะมีความเสี่ยงสูง แต่ก็มีหลายครั้งที่บริษัทเล็กๆ เหล่านี้สามารถให้ผลตอบแทนได้อย่างงดงาม

         นักลงทุนจำนวนมากจะมองหาบริษัทที่มีค่า P/E ต่ำๆ แต่สำหรับการลงทุนในหุ้นวัฏจักรแล้ว วิธีนี้อาจจะใช้ไม่ได้ผล ผลกำไรของหุ้นวัฏจักรมีความผันผวนมากเกินกว่าจะทำให้ตัวเลข P/E สื่อความได้ตามจริง นอกจากนั้น หุ้นวัฏจักรที่มีค่า P/E ต่ำๆ อาจจะให้ผลการลงทุนที่อันตราย แต่ด้วยค่า P/E สูงยิ่งเน้นให้เห็นถึงจุดต่ำสุดของวงรอบธุรกิจ ในขณะที่ค่า P/E ต่ำ ปกติจะเป็นสัญญาณถึงจุดสิ้นสุดของขาขึ้น
         สำหรับการลงทุนในหุ้นวัฏจักร ค่า P/B เป็นค่าที่ควรให้สนใจมากกว่าค่า P/E ราคาที่ลดลงเมื่อเทียบกับมูลค่าหุ้นทางบัญชีเป็นการแจ้งสัญญาณฟื้นตัวในอนาคต แต่เมื่อฟื้นตัวเรียบร้อยแล้วหุ้นเหล่านี้จะมีค่ามากกว่าบุ๊คแวลูหลายเท่าตัว ตัวอย่าง ที่จุดสูงสุดของวงรอบธุรกิจ อุตสาหกรรมเซมิคอนดัคเตอร์มีการซื้อขายที่ราคาสูงกว่าบุ๊คแวลู 3-4 เท่า

         จังหวะเวลาการลงทุนที่ถูกต้องนั้นแตกต่างกันไปตามประเภทของอุตสาหกรรม ตัวอย่าง  ปิโตรเคมี, ซีเมนต์, เยื่อกระดาษ และกระดาษ รวมทั้งธุรกิจอื่นที่คล้ายคลึงกัน มักจะเคลื่อนไหวตัวสูงขึ้นได้ก่อนใครเพื่อน เมื่อการฟื้นตัวถึงจุดเสถียร หุ้นวัฏจักรอิเล็กทรอนิกส์ (เช่น เซมิคอนดัคเตอร์) ก็จะตามมา ส่วนตัวที่มาช้าที่สุดก่อนจะสิ้นสุดวงรอบก็คือ บรรดาสินค้าอุปโภคบริโภคเช่น เสื้อผ้า ห้างสรรพสินค้า รถยนต์ และสายการบิน
         การซื้อหุ้นของคนใน มักจะส่งสัญญาณอย่างแรงว่าถึงเวลาซื้อแล้ว ถ้าบริษัทอยู่ที่จุดต่ำสุดของวงรอบธุรกิจ ผู้บริหารจะแสดงความเชื่อมั่นในการฟื้นตัวของธุรกิจโดยการเข้าซื้อหุ้น

          ท้ายที่สุด จับตาดูงบการเงินของบริษัท การมีกระแสเงินสดจำนวนมากเป็นสิ่งสำคัญมากโดยเฉพาะสำหรับนักลงทุนซึ่งซื้อหุ้นฟื้นตัวที่จุดต่ำสุดในขณะที่สภาพเศรษฐกิจยังคงแย่อยู่ การที่บริษัทมีเงินสดจำนวนมากจะสร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุนเพื่อยืนยันว่าการตัดสินใจครั้งนี้เป็นวิธีการที่สุดเลิศ

ความสรุป
         อย่าเชื่อมั่นว่าหุ้นวัฏจักรจะให้ผลกำไรเป็นระยะเวลายาวนาน ถ้าภาพเศรษฐกิจเริ่มหม่นหมอง นักลงทุนควรจะลดโหลดหุ้นวัฏจักรออกซะก่อนที่หุ้นเหล่านี้จะสะดุด และกลับมาจบลงที่จุดเริ่มต้น นักลงทุนที่ติดอยู่กับหุ้นวัฏจักรในช่วงเศรษฐกิจซบเซา อาจจะต้องรอนานถึง 5 ปี, 10 ปี หรือ 15 ปี ก่อนที่หุ้นเหล่านี้จะหวนกลับมาที่ราคาเดิมอีกครั้ง วงรอบธุรกิจทำให้การซื้อหุ้นแล้วถือครอง (buy and hold) เป็นการลงทุนที่สุดจะเลวร้าย

ที่มา http://www.investopedia.com/articles/02/102202.asp

แก้ไขเมื่อ 13 ก.พ. 54 08:45:44

จากคุณ : WindReturn
เขียนเมื่อ : 13 ก.พ. 54 08:39:01




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com