ความคิดเห็นที่ 1 พอดีอาทิตย์ที่ผ่านมา 1 ในบริษัทที่ผมลงทุนอยู่ได้มีการประกาศผลกำไร   และเนื่องจากหุ้นตัวนี้เองก็เป็นหุ้นที่เพื่อนๆรู้จักกันดี   เลยอยากจะนำวิธีคิด + วิเคราะห์งบ มาแชร์กัน โดยถ้าผมมองตรงไหนผิดพลาด หรือใครมีแนวคิดอะไรเสริมก็สามารถบอกได้นะครับ              อันดับแรกก่อนจะมาวิเคราะห์กันก็อยากจะให้พอรู้จักนี้ซะก่อนบริษัทนี้ซะก่อน  PTL   คือบริษัทผู้ผลิตฟิล์มใส  Polymer  รายใหญ่ของโลก (อันดับ 3 หรือ 4 นี่แหล่ะ) โดยใช้วัตถุดิบก็คือ เม็ดพลาสติกครับ (ราคาต้นทุนจึงแปรผันตาม ราคาน้ำมัน >> PTA MEG)   ซึ่งฟิล์มใสที่บริษัทผลิตมีกำลังการผลิตตามที่แสดงไว้ดังตารางครับ จากคุณ : ภูมิทัศน์ เขียนเมื่อ : 21 ก.พ. 54 10:07:23

ความคิดเห็นที่ 2 หลังจากที่เราบริษัทคร่าวๆ รู้ที่มาที่ไปของรายได้ รายจ่ายแล้ว   เราก็ต้องมาทำการจัดแบ่งจำพวกบริษัทซะ โดยเนื่องจากสินค้าของ PTL จัดเป็นจำพวก Commodity ดังนั้นราคาจึงผันผวนตาม Demand Supply เป็นหลัก ทำให้ PTL จัดในกลุ่มจำพวกหุ้น  “โรงงานที่เป็นวัฏจักร”   โดยกราฟกำไรสุทธิย้อนหลัง จะพบว่าว่ากำไรของบริษัทมีการขึ้นลง หลัก Demand Supply   แต่พบว่าแนวโน้มกำไร มีค่ามากขึ้นเรื่อยๆอันเนื่องมาจาก การลงทุนเพิ่มกำลังผลิต และเพิ่มชนิดของฟิล์มที่ผลิต (ในส่วนของการพิจารณาหุ้นจำพวกโรงงานนั้น การเพิ่มขึ้นของกำไรหลักๆจะมาจากการขยายกำลังผลิต ดังนั้นสิ่งสำคัญต้องดูว่า     1.  อัตราหนี้สิน และกำไรสะสม   2.  เงินที่กู้มานั้นสามารถนำไปสร้างผลกำไรได้อย่างไรได้คุ่มค่าหรือไม่จากดูได้จาก อัตรากำไรสุทธิ , %ROA เช่นกู้เงิน มา 100 ไปสร้างผลกำไรได้แค่ 5% อันนี้ก็ไม่รู้ว่าจะขยายกำไรผลิตทำไม) จากคุณ : ภูมิทัศน์ เขียนเมื่อ : 21 ก.พ. 54 10:09:23

ความคิดเห็นที่ 3 เกริ่นไปยาวแล้ว...... ขอตัดเข้าสู่การวิเคราะห์กำไรแบบที่ผมใช้อยู่เลยแล้วกันครับ ในไตรมาศที่ผ่านมา PTL  ทำกำไรสุทธิได้  1.80 บาทต่อหุ้น โดยจากตารางข้างล่างผมได้คาดการณ์ EPS ของ PTL ไว้ที่   1.78-1.95 บาท โดยมี worst case ที่  1.58 บาท (ดูในแถวสี ส้ม >> Good case –เหลือง >> Normal case – แดง >> Worst case  นะครับ)   ** สำหรับ Detail ในส่วนอื่นๆไม่ขออธิบายนะครับ เดี๋ยวจะยาวไป . . จากคุณ : ภูมิทัศน์ เขียนเมื่อ : 21 ก.พ. 54 10:13:11

ความคิดเห็นที่ 4 มาต่อกันในส่วนของการคำนวณว่ามีแนวคิดอย่างไร สำหรับผมจะใช้วิธีการโหลดงบการเงินของแต่ละ Q และทำการงพิมพ์ใส่ excel เอง ย้อนหลังให้ได้อย่างน้อย 3 ปี (จริงๆยิ่งมากยิ่งดี) ถือเป้นการศึกษางบบริษัทนั้นไปในตัว ..... หลังจากนั้นเราจึงมาทำการคาดการณ์รายได้ในอนาคตกันโดย 1.   สำหรับแถวรายได้ ให้นำเอารายได้จาก Q ล่าสุดไปทำการคูณเพิ่มโดยคิดการเพิ่มเป็น  % (เน้น) โดยสำหรับ % ของรายได้ที่เพิ่มนี่ขึ้นอยู่กับว่าบริษัทนั้นทำอะไร  ตัวอย่างเช่น เช่น  CPN – คิดจากพื้นที่ที่ให้เช่า ในปีหน้าที่เปิดเพิ่มคิดเป็นกี่ % ของปีที่แล้ว CPALL – สาขาที่วางแผนว่าจะเปิดขึ้นใหม่ในปีหน้าเทียบเป็นกี่ % (ควรเผื่อ safety หน่อยเพราะมันเป็นข่าว ต่างจาก cpn ที่สร้างไปแล้วพร้อมเปิดจริง) MCS  - กำลังการผลิตเหล็กที่เพิ่มขึ้น กี่ตัน คิดเป็นกี่ % ซึ่งการเผื่อ safety เท่าไรก็แล้วแต่คนครับ เพราะ % margin ในแต่ละงานก็ไม่เท่ากัน ดังนั้นกำไรไม่ได้เพิ่มเท่าโดยตรง แต่ก็ค่อนข้างใกล้เคียง เพราะ เราคิดเป็น % ที่เพิ่มขึ้น  ดังนั้นมันจึงเป็นการเฉลี่ยจากรายได้ที่ผ่านมาแล้ว (เช่น หมายถึง สาขาใน กทม. กับตจว. ของ seven ทำรายได้ไม่เท่ากัน แต่มันก็น่าจะเพิ่มเป็นสัดส่วนที่เฉลี่ยมาจากเดิมแล้ว) *** สำหรับ PTL ผมคิดเทียบกับ % spread ที่เพิ่มขึ้น โดยคิดว่ารายได้ที่มาจาก BOPET คิดเป็นประมาณ 75% ของรายได้จาก Q ที่ผ่านมา  และ spread เพิ่มขึ้นประมาณ 50% จากกราฟ ดังนั้นรายได้ใหม่  =  เก่า+0.75*เก่า*0.5    ครับ (สำหรับ case สีส้มคือคิดแบบไม่เผื่อ safety มาก) ** ตัวคูณ 0.5 มาจากกราฟราคา spread ที่จะแสดงให้ดูข้างล่างนะครับ ง๊ายง่าย  ตอนป.ตรี ยากกว่านี้เยอะ  Diff  มีไส้  อินทริเกต 2ชั้น +บายพาส . . แก้ไขเมื่อ 21 ก.พ. 54 10:17:47 จากคุณ : ภูมิทัศน์ เขียนเมื่อ : 21 ก.พ. 54 10:15:32

ความคิดเห็นที่ 5 ต่อๆ 2. ในส่วนของต้นทุนการผลิต ก็คล้ายๆเดิมครับคิดเพิ่มขึ้นเทียบเป้น % เช่นเดียวกัน ขอไม่อธิบายละเอียดนะ ขี้เกียจล่ะ สำหรับ PTL  ผมให้เพิ่มขึ้นมา 5%  และ 12%  สำหรับ 2 กรณี  (ต้นทุนแปรผันตามน้ำมัน) แนวคิดสำคัญสำหรับส่วนของต้นทุนการผลิตก็คือ  ควรมีหลายๆ case  เพราะเราเองก็คาดการณ์อนาคต 100% ได้ยาก 3.  ในส่วนของ SG&A  และค่าใช้จ่ายทางการเงินทั้งหลาย  ไม่ค่อย serious ครับ -  SG&A  ให้เพิ่มขึ้นนิดหน่อย เพราะถ้ารายได้เพิ่ม ส่วนมาก SG&A ก็จะเพิ่มตามใน % ที่ใกล้ๆกัน -  ค่าใช้จ่ายทางการเงิน (ควรจะลดลง ถ้าคิดว่าเราจะได้เงินสดจากการดำเนินงานมาชำระหนี้) . . จากคุณ : ภูมิทัศน์ เขียนเมื่อ : 21 ก.พ. 54 10:16:45

ความคิดเห็นที่ 6 หลังจากนั้นเมื่องบออกแล้ว สิ่งสำคัญที่เราต้องทำก็คือ  ต้องมาตรวจการบ้านครับ เพื่อ  -  จะได้รู้ว่าที่เราคาดการณ์ไว้ ส่วนไหนบ้างที่มีความผิดปกติไปจากที่เราคาดการณ์ไว้ ตัวอย่างจากงบ PTL  พบว่ารายได้  ต่ำกว่าที่คาดไว้ค่อนข้างมาก เราก็ต้องไปพิจารณาต่อว่ามาจากอะไร จากการคำนวณกลับ (แบบงูๆปลาๆ) ผมพบว่ารายได้ที่มาจาก BOPET เพิ่มขึ้นประมาณ 35% (จากที่คาดไว้ 50%)   เราก็ต้องมาคิดกันต่อว่าทำไม  ?? จริงๆ รูปต้องเอาไปใส่ใน คห. 4  ลืมเลย -*- จากคุณ : ภูมิทัศน์ เขียนเมื่อ : 21 ก.พ. 54 10:19:04

ความคิดเห็นที่ 7 **   อันนี้เป็นสมมติฐานส่วนตัวผม  จากงบนี้ผมก็ได้คำตอบว่าราคาขายฟิล์มของ PTL   จะมีการกำหนดราคาซื้อ-ขายล่วงหน้า (อาจจะ 1-2เดือน) ตามแบบที่บริษัทใหญ่ๆ ทำกัน ไม่ได้ปรับราคารายวันแบบร้านทองตาม กราฟที่เราดูๆกันจากจีน และราคาซื้อขายจะค่อนข้างนิ่งไม่หวือหวาตามกราฟ   ทำให้ ราคาขายจากกราฟที่เราคาดการณ์ไว้ผิดจากความเป็นจริง (จึงทำการ แก้จากเส้นแดง ที่ตอนแรกประมาณไว้แทนราคาเฉลี่ยรายไตรมาศ เป็นเส้นสีน้ำเงินที่เป็ราคาที่เฉลี่ยโดยประมาณของไตรมาศ ลบไป 1-2 เดือน) อะฮ้า  ค่าเริ่มใกล้เคียง ปล.  เส้นแดงที่แบ่งไตรมาศมันเคลื่อนครับ  ขออำภัยด้วยเพิ่งเห็น -*- แก้ไขเมื่อ 21 ก.พ. 54 10:21:47 จากคุณ : ภูมิทัศน์ เขียนเมื่อ : 21 ก.พ. 54 10:20:50

ความคิดเห็นที่ 8 แวะมาตีตั๋วครับ ^ ^ จากคุณ : Artelrooy เขียนเมื่อ : 21 ก.พ. 54 10:21:08

ความคิดเห็นที่ 9 ข้อมูลแน่นมากครับ จากคุณ : หมึกสด เขียนเมื่อ : 21 ก.พ. 54 10:23:26

ความคิดเห็นที่ 11 ผมชอบประโยคนี้ของ จขกท. มากครับ เก้าอี้มันก็คือเก้าอี้ แจกันมันก็คือแจกัน  แต่เราจะเอามันไปฟาดหัวคน  เอาไปเขวี้ยง หรือจะเอาไปนั่ง  จากคุณ : sym@sum เขียนเมื่อ : 21 ก.พ. 54 10:28:05

ความคิดเห็นที่ 12 ขอบคุณครับ ปูเสื่อรออ่าน จากคุณ : โดม111 เขียนเมื่อ : 21 ก.พ. 54 10:28:29

ความคิดเห็นที่ 14 เอ....  สงสัยจะมีคำต้องห้าม  สงสัยจะเป็น ห.ม. หลังจากนั้น  สิ่งที่ยากที่สุด ก็คือการคาดการณ์ล่วงหน้าไป 2-3 ปี ในส่วนนี้ผมไม่ขอเอามาแสดงให้ดูนะครับ  ทั้งหน้า-behind เพราะถือว่าเป็นการชี้นำราคาที่ผมค่อนข้างถือ แต่พอจะอธิบายหลักการได้ดังนี้ 1.  พิจารณาจากข่าวที่มีอยู่ทั้งหมด  และอย่าลืมว่าธรรมาภิบาลของผู้บริหารสำคัญที่สุด (ถ้าผู้บริหารขี้โม้ น้ำหนักตรงนี้ก็เป็น 0)   สำหรับ PTL  ผมว่าผู้บริหารค่อนข้าง conservative มากตรงนี้ผ่านไป 2.  จากข่าวลองรวบรวมสิ่งที่จะทำให้รายได้เพิ่มขึ้นมีจากอะไรบ้างและเท่าไร นำมาคิดเทียบกับของเดิมที่มีอยู่แล้ว ตัวอย่างของ PTL  ก็ตามตารางครับ ถ้า CPN ก้ตารางที่บอกห้างที่จะเปิดใหม่+พท.ให้เช่า  หรืออย่าง TPAC ก็กำลังการผลิตใหม่ว่ามีกี่ไลน์ กำลังการผลิตเป้นอย่างไร 3.  สำคัญที่สุด  สำหรับอนาคตไกลๆ (3 ปี)  ที่ไม่ใช่ Q-Q  เราต้องคาดการณ์ โดยคิดถึง Down side เป็นหลัก สำหรับ  PTL  ก็หมายถึงให้เอากำลังการผลิตใหม่มาคิดที่ราคาขายฟิล์ม  อยู่ในช่วงวัฏจักรขาลงครับ ซึ่งอัตรากำไรในส่วนนี้เราสามารถหาได้จากข้อมูลย้อนหลังครับ  และราคาต้นทุนก็ต้องคิดเผื่อกรณีที่น้ำมันราคาแพง เช่น  130$  อย่างในช่วงที่ผ่านมาครับ ส่วนเรื่องที่ว่า PE  ตลาดจะให้เท่าไรนี่ก็ต้องเดาเอาเองครับ  อันนี้จนปัญญาจริงๆ  = =”   ถ้าทำได้เพื่อนๆก้จะสามารถหาราคาเป้าหมายได้โดยไม่ต้องไปฟังราคาเป้าหมายจากโบรคครับ ที่สำคัญที่สุด  คือถ้าเราทำความเข้าใจกับที่มาที่ไปของรายได้จากบริษัทที่เราลงทุนอยู่ว่า มีจุดอ่อน-แข็งอย่างไร ก็จะช่วยให้เราประเมินสถานการณ์ และควบคุมอารมณ์ไม่ให้เป็นไปตามนายตลาดได้ครับ ขอบคุณที่อ่านจนจบครับ   (วัว-ตะ-ระ ขี้เกียจเลย...) แก้ไขเมื่อ 21 ก.พ. 54 10:49:00 แก้ไขเมื่อ 21 ก.พ. 54 10:35:15 แก้ไขเมื่อ 21 ก.พ. 54 10:31:57 จากคุณ : ภูมิทัศน์ เขียนเมื่อ : 21 ก.พ. 54 10:30:52

ความคิดเห็นที่ 15 แหะๆ  พอดีหยุด 3 วันที่ผ่านมา ทริปไปเที่ยวป่าผมล่มพอดีเลยมีเวลานั่งพิมพ์ใส่ไฟล์ แล้ว copy เอามาให้เพื่อนๆดูกันครับ ปล.  ท้ายสุด  ขอย้ำอีกครั้ง ไม่ได้มาชี้นำอะไรเกี่ยวกับ PTL นะครับ แค่พอดีผมมีข้อมุลตัวอย่างอยู่ และหุ้นตัวนี้เพื่อนๆก็รู้จักกันดี   แถมยังคำนวณได้ง่าย  เลยเอามาเปนกรณีศึกษาให้เพื่อนๆได้ดูกันครับ ปล.2 เพิ่งเห็นบทความของ ดร.นิเวศน์วันนี้แฮะ  ค่อนข้างเห็นด้วยและไม่เห็นในบางข้อ  เช่น หลักการ VI ผมว่ามันก็เอามาคำนวณหุ้นได้หมดล่ะ จะ commodity หรือ modern trade  โรงงาน ถ้าเรารู้ข้อมูลมากพอ แต่ปัญหาคงเป็นในส่วนที่ การคาดการณ์อนาคต 5 ปีข้างหน้า เราจะต้องคิดแบบ down side เป็นหลัก ครับ จากคุณ : ภูมิทัศน์ เขียนเมื่อ : 21 ก.พ. 54 10:35:47

ความคิดเห็นที่ 16 ตามความเห็นผม PTL ช่วงนี้เป็น Demand Peak มากกว่า การดำเนินงาน ปกติ ROE อยู่ที่ 10-20% sell glowth ประมาณ 10 % PTLเปรียบเสมือนรถที่ตอนนี้เจอทางตรงเหยียบเต็มที่ความเร็วเกิน100ขึ้นถูกจังหวะปลอดภัย ขึ้นผิดจังหวะ เจ็บตัว ดูว่าสุดทางตรงอีกกี่ปีการดำเนินธุรกิจก็จะกลับมาเป็น normal glowth จากคุณ : opar156 เขียนเมื่อ : 21 ก.พ. 54 10:39:56

ความคิดเห็นที่ 17 ขออนุญาต copy ไว้อ่านนะครับ   เอ  มันหายไป 1 คห. แล้วครับ จากคุณ : sym@sum เขียนเมื่อ : 21 ก.พ. 54 10:43:53

ความคิดเห็นที่ 18 สงสัยมีคำต้องห้าม  ขอไปไล่ดูก่อนนะครับ #16 ใช่ครับ  เราถึงต้องพิจารณา downside เป็นหลักครับ สำหรับพวก commo จากคุณ : ภูมิทัศน์ เขียนเมื่อ : 21 ก.พ. 54 10:46:44

ความคิดเห็นที่ 19 แก้ใหม่แล้วครับ  ขออภัยด้วยมือใหม่หัดโพสต์ จากคุณ : ภูมิทัศน์ เขียนเมื่อ : 21 ก.พ. 54 10:49:53

ความคิดเห็นที่ 20 เรื่องที่น่าตลกอย่างหนึ่งของหุ้น commo เช่น IVL  PTL ก็คือ  คนส่วนมากจะคิดว่าเราจะมีต้นทุนที่สูงแบบคนส่วนใหญ่กัน ถามว่าถ้าต้นทุน IVL  คุณ ต่ำกว่า 10 บาท PTL  แถว 10 บาท ต่อให้มันกลับเป็น normal growth... คนเหล่านี้ก็ยัง happy ครับ ถ้ากำลังการผลิตมันยังโตต่อไปได้เรื่อยๆ และงบการเงินยังสวย หนี้ไม่มากอยู่นะ จะให้ไปหวัง ขายสูงสุด แล้วมารับใหม่ตอนต่ำๆ นี่ยอมรับเลยว่าเกินความสามารถครับ T T จากคุณ : ภูมิทัศน์ เขียนเมื่อ : 21 ก.พ. 54 10:57:53

ความคิดเห็นที่ 21 ขอบคุณครับ สำหรับความตั้งใจ และแบ่งปัน แก้ไขพิมพ์ตกคำว่า ความ แก้ไขเมื่อ 21 ก.พ. 54 11:02:37 จากคุณ : sym@sum เขียนเมื่อ : 21 ก.พ. 54 10:59:43

ความคิดเห็นที่ 22 ตามความคิดผม ถ้าลงทุน VI จริงๆ แล้วต้องการถือยาว ราคาตอนนี้ยังสะท้อนอนาคตเกินไปหน่อยไม่เหมาะสมจะซื้อครับ แม้ PE โคตร ถูก เพราะ Downside ยังไม่เห็น แต่ที่แน่ๆ 1-2 ปี ตอนนี้ราคา น้ำมันเริ่มขึ้น สังเกต 3 ปี จาก 40 เป็น 100 เหรียญ ค่าการกลั่น จาก 3-4 เหรียญ จะเหยียบ 8 เหรียญอยู่แล้ว ตอนนี้มีหน้าที่หาวัฏจักรอุตสาหกรรมขาขึ้นครับ ราคาต่ำติดดิน แถมนิ่งๆ ปลอดภัย จากคุณ : opar156 เขียนเมื่อ : 21 ก.พ. 54 11:10:05

ความคิดเห็นที่ 23 มาลงชื่อ (แอบศึกษาด้วย) จากคุณ : มองได้..แต่อย่าชอบ เขียนเมื่อ : 21 ก.พ. 54 11:12:21

ความคิดเห็นที่ 24 กระทู้นี้เป็นตัวอย่างแสดงการวิเคราะห์หากำไรครับ ไม่ได้บอกว่าหุ้นตัวไหนดีไม่ดี น่าถือหรือไม่ ซึ่งจะผิดไปจากจุดประสงค์หลักของกระทู้ครับ ปล. ถ้าเจอวัฏจักรอุตสาหกรรมขาขึ้นของหุ้นตัวไหนแล้ว  มากระซิบบอกผมด้วยนะครับ อิอิ จากคุณ : ภูมิทัศน์ เขียนเมื่อ : 21 ก.พ. 54 11:13:54

ความคิดเห็นที่ 25 ขอบคุณครับท่าน จากคุณ : ขี่รถถีบไปจีบเธอ เขียนเมื่อ : 21 ก.พ. 54 11:14:32

ความคิดเห็นที่ 27 พูดตรงๆ ไม่มีใครเดาได้หรอกว่า ปิโตรเคมี หรือ ฟิมล์ วัฏจักรมัน จะไปยังไง  เดายากค่ะ จากคุณ : เกรซอยากรวย เขียนเมื่อ : 21 ก.พ. 54 11:59:25

ความคิดเห็นที่ 28 ขอบคุณครับ เล่นหุ้นดีที่ว่าเลว หรือหรือเลวที่ว่าดี ดูสักวัน จากคุณ : ปลานิลจิ๋ว เขียนเมื่อ : 21 ก.พ. 54 12:04:59

ความคิดเห็นที่ 29 ขอบคุณมากครับคุณ vsp เอ้ย ภูมิทัศน์ ถ้าภาพจริง ๆ ออกมาเป็นแบบความเห็นที่ 7 ไตรมาสปัจจุบัน มีโอกาสที่รายได้จะดีกว่าไตรมาสที่ผ่านมา แก้ไขเมื่อ 21 ก.พ. 54 12:55:10 จากคุณ : Grand Marshal1 เขียนเมื่อ : 21 ก.พ. 54 12:21:26

ความคิดเห็นที่ 30 คุณภูมิทัศน์ทำการบ้านหนักมากนะครับ ขอแสดงความนับถือ ของผมลงวิชาเลือก "กลุ่มค้าปลีก" คุณครูบอกว่า การบ้านเอาไว้ส่งต้นเดือนหน้าได้ครับ อิอิ จากคุณ : คนจนที่อยากรวย เขียนเมื่อ : 21 ก.พ. 54 12:23:42

ความคิดเห็นที่ 31 ขอบคุณครับ ชอบๆ ^^ จากคุณ : SundayroyaL เขียนเมื่อ : 21 ก.พ. 54 12:26:11

ความคิดเห็นที่ 32 ขอบคุณครับ จากคุณ : WindReturn เขียนเมื่อ : 21 ก.พ. 54 12:39:20

ความคิดเห็นที่ 33 สมาชิกมากมาย ราคายังไม่ยอมพุ่ง เดี๋ยวนายสาระขัน จะช่วยสอยหน่อย จะได้เฮกันมั่ง จากคุณ : สาระขัน เขียนเมื่อ : 21 ก.พ. 54 13:03:07

ความคิดเห็นที่ 34 #27  บางอย่างก็พอเดาได้คร่าวๆนะครับ คุณเกรซ แต่ถ้าถามว่าเอาภาพในอีก 2เดือนข้างหน้านี่คงยากไป หุ้นวัฏจักรมันจะกลับมาเมื่อมันแย่ที่สุด  และมันจะแย่ลงเมื่อดีที่สุด เช่น PTL  สักวันมันก็จะลง แต่ปัญหาคือ 2 เดือน 1 ปี ? แต่ถ้าอีก 3 ปีก็ confirm ได้เลยว่าลง 100% หรือกลุ่มเรือ เดี๋ยวมันก็ขึ้น แต่ อีกกี่ปีผมก็ไม่รู้นะ 555+ แต่ถ้าให้เดาแบบมีความรู้หน่อยก็คือมันเป็นไปตาม demand supply ครับ เช่นปีที่แล้ว มีกระทู้เรืออยู่ ตอนนั้นก็คาดกันว่า BDI จะเริ่มฟื้น แต่ผมมองว่ายังไม่ฟื้นหรอกเพราะ  -  จำได้ว่ายังซื้อเรือ + ต่อเรือใหม่กันอยู่เลย ในเมื่อ demand  เพิ่มขึ้น  BDI  มันจะไปเพิ่มได้ยังไง หรือทำไม 2 ปีที่แล้ว IRP (IVL)  ถึงน่าสนใจ ก็เพราะตอนนั้น โรงงาน PET ส่วนมากปิดตัวลง  ทุกคนมองว่าแย่ๆๆ   นั่นแหล่ะโอกาสทองเพราะ demand ที่ลดลง ทำให้ IVL ที่สถานะทางการเงินยังดีอยู่สามารถไปไล่ take over ได้ในภายหลัง แก้ไขเมื่อ 21 ก.พ. 54 13:16:02 จากคุณ : ภูมิทัศน์ เขียนเมื่อ : 21 ก.พ. 54 13:15:07

ความคิดเห็นที่ 35 #33 ขอบคุณครับพี่สาระขัน  ของผมราคาไม่พุ่งก็ไม่เปนไรครับ ค่อยๆเป็นค่อยๆไปนะดีแล้ว  ผมชอบแบบเมื่อก่อนตอนที่ไม่มีใครรู้จักมากกว่านะ พอคนเยอะๆแล้วเริ่มจะเบื่อ  มากคนมากความ 555+ ตอนนี้ 3 ตัวที่(เคย)ถือกลาย เป็นหุ้นมหาชนหมดแล้ว T T  (IRP>>IVL, SMT, PTL)  เหลือก็แต่น้องขวดนี่แหล่ะที่ยังไม่มีใครรู้จัก จากคุณ : ภูมิทัศน์ เขียนเมื่อ : 21 ก.พ. 54 13:21:55

ความคิดเห็นที่ 36 ^ ^ จำหน่ายไปหมดทั้ง 3 ตัวแล้วเหรอครับ ปล. ไตรมาสหน้า ผมเดาว่า ราคาน่าจะไปตาม ยุโรป กับ เมกา มากกว่า (มั้ง) ครับ เนื่องจากจีนเจอเรื่องคุณภาพสินค้า แก้ไขเมื่อ 21 ก.พ. 54 13:40:48 จากคุณ : Grand Marshal1 เขียนเมื่อ : 21 ก.พ. 54 13:29:37

ความคิดเห็นที่ 37 ขอบคุณคะได้ความรู้มากมาก จากคุณ : เอสเพรสโซ่ไม่หวาน เขียนเมื่อ : 21 ก.พ. 54 13:47:28

ความคิดเห็นที่ 38 #36 ขอโทษครับพอดีพิมพ์อาจจะไม่เคลียร์  (เคย)  คือขายไปแล้ว 2 ตัว แต่ยังเหลือ PTL อยู่ครับ  IVL ก็เหลือนะ 3หุ้น ไม่รู้จะขายยังไง 5555+ (ได้เศษมาจากการแปลงหุ้น) ส่วน SMT นี่ขายเพราะเพิ่มทุนไปทำโรงไฟฟ้า  งงเต๊ก  = = เลยขายดีกว่า ส่วนเรื่องผลกำไรไว้ไตรมาศหน้าค่อยมาส่งการบ้านแบบย่อๆครับ ราคายุโรปก็ส่วนหนึ่ง แต่อย่าลืมว่าราคาที่ขายณ.ปัจจุบัน ผมว่ามันย้อนจากกราฟไป 1-2เดือนด้วยครับ  (สังเกตได้จากพวกบ.ใหญ่เพิ่งขึ้นราคาในช่วงที่ผ่านมา) แก้ไขเมื่อ 21 ก.พ. 54 13:56:02 จากคุณ : ภูมิทัศน์ เขียนเมื่อ : 21 ก.พ. 54 13:53:24

ความคิดเห็นที่ 39 ไม่ได้อ่านอะไรหรอก อ่านแค่ชื่อภูมิทัศน์ เลยมาเป็นแนวร่วมด้วย ไม้เดียวราคาเดียวครับ จากคุณ : ปลานิลจิ๋ว เขียนเมื่อ : 21 ก.พ. 54 13:58:56

ความคิดเห็นที่ 40 อาจารย์ปลา จะบอกว่า กราฟมันบ่งบอกว่ามีโอกาสขึ้นเหรอครับ จากคุณ : Grand Marshal1 เขียนเมื่อ : 21 ก.พ. 54 14:15:52

ความคิดเห็นที่ 41 มันก็ได้ทั้งขึ้นทั้งลง ผมซื้อหุ้นก็ขาดทุนเป็นนะพี่ จากคุณ : ปลานิลจิ๋ว เขียนเมื่อ : 21 ก.พ. 54 14:34:20

ความคิดเห็นที่ 42 เอาฟะ! มีกำลังใจแล้ว!! จารย์ปลาก็ขาดทุนเป็น!! จากคุณ : นักสืบจิ๋ว เขียนเมื่อ : 21 ก.พ. 54 15:32:31

ความคิดเห็นที่ 43 #39  ขอบคุณครับคุณปลานิลจิ๋ว  สมกับเป็น Pure technical  ตัวจริง ยกนิ้วให้เลย  ถึงแม้ผมจะไม่ได้สนใจด้าน Technical แต่ก็เข้าไปตามดูจารย์ปลาบ่อยๆ นะครับ   ถึงจะไม่ได้ความรู้ด้านเทคนิค แต่ก็แอบขโมยแนวคิดดีๆ ไปใช้ทุกครั้ง เช่น การจะทำอะไร เราต้องมีแผนรองรับเสมอ  ถ้าออก 1 ทำอย่างไร ออก 2 ทำอย่างไร จากคุณ : ภูมิทัศน์ เขียนเมื่อ : 21 ก.พ. 54 15:33:10

ความคิดเห็นที่ 44 ขาดทุนจริงๆ เลย   ซื้อแล้วไม่ขึ้น ถือน้อยหน่อย ไว้ขึ้นค่อยซื้ออีกที ไม่มันยอมขึ้นเหมือนผมคิด จากคุณ : ปลานิลจิ๋ว เขียนเมื่อ : 21 ก.พ. 54 17:08:43

ความคิดเห็นที่ 45 ขอบคุณคุณภูมิทัศน์สำหรับบทวิเคราะห์ครับ วิธีคิดที่ได้กล่าวมา สามารถนำไปประยุกต์ใช้กับบริษัทอื่นๆได้เช่นกันครับ .. ^^" จากคุณ : มิ่งกลิ้ง เขียนเมื่อ : 21 ก.พ. 54 20:03:03

ความคิดเห็นที่ 46 ฮา จารปลาคับ ชอบๆๆ จากคุณ : โอกิม่า เขียนเมื่อ : 21 ก.พ. 54 21:25:07

ความคิดเห็นที่ 47 ขอบคุณคุณภูมิทัศน์ เป็นอย่างสูงครับ ผมเข้าไปเสาะหาตัวอย่างการวิเคราะห์จาก TVI หลายรอบละ แต่ไม่มีใครยกตัวอย่างการวิเคราะห์แบบให้เห็นจะจะเลย พอผลประกอบการออกก็โผล่มาบรรทัดเดียวว่า เกือบเท่าที่คำนวณเยย ผมเพิ่งกระจ่างวันนี้เอง ขอบคุณจริงๆครับ ปล.ติดดอยป้าแต๋วที่36กว่าๆเหมือนกันครับ จากคุณ : hexotone เขียนเมื่อ : 21 ก.พ. 54 21:38:28

ความคิดเห็นที่ 48 #45  ขอบคุณมากครับพี่มิ่งที่เข้าใจผม  >< เท่าที่ดูส่วนมากก็ยังคงคิดว่าผมเข้ามาเชียร์ PTL  อยู่   เน้นแล้วเน้นอีกว่าให้คิด down side.....   ไว้ไตรมาศหน้าผมผมจะเอางบบริษัทที่ไม่ค่อยมีใครรู้จักมายกตัวอย่างอีกทีแล้วกัน #47  อันนี้เป็นแค่วิธีหนึ่งที่ผมนิยมครับ ถ้าจะคิดแบบละเอียดก็สามารถ ประมาณ รายได้ จาก spread x กำลังผลิต จะได้รายได้  และต้นทุนก็สามารถหาได้จากสูตร ของ PTA และ MEG  ได้เช่นเดียวกันครับ แต่ปัญหาคือผมว่าต้องตั้งสมมติฐานค่อนข้างมาก อาจจะส่งผลให้คลาดเคลื่อนได้มากกว่าครับ... จากคุณ : ภูมิทัศน์ เขียนเมื่อ : 21 ก.พ. 54 21:50:13

ความคิดเห็นที่ 49 แก้ไขเมื่อ 21 ก.พ. 54 23:12:55 จากคุณ : ก้ามปูจอมพลัง เขียนเมื่อ : 21 ก.พ. 54 22:59:17

ความคิดเห็นที่ 50 แจ๋วไปเลย จากคุณ : เพื่อนของเพื่อนน้องอะตอม (ก้ามปูจอมพลัง) เขียนเมื่อ : 21 ก.พ. 54 23:12:12

ความคิดเห็นที่ 51 ขอบคุณสำหรับบทวิเคราะห์ดีๆ :) จากคุณ : VSA-100 เขียนเมื่อ : 22 ก.พ. 54 00:30:29

ความคิดเห็นที่ 52 ขอบคุณเช่นกัน เพราะหุ้นตัวนี้เป็นกรณีศึกษาของผมอยู่พอดี จากคุณ : คุณดื้อ เขียนเมื่อ : 22 ก.พ. 54 17:32:34

ความคิดเห็นที่ 53 ขอบคุณสำหรับตัวอย่างการวิเคราะห์ครับ ผมเพิ่งเริ่มต้น ยังศึกษาพื้นฐานทั่วๆไปอยู่ แต่เข้ามาดู แล้วก็เซฟเก็บไว้เป็นตัวอย่าง จากคุณ : wizardsord เขียนเมื่อ : 23 ก.พ. 54 00:07:26

ความคิดเห็นที่ 54 ขอบคุณมากครับ คนดี ๆ แบบนี้น่าสงเสริมครับ ยิ่งมีคนแบบนี้สังคมยิ่งดีครับ ขอบคุณอีกครั้งครับ จากคุณ : rikimaru441 เขียนเมื่อ : 23 ก.พ. 54 00:22:11

ความคิดเห็นที่ 55 เมื่อวานรับมาอีกนิด 25.25 วันนี้คงจะถลอกซิบๆ 24.5..จะเพิ่มอีกหน่อย ดูแล้วพอคุ้มเสี่ยง ขาดทุนเสียบ้างก็ดี มีแล้วทำเป็นหยิ่ง เพลงเขาว่าไว้ จากคุณ : autonomous เขียนเมื่อ : 23 ก.พ. 54 07:53:11

ความคิดเห็นที่ 56 ลืมชมในความขยัน มีประโยชน์ ว่างช่วยวิเคราะห์ KKหน่อยนะครับ ว่า น่าสนใจไหม เห็นกำไรก็ดี ราคาก็ถูก เตรียมตังค์ไว้รออยู่ จากคุณ : autonomous เขียนเมื่อ : 23 ก.พ. 54 07:55:52

ความคิดเห็นที่ 57 #56  ขออภัยครับ พวกบริษัทที่เกี่ยวข้องกับทางด้านการเงินนี่ผมไม่เข้าใจ ที่มาที่ไปของรายได้จริงๆ  เลยไม่สามารถวิเคราะห์ได้ครับ จากคุณ : ภูมิทัศน์ เขียนเมื่อ : 23 ก.พ. 54 09:02:31

ความคิดเห็นที่ 58 ขอบคุณมากๆค่ะ ที่แบ่งปันความรุ้ ขออนุญาตเซฟไว้เป็นตัวอย่างศึกษา ตั้งใจจะเข้ามาขอบคุณด้วยกิฟแต่หมด ขอติดไว้ก่อนนะคะ ^^ จากคุณ : ใช้ชำระหนี้ได้ตามกฎหมาย เขียนเมื่อ : 23 ก.พ. 54 14:31:35

ความคิดเห็นที่ 59 การวิเคราะห์แบบนี้ควรจะทำตอนมันเพิ่งเริ่มขึ้นครับ ทำตอนนี้มันเริ่มลงแล้วมั๊งครับ ด้วยประสบการณ์ที่ผ่านมาของผมถ้ามันกำลังขึ้นมันจะเงียบๆครับ ถ้ามันจะหยุดขึ้นมันจะโด่งดังครับ  ติด top 20 ทุกคนจะเข้ามาซื้อ ทำให้คนที่สะสมไว้ตั้งแต่แรกได้ขายได้หมดครับ จากคุณ : ทองแก เขียนเมื่อ : 23 ก.พ. 54 18:26:48

ความคิดเห็นที่ 60 #59  วิเคราะห์มานาน + ถือมานานแล้วครับ อันนี้เป็นแค่การเอาสิ่งที่คิดไว้  มาแสดงตัวอย่างให้เพื่อนๆดูเมื่องบออกแล้วเพื่ออธิบายแนวคิดครับ ลองอ่านดูใหม่นะครับ  ^^ จากคุณ : ภูมิทัศน์ เขียนเมื่อ : 23 ก.พ. 54 19:54:33

ความคิดเห็นที่ 62 ขออนุญาต ถอดเสื้อชอป... เด็กเทคนิค แล้วใส่เสื้อขาว ผูกไทด์ เป็น ...เด็กพาณิชย์ แสดงความเห็น ในบริบทของ Fundamental ด้วยคนนะครับ --- อ้างอิง  บทความ จากกระทู้นี้ ..... บทเรียนหุ้นโภคภัณฑ์  /ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร.... http://www.pantip.com/cafe/sinthorn/topic/I10260871/I10260871.html v v โดยส่วนตัว เห็นด้วยกับ บทความข้างต้น ในหลายๆประเด็น ยกเว้น ....ข้อสรุปรวบยอดของผม  ก็คือ ตัวเลขและการวิเคราะห์ตามหลักการ  “แบบ VI”  นั้น   ใช้ไม่ได้กับหุ้นโภคภัณฑ์... v v ซึ่งตรงนี้ กลับเห็นด้วย กับ ท่านภูมิทัศน์ ตลอดจนหลายๆท่าน ในกระทู้อ้างอิง จนกระทั่ง ถึงในอีกเวบ ที่ทำการวิเคราะห์ หุ้นดังกล่าว ด้วยหลักการ อันเป็นพื้นฐานทางธุรกิจ เพราะ แม้แต่ Warren Buffett เอง ก็ไม่เคยบอกว่า .... หลักการทาง VI ...ห้ามใช้กับ หุ้นกลุ่ม โภคภัณฑ์... หรือ แม้กระทั่ง Peter Lynch เอง ก็เป็นคนแบ่งกลุ่มหุ้น เป็นประเภทต่างๆ เพื่อให้สามารถจัดกาาร การลงทุน ด้วยการวิเคราะห์ ด้านพื้นฐานของธุรกิจ อย่างเป็นระบบ และ เหมาะสมกับธุรกิจแต่ละประเภท ซึ่งมี ธรรมชาติ แตกต่างกันไป ซึ่งเขา ก็ทำได้ดีมากๆด้วย http://www.siamclassicvi.com/viewtopic.php?f=7&t=76 v v ประเด็นสำคัญ คือ ....การ Define Parameters... ต่างๆ  ต่างหาก ที่จะเป็นตัว ตัดสินว่า การวิเคราะห์นั้น มีขอบเขตของความถูกต้อง แค่ไหน หรือ เปิดโอกาสให้มีความคลาดเคลื่อนได้ เพียงใด --- ดังนั้น ถ้าใครสักคน มีความรู้ ความเข้าใจ ในธุรกิจหนึ่ง เป็นอย่างดี จนสามารถ ที่จะ ...กำหนด ค่าตัวแปร บนเงื่อนไข ต่างๆ...  ในการวิเคราะห์ ได้อย่างถูกต้อง และ เหมาะสม ก็...ไม่มีเหตุผล ที่จะกล่าวว่า หลักการ ของ VI ใช้กับ ธุรกิจนั้น ไม่ได้ ...นั่นเอง... แก้ไขเมื่อ 24 ก.พ. 54 14:03:49 จากคุณ : The Rounder เขียนเมื่อ : 24 ก.พ. 54 11:44:33

ความคิดเห็นที่ 63 ทีนี้ โดยส่วนตัว ไม่มีความสันทัด ในหุ้นกลุ่ม ฟิล์ม แล้วก็ไม่ได้ ติดตาม ข้อมูลหุ้นรายตัว ตลอดจน ข้อมูลด้านปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจ มานานแล้ว ดังนั้น ก็คงขอ  ไม่แสดงความเห็น ในส่วนของการวิเคราะห์ เชิงตัวเลข แต่อย่างใด ขอบคุณครับ จากคุณ : The Rounder เขียนเมื่อ : 24 ก.พ. 54 12:02:32

ความคิดเห็นที่ 64 ขอบคุณพี่ The Rounder มากครับ สำหรับผมเองคิดว่า ก่อนที่เราจะวิเคราะห์หุ้นตัวใดตัวหนึ่งเราต้องทำการ จำแนกชนิดของธุรกิจ ของหุ้นชนิดนั้นๆก่อน เพื่อจะได้สามารถนำไปตั้งสมมติฐานที่ใช้ในการประมาณกำไรได้อย่างถูกต้อง เช่น สำหรับหุ้นวักจักร เราก็จะได้ไม่ควรนำเอา กำไรช่วง Peak ไปวิเคราะห์กำไรในอนาคต อาจจะควรนำเอาอัตราการทำกำไรเฉลี่ยในรอบ cycle มาหาค่าเฉลี่ย  (ของ PTL จากกำไรย้อนหลัง 10 ปีพบว่า 1 วัฎจักรอาจจะประมาณ 4 ปี) รวมถึง การนำเอาช่วงขาลงของวัฎจักรมาคิด downside ของราคาหุ้น.... จากคุณ : ภูมิทัศน์ เขียนเมื่อ : 25 ก.พ. 54 09:10:50

ความคิดเห็นที่ 65 ฤดูร้อน เริ่มมาเยอนแล้ว ทำไมอากาศptl มันหนาวยะเยือกน่ากลัวอย่างนี้ เหมือนยอดดอยมันจะสูงขึ้นทุกๆเวลา จากคุณ : ตามด้วยคน เขียนเมื่อ : 25 ก.พ. 54 22:12:26