ความคิดเห็นที่ 1 แล้วคนจนที่อยากรวย ล่ะครับ ต้องใช้ฐานภาษีเท่าไหร่ ? จากคุณ : คนจนที่อยากรวย เขียนเมื่อ : 25 ก.พ. 54 22:00:25

ความคิดเห็นที่ 2 ขอตอบ คห 1 เนื่องจากคุณคนจนอยากจะรวย จึงต้องเสียภาษีอย่างคนรวยที่จะปรับปรุงให้ใหม่ครับ จากคุณ : หมูทอง (Goldenpig) เขียนเมื่อ : 25 ก.พ. 54 22:02:10

ความคิดเห็นที่ 3 ภาษีคือยาขมของคนที่กำลังสร้างฐานะ จากคุณ : เหมง เขียนเมื่อ : 25 ก.พ. 54 22:04:56

ความคิดเห็นที่ 4 ตอบ คห 2 ต้องเสียภาษี แบบคนจนซิครับ   เพราะว่ายังไม่รวย ไว้ถ้าคุณคนจนที่อยากรวย  เปลี่ยนเป็น คนจนที่รวยแล้ว ค่อยมาคิดภาษีแบบคนรวย ดีมั้ยครับ พี่คนจนที่อยากรวย   จากคุณ : คนเขลาเบาปัญญา เขียนเมื่อ : 25 ก.พ. 54 22:05:33

ความคิดเห็นที่ 6 สุดท้ายก็คงไม่คลอดเหมือนเดิม คนรวยเป็นหม้อข้าวของพรรค ใครจะกล้าทุบหม้อข้าวตัวเอง ส่วนข่าวที่ออกมาก็คงใช้หาเสียงกับคนจน (อีกแล้ว) จากคุณ : banchap (banchap) เขียนเมื่อ : 25 ก.พ. 54 22:18:57

ความคิดเห็นที่ 7 ทุกวันนี้คนจนเสียภาษีด้วยเหรอ ไม่ควรบอกว่าคนจนเสียน้อยลง เพราะจริง ๆ แล้วไม่ได้เสียเลย ผมพูดในบริบทของภาษีเงินได้นะ ไม่ว่ารัฐบาลไหน คนที่เสียภาษีมากที่สุด ก็คือชนชั้นกลางที่เป็นลูกจ้างบริษัทนี่แหละ เพราะโดนหัก ณ ที่จ่ายหนีไปไหนไม่รอด จากคุณ : French Vanilla เขียนเมื่อ : 25 ก.พ. 54 22:39:15

ความคิดเห็นที่ 8 คนชั้นกลาง หรือมนุษย์เงินเดือน ก็โดนกันเต็ม ๆ แหละครับ ... ดูจากการให้สัมภาษณ์ .. อาจจะ 1. ยกเลิกหรือลดจำนวนเงินที่สามารถใช้ลดหย่อนได้ลดลง ต่าง ๆ เช่น RMF LTF ดอกเบี้ยบ้าน เบี้ยประกันชีวิต  โดนลดแน่ ๆ 2. ขยายฐานของแต่ละเรทภาษีออกไป ... เช่น เริ่มต้น 5% อาจจะมีวงเงินนิดเดียวเช่น 1 แสน - 1.2 แสนบาทแรก  ส่วน 1.2 แสน - 3 แสนโดน 10%  แล้ว 3 แสน - 6 แสน โดน 20%  6 แสนขึ้นไป โดน 37%  ........... ผมคิดเล่น ๆ นะ อย่าเอาจริง ถ้าเอาจริงนี่ เท่ากับขึ้นภาษีทางอ้อมกันทีเดียวเชียว และมนุษย์เงินเดือนระดับเสียภาษี แย่แน่ ... 555 จากคุณ : เ ห็ ด ห อ ม เขียนเมื่อ : 25 ก.พ. 54 22:50:46

ความคิดเห็นที่ 9 เห็นด้วยกับคุณ French Vanilla ครับ นิยามของคนจนสำหรับรัฐบาลคืออะไร ? เดี๋ยวนี้คนเงินเดือน 20,000 ก็ไม่ต้องเสียภาษีแล้ว ไม่ต้องไปพูดถึงคนที่กินค่าแรงขั้นต่ำเลย อันนั้นยิ่งไม่ต้องเสียกันเห็น ๆ ถามหน่อยว่าจะเรียกว่าคนที่มีเงินได้ต่ำกว่า 20,000 ต่อเดือนว่าคนจนหรือเปล่า ถ้าเรียกอย่างนั้นข้าราชการกว่าครึ่งก็ต้องเรียกว่าคนจน เพราะผมเห็นทำงานกันมาเป็นสิบปีเงินเดือนยังไม่ถึง 20,000 กันเลย  อย่างนี้เท่ากับรัฐบาลนี้ทำให้มีคนจนเพิ่มขึ้นมั้ย ภาษีที่แสบที่สุดสำหรับคนทุกชนชั้นก็คือภาษีมูลค่าเพิ่มนะครับ จนแค่ไหนก็ไม่มีทางได้รับยกเว้นตราบใดที่ต้องหยิบเงินมาซื้อของ ท่านกล้าแก้มั้ยล่ะ โดยส่วนตัวผมไม่เห็นด้วยกับการเก็บภาษีมรดก เพราะมันเป็นการเก็บภาษีซ้ำซ้อนขัดกับหลักภาษีที่เป็นธรรม ลองคิดดูว่าถ้าเราทำงานมาซัก 40 ปี เสียภาษีอย่างถูกต้องจากเงินได้ที่หามาตลอดทุกปี พอตายไปสมบัติตกไปเป็นของลูกหลาน กลับต้องมาเสียภาษีจากเงินก้อนเดิมอีกครั้ง มันสมควรหรือ ? ้ จากคุณ : silver seraph เขียนเมื่อ : 25 ก.พ. 54 23:00:06

ความคิดเห็นที่ 10 ตาม คห. 7 จ้ะ ส่วนภาษีมูลค่าเพิ่ม ถ้าเป็น บจ. ก็สามารถเอาคืนได้บ้างจ้ะ จากคุณ : มือเก่าหัดขับ เขียนเมื่อ : 26 ก.พ. 54 00:21:47

ความคิดเห็นที่ 11 ผมกลับคิดว่า ภาษีมูลค่าเพิ่ม เป็นภาษีที่ก่อให้เกิดความเท่าเทียมกันมากที่สุดครับ ใครใช้มากก็จ่ายมาก ใช้น้อยก็จ่ายน้อย ส่วนฐานภาษี ความเห็นส่วนตัวผมคิดว่าควรจะทำฐานยกเว้นภาษีให้สูง ๆ ไปเลย แล้วไปเก็บชดเชยเอาในระดับบน ๆ เช่น คนทั่ว ๆ ไปถึงระดับชั้นกลาง แทนที่จะเก็บภาษีทางตรงโดนหักจากรายได้ ก็เปลี่ยนไปเป็นยกเว้นภาษี เพื่อเพิ่มอำนาจใช้จ่าย รัฐก็เก็บภาษีทางอ้อมจากภาษีที่ซ่อนอยู่ในสินค้า (สรรพสามิต ศุลกากร ฯลฯ ตบท้ายด้วย VAT) เงินก็หมุนได้หลาย ๆ รอบ เศรษฐกิจก็ดีขึ้น แล้วพอคนชั้นกลางเงินมากขึ้นถึงระดับ ๆ หนึ่ง สมมติซัก 1 ล้านบาท ก็ค่อยเก็บภาษีระดับนั้น ๆ ให้ cover ในส่วนที่ยกเว้นไปในระดับที่เคยเก็บต่ำกว่า อะไรทำนองนี้ จากคุณ : Morning Star เขียนเมื่อ : 26 ก.พ. 54 01:07:09

ความคิดเห็นที่ 12 คิดเล่นๆนะครับ ถ้าเก็บภาษีคนรวยโหดๆ แล้วเกิดพวกคนรวยมันย้ายสัญชาติกันหละ จะเกิดอะไรขึ้น ? อันนี้เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริงในบางประเทศนะครับ อย่างเช่นพวกดาราหรือนักธุรกิจบางประเทศในยุโรป ใช้วิธีย้ายสัญชาติ เพื่อเสียภาษีให้น้อยลง จากคุณ : shine-rise เขียนเมื่อ : 26 ก.พ. 54 01:46:43

ความคิดเห็นที่ 13 บางคนในบางประเทศ ถือสองสัญชาติแบบเนียนๆ ถ้าไม่จับได้จะจะ พี่แกแถไม่ยอมรับอยู่นั่นละ จากคุณ : แม่น้องอะตอม เขียนเมื่อ : 26 ก.พ. 54 02:17:42

ความคิดเห็นที่ 14 ขอให้มันจริงว่าจะเก็บคนรวยเยอะ คนจนไม่เก็บ   ที่เห็นมา มีแต่ตั้งหน้าตั้งตาจะเก็บมนุษย์เงินเดือนเยอะๆ  ตามจริงถ้าจะเอาให้เป็นธรรมกันจริงๆ ต้องคำนึงถึงค่าครองชีพ แต่ละที่ด้วย ที่พูดนี่หมายถึง ตามในเมืองหรือชานเมืองก็ต่างกันแล้ว  ความเป็นธรรมหายาก ยกเว้นจะมาใช้แบบ  vat เท่านั้น ถึงจะเรียกว่าเท่าเทียม จากคุณ : ตั๊กม๊อ (ปรมาจารย์ตั๊กม๊อ) เขียนเมื่อ : 26 ก.พ. 54 02:37:17

ความคิดเห็นที่ 15 ปรับปรุงก็เป็นสิ่งที่ดี  ดูประเทศที่เค้าพัฒนาแล้ว  มีการกระจายความ เสมอภาคของประชาชนโดยรวมในระดับดี  ว่าเค้าทำกันยังไง  แล้วก็มาปรับเอา   ก็คงต้องฝากไว้ที่ TDRI อ่ะแหล่ะค่ะ ถ้าทำสำเร็จออกมาดี  มันก็จะเป็นประโยชน์มากกับประเทศโดยรวม จากคุณ : nusarathi เขียนเมื่อ : 26 ก.พ. 54 07:43:04

ความคิดเห็นที่ 16 ปัจจุบันอัตราภาษีเงินได้หลังจากหักค่าต่างๆแล้ว ในส่วนที่เกินจะเสียภาษีดังนี้ 1 - 150,000 บาท ก็ยังไม่เสียภาษี 150,001 - 500,000 บาท  เสีย10% 500,001 - 1,000,000 บาท เสีย20% 1,000,001 - 4,000,000 บาท เสีย30% 4,000,001 บาทขึ้นไป  เสีย37% ถ้าลองคำนวณดูค่าลดหย่อนต่างๆตีประมาณ 80,000บาท+ 150,000 บาท หาร 12เดือน = คนมีรายได้ 19,166 บาทต่อเดือน ไม่ต้องเสียภาษี คนเงินเดือนระดับนี้คือ คนจน ใช่ไหม? ตามข่าวเหมือนดูดี แต่ลองคิดดีๆ มนุษย์เงินเดือนที่เสียภาษีระดับต่ำๆโดนอีกแล้ว หาทางเก็บภาษีกับแม่ค้าขายไก่ปิ้ง ที่รายได้เท่าๆกับผู้จัดการฝ่ายบางบริษัทให้ได้ก่อนเถอะครับ ถึงจะเป็นธรรม กับทุกคน เห็นด้วยว่า VAT เป็นการไปตามเก็บภาษีกับแม่ค้าขายไก่ปิ้งครับ แต่เผอิญมันตามเก็บผมซ้ำไปด้วยนี่ซิ แก้ไขเมื่อ 26 ก.พ. 54 09:41:19 จากคุณ : บ้านกลางสวน เขียนเมื่อ : 26 ก.พ. 54 09:33:10

ความคิดเห็นที่ 17 ไทย-อังกฤษ VS ไทย-มอนเตรเนโกร จากคุณ : natureZ เขียนเมื่อ : 26 ก.พ. 54 09:36:06

ความคิดเห็นที่ 18 ถ้าจริง คนที่มีเงินเดือนสูงๆ โดนอีกแล้ว  และคนที่ลาออกจากงานที่ยังไม่เกษียณ จากเงิน Provident Fund ก็จะโดน ภาษีหนัก ขึ้นไปอีก จากคุณ : K'DUS เขียนเมื่อ : 26 ก.พ. 54 11:15:17

ความคิดเห็นที่ 19 เหอะๆ พูดตรงๆนะ คนรวยยังไงเขาก็เลี่ยงได้ครับ แต่คนชั้นกลางที่จะขึ้นไปรวยนี่สิ ลำบาก ยิ่งสูงยิ่งหนาว สรุป เป็นคนชั้นกลางต่อดีกว่า อืมมม หรือจะแกล้งจนดี จะได้เสียภาษีน้อยลง จากคุณ : ความรักฉันคือเธอ เขียนเมื่อ : 26 ก.พ. 54 13:36:43

ความคิดเห็นที่ 20 คิดว่า  ไอ้หักค่าใช้จ่าย 60,000 ต่อปี  เมื่อไรจะเพิ่มค่ะ จากคุณ : Worthog เขียนเมื่อ : 26 ก.พ. 54 14:03:11

ความคิดเห็นที่ 21 หลายท่านไม่พอใจขึ้นภาษี  แต่อยากบอกว่า เงินทุกใบ  ที่ดินที่คุณ บ้านคุณ ทุกอย่างเป็นของรัฐทั้งนั้น  เพียงแต่ให้คุณยืมมาใช้ได้ จากคุณ : starbless เขียนเมื่อ : 27 ก.พ. 54 22:10:01

ความคิดเห็นที่ 22 ชนชั้นกลาง ดูดความเจริญ เข้าหาตัว มากกว่าชนชั้นล่าง ไม่แปลก ที่เขาจะเอาภาษีหนักกว่า ลองคิดเล่นๆ ย่านเศรษฐกิจ,ย่านธุรกิจ ระบบสาธารณูปโภคเพียบพร้อม รถไฟฟ้าในเมือง,รถใต้ดินในเมือง,สายโทรศัพท์,อินเตอร์เน็ตความเร็วสูง,Wifi,Hotspot,สะพาน,เสาไฟฟ้าอย่างดี,น้ำไฟที่แทบไม่เคยดับเลยเป็นเวลาหลายปี เดินไปปากซอย ก็มีเซเว่น,มีห้าง,มีเธค,มีบาร์ ฯลฯ สะพานลอยบางที ยังมีสายพานเลื่อนให้ ยืนเฉยๆ ไม่ต้องเดินเลยว่ะ ไม่เชื่อ ไปดูแถวหน้า มาคิงคองสิ ในขณะที่ บางคน ไฟจะใช้ ยังไม่มี น้ำขอไปเป็นปีๆ ก็ไม่มาทำให้ อินเตอร์เน็ต รถไฟฟ้า รถไฟใต้ดิน เหอๆ อย่าไปพูดเลยครับ ขอแค่ทำถนนราดยางมะตอยให้ ก็ดีใจตายห่ะแล้ว แล้วยังจะมาเก็บภาษี คนมีได้รับสิ่งอำนวยความสะดวกน้อยกว่า ให้เท่ากับคนที่ได้ระบบสาธารณูปโภคครบถ้วนกว่า ได้อย่างไร ในเมื่อเงินส่วนใหญ่ กลับถมมาให้ แต่คนที่เจริญกว่า ทั้งหมด... แทนที่จะไปเกลี่ย ให้คนที่ได้รับโอกาส ด้อยกว่า ผมว่า...คนที่ไม่ได้รับความเจริญ เหมือนคนชั้นกลาง ในกรุงเทพฯ ต้องมาเสียภาษี กับพวกที่ได้รับประโยชน์มากกว่า คิดแบบนี้ มันนิ่มไปหน่อย ครับ จากคุณ : จาน ชาม ช้อน ส้อม เขียนเมื่อ : 27 ก.พ. 54 22:47:46

ความคิดเห็นที่ 23 เราว่า VAT และภาษีบริโภคบนสิ่งจำเป็น เป็นภาษีที่ทำลายความเท่าเทียมมากที่สุด เพราะสิ่งจำเป็น เช่น อาหาร คนรวยคนจนจ่ายเท่ากัน แต่คนจนรายได้ร้อยกว่าคนรวย เมื่อเทียบเป็นเปอร์เซ็นต์แล้ว คนจนจ่าย%มากกว่า ภาษีแบบนี้จึงเป็น “คนรวยเสียน้อย-คนจนเสียมาก" หรือภาษีถดทอย Regressive Tax http://en.wikipedia.org/wiki/Regressive_tax อยากให้บริโภคมากเสียภาษีมากบริโภคน้อยเสียภาษีน้อย มันควรเป็นภาษีสินค้าฟุ่มเฟือยมากกว่า ข่าวเก่าที่เกี่ยวกับคุณกรณ์ครับ http://topicstock.pantip.com/social/topicstock/2010/01/U8770840/U8770840.html อีกกระทู้ "ภาษีที่ยุติธรรมอย่างยิ่ง มีเหตุผล และ กระจายตัวอย่างชอบธรรม" http://www.pantip.com/cafe/social/topic/U10228017/U10228017.html จากคุณ : Spetsnaz เขียนเมื่อ : 1 มี.ค. 54 00:08:23

ความคิดเห็นที่ 24 หักค่าใช้จ่ายได้ ๓๐๐๐๐ ต่อปี เมื่อไรจะปรับขึ้นละครับ จากคุณ : Aeykun เขียนเมื่อ : 3 มี.ค. 54 01:42:19

ความคิดเห็นที่ 25 รัฐบาลจะปรับปรุงภาษีก็ควรจะพิจารณาเรื่อง หลักการลดการขาดดุลงบประมาณ ของ Stiglitz ที่ปรึกษาพิเศษฟรีของท่านนายกฯ อภิสิทธิ์ ด้วยครับ ที่ http://bbznet.com/scripts2/view.php?user=tangnamo&board=1&id=405&c=1 ที่จริงมันก็เหมือน ๆ กันกับหลักการทำงบประมาณนั่นเอง จากคุณ : สุธน หิญ เขียนเมื่อ : 3 มี.ค. 54 10:58:08

ความคิดเห็นที่ 26 หลักการลดการขาดดุลงบประมาณ ข่าวจาก http://www.progress.org/2010/irishsvt.htm รายงานว่า Joseph E. Stiglitz นักเศรษฐศาสตร์รางวัลโนเบล อดีตหัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ธนาคารโลก และผู้แต่งทฤษฎีบทเฮนรี จอร์จ ซึ่งแสดงว่าการโยธาสาธารณะ (public works) สามารถจะเลี้ยงตนเองได้ ได้แถลงข่าวที่กรุงวอชิงตัน เสนอให้เก็บ "Henry George tax" จากทรัพยากรธรรมชาติทั้งหมด เพื่อให้ได้ค่าเช่า 100 % โดยเขาได้เขียนสิ่งที่พูดในเอกสารทำงานเรื่อง “หลักการและหัวเรื่องย่อสำหรับการลดการขาดดุล” (Principles and Guidelines for Deficit Reduction) ในฐานะหัวหน้านักเศรษฐศาสตร์สถาบันโรสเวลต์ (Roosevelt Institute) ที่นิวยอร์ก ลง 2 ธ.ค. 2010 เอกสารนี้มี 9 หน้า ดูได้ที่ http://www.newdeal20.org/wp-content/uploads/2010/12/principles-and-guidelines-for-deficit-reduction.pdf ผมคงไม่ต้องพูดว่ามีเรื่องดี ๆ ที่ควรรู้อยู่มาก ก็สติ๊กลิตซ์ได้รางวัลโนเบลมาแล้วนี่ครับ และยังมาบรรยายในเมืองไทยเมื่อราวปีหนึ่งมาแล้วด้วยในฐานะที่ปรึกษาพิเศษ (ฟรี) ของนายกฯ ของไทย ขอเอามาพูดเฉพาะเรื่องที่ไม่ค่อยมีคนพูดแต่สำคัญมากดีกว่า สั้น ๆ ครับ ปัญหาความเหลื่อมล้ำ คนจนคนรวย มีกันแทบทุกประเทศ เพราะอิทธิพลของคนชั้นนำซึ่งเป็นเจ้าของที่ดินรายใหญ่ ๆ กลาง ๆ ทำให้ที่ดินไม่เป็นสมบัติของส่วนรวม หรือไม่ถูกเก็บภาษีสูง ๆ ตามที่ควรจะเป็น แม้ในสหรัฐอเมริกาก็ไม่เว้น สติ๊กลิตซ์จึงได้กล่าวไว้ในหน้า 5 ว่า “หลักการภาษีทั่วไปข้อหนึ่งคือควรเก็บภาษีจากปัจจัยที่อุปทานไม่มีความยืดหยุ่น เพราะจะไม่มีผลร้ายด้านอุปทาน ที่ดินไม่หายไปเมื่อถูกเก็บภาษี เฮนรี จอร์จ บุคคลหัวก้าวหน้าผู้ยิ่งใหญ่แห่งปลายศตวรรษที่ 19 พยายามอธิบายเหตุผลสนับสนุนให้เก็บภาษีที่ดินก็เพราะเหตุนี้ด้วย แต่น่าเสียใจ แทนที่จะทำตามนี้ สหรัฐฯ กลับทำตรงข้าม โดยปฏิบัติต่อกำไรส่วนทุนอย่างดีพิเศษ “แต่ไม่ใช่มีเพียงที่ดินที่อุปทานมีความยืดหยุ่นต่ำ ทรัพยากรธรรมชาติอื่น ๆ ที่อาจถูกใช้หมดสิ้นไปได้ก็เป็นเช่นเดียวกัน ...” ในหน้า 1-2 มี หลักการข้อหนึ่งที่เป็นแก่น คือ ที่ส่วนต้นของรายการปฏิรูปจะเป็นมาตรการทั้งหลายที่เพิ่มทั้งประสิทธิภาพและความเที่ยงธรรม (equity) ส่วนที่รับไม่ได้คือมาตรการที่ลดประสิทธิภาพและความเที่ยงธรรม เก็บภาษีจากสิ่งเลว ๆ  (เช่น มลภาวะ) ดีกว่าเก็บจากสิ่งดี ๆ (เช่น งาน) ความยั่งยืนทางเศรษฐกิจต้องอาศัยความยั่งยืนทางสิ่งแวดล้อม หลักผู้ก่อมลพิษเป็นผู้จ่าย - ทำให้ผู้ก่อมลพิษชดเชยค่าใช้จ่ายที่เขาทำให้ผู้อื่นต้องจ่าย – เป็นผลดีแก่ทั้งประสิทธิภาพและความเที่ยงธรรม ไม่ควรมีการเพิ่มภาระภาษีแก่กลุ่มผู้ที่ยากจนที่สุด การเลิกแจกจ่ายสินทรัพย์ที่เป็นของสาธารณะเป็นวิธีลดการขาดดุลที่มีประสิทธิภาพและเป็นธรรม ขอเสริมว่า John Kenneth Galbraith (ค.ศ. 1908-2006) นักเศรษฐศาสตร์ผู้มีชื่อเสียงได้กล่าวไว้ในหนังสือ The Affluent Society ว่าถ้ามีการเก็บภาษีเท่ากับมูลค่าการใช้อสังหาริมทรัพย์รายปีโดยไม่รวมสิ่งปรับปรุง ซึ่งจะทำให้ไม่มีรายได้สุทธิ และดังนั้นก็จะไม่มีมูลค่าทุนของอสังหาริมทรัพย์ ความเจริญก้าวหน้าจะเป็นไปอย่างมีระเบียบ และผลแห่งความเจริญจะแบ่งออกไปอย่างชอบธรรมครับ (จาก http://www.earthsharing.org.au/2006/09/15/orderly-progress-fair-shares/ ) จากคุณ : สุธน หิญ เขียนเมื่อ : 7 มี.ค. 54 11:18:13

ความคิดเห็นที่ 27 คนหนีภาษีโดนประนาม คนกักตุนที่ดินไม่ จากคุณ : Spetsnaz เขียนเมื่อ : 7 มี.ค. 54 17:10:39

ความคิดเห็นที่ 28 ภาษีมูลค่าเพิ่ม ยิ่งของแพงยิ่งจัดเก็บได้เยอะ แต่ถ้าเป็นของจำเป็น คนใช้จ่ายเดือดร้อน เงินเฟ้ออีก แถมภาษีน้ำมัน ที่เป็นต้นทุนค่าขนส่งสินค้าต่างๆ อีกด้วย แก้ไขเมื่อ 12 มี.ค. 54 20:20:10 แก้ไขเมื่อ 12 มี.ค. 54 20:18:20 จากคุณ : Spetsnaz เขียนเมื่อ : 12 มี.ค. 54 20:14:48