ความคิดเห็นที่ 1 เก็บเงินไปเรื่อยๆ รอซื้อตอนที่ราคามันตกลงมาแรงๆครับ (ต่ำกว่า 30 บาท) รับรองว่าได้กำไรแน่ๆครับ จากคุณ : Papiruz เขียนเมื่อ : 26 ก.พ. 54 07:19:31

ความคิดเห็นที่ 2 หุ้นกิจการดี  ในราคาที่ไม่ใช่ครับ จขกท.  ต้องประเมินนะครับว่าหุ้นที่ซื้อถูกหรือแพงไปหรือยัง จากคุณ : เจ้าชายชาเย็น เขียนเมื่อ : 26 ก.พ. 54 07:30:12

ความคิดเห็นที่ 3 ความเห็นต่อไปนี้เป็นความเห็นส่วนตัวเท่านั้น ทั้ง CPALL และ CPF ยังไม่ควรเข้าตอนนี้  เพราะทิศทางระยะสั้นยังไม่ชัดเจน  น่าจะรอสักหนึ่งสัปดาห์  หรือรอดูประมาณปลายสัปดาห์หน้าอีกครั้ง  แต่ถ้าเงินเย็นจริงๆและอยากลองเสี่ยงก็ทำได้เลย  ควรเช็คเงินปันผลที่กำลังจะจ่ายกับราคาที่จะซื้อก่อนด้วย จากคุณ : Healer เขียนเมื่อ : 26 ก.พ. 54 07:36:47

ความคิดเห็นที่ 4 ตอนนี้ทำงานประจำด้วย ที่ทำงานเล่นเน็ตไม่ได้ ประชุมประมาณ 30% ของเวลางาน ถ้าจะซื้อขายหุ้น ควรมีทำยังไงคะ จากคุณ : yataable เขียนเมื่อ : 26 ก.พ. 54 07:47:09

ความคิดเห็นที่ 5 ลองซื้อแบบ DCA ดูซิครับ จากคุณ : โตนปลิว เขียนเมื่อ : 26 ก.พ. 54 08:15:52

ความคิดเห็นที่ 6 เรื่องเล่นเน็ตไม่ได้คงไม่ใช่ปัญหาสูงสุด ปกติตั้งซื้อข้ามวันได้ถ้าเราตั้งหลังตลาดปิด ปัญหาคือความรู้ CPALL นั้นเป็นกิจการที่ดี แต่ถ้าหวังปันผลก็น้อยมากเพราะราคาปัจจุบันเป็นราคา+ความคาดหวังของตลาดแล้ว ปันผลที่ได้กับราคาที่จ่ายจึงน้อย ถ้าจะลง 20000 ก็แล้วแต่คุณครับ ลงไม่เยอะถ้าขาดทุนก็ไม่มาก ถือว่าได้ลงสนามจริงเป็นการเรียนรู้ที่ดีที่สุด แต่ถ้าให้ว่ากันตรงๆคุณยังรู้จักตลาดน้อยเกินไป ยังไงถ้าอยากอยู่ในนี้นานๆก็ต้องตั้งใจศึกษาด้วย จากคุณ : Mr. Prodigy เขียนเมื่อ : 26 ก.พ. 54 08:20:29

ความคิดเห็นที่ 7 หุ้นดี  ที่ราคาแพงแล้ว จากคุณ : NAI-A SIKHIU เขียนเมื่อ : 26 ก.พ. 54 08:21:06

ความคิดเห็นที่ 8 ซื้อกองทุนรวมสิครับ จากคุณ : diabloth เขียนเมื่อ : 26 ก.พ. 54 08:28:38

ความคิดเห็นที่ 9 http://www.pantip.com/cafe/sinthorn/topic/I10249452/I10249452.html#34 จากคุณ : kasimasi เขียนเมื่อ : 26 ก.พ. 54 08:50:21

ความคิดเห็นที่ 10 แจ๋วไปเรยยยย ศึกษาให้ดีๆนะครับ   เพราะ ผมคือตัวอย่างของคนที่ไม่ศึกษาให้ดีก่อนลงสนาม ผลที่ได้   คือ  ลงทุนมา จะสองปีแล้ว ขาดทุนตลอด เลย จากคุณ : ก้ามปูจอมพลัง เขียนเมื่อ : 26 ก.พ. 54 09:26:52

ความคิดเห็นที่ 11 ลองซื้อแบบ DCA ดูซิครับ  ( โตนปลิว ) เห็นด้วยครับ ตอน 13 บาท ก็คิดว่ามันแพงไปครับ เลยไม่มีจนถึงทุกวันนี้ ตอนนี้มีเกือบ 6000 สาขา  คาดว่าจะเพิ่มได้ถึง 10000 สาขา ในอนาคต น่าจะเติบโตได้อีกมาก และจะเข้าไปลงทุนใน จีนกับเวียตนามอีก ความเสี่ยงน้อย เพราะทุกคนต้องกินต้องใช้  คู่แข่งยังห่างชั้นกันมาก และไม่ได้เป็นผู้ผลิตอาหารเองอีกด้วย ลองต่อรองราคาอีกนิดครับ ตอนนี้น่าจะเป็นดอยอยู่ 32-35 น่าสนใจ ต้องลงเงินจริง ถึงจะเข้าใจได้เร็ว  และสนุกในการลงทุน มีความภูมิใจ เวลาเราเห็นกิจการที่เราลงทุนมีการเติบโต จากคุณ : tuli เขียนเมื่อ : 26 ก.พ. 54 09:37:23

ความคิดเห็นที่ 12 ลงทุนกับหุ้นตัวไหนก็ดีทั้งนั้นแหละครับ ลุ้นดีว่าจะกำไรหรือขาดทุน เพราะราคาหุ้น ไม่ใช่แค่เรื่องของเงินปันผล แต่ยังมีปัจจัยอื่นๆ อีกมากมาย ยกตัวอย่างเช่น ในภาวะกาณณ์ปกติ น้ำมันพืชราคา 38 บาท วางเต็ม shelf ที่บ้านคุณ yataable ก็มีอยู่แล้ว 1 ขวด จะซื้อไหมครับ น้ำมันพืชราคา 38 บาท ในภาวะผิดปกติ ราคาน้ำมันพืช 47 บาท แต่หาซื้อของไม่ได้ ที่บ้านคุณ yataable ก็มีอยู่แล้ว 1 ขวด จะหาซื้อไหมครับ ถ้ามีคนเอามาขายในราคา 55 บาท เช่นกัน ราคาหุ้น CPALL ราคา 39 บาทต่อหุ้น กำไรต่อหุ้น 1.48 บาทต่อปี PE = 26.35 เท่า จ่ายเงินปันผล 1.40 บาทในปี 53 เพิ่มขึ้นจากปี 52 75% ประมาณ 6 ปี คุณจะได้เงินปันผลเท่ากับเงินที่คุณลงทุนไปในตอนนี้ แต่คุณบอกว่าคุณจะลงทุน 3 เดือนครั้ง ครั้งละ 5 พัน เท่ากับว่า เงินก้อนใหม่ของคุณก็ต้องรอไปอีกอย่างน้อย 6 ปีเมื่อลงทุน จึงจะได้เงินต้นคืน อีกอย่าง นี่คือการมองโลกในแง่ดี ถ้าเกิดว่า มันเข้าสู่สภาวะที่ น้ำมันพืชมันเหลือใช้ คุณว่า ราคาน้ำมันพืชขวดละ 47 บาท แพงไปไหม ควรขายที่ 38 บาทเท่าเดิมหรือเปล่า เช่นกัน ถ้าเกิดว่า 7/11 เกิดมีคู่แข่งที่ต่อกรได้ การขยายสาขาหยุดชะงัก การเติบโตไม่มี ราคาที่คุณซื้อตอนนี้ที่ 39 บาท มันแพงไปไหม หรือยังคิดว่าถูกอยู่ ถามว่า เขาดูตรงไหนว่าแพงหรือ ถูก ดูที่ ราคาหุ้น ต่อ กำไรต่อหุ้น ก็คือ ค่า P/E นั่นเอง ราคาหุ้น 39 บาท แต่ทำกำไรต่อหุ้น 1.48 บาท ถ้ามองว่า ความสามารถในการทำกำไรคงที่ เท่ากับว่า ต้องรอไปถึง 26 ปีกว่าๆ จึงจะได้เงินต้นคืนมา ดังนั้น ที่ถามว่าลงทุน CPALL เพื่อกินเงินปันผล ดีไหม คุณตั้งคำถาม แบบนี้ แสดงว่า คุณไม่ได้รู้อะไรเกี่ยวกับกิจการนี้เลย ก็ขอตอบว่า ไม่ดี ที่ไม่ดี เพราะคุณไม่ได้ศึกษาหุ้นตัวนี้อย่างจริงๆ จังๆ หวังแค่น้ำซึมบ่อทราย ถ้าน้ำนั่นคือ โอเอซิส คุณรวย แต่ถ้ามันคือ ทรายดูด คุณขาดทุน ครับ จากคุณ : เตร็ดเตร่ เขียนเมื่อ : 26 ก.พ. 54 10:38:57

ความคิดเห็นที่ 13 ประเด็นหลักคือ อยากรู้ด้วยการลอง ค่ะ กำไรจนรวยหรือเงินปันผลนั้นไม่ใช่ประเด็นหลัก แต่ก็คิดว่า ซื้อหุ้นที่มีปัญผลก็น่าจะดีกว่าไม่มีเลย ซื้อหุ้นที่กิจการไปได้ดี ค้าขายดี ระบบรองรับดี เห็นได้ชัด ไม่มีคู่แข่ง ก็น่าจะดีกว่า ซื้อหุ้นที่เราที่สัมผัสได้ และมีส่วนร่วมอยู่ตลอด (ซื้อแทบทุกวัน) ได้อารมณ์กว่าซื้อหุ้นบริษัทที่เราไม่ได้สัมผัสเลย หรือเรื่องไกลตัวมาก ๆ ก็เลยสนใจ CPALL ส่วนซื้อตอนไหน ราคาเท่าไหร่ เมื่อไหร่จะขาย ถูกไปหรือแพงไป ต้องศึกษาตัวมันเพิ่มค่ะ เพราะความรู้น้อยจริง ๆ ตอนนี้ก็อาศัยหาอ่านไปเรื่อย ๆ ค่ะ ทั้งเรื่องของการซื้อหุ้น และเรื่องของ CPALL ยังไงก็แนะนำด้วยนะคะ จากคุณ : yataable เขียนเมื่อ : 26 ก.พ. 54 11:17:14

ความคิดเห็นที่ 14 ซื้อหุ้นที่มีปันผลก็น่าจะดีกว่าไม่มีเลย ซื้อหุ้นที่กิจการไปได้ดี ค้าขายดี ระบบรองรับดี เห็นได้ชัด ไม่มีคู่แข่ง ก็น่าจะดีกว่า ซื้อหุ้นที่เราที่สัมผัสได้ และมีส่วนร่วมอยู่ตลอด --- ถ้าต้องการอย่างที่ว่ามา มันมีอีกหลายตัวค่ะ นอกจาก CPALL ถ้าถามว่า CPALL มันดีไหม มันดีค่ะ แต่ตอนนี้ราคามันขึ้นไปแล้วอ่ะค่ะ แล้วยิ่งไม่ได้ต้องการความตื่นเต้น หรือ ไม่ค่อยมีเวลานั่งดูราคาบ่อยๆแล้ว แนะนำให้ลองดูตัวอื่นที่มันนิ่งๆ ชัวร์ๆดีกว่าค่ะ เช่น SE-ED ฯลฯ ลองไปศึกษาข้อมูลได้ http://board.thaivi.org/viewtopic.php?f=4&t=3396&start=3390 ค่ะ ปล. เตือนด้วยความหวังดี ตอนซื้อหุ้นใหม่ๆก็คิดงี้แหละค่ะ ซื้อหุ้นถูกตัวแต่ผิดจังหวะ (ซื้อตอนราคาสูง) ตอนนี้ติดดอย แดงเลือดสาด ทั้งนั้น ไม่มีเงินมาซื้อตอนราคาลง นั่งรอปันผลลูกเดียว 5555 แก้ไขเมื่อ 26 ก.พ. 54 11:30:49 จากคุณ : น้องแมวน้อยรอคอยบนคานทอง เขียนเมื่อ : 26 ก.พ. 54 11:29:19

ความคิดเห็นที่ 15 ถ้าจะซื้อ ก็ซื้อได้ครับ แต่อย่างที่บอกว่า ราคาที่จะซื้อมันเหมาะสมหรือเปล่า ตรงนี้ ต้องศึกษาให้เยอะ เพราะ PE ย้อนหลัง มีต่ำกว่า 20 เท่าแค่ในปี 51 เท่านั้น ซึ่งราคาตอนนั้นมันแค่ 12.30 บาท แต่ถ้าชอบหุ้นที่กิจการไปได้ดี มีปันผลบ้าง ไม่มีคู่แข่ง (มีคู่แข่ง แต่ยังห่างชั้น) ผมว่ายังมีอีกหลายตัวที่เป็นแบบนั้น อย่างเช่น หุ้น ปตท PTT เป็นต้น ปตท แทบจะผูกขาดพลังงานของประเทศ อยากจะปรับราคาน้ำมันก็ทำได้ อ้างเรื่องราคาน้ำมันโลกบ้าง ราคาน้ำมันที่สิงคโปรบ้าง อ้างผู้ถือหุ้นบ้าง รัฐบาลก็หง๋อแล้ว ไม่ใช่แค่นั้น ปตท ยังทำกำไรปีละ 5-6 หมื่นล้านบาท กำไรต่อหุ้น 20 บาทอัพ PE แค่ 12.75 เท่า ที่ราคาหุ้น 343 บาท จ่ายเงินปันผลของปี 52 8.50 บาท คิดเป็น 40% ของกำไรต่อหุ้น ปี 53 น่าจะจ่าย 8.50-9 บาท จ่ายไปแล้ว 4.75 บาท คงเหลือ 4.25 บาท ซื้อ PTT ไม่ดีกว่าเหรอครับ PE ก็ต่ำกว่า ผูกขาดด้วย ปริมาณรถยนต์บนท้องถนนก็มีแต่เพิ่มขึ้น แต่เดี๋ยวก่อน ที่ผมว่ามาทั้งหมด ไม่ใช่ให้คุณเห็นคล้อยตามผม ผมยกมาเพื่อให้คุณ ศึกษา หุ้นแต่ละตัวให้ดี ก่อนที่คุณจะลงทุน ไม่ใช่แค่คิดว่าเราใช้บริการมันบ่อยๆ ก็ขอมีส่วนร่วมในการเป็นหุ้นส่วนด้วย ในสัจธรรมของชีวิต มีเกิด แก่ เจ็บ ตาย ธุรกิจทุกอย่างก็เป็นเช่นนี้ หนีไม่พ้น อย่าคิดแค่เปลือกที่เห็น แต่ต้องศึกษาให้มาก ยิ่งเราไม่มีเวลาดูหุ้น เพราะอยู่บริษัท xxx meeting everyday จำกัดแล้ว ยิ่งต้องศึกษาให้ดีก่อนลงทุน แม้จะใช้เงินไม่มาก แต่ก็เป็นเงินของเรา ชิมิ จากคุณ : เตร็ดเตร่ เขียนเมื่อ : 26 ก.พ. 54 11:42:48

ความคิดเห็นที่ 16 ซื้อเลยครับ ถ้ารอก็ไม่ได้ซื้อสักที แต่จะขาดทุนเรื่องค่าคอมก่อนราคาหุ้นแล้ว ถ้ารับได้ก็ลุยเลยครับ อีก 3 เดือนก็มาดูใหม่ว่าจะซื้อเพิ่มรึเปล่า โชคดีนะครับ จากคุณ : Mushroom Man เขียนเมื่อ : 26 ก.พ. 54 11:48:40

ความคิดเห็นที่ 17 " ประเด็นหลักคือ อยากรู้ด้วยการลอง ค่ะ กำไรจนรวยหรือเงินปันผลนั้นไม่ใช่ประเด็นหลัก " สมัยเริ่มเล่นใหม่ๆ ก็เริ่มจากวงเงินที่รับความเสี่ยงได้ 100% เอาแบบว่าเสียแล้วเครียดเล็กๆ ก็พอ  แล้วค่อยๆ ศึกษาไปก็ได้มั้งคะ ใครเล่นหุ้นก็คงเคยเสียกันทั้งนั้นแหล่ะ.. เพราะถ้าไม่ลงเงินจริง  มันไม่ได้ feel อ่ะ  ^^   จากคุณ : nusarathi เขียนเมื่อ : 26 ก.พ. 54 11:48:44

ความคิดเห็นที่ 18 จะศึกษาหุ้นตัวอื่นที่ตรงประเด็นอย่างว่าเพิ่มค่ะ ^^ จากคุณ : yataable เขียนเมื่อ : 26 ก.พ. 54 12:20:20

ความคิดเห็นที่ 19 ส่วนตัวคิดว่า 1. หุ้นนี้เป็นหุ้นเยี่ยม ผู้บริหารยอด ผลประกอบการเติบโตต่อเนื่อง  ไม่แปลกถ้าสนใจจะลงทุน 2. PE ตัวนี้ไม่มีวันลง(จนกว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงสำคัญ) เพราะความคาดหวังเติบโตต่อเนื่องยิ่งกว่าผลประกอบการ ^^ 3. ลงก่อน ศึกษาที่หลังก็ดีครับ  จะได้มี commitment ต่อตนเอง (แต่อย่าลงเยอะนะครับ)    เพิ่งเริ่มอาจจะใช้เวลา  ซื้อไว้ ติดตามดู แล้วจะรู้ว่าเมื่อไรถูก เมื่อไรแพง 4. หุ้นตัวไหนที่แน่นอนมากๆ ผลตอบแทนจะไม่มาก เพราะราคาไปสูงแล้ว ปันผลต่อราคาจะต่ำ upside ราคาก็ต่ำ    ดังนั้นต้องเล็งหุ้นที่คนอื่นไม่แน่นอนมากๆ แต่เราลดความไม่แน่นอนจากการศึกษาข้อมูลได้ 5. สุดท้าย ตลาดไม่สมบูรณ์ ไม่มีกลไกที่แน่นอนที่ราคาจะสะท้อนปัจจัยใดปัจจัยหนึ่งเสมอ แต่ปัจจัยหนึ่งที่เชื่อได้เสมอคือกำไร แหล่งที่มาของกำไร การเติบโตและยั่งยืนของกำไร   อีกประการคือต้องดูจังหวะของราคาที่สะท้อนต่อกำไรด้วย และขนาดด้วยครับ สรุป บริษัทที่มีกำไร (ถูกต้อง) V กำไรเติบโต (ถ้าเติบโตและยืนได้ เยี่ยม) V จังหวะของราคาที่สะท้อนกำไร (ราคารับเอาหรือปล่อยความคาดหวังกำไรไปแล้วหรือยัง) V ขนาดที่สะท้อนจากความคาดหวัง  (ถ้าความคาดหวังมากน้อยเกินไป จะมีการปรับตัวในภายหลัง) เพราะฉะนั้นถ้าดู CPALL ตอนนี้ตามที่่ว่า หุ้นราคานี้รับเอาความคาดหวังกำไรเติบโตล่วงหน้าไปแล้ว 3 ปี (อันนี้เดาเอาเอง) ถ้าจะได้ผลตอบแทนที่มากขึ้นจะมาจาก กำไรเติบโตมากกว่าความคาดหวังใน 3 ปี ^^ จากคุณ : วิญญาณ ความรัก ความรู้สึก เขียนเมื่อ : 26 ก.พ. 54 12:23:14

ความคิดเห็นที่ 20 ผมรออยู่ที่ 24 บาท จะมีโอกาสได้เห็นไหมหนอ จากคุณ : kasimasi เขียนเมื่อ : 26 ก.พ. 54 12:34:01

ความคิดเห็นที่ 21 ราคา 24 บาทนี่ น่าสนครับ จากคุณ : เตร็ดเตร่ เขียนเมื่อ : 26 ก.พ. 54 13:00:11

ความคิดเห็นที่ 22 ฝากไว้อีกอย่าง "จงรักการลงทุน แต่อย่ารักหุ้นที่ลงทุน" เห็นมาเยอะแล้ว พอหุ้นที่รักไม่ดีก็เข้าข้างมัน อารมณ์กับเหตุผลต้องแยกจากกันให้ได้ จากคุณ : Mr. Prodigy เขียนเมื่อ : 26 ก.พ. 54 13:31:13

ความคิดเห็นที่ 23 คุณเตร็ดเตร่ ตอบได้ถูกใจผมอย่างที่สุด ถูกต้องแล้วครับ ถ้าจะเป็นนักลงทุนที่มีโอกาสได้ผลตอบแทนที่ดีจากตลาด ควรเชื่อคุณเตร็ดเตร่ครับ เพราะเราต้องรู้ ต้องศึกษาหุ้น ศึกษาการเติบโตของธุรกิจ คู่แข่ง การทำกำไร บรรษัทภิบาล หลายอย่าง แต่ถ้ามัวแต่ศึกษา จนกว่าจะรู้ทั้งหมด ผมว่าคงนาน อย่างที่คุณ Yataable กำลังจะทำก็ดีครับ คือลงเงินสักเล็กน้อย แล้วศึกษาคู่ขนานกันไป เลือกหุ้นราคานิ่ง ๆ ปันผลค่อนข้างสม่ำเสมอ ไม่ค่อยหวือหว่าไปก่อน ก็ได้ สำหรับผม รู้ตัวว่าไม่เก่งครับ กราฟก็ดูไม่เป็น แต่ผมเป็นคนที่กล้าขายตัดขาดทุน สบายมาก เลยยึดแนวทางการลงทุนแบบ DSM ครับ เลือกหุ้นที่วิเคราะห์แล้วว่าดี มีโอกาสทำกำไรได้ต่อเนื่อง ยิ่งมองว่าค่อนข้างผูกขาดยิ่งดี ปันผลถ้าทีถือเป็นของแถมที่ดี ถ้าไม่แน่ใจให้เลือกจาก Set 50 ก็ได้ แล้วอยู่กับมันไปตลอด สะสมหุ้นไปเรื่อย ๆ แต่เหมือนกับคุณ Mr.Prodigy คือรักที่จะลงทุน แต่ไม่จำเป็นต้องรักหุ้นที่ลงทุน (ถ้าวิเคราะห์แล้วมันไม่ดี ก็เปลี่ยน) ในพอร์ทผม หุ้น CPALL ก็มี CPF ก็มี ราคามีตั้งแต่เป็นเลขหลักเดียวทั้งคู่ แต่ทยอยขายและซื้อมาเรื่อยๆ ครับ  ปัจจุบันก็ยังขาย และซื้ออยู่เรื่อย ๆ ครับ ไม่ว่าหุ้นจะขึ้นหรือตก มีความสุขตลอดครับ แนวทางผมสะสมจำนวนหุ้นครับ จากคุณ : จรัลฯ เขียนเมื่อ : 26 ก.พ. 54 14:11:03

ความคิดเห็นที่ 24 ไม่ดีครับ ยังแพงอยู่ รอให้ตลาดตกหนัก มีการทุบหุ้นครั้งใหญ่ก่อน ค่อยเข้าไปทยอยสะสมจะดีกว่า อย่างคราวที่แล้วลงมาเต็มที่ประมาณ32บาท ใครมือไม่ไวใจไม่ถึงก็อด ー　ー ー　ー 　く 　－ จากคุณ : baby_naked เขียนเมื่อ : 26 ก.พ. 54 15:27:57

ความคิดเห็นที่ 25 ซื้อ TUF ดีกว่า ฮ่าๆ ลงมาเยอะพอสมควร จากคุณ : dearlo เขียนเมื่อ : 26 ก.พ. 54 19:25:23

ความคิดเห็นที่ 26 ผมซื้อตั้งแต่ 14 บาทมั๊ง ก็ทยอยซื้อเรื่อย ผมว่าธุรกิจเค้าเข้าใจไม่ยากอ่ะ พื้นที่ในไทยก็ยังมีเขตพัฒนาได้อีกมากเรื่่อยๆๆๆ     ยิ่งสาขามากต้นทุนการบริหารก็ยิ่งถูก ยิ่งกำไร จากคุณ : eak1111 เขียนเมื่อ : 26 ก.พ. 54 20:06:37

ความคิดเห็นที่ 27 กำไร บางทีก็เป็นตัววัดไม่ได้ครับ ว่าบริษัทนั้นดีหรือไม่ บางบริษัทที่กำไรปีนี้มาก  อาจแย่กว่าอีกบริษัทที่ปีนี้ ขาดทุนก็ได้ครับ   ทั้งนี้ทั้งนั้นนโยบาย บัญชีที่สำคัญจะบอกคุณได้  ตัวอย่างเช่น มีการเปลี่ยน แปลงนโยบายบัญชีที่สำคัญเช่น อาจมีการรับรู้กำไร หรือ ขาดทุน ที่ไม่ใช่ จากการดำเนินงานในรอบนั้นๆครับ จากคุณ : H-vichaiyut เขียนเมื่อ : 26 ก.พ. 54 23:34:53

ความคิดเห็นที่ 28 ถ้าจะเริ่มต้นเล่นหุ้นกับ CPALL จะดีมั๊ยคะ +แรกๆเล่นตัวที่พีอีน้อยๆดีกว่าครับ  เด๋วจะท้อซะเปล่าๆ จากคุณ : สี่คูณสอง เขียนเมื่อ : 27 ก.พ. 54 01:41:41