ความคิดเห็นที่ 1 ขอตอบหัวกระทู้แล้วกัน คิดว่าต้องรอคนที่มีหุ้นอยู่ขาย  รอจังหวะดี ๆ เพราะส่วนมากก็ไม่ค่อยมีใครขาย บางคนอยากขายแต่หาคนซื้อไม่ได้ ก็ลองซื้อย่อย ๆ ก่อนดีไหม อาจจะพอได้อยู่บ้าง จากคุณ : ArpatAnthakan เขียนเมื่อ : 26 ก.พ. 54 13:52:19

ความคิดเห็นที่ 2 q : จะซื้อหุ้นที่มีสภาพคล่องต่ำๆมากๆได้อย่างไร ในจำนวนมากๆครั้งเดียว a : เคาะขวาที่ราคาชิลลิ่ง และวางบิดทิ้งไว้ ... มีโอกาสได้ของครบในครั้งเดียว แต่ว่า ... พูดเล่น นะครับ จากคุณ : สมาร์ท อินเวสเทอร์ เขียนเมื่อ : 26 ก.พ. 54 13:53:35

ความคิดเห็นที่ 3 q : มีใครไหมครับ ทีลงทุนแบบผันผวนยิ่งกว่าตลาดโดยไม่สนใจเงินในพอร์ตของตนเอง a : ไม่มีใครทำอย่างนั้นหรอกครับ ... ถ้าทำ มันเหมือนเป็นการดูถูกเงินของตนเอง จากคุณ : สมาร์ท อินเวสเทอร์ เขียนเมื่อ : 26 ก.พ. 54 13:57:20

ความคิดเห็นที่ 4 ผมอ่านรู้เรื่องแต่หัวข้อกระทู้พี่ฮะ .. เนื้อหากระทู้ตอนปลายๆ ผมอ่านไม่รู้เรื่อง จากคุณ : Duckcovery เขียนเมื่อ : 26 ก.พ. 54 13:58:33

ความคิดเห็นที่ 5 จริงๆ คุณตั้งซื้อแพงๆ เด๋วก็มีคนขายให้คุณครับ ส่วนมาก หุ้นที่สภาพคล่องน้อยๆ คือมันเป็นหุ้นดี  คนก็ซื้อเก็บยาวๆกันหมด  หรือไม่มันก็ไม่ดี แล้วลงมาแรงมากๆจนคนถือ ไม่ยอมขายขาดทุนอีกแล้ว ซึ่งไม่ว่ากรณีไหน  ถ้าราคาไล่ขึ้นแรงมากๆ ผมก็เห็นสภาพคล่องมันก็มากันทุกตัวแหละครับ จากคุณ : ป้อม (Bgate) เขียนเมื่อ : 26 ก.พ. 54 14:01:49

ความคิดเห็นที่ 6 ซื้อทุกราคา โดยเฉพาะฝั่งที่เสนอขาย สำหรับรายย่อยทำได้เพียงเท่านี้ จากคุณ : superman2007 เขียนเมื่อ : 26 ก.พ. 54 14:07:53

ความคิดเห็นที่ 7 จีบลูกสาวผู้ถือหุ้นใหญ่ให้ติด แล้วขอซื้อหุ้นต่อ ตามจำนวนที่ต้องการ จากคุณ : ฮิมาวาริซซัง เขียนเมื่อ : 26 ก.พ. 54 14:35:21

ความคิดเห็นที่ 8 เคยปรึกษาน้องมาร์เหมือนกัน คงต้องลองไปตั้ง Big Lot ดูครับ ผมเคยเหมือนกัน จะซื้อแบบเป็นผู้ถือหุ้น > 0.5% ไปเลย แต่คิดไปคิดมา ไม่เอาดีกว่า กลัวบทจะขาย ขายไม่ได้ (จริงๆ แล้วซื้อก็ไม่ได้คิดจะขายหรอก แต่แค่เผื่อไว้ครับ) http://www.muegao.blogspot.com พื้นฐานความรู้ บทความเกี่ยวกับ หุ้น การเงิน การลงทุน ธุรกิจ โดย มือเก่าหัดขับ จากคุณ : มือเก่าหัดขับ เขียนเมื่อ : 26 ก.พ. 54 15:24:24

ความคิดเห็นที่ 9 ของดีเขาไม่ขายถูกๆกันหรอก หุ้นมันก็เลยขาดสภาพคล่อง หุ้นแบบนี้มีเยอะ WACOAL TF WG SAUCE ฯลฯ อย่างมากก็มีให้ซื้อราคาละ200-300หุ้น แถมยังราคากระโดดอีกต่างหาก-*- เวลาขายก็เหมือนกัน คนรับซื้อมันก็เคี่ยวพอกัน กดราคาลงไปตั้งหลายช่อง คุณดูMETCOก็ได้ หลังXDร่วงเป็นใบไม้ร่วง ปันผลปีนี้ตั้ง17บาท(ปีที่แล้วๆมาก็จ่ายโอเคนะ) ถ้าคนถือหุ้นไม่ใจถึงแบบดร.นิเวศน์คงปากสั่นไปแล้ว คนซื้อกดราคาแล้วกดราคาอีก คนขายก็ดันยอมขายซะงั้น(หุ้นดีๆจะขายขาดทุนทำเพื่อ?)ราคาร่วงลงมาเยอะกว่าปันผล อย่างน่าเกลียด โวลุ่มน้อย แต่กดราคากันได้ใจ gapที่เปิดไว้สงสัยต้องรอขาขึ้นรอบหน้า ถึงจะมีปัญญากลับไปที่เดิม ถ้าหลุด190บาทลงมาจริงๆ(หรือเยอะกว่านั้นยิ่งดี) ผมจะเริ่มทยอยเก็บแล้ว เอาติดพอร์ทไว้กินปันผลงวดหน้า ปล.อาจารย์ผมเคยเคาะขวาOISHIหมด5แถวมาแล้วภายในวันเดียว แต่เรื่องมันนานมาแล้วนะ ー　ー ー　ー 　く 　－ จากคุณ : baby_naked เขียนเมื่อ : 26 ก.พ. 54 15:40:26

ความคิดเห็นที่ 10 ถ้าไม่คิดปั่นราคา ทำไมต้องซื้อครั้งละมาก ๆ ค่อย ๆ ซื้อง่ายกว่า ได้ราคาน่าจะถูกว่า แต่..... เวลาขายซิน่าปวดหัว จากคุณ : ถังไม้ เขียนเมื่อ : 26 ก.พ. 54 15:42:01

ความคิดเห็นที่ 11 "หุ้นที่มีสภาพคล่องต่ำมากๆ" หากมองเผินๆอาจจะเหมือน หรือคล้ายๆกันทุกตัว แต่ข้อเท็จจริง คือ "ไม่เหมือนกัน!!!" นะครับ บางตัวอาจมีคนคุมราคาอยู่ บางตัวไม่มี บางตัวเราซื้อแล้วราคาขึ้นได้ บางตัวเราซื้อแล้ว จะคอยมีคนโยนของออกมาให้ตลอด แม้ว่าราคาขึ้นไปได้ เดี๋ยวราคาก็จะตกต่ำลงมา เสมือนมีคนจ้องขาย หรือพยายามกดดันราคาอยู่ไม่ให้ราคาปรับตัวสูงขึ้นไป คุณต้องมองให้ออกว่าเป็นแบบไหน? แต่ปัญหาคือ เรามองไม่ออกอ่ะดิ เพราะมันไม่มีสภาพคล่อง ไม่มีคนซื้อขาย เราจึงเห็นนิสัยหุ้นได้ยาก ดังนั้นเราต้อง Test ด้วย "การลงมือซื้อเอง" ซื้อไป สังเกตุไป ซื้อไป แล้วมองว่า มีคนโยนไม้ใหญ่ๆให้เราไหม ซื้อไป แล้วมองไปว่า "ทุ่นนี้...มีคนคุมหรือเปล่า?" หรือว่ามีเพียงเฉพาะนักลงทุนจริงๆ คนขายเพราะร้อนเงิน คนขายเพราะได้กำไรพอสมควร มันแตกต่างกับ คนขายเพราะจ้องจะขาย จ้องจะปล่อยไม้ใหญ่ Feedback Time หรือ Response Time ของผู้ขายจะบอกเราได้มาก ว่ามีคนคุมราคาอยู่หรือไม่? เวลาที่เราลุยซื้อ กับเวลาที่มันจะตอบโต้เรากลับ ตรงนี้พอจะเป็นข้อสังเกตได้ครับ ถ้ามีคนคุมอยู่ Response Time จะเร็วมาก เพราะมันคืออาชีพของเค้า เค้านั่งเฝ้าหน้าจออยู่ตลอดเวลา ถ้าหุ้นดี เราซื้อแล้วราคาจะขึ้น แล้วจะไม่ตกกลับลงมา แต่ถ้าซื้อแล้วไม่ขึ้น หรือซื้อแล้วมีสวนราคาลง อันนี้ต้องระวังให้มากครับ แต่สำหรับผม... ถ้าเจอหุ้นดี ผมจะค่อยๆซื้อ แบบมีจังหวะจะโคน (ส่วนมากผมจะปิดเกมส์ภายใน 1 - 3 วัน ขึ้นกับสภาพคล่องว่าต่ำเฉยๆ หรือต่ำมากๆๆๆๆๆๆ) ซื้อแล้วหยุดบ้าง ซื้อแบบ "รวบยกไม้" บ้าง ซื้อทีเดียวแบบ "รวบหลายช่อง" ให้คนตกใจบ้าง ซื้อแล้วพัก และแกล้ง "บิดรอ" เป็นระยะๆบ้าง ผ่านไปซักระยะ... แกล้งเอาหุ้นที่ซื้อได้ ไปออฟเฟอร์หลอกให้คนคายของออกมาบ้าง พอจังหวะดีๆ ก็ถอดออฟเฟอร์ออก แล้วซื้อรวบอีกที แต่สุดท้าย มักจะจบด้วยดันถึงราคาซิลลิ่ง ตรงนั้นเราจะได้ของเยอะมาก หลอกล่อในเบื้องต้น อย่าทำให้ซิลลิ่งค้างด้วยจำนวนหุ้นมากๆ ปล่อยให้มันหลุดลิ่งลงมาบ้าง ต้นทุนเราจะถูกลง แล้วไม้สุดท้าย คือดันให้ซิลลิ่งค้าง ตรงเฟสนี้เราจะสามารถเก็บของให้เต็มที่ครับผม ตอบจากประสบการณ์นะ ทำมาหลายครั้งแล้วเหมือนกัน ถ้าเจอหุ้นดี ขาดทุนยาก แต่ถ้าเจอหุ้นไม่ดี ตัวใครตัวมันนะครับ!!! จำไว้ว่า... นี่คือเรื่องของ Demand และ Supply ล้วนๆเลยนะครับ ของดีๆ ไม่มีคนปล่อยให้คุณง่ายๆหรอกครับ แต่ถ้าคุณได้มันมาง่ายๆ คุณคิดว่า มันจะดีแน่หรือ? แก้ไขเมื่อ 26 ก.พ. 54 16:42:41 แก้ไขเมื่อ 26 ก.พ. 54 16:30:36 แก้ไขเมื่อ 26 ก.พ. 54 16:28:01 จากคุณ : Bata (Again-With-Love) เขียนเมื่อ : 26 ก.พ. 54 16:24:11

ความคิดเห็นที่ 12 ปล. ความเห็นข้างบนของผม เป็นเรื่องของพฤติกรรมของหุ้น แต่ก่อนจะซื้อ อย่าลืมทำการบ้านให้ดีก่อนนะครับ งบการเงิน , 56-1 , P/BV , PE Ratio ทั้งในอดีตปัจจบัน และอนาคต , กลยุทธ์ของบริษัท , CEO และผู้บริหาร ,ธรรมาภิบาล ,เรื่องของ Brand ,เรื่องลูกค้า ,ข่าวและเหตุการณ์ที่จะเข้ามากระทบบริษัทฯ" ดูให้ครบทั้งปัจจัยภายใน และปัจจัยภายนอกนะครับ ลากซี้ซั๊ว เจ๊งได้นะครับ ถ้าลากถูกตัว >> รวย แต่ถ้ารู้ว่าลากผิดตัว ไปเจอตอเข้าให้ >> ต้องรู้จัก Cut Loss ให้เป็นนะครับ ขาดทุนก็ต้องยอม อย่าฝืนเด็ดขาด!!! Comment ต่อไป จะเป็นประสบการณ์การลากราคาของผมนะครับ v v v จากคุณ : Bata (Again-With-Love) เขียนเมื่อ : 26 ก.พ. 54 16:41:34

ความคิดเห็นที่ 13 ครั้งที่ 1 ลากแล้วเจ๊งครับ แต่ผมไม่ขอเอ่ยชื่อหุ้นนะครับ เพราะปัจจุบันเค้าก็ยังซื้อขายกันอยู่ พอซื้อเข้าไปปุ๊บ สัมผัสได้ทันทีเลยครับว่า "เจอตอเลยตรู!!!" เจ้าตัวบักเอ๊กเลนย ศึกษานิสัยกันอยู่ประมาณสัปดาห์นึงมั้งครับ ผมเดาเองว่า มีเจ้าคุม แล้วเค้ากดราคาอยู่ ผมไม่ชอบครับ เลยคัทลอสทิ้ง เจ๊งไป 50,000 กว่าบาทมั้งครับ (^_^) จากคุณ : Bata (Again-With-Love) เขียนเมื่อ : 26 ก.พ. 54 16:58:39

ความคิดเห็นที่ 14 ผมเริ่มเล่นหุ้นด้วยเงิน 400,000 บาท ทำงานมาสิบกว่าปี ก็เก็บได้เท่านี้อ่ะนะ ลากครั้งแรก เจ๊งไป 50,000 บาท แอบเหงื่อตกอยู่เหมือนกัน 555+ จึงกำเงินที่เหลือ 350,000 เข้าสู่สงครามครั้งต่อไป ครั้งที่ 2 สมรภูมิรองเท้าบาจา ใช่ครับ... เกมส์นี้ ผมปิดเกมส์ในเวลา 3 วัน 2 วันแรก ศึกษานิสัย เก็บของไปเรื่อยๆ เริ่มต้น... ลุยซื้อวันแรกเมื่อวันที่ 22 กค. 52 ซื้อของได้ 35% ราคาเฉลี่ย 4.50 บาท พอวันที่สอง 23 กค. 52 เก็บของเพิ่มได้อีก 25% ราคาเฉลี่ย 4.70 บาท พอวันที่สาม 24 กค. 52 วันนี้ดันซิลลิ่งที่ 6.30 บาทครับ เก็บของได้มากที่สุด คือ 40% จบสามวันของการลุยซื้อ ซื้อไปมือสั่นไป ไม่มีบิดใดๆมารองรับ สิ่งเดียวที่จะรองรับผมได้ คือ ผลประกอบการ และความสามารถในการ Turnaround ของบริษัทฯ ของที่ได้มาทั้งหมดต้นทุนน่าจะประมาณ 5 บาทต้นๆครับ!!! ทุกครั้งที่ผลประกอบการดี จะมีคนมาซื้อเพิ่มทำให้ราคาสูงขึ้นเสมอ ทุ่นนี้...ไม่มีคนคุม มีแต่เพียงนักลงทุนด้วยกันทั้งนั้น ซื้อยาก และก็อาจจะขายยากว่า!!! อย่างที่ผมบอกครับ ไม่มีบิดรองรับ ผลประกอบการเท่านั้นที่จะรองรับเรา เราพึ่งใครไม่ได้จริงๆครับ นอกจากการทำการบ้านของเราเอง ถือมา 6  เดือน ราคาพุ่งไปเกิน 10 บาท เราเองก็คอยซื้อตลอดทางนะ แต่ซื้อน้อยแล้ว พอเข้าเดือนที่ 7 บริษัทฯประกาศขอทำ Tender Offer ออกจากตลาดโดยสมัครใจ ที่ราคาประมาณ 17.50 บาท งานนี้กำไรไปห้าแสนกว่าบาทมั้งครับ และนี่คือขุมกำลังแรก...ของความฝันที่จะเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัทดีๆในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยครับผม แก้ไขเมื่อ 26 ก.พ. 54 18:12:13 จากคุณ : Bata (Again-With-Love) เขียนเมื่อ : 26 ก.พ. 54 17:11:47

ความคิดเห็นที่ 15 ถามว่า... ปฏิบัติการณ์เช่นนี้ ไม่กลัว กลต. หรือ??? ตอบตรงๆครับ ว่า... ผมแฟร์ๆเสมอครับ!!! มีพอร์ตเดียว เล่นคนเดียว ไม่มีก๊วน ไม่มีการโยนหุ้นกันเอง (เพราะซื้อขายอยู่คนเดียวตลอดเวลา) อาจจะทำตัวเหมือน Maket Maker บ้าง แต่ผม ตรงไปตรงมา ซื้อขายอยู่บนสิ่งที่วิญญูชนพึงกระทำ เพื่อผลประโยชน์ของตนเอง โดยไม่เอาเปรียบผู้อื่น!!! ถ้ามีเงิน 3 แสนกว่าบาท แล้วสามารถโดนข้อหาปั่นหุ้นได้ มันคงจะน่าอายไปทั่วโลกนะครับ ว่าไหม? 555+ สรุปว่า ผมไม่เคยกังวลในเรื่องนี้ครับ (แม้จะมีโดยเตือนมาบ้าง ผ่านโบรคเกอร์ ซึ่งผมรับฟังคำตักเตอน และปรับปรุงการซื้อขายให้ดียิ่งขึ้นตลอดมา เช่นเรื่องการใช้ ATO และ ATC) เพราะผม สุจริตใจครับ "อยากได้...ก็ซื้อ" ง่ายๆ แค่นั้นเอง แก้ไขเมื่อ 26 ก.พ. 54 17:19:30 จากคุณ : Bata (Again-With-Love) เขียนเมื่อ : 26 ก.พ. 54 17:18:07

ความคิดเห็นที่ 16 ครั้งที่ 3 ไม่ขอเอ่ยชื่อหุ้นนะครับ ต้องบอกว่า สภาพคล่องต่ำมากๆๆๆๆ Test ซื้อดูแล้ว ไม่มีคนคุมครับ นักลงทุนล้วนๆ สำหรับผมแล้ว มันคือ หุ้นเทพ!!! ฉันต้องเก็บให้ได้ ปฏิบัติการณ์จึงเริ่มขึ้น ครั้งนี้สามารถปิดเกมส์ได้ภายใน 2 วันครับ เพราะสภาพคล่องต่ำกว่าตัวที่แล้ว วันแรก ลุยซื้อเข้าไป มีคนขายให้ประปราย แต่น้อยมาก จึงต้องดันถึงราคาซิลลิ่งภายในวันแรกเลย ผลลัพธ์ดีครับ ได้ของมา 50% ของที่เราต้องการ เปิดราคาแรกที่ 4 บาทกว่าๆ แล้วดันราคาไปซิลลิ่งที่ 5.85 บาทเลยในวันแรก ส่วนต้นทุนเฉลี่ย ไม่น่าจะเกิน 5.50 บาทนะครับ วันที่สอง พอมันปิดลิ่ง วันรุ่งขึ้น งานเข้าครับ คนตามมาขายกระจาย เพราะคนพวกนี้ไม่ได้เฝ้าหุ้นครับ ตกเย็นรู้ว่า หุ้นซิลลิ่ง เช้าอีกวัน เลยเอามาขาย ผมรับได้อีก 50% ของจำนวนที่ต้องการ และสามารถทำราคาให้ปิดได้ที่ 5.95 บาท รวมทุนเฉลี่ยทั้งพอร์ต ไม่น่าเกิน 5.7 บาท ถือมาปีกว่าๆ ได้ปันผลมาชิวล์ๆ และราคา ณ ปัจจุบัน 20 บาทถ้วน!!! งานนี้รับทรัพย์เต็มๆ ทำให้ความฝันใกล้เป็นจริงได้มากขึ้น สำหรับตัวนี้ ผมมีการปรับพอร์ตพอสมควร ขายออกไปก่อน แล้วกลับมาซื้อคืน โดยเมื่อขายออกไป ก็นำเงินนั้นไปเข้าตัวอื่นที่ Return สูงกว่า พอกำไรแล้ว ก็นำกลับมาซื้อตัวเดิม อันนี้ก็ต้องยอมรับกันตรงๆ แต่มันก็ไม่ได้ผิดกติกาใดๆอ่ะนะครับ งานนี้กำไรไปประมาณ 1.5 ล้านบาทครับ (^_^) จากคุณ : Bata (Again-With-Love) เขียนเมื่อ : 26 ก.พ. 54 17:28:18

ความคิดเห็นที่ 17 ครั้งที่ 4 ความลับ ยังไม่ขอเปิดเผยรายละเอียดใดๆ แต่บอกได้เลยว่า น่าตื่นเต้นที่สุด!!! เพราะครั้งนี้ หุ้นสภาพคล่องสูงมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ และเกิด "ภาพซ้อน" ครับผม!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!! ภาพซ้อนในที่นี้คือ... ภาพระหว่าง "พื้นฐานกิจการ" และ"การเก็งกำไรอย่างรุนแรง" ใช่ครับ งานนี้มีเจ้ามือครับ เจ้ามือคนนี้ เก่ง เจ๋ง ข่าวไว มือโปร โหด หลอกล่อเก่ง ขนาดข้อมูลเราแน่นๆ บางทียังออกอาการเป๋ไปเหมือนกันครับ ไอ้ "ภาพซ้อน" นี้แหล่ะครับ เล่นยากที่สุด มันงงอ่ะนะ ระหว่าง "ภาพแห่งความเป็นจริง" กับ "ภาพลวงตา" เจ้ามันก็เก่งโครตๆ เล่นกับ "ความโลภ" และ "ความกลัว" ของเราตลอดเวลา ต้องยกนิ้วให้!!! 2 ปีแห่งการทุ่มเทให้กับหุ้น Turnaround ของผม วันที่ 3 มีค. นี้ จะเป็นวันเกิดของผม ผมให้ของขวัญกับตัวเองด้วยการได้เป็น "ผู้ถือหุ้นใหญ่จำนวน 2 บริษัทฯ" แลกมาด้วย การออม , การประหยัด , การอดทนไม่ซื้อของฟุ่มเฟือย และการทำการบ้านอย่างหนักตลอด 2 ปีที่ผ่านมา ตลอดเส้นทางนั้น... เงินเดือนผมใช้อย่างประหยัดมากๆ โบนัสไม่เคยเอามาใช้เลย โดยนำเงินมาซื้อสะสมหุ้นตลอดทุกๆเดือน ผมไม่ใช่ "เซียน" แต่ผมแค่เป็นคนที่มี "ความฝัน" ก็เท่านั้นเอง และเมื่อคนเรามีความฝัน มันจะผลักดันตัวเองทุกอย่างเพื่อให้เราก้าวไปสู่ความฝันนั้น แม้ว่าผมจะเริ่มต้นเล่นหุ้นด้วยเงินประมาณ 3 - 4 แสนบาท และเอามาเติมตลอดทาง บวกยืมเงินคนอื่นมาบ้าง ตลอดเกือบ 2 ปีที่ผ่านมา สรุปว่าทุนทั้งพอร์ตของผม(เงินตัวเอง+เงินคนอื่น) อยู่ที่ 1.5 ล้านบาท วันนี้ ความฝันแรกๆของผมเป็นจริงแล้วครับ ต้น เม.ย. นี้ ปิดสมุดเมื่อไหร่ ผมก็จะมีชื่อทั้งสองบริษัทฯ (ถือเกิน 0.5% ขึ้นไป) ว่าแต่สองบริษัทฯนี้ งบยังไม่ออกมานะครับ จะให้รออีกนานแค่ไหนเด้อจ้า (^_^) แก้ไขเมื่อ 26 ก.พ. 54 17:51:13 แก้ไขเมื่อ 26 ก.พ. 54 17:43:50 จากคุณ : Bata (Again-With-Love) เขียนเมื่อ : 26 ก.พ. 54 17:38:29

ความคิดเห็นที่ 18 ขอโทษ จขกท. นะครับ ที่ผมเขียนนอกเรื่องพาออกทะเลไปมาก และอาจจะพูดเรื่องส่วนตัวมากเกินไป อารมณ์มันพาไปอ่ะนะครับ 555+ แต่ก็หวังว่า ประสบการณ์เล็กๆของผม จะเป็นตัวอย่างในการซื้อหุ้นสภาพคล่องต่ำได้บ้าง ไม่โกรธกันนะครับ รอฟังท่านอื่นแชร์มุมมองต่อไปครับผม (^_^) ปล. อ่านกระทู้นี้จบ คนรู้เลยว่า ทำไมผมถึงใช้ชื่อว่า "Bata" ก็เพราะมันเป็นจุดเริ่มต้น ที่ทำให้ความฝันของผมเป็นจริงอ่ะนะครับ จากคุณ : Bata (Again-With-Love) เขียนเมื่อ : 26 ก.พ. 54 17:49:24

ความคิดเห็นที่ 19 คุณ Bata แนวทางของคุณตรงกับที่ผมติดไว้ ผมพึ่งเริ่มเล่นได้ไม่กี่เดือนทะยอยสะสมไปเรื่อยๆ ในหุ้นของกิน สินค้าฟุ่มเฟือยที่คนต้องใช้ พลังงานบ้าง แต่มีไม่กี่ร้อยหุ้นของแต่ละบริษัท ทยอยเก็บออมไปเรื่อยๆ ค่ากินใช้จ่ายในแต่ละวันออมอย่างสุดๆ ผมดีใจครับที่แนวความคิดนี้มีคนทำสำเร็จไว้แล้ว แม้อาจจะมีปัจจัยอย่างอื่นใช้หนุนด้วยก็ค่อยๆศึกษาไป ผมเริ่มจากเงินลงทุน สามหมื่นบาท ได้กำไรมาเพียง 20% เงินสดมีในมือแต่ไม่กล้าลงสนามรบหมดเพราะข้อมูงความรู้ยังไม่แน่น ผมดีใจจริงๆครับที่ความคิดในความฝันของผม มคนทำสำเร็จไว้แล้ว จากคุณ : นักกฏหมายเล่นหุ้น (ลุยกันโลด) เขียนเมื่อ : 26 ก.พ. 54 18:08:55

ความคิดเห็นที่ 20 "ความฝัน"...คือ "ธงที่เราปักไว้" แค่ "เทคนิค" คือ "ตัวแคทตาไลส์" ที่ทำให้ความฝันเราเป็นจริงได้เร็วขึ้นอ่ะนะครับ มาถึงคำถามที่ 2 ของ จขกท. แท้จริงแล้ว... ตลาดหุ้น ช่างคาดเดาง่ายเหลือเกิน เพราะมันเป็นเรื่องของปัจจัยพื้นฐาน และ Deamnd&Supply ตรงไปตรงมา แต่...!!! ทุกอย่างมันยากขึ้น เพราะ... มีการเก็งกำไรเกิดขึ้น (Speculator) และที่สำคัญ มันดันมี Inside Trader และการเอาเปรียบกันต่างๆนาๆของรายใหญ่ หรือที่เราเรียกๆกันว่า "เจ้ามือ" เมื่อเกิดภาพซ้อนเข้ามา จึงทำให้ทุกอย่างยากเย็นขึ้นมากๆๆๆๆๆ เพราะเราแยกไม่ออกว่า... อะไรคือภาพจริง อะไรคือภาพลวงตา ถ้าอะไรที่ดีกับเรา...เราก็ชอบอุปโลกว่า เป็นภาพจริง อะไรไม่ดีกับเรา...เราก็ชอบอนุมานว่าเป็นภาพลวงตา ระยะสั้น เดี๋ยวมันก็ดีขึ้นเอง และเมื่อเรามองเกมส์ไม่ขาด เราจะตกอยู่ในอันตรายครับ "การวิเคราะห์ที่ดี และจุดยืนที่เหมาะสม" เท่านั้น ที่จะทำให้เรายืนอยู่กลางสมรภูมินี้ได้ คุณต้องกำหนดราคาเป้าหมายในใจคุณให้ได้ ส่วนวิธีการ เทคนิคใคร เทคนิคมันครับผม (^_^) ปล. เป็นกำลังใจให้กันและกันนะครับ คุณ นักกฏหมายเล่นหุ้น (ลุยกันโลด) "ความฝันไม่เคยทำร้ายใคร จึงไม่มีเหตุผลใดๆ ที่เราจะไปทำลายความฝัน" จากคุณ : Bata (Again-With-Love) เขียนเมื่อ : 26 ก.พ. 54 18:22:27

ความคิดเห็นที่ 21 สมมติว่าคุณจะซื้อเยอะมากๆๆๆๆจริงๆ ต้องให้โบรคเกอร์ช่วยจัดการให้ทั้งซื้อและขายครับ ในกรณีที่ไม่ต้องการให้ราคาหุ้นเปลี่ยนแปลงเร็วเกินไปนะครับ ส่วนตัวผมไม่เคยเดาตลาดนะครับ และไม่เคยทำอะไรแบบที่จขกท.ถาม ได้แต่ซื้อแล้วถือยาวๆ ตั้งแต่ลงทุนมาเกือบ 2 ปี เพิ่งเคยขายไปครั้งเดียวเองครับ จากคุณ : Papiruz เขียนเมื่อ : 26 ก.พ. 54 18:38:04

ความคิดเห็นที่ 22 Again-With-Love สุดยอด จากคุณ : แม่น้องอะตอม เขียนเมื่อ : 26 ก.พ. 54 19:33:48

ความคิดเห็นที่ 23 คุณ bata สุดยอดมาก ดันหุ้นราคาซิงริ่ง ไม่กัวคนคุม เข้าโยนหน้าหงายไปเรยเหรอคับ ทุบๆๆๆจนแบน น่ะ จากคุณ : LBB1 เขียนเมื่อ : 26 ก.พ. 54 20:16:48

ความคิดเห็นที่ 24 เมื่อตอนบ่ายเห็นกระทู้นี้แล้วก็นึกถึงคุณ Bata (Again-With-Love) ขึ้นมาทันทีเลย แล้วคุณก็มาจริงๆ ได้ความรู้ดีๆจากคุณ Bata  อีกแล้ว ขอบคุณทัั้งคนถาม และคนตอบ แต่อยากรู้จัง ภาพซ้อน ที่ว่านี่คือตัวไหนกัน จากคุณ : bullfrog เขียนเมื่อ : 26 ก.พ. 54 21:01:18

ความคิดเห็นที่ 25 ตัวที่สามราคา  20 บาทนี่ใช่ SNC หรือเปล่าหว่า อิอิ จากคุณ : Blahz -_-' เขียนเมื่อ : 26 ก.พ. 54 23:34:06

ความคิดเห็นที่ 26 ท่าน again with love ครับ ท่านมีเวลาทำแบบนี้ แสดงว่ามีเวลามาก หรือเป็นนักลงทุน เต็มตัวใช่ไหมครับ  ขอชื่นชมด้วยใจ ที่มาแชประสบการณ์ จากคุณ : K'DUS เขียนเมื่อ : 27 ก.พ. 54 10:27:04

ความคิดเห็นที่ 27 ครั้งที่ 4 นี่ก็หุ้นรองเท้าอีก ใช่ปะ จากคุณ : apivus เขียนเมื่อ : 27 ก.พ. 54 11:24:56

ความคิดเห็นที่ 28 ^^^ ความคิดเห็นที่ 25 น่าจะเป็น nc จากคุณ : completer เขียนเมื่อ : 27 ก.พ. 54 11:46:03

ความคิดเห็นที่ 29 ขอบคุณในประสบการณ์ที่แบ่งปันให้ครับ จะเซฟไว้อ่านอย่างละเอียดช้าๆครับ จากคุณ : koknam เขียนเมื่อ : 27 ก.พ. 54 12:16:46

ความคิดเห็นที่ 30 มีคำถามนึงที่ผมสงสัยอีกครับ ในกรณีที่บริษัทโบรกเกอร์ของเราเจ๊ง หุ้นในพอร์ต เงินในพอร์ตที่ยังเหลืออยู่ จะพบกับชะตากรรมแบบไหนครับ จากคุณ : koknam เขียนเมื่อ : 27 ก.พ. 54 12:19:36

ความคิดเห็นที่ 31 ^ ^ หุ้นไม่เป็นอะไรสักอย่าง แต่เงินสดรู้สึกจะมีหน่วยงานที่คุ้มครองให้1ล้านบาท ถ้าโบรกนั้นเป็นสมาชิกอ่ะนะ วงเงินเกินกว่านั้นไปฟ้องร้องเอาเอง แต่ว่าถึงจะคุ้มครองก็แค่บัญชีเดียว!! ดังนั้น เก็บไว้เป็นหุ้นดีที่สุดแล้ว ー　ー ー　ー 　く 　－ จากคุณ : baby_naked เขียนเมื่อ : 27 ก.พ. 54 12:24:39

ความคิดเห็นที่ 32 bata สุดยอดครับเงินแต่สามสี่แสนนี้ก็สามารถ เข้ามาทำราคาหุ้นได้ด้วยหรือ ผมคิดมาตลอดว่าพวกเจ้าที่เข้ามาทำราคานี้ตัวเล็กสุดก็ต้องใช้เงินไม่น่าจะต่ำกว่าสิบล้าน จากคุณ : seafrog เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 54 08:55:47