ความคิดเห็นที่ 1 ยกตัวอย่างเช่นบริษัทนี้กำหนดนโยบายการจ่ายปันผลไว้ว่า " ไม่ต่ำกว่าร้อยละ 50 ของกำไรสุทธิหลังหักภาษีเงินได้นิติบุคคล (โดยมีเงื่อนไขเพิ่มเติม) " แต่สองปีที่ผ่านมา บริษัทจ่ายปันผล 100% ให้กับผู้ถือหุ้น (น่าจะรวมถึงอนาคตข้างหน้าด้วย) จากคุณ : คนจนที่อยากรวย เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 54 17:08:53

ความคิดเห็นที่ 3 ถ้าจ่ายปันผลทั้ง 100% แสดงว่าธุรกิจนั้น เจ้าของค่อนข้างมั่นใจว่า ไม่ต้องสำรองไว้เผื่อสถานการณ์ฉุกเฉิน(ประมาณว่า หายืมได้ ใครๆก็อยากให้ยืม และมั่นใจว่าหาเงินกู้ต้นทุนต่ำได้) ไม่ต้องขยายงาน น่าจะเป็นธุรกิจ pure monopoly (ผุกขาด) ปล. ผมเดานะ อย่าเชื่อผมมาก จากคุณ : clientuser เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 54 18:04:21

ความคิดเห็นที่ 4 เชื่อครึ่งนึงครับ อีกครึ่งนึงเก็บไว้รอเชื่อความเห็นด้านล่าง อิอิ จากคุณ : คนจนที่อยากรวย เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 54 18:13:26

ความคิดเห็นที่ 5 บริษัทที่ดี จะต้องมีการบำรุงรักษา สินทรัพย์ที่ เป็นตัวสร้างรายได้ให้กับ บริษัท ถ้าจ่ายปันผลอย่างเดียว โดยไม่มีเงิน มาบำรุงรักษา สินทรัพย์เดิม หรือไม่มีการขยายงานเพิ่ม คาดว่า บริษัทนั้นอาจประสบปัญหาได้ใน อนาคต เพราะเครื่องจักร ก็ต้องมีการเสื่อมสภาพ หรือ อาคารก็ต้องมีการดูแลรักษา จากคุณ : Queues (Queues) เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 54 18:18:48

ความคิดเห็นที่ 6 ^ ค่าเสื่อมคิดอยู่ในต้นทุนทางบัญชีอยู่แล้วครับ จากคุณ : the_architect เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 54 18:28:14

ความคิดเห็นที่ 7 บริษัทนี้ มีเงินสดเพิ่มขึ้นทุกปี หากนับปีล่าสุด ขาดอีกเพียง 156 ลบ. ก็จะครอบคลุมกับหนี้สิน(ระยะสั้น)ที่บริษัทมีทั้งหมด แนวโน้มของกำไรสะสมเพิ่มขึ้นเกือบทุกปี และงบกระแสเงินสดจากกิจกรรมดำเนินงานเป็นบวก อย่างต่อเนื่อง ส่วนใหญ่เงินสดหายไป จากการจ่ายเงินปันผลเป็นหลัก (กระแสเงินสดจากกิจกรรมจัดหาเงิน) ครับ อย่างนี้ไม่รู้ว่าจะเรียกว่าเป็นบริษัทที่ดีได้ไหม ? แก้ไขเมื่อ 28 ก.พ. 54 18:43:56 จากคุณ : คนจนที่อยากรวย เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 54 18:31:01

ความคิดเห็นที่ 8 ไม่ชอบครับ เหตุเพราะหากได้กำไรมาแล้วไม่เอาไปลงทุน ไม่เอาไปจ่ายหนี้ (ถ้ามี) ผมว่าบริษัทคิดสั้นไม่คิดยาวเท่าไหร่ โดยส่วนตัวคิดว่าปันสัก 50% ก็พอ ถ้ามีรายการลงทุนขอสัก 30% ไอ้ที่กำไรแล้วไม่ปันเลยก็เกินไปนิด จากคุณ : Mr. Prodigy เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 54 18:38:15

ความคิดเห็นที่ 9 เคยติดตามข่าว ผู้บริหารได้ให้สัมภาษณ์ไว้ว่า ในปี 54 จะมีการตั้งบริษัทร่วมทุน เพื่อขยายฐานธุรกิจโดยใช้เงินสดที่บริษัทมีอยู่ (ไม่ต้องกู้เงินเพิ่ม) รวมถึงมีการขยายงานอีกด้วย ก็เลยงงว่า ทำไมผู้บริหารถึงตัดสินใจจ่ายปันผล 100% ของกำไรสุทธิ ? แก้ไขเมื่อ 28 ก.พ. 54 18:56:54 จากคุณ : คนจนที่อยากรวย เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 54 18:52:00

ความคิดเห็นที่ 10 ข้อเสีย ที่อาจเป็นไปได้คือ 1. บริษัทไม่มีแผนการขยายการลงทุน หรือ บริษัท ถึงจุดอิ่มตัวแล้ว การเติบโตมีจำกัด 2. ดูความสามารถในการทำกำไรที่เพิ่มมาเป็นกำไรพิเศษ หรือ กำไรปกติ ถ้าเป็นกำไรพิเศษ ก็ต้องดู ก่อนมั๊งครับว่าได้จากอะไร ถ้าเป็นกำไรปกติก็ต้องระวังว่าเป็นหุ้นวัฏจักรหรือเปล่า กำไรจะได้สม่ำเสมอทุกปี หรือไม่ ปันผลจะได้ทุกปี หรือ ไม่ 3. มีการออก esop มากน้อยอย่างไร Free Float เป็นอย่างไร เพราะ อาจเป็นเหตุผลที่ทำให้จ่ายปันผลเป็นจำนวนมาก จากคุณ : BearsManU76ers เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 54 19:00:03

ความคิดเห็นที่ 11 ลองดูผู้ถือหุ้นใหญ่ว่าใครถือบ้างและถืออยู่มากไหมครับ ^^" ึิคิดเล่นๆว่าเค้าอาจจะอยากได้ปันผลเยอะๆเหมือนผู้ถือหุ้นทั่วไปเหมือนกันครับ ปล.แต่เข้าใจว่า ผบ.บางคนก็ไม่ชอบให้ปันผลเยอะ เพราะต้องรับภาระภาษีเยอะขึ้นตามมาด้วย จากคุณ : มิ่งกลิ้ง เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 54 19:07:11

ความคิดเห็นที่ 12 #10 1. ในปี54 บริษัทนี้มีการตั้งบริษัทร่วมทุน และมีการขยายการลงทุนด้วยครับ 2. กำไรที่ได้มา ผมย้อนกลับไปดูที่งบกระแสเงินสดจากกิจกรรมดำเนินงานแล้วพบว่าไม่มีกำไรพิเศษแต่อย่างใด    2.1 โดยส่วนตัวคิดว่าไม่น่าจะใช่หุ้นวัฏจักรนะครับ 3. esop มีมากหรือไม่ จุดนี้ผมไม่แน่ใจ แต่เช็คดูแล้วบริษัทมี (% Free float) 48.08   ครับ แก้ไขเมื่อ 28 ก.พ. 54 19:14:16 จากคุณ : คนจนที่อยากรวย เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 54 19:07:18

ความคิดเห็นที่ 13 ขอดูงบกำไรขาดทุนหน่อยสิครับ จากคุณ : จิ้งจกเขียว เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 54 19:17:55

ความคิดเห็นที่ 14 จุดประสงค์ของกระทู้นี้คือ ผมอยากทราบความเห็นของเพื่อนๆ พี่ๆ โดยเราจะตัดชื่อหุ้นออกไป เพื่อให้เกิดความเป็นกลางในการแสดงความเห็นน่ะครับ งบกำไรขาดทุนตามคำขอ ปีนี้บริษัทมีรายได้เติบโตเทียบจากปีก่อน 10.4% ในขณะที่กำไรสุทธิเติบโต 23% ครับ แก้ไขเมื่อ 28 ก.พ. 54 19:28:54 แก้ไขเมื่อ 28 ก.พ. 54 19:26:33 จากคุณ : คนจนที่อยากรวย เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 54 19:22:43

ความคิดเห็นที่ 15 โดยปกติ บริษัทฯจำเป็นต้องกันกำไรส่วนหนึ่งไว้เพื่อขยายงาน ดูจากงบกระแสเงินสด ผมคาดว่า เงินสดส่วนใหญ่ นำมาจ่ายเป็นเงินปันผล ส่วนเงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสดคงสะสมมาหลายปีแล้ว ผมจึงอยากดูงบกำไรขาดทุนเพื่อดูยอดขายครับ จากคุณ : จิ้งจกเขียว เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 54 19:24:40

ความคิดเห็นที่ 16 ผมถึงได้สงสัยไงครับ ว่าผู้บริหารมีเหตุผลอะไรถึงจ่ายปันผล 100% เงินปันผลที่จ่าย หลักๆต้องมาจากกำไรที่ได้ ซึ่งส่วนหนึ่งจะถูกนำมาแบ่งจ่ายเป็นเงินปันผล หากไม่มีการลงทุนเพิ่ม กำไรที่เหลือจึงจะถูกยกรวมไว้ที่กำไรสะสม ความเสี่ยงจะไม่เกิด(หรือลดลง) หากบริษัทสามารถทำกำไรเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง แต่ผมก็ยังงงอยู่ดี เพราะถ้าบริษัทจ่ายปันผลทั้งหมดของกำไรที่ได้ นั่นก็คือกำไรสะสมก็จะตรึงตัว ??? คือผมกำลังมองไปข้างหน้า 3-5 ปีน่ะครับ เลยเกิดข้อสงสัย จากคุณ : คนจนที่อยากรวย เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 54 19:34:26

ความคิดเห็นที่ 17 เท่าที่ดู 1. รายได้เพิ่มประมาณ 10 เปอร์เซนต์ (ปี 53 เทียบกันปี 52) อันนี้ต้องเทียบกับการเติบโตของตลาด ถ้าประมาณพอๆกันก็ถือว่าใช้ได้ครับ 2. กำไรขั้นต้น 12.8 เปอร์เซนต์ (น้อยไปสักหน่อย แต่อาจเป็นลักษณะของผลิตภัณฑ์ โดยเฉพาะกลุ่มซื้อมาขายไป) 3. กำไรสุทธิเพิ่มขึ้นประมาณ 23 เปอร์เซนต์ ผมคาดคะเนว่า ผลิตภัณฑ์ของบริษัทนี้ เวลาต้องการเพิ่มยอดขายอาจไม่ต้องใช้เงินลงทุนที่มากมายนัก เช่น มีลักษณะซื้อมาขายไป หรือ อะไรทำนองนั้น 4. ผมไม่รู้ว่า ผลิตภัณฑ์คืออะไร แต่ถ้าเป็นของที่ผู้คนต้องกินต้องใช้ประจำวันแล้ว น่าสนใจครับ ถ้าราคาที่นายตลาดเสนอมา ไม่แพงเกินไปนัก PER น้อยกว่า 10 ก็โอเคนะ ส่วนอื่น เช่น งบดุล งบกระแสเงินสด ดูดีครับ จากคุณ : จิ้งจกเขียว เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 54 19:41:31

ความคิดเห็นที่ 18 ถ้ากำไรเติบโต เฉลี่ยปีละ 23 % ถ้าถือไว้ 10 ปี ราคาหุ้นน่าจะไป 8 เด้งครับ ถ้าผลิตภัณฑ์ยังเป็นที่ต้องการของตลาดนะครับ จากคุณ : จิ้งจกเขียว เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 54 19:46:28

ความคิดเห็นที่ 19 ถ้าคิดจากราคาปัจจุบันกับ eps ปีล่าสุด p/e ที่ได้ มากกว่า10 แต่น้อยกว่า 15 ครับ จากคุณ : คนจนที่อยากรวย เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 54 19:46:54

ความคิดเห็นที่ 20 บริษัทที่จ่ายปันผล 100% ต่อเนื่องทุกปี แล้วยังได้ผลตอบแทนเป็นเด้ง(อีก) คิดว่าคงไม่มีบริษัทนี้ ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(มั้งครับ) จากคุณ : คนจนที่อยากรวย เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 54 19:50:53

ความคิดเห็นที่ 21 PEG = 15/23 = 0.65 คุณคนจนฯ พอใจราคาที่นายตลาดเสนอมาหรือเปล่าล่ะ จากคุณ : จิ้งจกเขียว เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 54 19:51:18

ความคิดเห็นที่ 23 PEG ผมจะพิจารณาการเติบโตของกำไรสุทธิครับ ไม่ได้เทียบรายได้ครับ และที่ PEG ที่เท่ากัน ให้เลือก Growth ที่สูงจะดีครับ จากคุณ : จิ้งจกเขียว เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 54 20:08:06

ความคิดเห็นที่ 24 บริษัทนี้เป็นบริษัทที่ขายสินค้าที่จำเป็นสำหรับสังคมสมัยใหม่ ได้ตังเป็นเงินสดเข้ามาก่อน แล้วอีกหลายสิบวันให้หลังจึงเอาตังไปจ่ายค่าของที่รับมาขาย กระแสเงินสดจึงเป็นบวกอยู่ตลอดเวลา ด้วยความที่การขยายงานไม่จำเป็นต้องใช้เงินเยอะมาก การเปิดสาขาใหม่ ก็แค่เช่าที่ แต่งหน้าร้าน วางอุปกรณ์นิดหน่อย เอาสินค้ามาวางก็ขายได้แล้ว กระแสเงินสดที่มีอยู่จึงเพียงพอ ต่อการขยายสาขาตามแผนงานที่วางไว้ หรือการร่วมทุนขยายกิจการในอนาคตอยู่แล้ว ก็ไม่ได้จำเป็นต้องกันกำไรเอาไว้เพื่อใช้ในการขยายงาน ปันผลมา 100 % ก็นับว่าเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับทุกฝ่าย รวมทั้งผมด้วย แก้ไขเมื่อ 28 ก.พ. 54 20:35:09 จากคุณ : gongort2 เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 54 20:32:43

ความคิดเห็นที่ 26 Hontoudesuka ? Gongort2-san จากคุณ : คนจนที่อยากรวย เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 54 20:53:39

ความคิดเห็นที่ 27 เคยเห็นโปรเจ็คขนาดใหญ่ ประมาณเรียกว่า เมกะอะไรสักอย่าง เมื่อหลายปีก่อน แล้วด้วยความที่เศรษฐกิจไม่เอื้ออำนวย ก็เลยพับไป ต่อมาผมไม่เคยเห็นโปรเจ็คนี้ขึ้นมาอีกเลย อาจจะมองแล้วว่าขนาดร้านค้าที่ใหญ่เกินไป ไม่ได้มีผลดีต่อการขายสินค้าเหล่านี้ (อันนี้เดาล้วนๆ นะครับ) ส่วนกระแสเงินสด แต่ก่อนมากกว่านี้อีกครับ ปี 49-50 แถวๆ 300-400 ล้าน นี่ขนาดว่าปีที่แล้วเอาไปเปิดสาขาเพิ่มแล้ว ยังเหลือติดบวก กำไรเท่าไหร่ ปันผลมาหมดนะ ดีแล้ว แก้ไขเมื่อ 28 ก.พ. 54 21:30:25 จากคุณ : gongort2 เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 54 21:04:52

ความคิดเห็นที่ 28 ก็มี CSL อีกตัวที่น่าศึกษาที่ปันผลเยอะมาก และเหมือนว่าจะมากกว่าำกำไรเสียอีก แฟนๆ แถวนี้ก็เยอะมากด้วย คุณฯรวย น่าจะเอามาปะดู ผมไม่เคยดูงบละเอียดนะครับ (จะว่าไปจริงๆ ก็ไม่เคยดูงบละเอียดสักตัว) คิดว่าโดยเนื้อหาน่าจะต่างจากตัวนี้อยู่บ้าง เพื่อนที่เก่งๆ จะได้ออกความเห็นกันว่า เหมือนหรือต่าง ดีหรือไม่ดีอย่างไร แก้ไขเมื่อ 28 ก.พ. 54 21:15:22 จากคุณ : gongort2 เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 54 21:14:49

ความคิดเห็นที่ 29 เป็นประเด็นที่น่าถกคิดครับ อิอิ จากคุณ : แฟน รพ เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 54 22:10:06

ความคิดเห็นที่ 30 คิดอะไรก็บอกกันมั่งสิคุณปู่ อิอิ จากคุณ : LittleSue (คนจนที่อยากรวย) เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 54 22:20:28

ความคิดเห็นที่ 31 สวัสดีครับคุณ คนจน(ไม่จริ๊งงง ไม่จริง)... ขอบคุณนะครับที่ไปตามมาจากหลังบ้าน โดยส่วนตัว ผมไม่ค่อยชอบบริษัทที่จ่ายปันผลหมด เหลือเงินติดมือไว้นิดหน่อย จ่าย 80-90% ก็ไม่น่าเกลียดหรอก ยกเว้น เงินสดในมือเกินพอแล้ว ไม่รู้จะเก็บเพิ่มไปทำไมให้ ผถห ด่า ก็เลยจ่ายออกมาทั้งหมด ซึ่งก็ดูว่าท่าทางจะเป็นอย่างที่บอกนี้ บริษัทบางประเภท ซื้อมา ขายไป แถมได้เงินเชื่อ ขายเงินสด และ/หรือ จัดอยู่ในกลุ่มบริษัทให้บริการ พวกนี้ไม่ต้องใช้เงินมากในการซื้อเครื่องจักร อุปกรณ์ อาคาร ฯลฯ ทำให้ไม่จำเป็นต้องกันเงินสำรองไว้มาก กันแค่เพียงส่วนหนึ่งก็พอแล้ว เงินมาก ไม่ใช้ทำประโยชน์ ก็เกิดปัญหาอีกนะครับ จากคุณ : มือเก่าหัดขับ เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 54 22:30:57

ความคิดเห็นที่ 32 คห.30 - หลานซู อยากรู้ไหมว่าปู่คิดอะไรอยู่ v v v v v v v v v v v v v v v v v v v v v v v v คิดไม่ออกไง............... จากคุณ : แฟน รพ เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 54 22:41:11

ความคิดเห็นที่ 33 ถ้าไม่บอกชื่อบริษัท ก็ไม่สามารถให้ความเห็นที่แน่นอนได้หรอกครับ คงบอกได้แต่เพียงคร่าว ๆ ถึงสาเหตุว่า พอมีเหตุปัจจัยอะไรที่นำมาเป็นเหตุผลได้บ้าง เช่น บริษัทที่ไม่จำเป็นต้องลงทุนในสินทรัพย์ถาวรเยอะ ๆ และสามารถทำ Cashflow เป็น + ได้ ก็สามารถโตและขยายกิจการได้ โดยไม่จำเป็นต้องใช้เงินจากส่วนทุน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หากบริษัทสามารถหาต้นทุนทางการเงินที่ถูก ๆ มาก ๆ (บางบริษัทหาได้ในอัตรา market rate) บริษัทเหล่านี้ ก็สามารถปันผลออกมาได้ 100% หรือมากกว่า 100% โดยไม่กระทบต่อการดำเนินงาน หรือแม้กระทั่ง growth plan แต่ถ้าไม่มีชื่อบริษัท ก็คงสาเหตุประมาณนี้ 1. อยู่ในกลุ่ม Cash Cow โตขึ้นมากกว่านี้ยาก ลงทุนเพิ่มไม่คุ้ม เก็บกินไปเรื่อย ๆ  (ถ้าโชคร้ายอาจจะเป็นพวก sunset) 2. เป็นบริษัทที่ Working Capital ไม่ได้เป็นพวกสินทรัพย์ถาวร 3. บริษัทสามารถหาแหล่งเงินทุนที่มีต้นทุนถูกกว่าการใช้ต้นทุนในส่วน Equity 4. Cashflow เป็น + 5. เจ้าของร้อนเงิน อยากรีดเลือดปู หรือแค้นฝังหุ่น (เช่น SHIN) ฯลฯ จากคุณ : Morning Star เขียนเมื่อ : 1 มี.ค. 54 03:39:47

ความคิดเห็นที่ 34 เพื่อรักษากฏเกณฑ์ที่คุณคนจนที่อยากรวยตั้งไว้ และ เพื่อพิจารณาเรื่องการเติบโตของบริษัทฯรายนี้ ผมเสนอรูปนี้ครับ จากคุณ : จิ้งจกเขียว เขียนเมื่อ : 1 มี.ค. 54 05:55:38

ความคิดเห็นที่ 35 รู้แล้วว่าตัวไหน คิดอยู่นาน ... ค้าปลีก ผมว่ามองๆ มันคล้ายๆ กับ SE-ED แต่ขนาด SE-ED ยัง ไม่ปันผลหมด เลยครับ Model Business มันคล้ายๆ กัน แต่ ตัวนี้ มันมี ความเสี่ยงเรื่องสินค้าเทคโนโลยี่และมูลค่าสต็อคที่เก็บไว้แล้วขาดทุนแน่ๆ แต่ผมว่า ผบห. มองเห็นว่าพวกอุปกรณ์พกพาต่างๆ ขายดีแน่ๆ จึงเข้าไปลงทุน จากคุณ : SuperY เขียนเมื่อ : 1 มี.ค. 54 12:50:31