แก้ไขข้อมูล GSTEEL GJS และรายละเอียดสัญญาทาสที่ทำกับ Mittal
|
|
เมื่อคืนข่าวออก มีเวลาอ่านแบบลวกๆ คำนวณผิดพลาดไปเยอะครับในเรื่องของ Book Value ใหม่ เอามาสรุปให้ใหม่อีกทีหนึ่งครับ
1. GSTEEL มีการแปลงหนี้เป็นทุนให้เจ้าหนี้หุ้นกู้และเจ้านี้การค้าส่วนหนึ่ง แต่ว่าจำนวนไม่ได้มีนัยสำคัญอะไรมากมาย โดยเจ้าหนี้การค้าและเจ้าหนี้หุ้กู้แปลงหนี้กลับมาที่ราคา 1 บาท
2. เพิ่มทุน 13300 ล้านหุ้น ที่พาร์ 1 บาท ให้แก่เจ้าหนี้ตามข้อ 1 จำนวน 1.4 พันล้านหุ้น และที่เหลือเพิ่มทุนขายให้แก่ Arcelor Mittal ที่ 0.63 บาท จำนวน 11,920 ล้านหุ้น
3. GJS ต้องทำการแปลงหนี้เป็นทุน (เจ้าหนี้ได้แก่ GSTEEL และ Oriental Access ซึ่ง GSTEEL ถือหุ้นอยู่ 90%) เพราะก่อนหน้านี้ได้มีการทำสัญญาจ่ายค่า management fee ให้แก่ GSTEEL และ OA แต่ GJS ไม่มีเงินจ่ายจึงค้างชำระมาเรื่อยๆ โดยแปลงหนี้จำนวนนี้เป็นทุนที่ราคา 0.24 บาท จำนวน 6854 ล้านหุ้น
4. Arcelor Mittal จะควบคุม GJS ผ่านทาง GSTEEL อีกทอดหนึ่ง ในดึลนี้ GJS จึงต้องมีการเพิ่มทุน อีก 15000 ล้านหุ้น (3600 ล้านบาท) ขายให้แก่ GSTEEL ในราคา 0.24 บาท สังเกตตรงนี้ว่า Mittal ไม่ได้เข้ามาซื้อ GJS เอง แต่ให้ GSTEEL เป็นผู้ซื้อ ดังนั้น Mittal ไม่จำเป็นต้องจ่ายเงินเพิ่มในการซื้อ GJS แม้แต่น้อย
ท้ายที่สุด GSTEEL และ OA จะถือหุ้น GJS เพิ่มขึ้นเป็น 63.75%
5. Mittal ใส่เงินเพิ่มเพื่อใช้ในธุรกิจอีก 500 ล้านเหรียญสหรัฐ ในรูปของเงินกู้ระยะ 5 ปี โดยคิดดอกเบี้ยสูงถึง 12% ต่อปี ชำระดอกเบี้ยทุกสิ้นไตรมาส
6. มีการทำ Business Assistance Agreement of GSTEEL
**ข้อความต่อไปนี้ อ้างอิงจากข่าวที่ GSTEEL ส่งตลาดในวันที่ 3 มี.ค.** 2. สรุปใจความสำคัญของสัญญา คู่สัญญา : Arcelormittal Netherlands B.V. (ผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัทภายหลังการเพิ่มทุน) ระยะเวลาของสัญญา : 10 ปี และสามารถต่อสัญญาได้อีก 10 (รวมทั้งสิ้น 20 ปี) ค่าบริการที่ต้องชำระทั้งสิ้น : ร้อยละ 2.00 จากยอดขายทั้งหมดตามงบการเงินรวม (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) แต่ไม่เกิน 1,284 ล้านบาท หรือ 40 ล้านเหรียญสหรัฐต่อปี ซึ่งมีมูลค่ารวมสำหรับ 20 ปีเท่ากับ 25,680 ล้านบาท หรือ 856 ล้านเหรียญสหรัฐ (ที่อัตราแลกเปลี่ยน [30.611] บาทต่อ 1 เหรียญสหรัฐ) บริการที่ได้รับ : ความช่วยเหลือทางด้านการเงิน ด้านเทคโนโยลีการผลิต โครงข่ายการตลาด ด้านทรัพยากรบุคคล และด้านการจัดหาวัตถุดิบ เป็นต้น 3. มูลค่ารวมของค่าตอบแทนตลอดอายุของสัญญาเท่ากับ 26,203.02 ล้านบาท โดยกำหนดค่าตอบแทนดังกล่าวในอัตรา ร้อยละ 2 ของยอดขายรวมของบริษัทและ GJS ตามสัดส่วนของยอดขายแต่ไม่เกิน 1,310.15 ล้านบาทต่อปี ซึ่งวิธีการชำระค่าตอบแทนตามสัญญาเป็นการชำระ ด้วยเงินสดหลังจากส่งงบการเงินประจำปีแล้ว 1 เดือน (ในกรณีที่เงื่อนไขการชำระค่าตอบทนรายปีไม่เป็นไปตามเงื่อนไข บริษัทจะทำการบันทึกเป็นยอดหนี้คงค้างไว้ในบัญชี)
** สิ้นสุดการอ้างอิง**
ถ้าพิจารณาแล้ว
- Mittal ใส่เงินเข้ามาเพียง 7510 ล้านบาท เข้าใน GSTEEL แต่ได้ทั้ง GSTEEL และ GJS ไปครอบครอง เพราะ GJS ต้องออกหุ้นเพิ่มทุนจำนวนมหาศาลให้แก่ GSTEEL ขายในราคา 0.24 บาท
- สัญญา business assistance agreement กำหนดให้ Mittal ได้รับเงิน 2% ของยอดขายของ GSTEEL กับ GJS รวมกัน แต่ไม่เกิน 40 ล้าน USD ต่อปี
- หาก discount cashflow เข้ามาเป็น NPV จะ Mittal จะคืนทุนที่ใส่เข้ามาทั้งหมดในเวลาประมาณ 6 ปีครึ่ง (ใช้ discount rate ที่ 12% เท่ากับอัตราดอกเบี้ยที่ mittal คิดบนเงินกู้) หลังจากนั้นเป็นต้นไปคือกำไรเห็นๆ
- ปัญหาอยู่ตรงที่ว่า NPM ของผู้ผลิตเหล็กต่ำมากๆ ในปีที่ราคาเหล็กพุ่งสูงครั้งที่ผ่านมา NPM อยู่ในระดับเพียง 3.5% เท่านั้น ส่วนปีอื่นๆ หาปีที่จะถึง 2% แทบไม่มี แต่นี่หลังจากนี้ ทั้ง GSTEEL และ GJS ต้องช่วยกันจ่ายค่าบริหาร ซึ่งจะเป็นรายการแรกที่จะถูกหักออกจากยอดขายในการทำงบกำไรขาดทุน เท่ากับว่า ยังไม่ต้องคิดรายจ่ายอื่นๆ แต่รายจ่ายนี้ ต้องจ่ายเป็นอันดับแรกเสมอ ถ้าไม่มีจ่ายเป็นเงินสดทุกๆปี ก็จะตั้งเป็นหนี้เอาไว้
- ผู้ถือหุ้นรายย่อยเสียเปรียบขนาดไหน ถ้าบริษัทต้องตัดเอา 2% ของยอดขายไปจ่ายเป็นค่าบริหารให้แก่ Mittal เป็นอันดับแรก ทำให้โอกาสที่จะพลิกกลับมากำไรจากการดำเนินงานปกติแทบจะเลือนลาง
- ลองคำนวณตัวเลขย้อนกลับดู ถ้าทั้ง 2 บริษัทจะจ่าย 40 ล้าน USD ให้แก่ mittal (เป็นตัวเลขสูงสุดที่ต้องจ่าย) จะต้องทำยอดขายให้ได้ 2000 ล้าน USD แปลงกลับมาเป็นเงินไทยก็ 61000 ล้านบาท ซึ่งถ้าทั้ง 2 บริษัทกลับมาดำเนินธุรกิจเต็มกำลัง ก็น่าจะได้ยอดขายประมาณ 6 - 7 หมื่นล้านอยู่แล้ว ดังนั้น คิดว่า mittal น่าจะดึงเงินกลับไปได้ 40 ล้าน USD ต่อปีได้อย่างไม่มีปัญหา
- แล้วอย่าลืมว่า ท้ายที่สุด หุ้นทั้งหมดที่เขาถืออยู่ก็ยังอยู่ ไม่ได้หายไปไหน ถ้าท้ายสุดเขาขายหุ้นออก ก็เป็นกำไรทั้งหมด เพราะทุนคืนไปหมดแล้ว
- Book Value ของ GJS ที่เคยบอกไว้ในกระทู้ก่อนหน้าว่าจะเหลือ 0.28 หลังการเพิ่มทุน ข้อแก้ไขเป็นประมาณ 0.35 บาท
ปัจจุบันยังได้ยินกระแสอยู่ว่า หลังปลด SP จะไล่ราคากันขึ้นไป 1.40 บาทบ้าง 2 บาทบ้าง
แค่อยากเตือนไว้ว่า หลังดีลนี้ออกมา เห็นชัดว่าแขกเขี้ยวลากดินมากๆ เขาวางหมากทุกอย่างไว้แล้ว ยังไงเขาต้องได้เงินคืนให้เร็วที่สุด แต่ในมุมมองผม มันจะเกินไปไหมเนี่ย?? การเพิ่มทุนขนาดนี้ ไม่ต้องห่วงเลย Book Value ลดต่ำลงแล้ว EPS จะต้อง dilute อย่างหนักเช่นกัน
ในมุมของนักลงทุนรายย่อย ก็ต้องมานั่งรอแล้วรอเล่า ว่าเมื่อไหร่บริษัทจะมีกำไรเยอะๆเสียที อ้าว ก็ mittal เข้ามาแล้วนี่ ในขณะที่ Mittal ดึงเงินตัวเองกลับไปทุกปี ทุกปี ไม่กี่ปี คืนหมด สบายเฉิบ คนเจ็บคือ รายย่อยที่ถือหุ้น
จากคุณ |
:
wattanac
|
เขียนเมื่อ |
:
3 มี.ค. 54 22:19:31
|
|
|
|