Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
จาก”ทาทา” ถึง “มิตตัล” เสร็จอาบัง เหล็กไทย เถ้าแก่ไทยสู้ไม่ไหวทุนข้ามชาติ [Gsteel] ติดต่อทีมงาน

จาก”ทาทา” ถึง “มิตตัล” เสร็จอาบัง เหล็กไทย เถ้าแก่ไทยสู้ไม่ไหวทุนข้ามชาติ

ชี้อนาคตธุรกิจเหล็กไทยแข่งขันเข้มข้นดุเดือดขึ้น หลังนักธุรกิจเหล็กข้ามชาติชาวภารตะตีท้ายครัวเข้ามาเทคโอเวอร์กิจการเหล็กไทยรายใหญ่ๆ ไปเกือบหมด  ทำให้เถ้าแก่เหล็กไทยถูกบีบให้ต้องเร่งปรับตัวพัฒนาการบริหารจัดการแบบสากล  เหมือนสหวิริยาที่จำเป็นต้องปรับตัวไปซื้อกิจการถึงอังกฤษ  ผู้อำนวยการสถาบันเหล็กฯ ชี้เป็นเรื่องปกติของธุรกิจนี้ที่ไม่ได้มีการคุ้มครองพิเศษจากรัฐบาลจะเกิดการเปลี่ยนแปลงตามยุคโกลเบิลไลเซชั่น  ระบุเร็วเกินไปที่จะฟันธงว่าธุรกิจของไทยจะถูกเบียดตกเวที เพราะต้องรอดูชั้นเชิงมวยแขกก่อนว่ามาถึงเมืองไทยแล้วจะเล่นมวยไทยเป็นหรือไม่  หรือจะม้วนส่าหรีกลับบ้าน ในที่สุด บริษัท อัลเซลอร์ มิตตัล ของมหาเศรษฐีภารตะระดับท็อปไฟว์ของโลก นายลักษมี มิตตัล ก็ตกลงเงื่อนไขซื้อกิจการ บริษัทจีสตีล ของเสี่ยเหล็กไทย-นายสมศักดิ์  ลีสวัสดิ์ตระกูล เรียบร้อยโรตีไปแล้ว หลังจากที่มีกระแสข่าวกระเซ็นกระสายเข้ามาก่อนหน้านี้หลายครั้งหลายหน  โดยเฉพาะที่เป็นข่าวหนาหูมากๆ เมื่อเดือนมกราคา 2554 ที่ผ่านมาว่า นายลักษมี มิตัล เจ้าของบริษัท อัลเซลอร์ มิตตัล บริษัทเหล็กอันดับหนึ่งของโลก เอาจริงลงทุนในธุรกิจไทยแน่  

รายงานข่าวระบุเบื้องต้นก่อนที่จะมีรายงานข้อมูลยืนยันไปที่ตลาดหลักทรัพย์ฯ ว่า บริษัทเหล็กของ นายลักมี มิตตัล จะเซ็นสัญญาร่วมลงทุนในบริษัทจีสตีล (GSTEEL) ของนายสมศักดิ์ ลีสวัสดิ์ตระกูล  โดยการซื้อหุ้นเพิ่มทุนจีสตีลที่ราคาหุ้นละ 63 สตางค์  ซึ่งจะใช้เงินซื้อหุ้นประมาณ8,000 ล้านบาท  ทำให้กลายมาเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ใน GSTEEL สัดส่วน 40%  โดยจะเติมเงินใหม่เข้ามาเป็นทุนหมุนเวียนให้อีก 1.6 หมื่นล้านบาททำให้  GSTEEL หนี้สินลดลงเหลือ 0.5 เท่า  

พร้อมกันนี้ บริษัท อัลเซลอร์ มิตตัล ยังจะทำคำเสนอซื้อหุ้นจีเจสตีล (GJS) ซึ่งเป็นบริษัทลูกของ GSTEELที่ราคาหุ้นละ 23 สตางค์ อีกด้วย
แหล่งข่าวจากวงการเหล็กกล่าวเปิดเผยกับ “ดอกเบี้ยธุรกิจ” ว่า นายลักษมี  มิตตัล เป็นเจ้าของกิจการเหล็กที่มีประสบการณ์และมีวิธีการทำธุรกิจที่แปลก นั่นคือสามารถผลักดันกิจการของตัวเองที่เป็นกิจการเหล็กเล็กๆในประเทศอินเดีย ให้กลายเป็นบริษัทใหญ่ขึ้นมาได้ โดยการออกไปลงทุนในประเทศต่างๆ ตั้งแต่ อินโดนีเซีย เม็กซิโก  คาซัคสถาน อเมริกา ยุโรป  โดยการเข้าไปซื้อทรัพย์สินกิจการที่ปัญหา แล้วปรับปรุงให้กลายเป็นดีขึ้นมา

“นายลักษมี  มิตตัล เป็นคนที่มีความสามารถพิเศษ อย่างที่คาซัคสถาน ที่หลายคนมองว่ากิจการที่นั่นเจ๊งแน่ๆ  เพราะเพิ่งแยกจากรัฐเซีย และการทำธุรกิจที่นั่นต้องกึ่งๆ เรียกว่ามาเฟียหน่อยนายลักษมีคนนี้เจ๊งแน่ที่กล้าไปซื้อกิจการที่นั่น แต่ปรากฏว่าเขาทำได้  นั่นก็คือเขาเก่งมีความสามารถพิเศษ   และการที่นายลักษมี มิตตัล เข้ามาซื้อกิจการจีสตีล  โดยสามารถคุยกับคนที่ชื่อว่า สมศักดิ์ ลีสวัสดิ์ตระกูล  ต่อรองราคาและซื้อกิจการมาได้ในที่สุดก็ต้องถือว่าเก่งแล้ว” แหล่งข่าวกล่าว

ทั้งนี้นายลักษมี  มิตตัล สนใจเข้ามาลงทุนในไทย และเดินทางมาด้วยตัวเองตามคำเชิญของอดีตนายกฯทักษิณ เมื่อปี 2551 ที่ผ่านมา  ซึ่งครั้งที่เขามานั้นดูมีท่าทางเอาจริงและต้องการลงทุนในไทย   แต่หลังจากนั้นกระแสข่าวก็เงียบหายไป จนกระทั่งมีข่าวว่าเจรจาซื้อธุรกิจเหล็กจากนายสมศักดิ์ในที่สุด

นายวิกรม วัชระคุปต์ ผู้อำนวยการสถาบันเหล็กและเหล็กกล้าแห่งประเทศไทย กล่าวแสดงความเห็นกับ “ดอกเบี้ยธุรกิจ” ว่า การเข้ามาของนายมิตตัล ครั้งนี้เป็นปรากฏการณ์ที่สำคัญและเป็นการบอกความหมายว่า ผู้ประกอบการของไทยไม่มีความแข็งแรงพอ  และมีขนาดธุรกิจขนาดเล็ก เพราะฉะนั้นเมื่อเจอกับการเปลี่ยนแปลงต่างๆ บ่อยๆ ของคนไทยก็จะเริ่มลำบากเพราะปรับตัวไม่ทัน  ซึ่งก็จะทำให้บริษัทข้ามชาติเข้ามามากขึ้นๆ

“การที่ต่างชาติเข้ามาก็แสดงว่าตลาดเหล็กในไทยยังเติบโตในอัตราที่สูง และยังเป็นธุรกิจที่น่าสนใจ เป็นเหตุให้ บริษัทเหล็กข้ามชาติอย่าง ทาทาสตีล เข้ามา แล้วก็ตามด้วย มิตตัล”
นายวิกรมกล่าวอีกว่า การเข้ามาของบริษัทข้ามชาติดังกล่าว เป็นการแสดงให้เห็นอนาคตธุรกิจเหล็กในไทยว่าจะมีการแข่งขันที่เข้มข้นขึ้น เฉพาะทาทา กับ มิตตัล ก็เป็นคู่แข่งคู่ปรับกันมานานแล้ว เมื่อมาไทย การแข่งขันก็ย่อมมีมากขึ้น นอกจากนี้ก็ยังจะมีการแข่งขันกับธุรกิจคนไทยด้วย   ซึ่งผู้ประกอบการคนไทยจำเป็นต้องปรับตัว

“การเข้ามาของบริษัทข้ามชาตินี้จะถามว่าเป็นเรื่องดีหรือไม่ดียังตอบไม่ได้  แต่มองว่าเป็นเรื่องธรรมดาของธุรกิจในยุคโกลเบิลไลเซชั่น ซึ่งในที่สุดมันก็เป็นแบบนี้เอง คือห้ามกันไม่ได้   โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมเหล็กของไทย ที่ไม่ได้มีการคุ้มครองอะไรเป็นพิเศษจากรัฐบาลมาแต่ไหนแต่ไรอยู่แล้ว คือใครทำธุรกิจกันก็ทำกันไปอยู่ได้ก็อยู่กันไป อยู่ไม่ได้ก็ออกจากธุรกิจไป
แต่ว่าผู้ประกอบการไทยต้องปรับตัวทำธุรกิจให้เป็นสากลมากขึ้น ไม่ว่าธุรกิจจะเล็กหรือใหญ่ก็ต้องปรับตัวหมด ให้มีวิธีการจัดการที่ดีขึ้น มีประสิทธิภาพมากขึ้น  ดูแลความเสี่ยง ต้องหาโพสิชั่นของตัวเองให้เจอ  เพราะจากนี้ความผันผวนจะรุนแรงขึ้น และเร็วขึ้น  จะใช้ความรู้สึกกล้าได้กล้าเสียแบบเดิมๆไม่ได้อีกแล้ว”

อย่างไรก็ตามนายวิกรม กล่าวว่าเขาไม่คิดว่าธุรกิจเหล็กจะถูกเทคโอเวอร์หมด และไม่มีกิจการเหลือเป็นของคนไทยอีกต่อไป
“ผมไม่คิดว่าคนไทยจะเจ๊งไปหมด  รวมทั้งบริษัทสหวิริยาที่ถามว่าเหลืออีกรายหนึ่งจะอยู่รอดหรือว่าต้องขายออกไป มันเร็วเกินไปที่จะตอบอย่างนั้น  สงครามยังไม่ยุติจะนับศพทหารไม่ได้  ของอย่างนี้ก็ยังไม่แน่ แม้ว่า ทาทา หรือรายล่าสุดคือ มิตตัล ที่เข้ามาในไทย จะเป็นธุรกิจที่มีประสิทธิภาพทรงพลัง มีความเชี่ยวชาญ เป็นโกลบอล  แต่การทำธุรกิจแบบโลคอลในไทย ถ้าปรับตัวไม่ได้  เหมือนต่อยมวยสากลมา จะมาต่อยมวยไทย ถ้าต่อยไม่เป็นก็อยู่ไม่ได้เหมือนกัน”

ทั้งนี้จะเห็นว่า ตระกูลที่ทำธุรกิจเหล็กของไทยตระกูลใหญ่ๆ หรือบริษัทใหญ่ๆ ต้องขายให้ต่างชาติ  ขณะที่สหวิริยา ดิ้นรนเต็มที่ที่จะอยู่รอด โดยล่าสุดได้ปรับตัวและออกไปซื้อกิจการที่ไกลถึงอังกฤษมาบริหาร  ซึ่งเป็นการตัดสินใจเลือกทางที่ดีที่สุดเพราะมีความจำเป็นที่จะต้องใช้วัตถุดิบเหล็กที่ผลิตในไทยไม่ได้

“ไม่ว่าจะเป็นตระกูลหอรุ่งเรืองหรือตระกูลลีสวัสดิ์ตระกูล หรือเจ้าของธุรกิจเหล็กอื่นๆ ของไทยที่ทำธุรกิจเหล็กต่างก็สะบักสะบอมไปตามๆ กัน ถูกเหล็กบี้จนเละ แม้จะมีประสบการณ์ปลุกปั้นธุรกิจมาตั้งแต่ธุรกิจขนาดเล็กจนกลายเป็นธุรกิจแนวหน้าของเมืองไทยก็ไม่สามารถยืนอยู่ได้ต้องประสบปัญหาและขายกิจการกันออกไป ตอนนี้ก็เหลือสหวิริยาอีกหนึ่งรายไม่รู้ว่าจะสามารถทนกระแสและนำพาธุรกิจให้อยู่ได้ด้วยตัวเอง หรือในที่สุดจะต้องยอมให้ใครมาเทคโอเวอร์เหมือนเถ้าแก่ของไทยรายอื่นๆ หรือไม่ คงต้องรอดูกันต่อไป ส่วนทุนจากอินเดียที่โพกหัวเข้ามา อย่างทาทา หรือมิตตัล อาจจะทำธุรกิจเหล็กในไทยได้ นั่งบนเก้าอี้ตะปูได้ ไม่มีปัญหาเหมือนเถ้าแก่ไทยหรือไม่ ก็ต้องดูต่อไปเช่นกัน” แหล่งข่าวจากวงการเหล็กกล่าว

http://www.dbbnews.com/index.php/1/1-page1/854-2011-03-03-09-01-42

จากคุณ : มาลัยดำ
เขียนเมื่อ : 6 มี.ค. 54 09:52:04




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com