ความคิดเห็นที่ 1 ต้องยอมรับว่า... "ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา PAE ทำผลงานได้ไม่เข้าตา และสร้างความเจ็บช้ำให้กับนักลงทุนมาไม่น้อยทีเดียว!!!" แย่เสียจนมีข่าวชิ้นนี้ออกมา คือ... ( ผมมองว่า คำว่า "บัวพ้นน้ำ" ที่ นสพ. เลือกใช้นั้น สามารถสื่อและแสดงออกถึง "อารมณ์และความรู้สึกของนักลงทุนที่มีต่อบริษัทฯ PAE " ได้เป็นอย่างดีจริงๆครับ!!!) =============================================== หัวข้อข่าว : เปิดอนาคต "พีเออี" เมื่อไรจะเป็น "บัวพ้นน้ำ" 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551 ศุขสนั่น โชติกเสถียร:"ปีหน้าฐานะของพีเออีจะดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด โดยคาดว่าจะสามารถพลิกจากขาดทุนมาเป็นกำไรสุทธิได้"หลายปีมาแล้วจนกระทั่งปัจจุบัน อนาคต ‘พีเออี (ประเทศไทย)’ ก็ยังลุ่มๆ ดอนๆ เป็นบัวที่ยังไม่พ้นน้ำ ‘ศุขสนั่น โชติกเสถียร’ โปรยเสน่ห์ที่อยู่ ‘ลึก’ จนแทบมองไม่เห็นอีกครั้ง กรุงเทพธุรกิจ ออนไลน์ : คงไม่แปลกหากมีนักลงทุนรายย่อย ของ บมจ.พีเออี (ประเทศไทย) จะตั้งคำถามในเชิงดูหมิ่นเล็กๆ ว่า "คุยโว(อีกแล้ว)รึเปล่า" ผ่านมาแล้วหลายปีดีดัก อนาคตของ พีเออี ก็ไม่เห็นจะดีขึ้น นับตั้งแต่ ศุขสนั่น โชติกเสถียร เข้ามารับตำแหน่ง กรรมการผู้จัดการ บมจ.พีเออี (ประเทศไทย) เมื่อเดือนกรกฎาคม 2550 เคยตั้งเป้าหมายไว้ว่า จะพลิกผลการดำเนินงานจากขาดทุนกลับมามีกำไรในปีนี้ แต่ผ่านมา "ครึ่งปี" ทำผลงานขาดทุนมากขึ้นกว่าเก่าเสียอีก หลังจาก Global Process Systems Inc. (GPS) เข้ามาถือหุ้นใหญ่ พีเออี ก็ยังไม่ได้เริ่มลงมือรุกงานทางด้านวิศวกรรมในอุตสาหกรรมน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ อย่างที่เคยบอกเอาไว้เลย ไหนว่า GPS เชี่ยวชาญเป็นพิเศษไง ลองมาฟัง "เอ็มดี"  โปรยยาหอมชัดๆ อีกครั้ง ศุขสนั่น กล่าวยอมรับกับ กรุงเทพธุรกิจ BizWeek ว่า ปีนี้ คงต้องขาดทุนต่ออีกปี แม้ก่อนหน้านี้จะเคยบอกว่า จะสามารถพลิกจากขาดทุนมาเป็นกำไรได้ สรุปว่า ปีนี้จำเป็นต้องเก็บงานเก่ากินไปก่อน โดยช่วงเดือนสิงหาคม-กันยายน ที่ผ่านมา ได้ลงนามสัญญาจ้างเหมางานก่อสร้างโครงการ The Nava Privacy กับ บมจ.นวนคร ราคางานก่อสร้าง 579 ล้านบาท และร่วมกับกิจการร่วมค้ารับงานก่อสร้างสถานีไฟฟ้าแรงสูงของ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) มูลค่า 368 ล้านบาท เป็นต้น   เอ็มดีรายนี้ บอกตรงๆ ว่า ในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2551 พีเออีไม่มีงานใหม่ๆ เข้ามาสักชิ้นเดียว เนื่องจากความล่าช้าในการปรับปรุงโครงสร้างองค์กร และระบบวิศวกรรม ซึ่งในความเป็นจริงต้องเสร็จในเดือนสิงหาคม ส่งผลให้ลูกค้า 4 ราย อาทิ เชฟรอน และปตท.สผ. ที่เตรียมจะมอบหมายงานให้บริษัทดำเนินการ ต้องล่าช้าในการเข้ามาตรวจสอบระบบต่างๆ ของบริษัท แต่คาดว่าในเดือนพฤศจิกายน นี้ ลูกค้าจะสามารถเข้ามาตรวจสอบระบบได้ "โอกาสที่ในปี 2551 เราจะขาดทุนมากกว่าปี 2550 มีสูงมาก แม้ในช่วงเดือนสิงหาคม-กันยายน ที่ผ่านมาบริษัทจะมีงานใหม่เข้ามา 2 งาน รวมถึงในช่วง 2 เดือนที่เหลือของปีนี้ อาจได้รับงานวิศวกรรมก๊าซธรรมชาติ 2 โครงการ ซึ่งเป็นธุรกิจใหม่ก็ตาม แต่ก็ยังไม่สามารถรับรู้รายได้เต็มที่"   โดยผู้บริหารรายนี้ ให้ความหวังว่า ในปี 2552 ฐานะการเงินของ พีเออีจะเริ่มดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด โดยคาดว่าจะสามารถพลิกจากขาดทุนมาเป็นกำไรสุทธิ และอาจมีกำไรขั้นต้นมากกว่า 30% และมีรายได้รวม 800-1,000 ล้านบาท แม้จะล่าช้าจากเป้าหมายเดิมไปถึง 1 ปีก็ตาม "สิ่งที่ทำให้ผมเชื่อเช่นนั้น เพราะว่าในปีหน้า เราจะเริ่มเดินเครื่อง 8 สายธุรกิจตามโครงสร้างใหม่ และเป็นธุรกิจที่มีกำไรขั้นต้นค่อนข้างสูง และในเมืองไทยยังไม่มีใครทำ ที่สำคัญในปี 2552 เราจะเริ่มรุกตลาดต่างประเทศอย่างจริงจัง ล่าสุดก็ไปตั้งสำนักงานก่อสร้างที่อาบูดาบี ก่อนสิ้นปีนี้จะสรุปว่าจะได้รับงานก่อสร้างแห่งใดบ้าง" นอกจากนั้น บริษัทอาจเข้าไปรับเหมางานติดตั้งระบบไฟฟ้าในแถบดูไบ (ผ่านบริษัท ดับบลิวเอ็นเอสอาร์ แปซิฟิค ถือหุ้น 70%) คาดว่าจะเริ่มงานได้ในไตรมาส 2 ปี 2552 โดยงานในต่างประเทศคงต้องยกความดีให้กับ Global Process Systems Inc. ที่ผ่านมาผู้ถือหุ้นใหญ่รายนี้ก็ได้ส่งทีมงานด้านเทคนิคเข้ามาทำงานในบริษัทแล้ว   ศุขสนั่น อธิบายโครงสร้าง 8 ยูนิตใหม่ของพีเออี จะประกอบด้วย หนึ่ง. ธุรกิจออกแบบทางวิศวกรรมเครื่องกลและขบวนการผลิต สอง. ธุรกิจประกอบโครงสร้างและติดตั้ง สาม. ธุรกิจบริการซ่อมบำรุงน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ สี่. ธุรกิจวิศวกรรมโยธาและโครงสร้างพื้นฐาน ห้า. ธุรกิจออกแบบทางวิศวกรรมไฟฟ้าและเครื่องมือวัด หก. ธุรกิจประกอบและติดตั้งอุปกรณ์ไฟฟ้าและเครื่องวัด เจ็ด. ธุรกิจบริการตรวจสอบแบบไม่ทำลาย และแปด. ธุรกิจจัดหาแรงงาน “ตอนนี้เราอยู่ระหว่างจัดโครงสร้างธุรกิจ และจัดทำแผนธุรกิจภายใน 5 ปีข้างหน้า (2552-2556) คาดว่าสิ้นเดือนพฤศจิกายน นี้ ทุกอย่างจะออกมาเป็นรูปเป็นร่าง ทุกคนจะรู้ว่า อีก 5 ปีข้างหน้า เป้าหมายหลักของเราคืออะไร และสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศจะเป็นอย่างไร” ศุขสนั่น กล่าวว่า เมื่อต้นปีที่ผ่านมาราคาหุ้น PAE เคยปรับตัวสูงขึ้นถึง 1.88 บาท นักลงทุนรายย่อยเข้ามาเก็งกำไรข่าว “ทุนอาหรับ” เข้ามาเทคโอเวอร์ (Global Process Systems Inc. มีต้นทุนหุ้นละ 1.10 บาท) ทั้งๆ ที่ยังไม่ทราบด้วยซ้ำว่า บริษัทกำลังจะมุ่งหน้าไปในทิศทางใด แต่เมื่อสตอรี่ดังกล่าวหมดลง ราคาหุ้นก็ปรับตัวลดลงอย่างน่าใจหาย ยิ่งมาโดนวิกฤติการเงินสหรัฐรอบนี้ "หุ้นเราเหมือนถูกแช่แข็ง" เอ็มดีรุ่นลายคราม โปรยเสน่ห์ว่า อีกไม่นานเกินรอราคาหุ้น PAE จะกลับสู่พื้นฐานความเป็นจริง หากทำให้นักลงทุนเห็นว่า อีก 5 ปีข้างหน้า บริษัทจะรุ่งเรืองมากขนาดไหน ที่สำคัญบริษัทมีหนี้สินต่ำมาก รวมถึงมีแผนล้างขาดทุนสะสมจำนวน 160.47 ล้านบาท ภายในปีหน้าด้วย   "วันนี้ต้องยอมรับว่า นักลงทุนยังไม่รู้ว่าเราทำธุรกิจอะไรบ้าง เมื่อเขาไม่เข้าใจแล้วจะให้ควักเงินซื้อหุ้นเรามันคงเป็นไปไม่ได้ แต่ถ้าทุกอย่างชัดเจน 100% เราจะเข้าไปนำเสนอข้อมูลกับนักลงทุน และเมื่อเข้าใจโอกาสที่ราคาจะดีดตัวขึ้นก็ไม่ยาก"   สรุปแล้ว "จุดเด่น" ของพีเออี อยู่ตรงไหน สำหรับคำถามนี้ เขาตอบทันทีว่า อยู่ที่การมี Global Process Systems Inc. มาเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ 29.78% ยิ่งถ้า GPS ตัดสินใจแปลงวอร์แรนท์ จำนวน 200 ล้านหน่วย ก่อนจะหมดอายุในเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2552 จะส่งผลให้ถือหุ้นทั้งหมด 49% ถ้าเป็นเช่นนั้นจริง ก็แปลว่า GPS มุ่งมั่นจะผลักดันให้พีเออีเป็นบริษัทวิศวกรรมในอุตสาหกรรมด้านน้ำมันและก๊าซธรรมชาติชั้นนำของเมืองไทย "ถ้าเราไม่มี GPS คงต้องใช้เวลาในการพัฒนาระบบไม่ต่ำกว่า 5 ปี และโอกาสที่จะมีอัตรากำไรสุทธิระดับ 12-15% เหมือนบริษัทอื่นๆ ก็คงต้องใช้เวลามากกว่า 2 ปี" ศุขสนั่นยังไม่มั่นใจซะทีเดียวกับ "ทุนอาหรับ" รายนี้ จะทุ่มสุดตัวกับ บมจ.พีเออี (ประเทศไทย) ที่มา : http://bangkokbizweek.com/2008/11/11/news_309542.php จากคุณ : Bata (Again-With-Love) เขียนเมื่อ : 9 มี.ค. 54 10:12:45

ความคิดเห็นที่ 2 แต่ปัจจุบัน มีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ใน PAE โดย CEO คนปัจจุบัน คือ "คุณอภิสิทธิ์ รุจิเกียรตืกำจร" มาพร้อมกับ "ความหวังครั้งใหม่" อีกครั้ง...อีกแล้วหรือ? โดยสามารถดูได้จากข่าวที่ถูกสื่อสารออกมาต่อนักลงทุน คือ.... ================================================ หัวข้อข่าว : PAE ลั่นปีหน้าเทิร์นอะราวด์ ข่าวหุ้น, วันพฤหัสบดีที่ 18 พฤศจิกายน 2010 PAE ส่งซิกไตรมาส 4 ไม่ขาดทุน ปีนี้รายได้แตะ 600 ล้านบาท อภิสิทธิ์ มั่นใจปี 2554 เทิร์นอะราวด์การันตีมีกำไรแน่นอน จากการปรับโครงสร้างธุรกิจ รุกจับงานในประเทศ โดยเฉพาะธุรกิจน้ำมันและก๊าซ พร้อมโชว์แบ็กล็อกกว่า 1,350 ล้านบาท คาดดันรายได้ยืน 2,000-3,000 ล้านบาท  เชื่อล้างขาดทุนสะสม 600 ล้านบาทได้ภายใน 3-4 ปี นายอภิสิทธิ์ รุจิเกียรติกำจร ประธานกรรมการบริษัท พีเออี (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ PAE กล่าวว่า บริษัทมั่นใจไตรมาส 4/53 จะมีกำไรจากไตรมาส 3/53 ที่ยังมีการขาดทุนอยู่ 25 ล้านบาท เนื่องจากบริษัทได้มีการปรับโครงสร้างธุรกิจใหม่ ทั้งลดจำนวนบุคลากร และค่าใช้จ่ายต่างๆ ประกอบกับเน้นรับงานในประเทศ ซึ่งปัจจุบันได้เริ่มรับงานใหม่เข้ามามากขึ้น จึงน่าจะส่งผลให้ปีนี้บริษัทมีรายได้อยู่ที่ประมาณ 600 ล้านบาท จากผลการดำเนินงาน 9 เดือนบริษัทมีรายได้อยู่กว่า 400 ล้านบาท ทั้งนี้บริษัทเป็นผู้ให้บริการวิศวกรรมและก่อสร้างแก่ภาครัฐ และเอกชน โดยเฉพาะอุตสาหกรรมพลังงาน และปิโตรเคมี โดยงานใหม่ๆ ที่เข้ามามีทั้งงานติดตั้ง การซ่อมบำรุงจากโรงงานต่างๆ ให้บริษัท เชฟรอน, บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ PTTEPและ บริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) หรือ IRPC เป็นต้น บริษัทมีการรับงานจากเชฟรอนเฉลี่ยปีละ 200 ล้านบาท มีอายุสัญญา 3 ปี ซึ่งบริษัทมีแนวโน้มว่ายังคงได้งานต่อเนื่องในสัดส่วนเดิมหรืออาจจะเพิ่มมากขึ้น นอกจากนี้ยังมีงานก่อสร้างโรงแรมที่เขาหลัก มูลค่ากว่า 600 ล้านบาท งานก่อสร้างโรงงานของบริษัท ซัมซุง มูลค่า 900 ล้านบาท และงานก่อสร้างโรงงานในนวนครอีก 400 ล้านบาท ในด้านของอัตราส่วนกำไรขั้นต้น (gross margin) ปีนี้และปีหน้า จะใกล้เคียงกันที่ 10% โดยบริษัทจะเน้นการรับงานธุรกิจน้ำมันและก๊าซ เพราะมีมาร์จิ้นสูงกว่า 15% ขึ้นไป ขณะที่งานสาธารณูปโภคและงานด้านวิศวกรรมการก่อสร้าง มีมาร์จิ้นเฉลี่ยประมาณ 10% สำหรับแผนการดำเนินงานในปี 2554 บริษัทจะมุ่งเน้นรายได้จากงานปิโตรเลียม และปิโตรเคมี รวมถึงงานธุรกิจน้ำมันและก๊าซ ประกอบกับบริษัทยังมีการเข้าไปประมูลงานต่างๆ ทั้งในลักษณะเข้าประมูลเอง และร่วมกับพันธมิตร ทำให้ปัจจุบันบริษัทมีโครงการในมือ (แบ็กล็อก) มากกว่า 1,350 ล้านบาท ซึ่งทั้งหมดเป็นงานภายในประเทศที่จะรับรู้รายได้ภายในปี 2554 อย่างไรก็ตาม แบ็กล็อกดังกล่าวส่วนใหญ่มาจากงานในส่วนปิโตรเลียม และปิโตรเคมี มูลค่าประมาณ 300 ล้านบาท งานโครงสร้างและสาธารณูปโภค มูลค่าประมาณ 900 ล้านบาท งานตรวจสอบแบบไม่ทำลาย มูลค่าประมาณ 100 ล้านบาท และงานออกแบบวิศวกรรม ถือเป็นงานใหม่ของบริษัท มีมูลค่าประมาณ 50 ล้านบาท นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ในปี 2554 บริษัทจะมีรายได้เพิ่มขึ้นอีกไม่น้อยกว่า 80% จากแบ็กล็อก หรือเติบโตประมาณ 400-500% มาอยู่ที่ระดับ 2,000-3,000 ล้านบาท จากการเน้นรับงานในประเทศ ส่วนงานในต่างประเทศจะเลือกงานที่มีความเสี่ยงต่ำ  โดยปัจจุบันก็มีติดต่อเข้ามา อย่างในแถบตะวันออกกลาง เป็นต้น จึงทำให้มั่นใจว่าปี 2554 บริษัทจะพลิกกลับมามีกำไร จากแบ็กล็อก และงานที่จะเพิ่มเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกัน บริษัทก็มีแผนจะล้างขาดทุนสะสมที่มีอยู่ประมาณ 600 ล้านบาท ในปี 2554 เนื่องจากบริษัทจะสามารถมีกำไรได้ ทั้งนี้คาดว่าจะล้างขาดทุนสะสมหมดภายใน 3-4 ปี หรืออย่างเร็วที่สุดภายใน 1-2 ปี หากได้งานโครงการขนาดใหญ่เข้ามาอย่างต่อเนื่อง ก็น่าจะส่งผลให้มีรายได้และกำไรเพิ่มขึ้น จนสามารถกลับมาจ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้นได้ ส่วนกรณีการเพิ่มทุน บริษัทจะมีการสรุปก่อนการประชุมผู้ถือหุ้นในปี 2554 หรือก่อนเดือนเม.ย. 54 โดยจะมีการพิจารณาจากสภาพคล่องทางการเงินเป็นหลัก หากบริษัทไม่สามารถกู้ยืมเงินจากสถาบันการเงินได้ ก็อาจจะพิจารณาระดมทุนจากตลาดทุน นอกจากนี้ GLOBAL PROCESS SYSTEMS INC.(GPS) ที่เป็นบริษัทที่ทำธุรกิจด้านวิศวกรรม ก่อสร้างแท่นขุดเจาะน้ำมันที่มีชื่อเสียงจากประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ใน PAE ประมาณ 30% ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ชาวตะวันออกกลางนั้น บริษัทเชื่อว่า GPS จะไม่ขายหุ้นของบริษัทออกมา เนื่องจากธุรกิจของบริษัทมีแนวโน้มปรับตัวไปในทิศทางที่ดีขึ้นแล้ว จากคุณ : Bata (Again-With-Love) เขียนเมื่อ : 9 มี.ค. 54 10:23:04

ความคิดเห็นที่ 3 บริษัทฯจะสามารถ Turnaround ได้จริงไหม? คุณอภิสิทธิ์ รุจิเกียรติกำจร... จะเป็นความหวังที่ทำให้พนักงานในบริษัทฯ และนักลงทุนได้มี "รอยยิ้ม" หรือจะเป็นเพียง "ความหวัง(ที่ไม่มีอยู่จริง)" อีกครั้งหนึ่งเท่านั้น!!! ถ้าท่านใดสนใจ Story อันยาวนานของบริษัทฯนี้ วันจันทร์ที่ 21 มี.ค. 54 ลองมาเข้าฟังแผนการดำเนินธุรกิจจากทางทีมผู้บริหารชุดใหม่ และมาช่วยผมในการ "ยิงคำถาม(คาใจ)" ในวันนั้นกัน ผมเองลงทุนในบริษัทฯนี้นะครับ และในวันนั้นผมไม่พลาดอยู่แล้วครับผม (^_^) จากคุณ : Bata (Again-With-Love) เขียนเมื่อ : 9 มี.ค. 54 10:29:40

ความคิดเห็นที่ 4 หลายๆท่านคงทราบดีอยู่แล้วว่า... "ผมเองเป็นคนที่สนใจและติดตามหุ้นประเภท Turnaround ตลอด 2 ปีที่ผ่านมา" ผมจึงมีข้อมูล และมุมมองในหุ้นประเภทนี้พอสมควร (แต่ผมอาจจะคิดผิดก็ได้นะครับ!!!) ข้อความด้านล่างนี้...เป็นเพียงความคิดเห็นส่วนตัวของผมเท่านั้น!!!!! โปรดใช้วิจารณญาณในการรับฟังข้อมูลด้วยนะครับ ============================================== บทวิจารณ์ : เรื่อง "PAE กับโอกาสในการ Turnaround" By pak หรือ Bata(Again-With-Love) ผมอยากเปรียบเทียบปัญหาของบริษัทฯ PAE ในลักษณะของ "ปมเชือก...ปมปัญหา" อ่ะนะครับ คุณเคยเห็นเชือกที่พันกันอย่าง "ยุ่งเหยิง" ไหม? ดูเผินๆ ราวกับว่า "จะไม่มีวันสางออกได้!!!" เมื่อปีที่แล้ว...ปัญหาของ PAE ก็เป็นเช่นนั้น!!! เป็นเสมือนเชือกกองโต ที่ใครเห็นก็ต้องถอดใจ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของ "ส่วนทุนที่เหลือน้อยเต็มที, การขาดทุนต่อเนื่องกว่ายี่สิบไตรมาส, ค่าใช้จ่ายกับรายรับที่ยังไม่สมดุลกัน, สัดส่วนรายได้ที่มาจากแต่ละกลุ่มงานซึ่งมี Margin และความรุนแรงในการแข่งขันที่แตกต่างกันออกไป, การปรับเปลี่ยน Business Model กับค่าใช้จ่ายที่ต้องลงทุนไปเพื่อการนั้น รวมทั้งปัญหาของบริษัทฯลูกที่เป็นภาระมาตลอดเวลา...!!!" ผมไม่รู้ว่าจะมีใครเห็นเหมือนผมไหม ว่า... "ตั้งแต่ท่านประธานอภิสิทธิ์ รุจิเกียรติกำจร หรือCEO คนใหม่ของเรา เข้ามารับตำแหน่งนี้ เชือกและปมต่างๆที่พันกันอยู่อย่างยุ่งเหยิง เริ่มถูกสางออกอย่างช้าๆ ทีละปม ทีละเล็กละน้อย" บริษัทฯลูก...ถูกขายออกไป พร้อมกับการจัดการหนี้สินคงค้างแบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาด การบริหารค่าใช้จ่ายที่ดีขึ้นเรื่อยๆ ให้สมดุลกับรายได้ของบริษัทฯ และสัดส่วนรายได้ที่ค่อยๆเปลี่ยนแปลงไป โดยมีรายได้เพิ่มขึ้นจากกลุ่มงานที่มี Margin สูงกว่า แต่มีคู่แข่งน้อยกว่า ความพร้อมในการรับงานเพิ่มขึ้นของกลุ่มงานต่างๆ รวมทั้ง Backlog ที่อยู่ในมือ ปัญหาพื้นฐานของกิจการ ถูกแก้ไขไปแล้วเป็นส่วนใหญ่ ความพร้อมมีอยู่ในระดับหนึ่งแล้ว "พร้อม...เพียงพอที่สามารถอธิบายต่อนักลงทุนที่สนใจได้แล้ว" ทั้งกับ "นักลงทุนรายย่อย" และ "นักลงทุนที่สนใจจะลงขันกับบริษัทฯ" เหลือปมอีกไม่มากนัก...!!! เราเริ่มจะพอเห็นว่า ปัญหานี้น่าจะสามารถแก้ไขได้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของ "ส่วนทุน(ที่อยู่เหลือแบบเส้นยายแดงผ่าแปด) และ ส่วนต่ำมูลค่าหุ้น/ขาดทุนสะสม" ส่วนทุน(ที่อยู่เหลือแบบเส้นยายแดงผ่าแปด) สำหรับประเด็นนี้...คำตอบน่าจะอยู่ที่ "การเพิ่มทุน" เมื่อบริษัทฯทำการเพิ่มทุน ปัญหานี้ก็จะหมดไป รวมทั้งบริษัทฯมีการจดทะเบียนรอการเพิ่มทุนไว้อยู่แล้วจำนวนหนึ่ง อยู่ที่ว่าบริษัทฯจะเลือกแนวทางใด ในการเพิ่มทุน ระหว่าง "Right Offer" กับ "PP หรือ Private Placement" อย่างที่ผมเคยบอก สำหรับนักลงทุนต่างชาติแล้ว เรื่องเงินเรื่องเล็กครับ "ความพร้อม, พื้นฐานของกิจการ และ Facility ต่างๆ" ต่างหาก...ที่เค้าให้ความสนใจและ Scan อย่างละเอียด รวมทั้งเรื่องของ CEO และโอกาสของธุรกิจในอนาคต (ล่าสุด GSTEEL ก็เพิ่งประกาศเพิ่มทุนสำเร็จไปแล้ว) และถ้าบริษัทฯเพิ่มทุนสำเร็จ... "P/BV ของบริษัทฯที่สูงลิ่วอยู่ในวันนี้ จะกลับกลายสวยงามขึ้น และกลับมาอยู่ในค่าที่ค่าค่อนข้างปกติทันที" ตอนนี้ต้องถามหัวใจคุณเองแล้วครับว่า... "นาทีนี้ ในภาวะที่เงินจะท่วมโลกนี้... จะมีใครมีเงินสดเยอะๆ และเห็นโอกาส และพร้อมจะลงขันกับบริษัท PAE หรือไม่?" ส่วนต่ำมูลค่าหุ้น/ขาดทุนสะสม ตามหลักการปกติ นั้น... ถ้าบริษัทฯมี Backlog ในมือที่มากพอ และเริ่มต้นรับงานใหม่จากความพร้อมของตนเองในระดับหนึ่งนั้น กำไรที่เกิดขึ้น ก็จะเริ่มสามารถนำมาล้างขาดทุนสะสมได้ และถ้า PAE มีพันธมิตรใหม่ที่ดี และได้รับ Project ใหญ่ๆเข้ามา การขาดทุนสะสมจะถูกล้างได้รวดเร็วยิ่งขึ้น แต่เพราะวันนี้...Finance Engineering จะทำให้บริษัทฯ มีทางลัดที่รวดเร็วกว่านั้น ไม่ว่าจะเป็นการลดทุน แล้วค่อยเพิ่มทุน เพื่อนำไปล้างขาดทุนสะสม!!! รวมทั้งถ้าบริษัทฯสามารถเพิ่มทุนเป็นแบบ PP และมีราคาซื้อขายที่สูงกว่าราคาพาร์ ตรงนั้น...จะส่งผลดีต่อการบันทึกบัญชีของบริษัทฯอย่างแน่นอน ถ้านับจากนี้... บริษัทเริ่มที่จะสามารถ "ทำกำไร" ได้ จากการควบคุมค่าใช้จ่าย และได้รับงานเพิ่มมากขึ้น มันจะเป็นตัวผลักดันที่สำคัญ ที่จะทำให้ "ค่า P/E Ratio ของบริษัท" สวยงามขึ้นเรื่อยๆ (ตามวิธีที่ผมเขียนสอนคำนวณไปแล้วในอดีต) และในวันนั้น... "เนื้อแท้ หรือคุณค่าของ PAE"...น่าจะถูกแสดงผ่าน "ตัวเลข และ Ratio ต่างๆ" อย่างเด่นชัดขึ้นเรื่อยๆ ตามผลประกอบการที่จะประกาศออกมา โดยเฉพาะเมื่อนำไป Compare กับผลประกอบการเดิมที่มีฐานต่ำ และขาดทุนบักโกรกเหมือนช่วงที่ผ่านมา เมื่อการเปรียบเทียบ "สิ่งที่ดีขึ้น" กับ "อดีตที่เลวร้าย" นั่นแหล่ะครับ ที่ผมเรียกว่า "การ Turnaround ครั้งสำคัญ" แต่ทั้งหมดจะเกิดขึ้นได้ มันอยู่ที่สมมุติฐานที่ผมวางไว้ตั้งแต่เบื้องต้น!!! "วันที่ทุกอย่างยังดูคลุมเครือ" กับ "วันที่ทุกอย่างถูกแสดงผ่านตัวเลข(Quantitative)อย่างแจ่มชัดแล้ว" แน่นอนครับว่า ทั้งสอง Timming นั้น..."ความเสี่ยง" และ "สิ่งที่เราต้องจ่าย"มันย่อมไม่เท่ากันอยู่แล้ว!!! บทวิจารณ์นี้ ไม่มีข้อสรุป!!! แต่จะเปิดคำถามไว้ให้ผู้อ่านได้ขบคิดว่า... "แล้วคุณหล่ะ... คุณมองเห็น "โอกาส" หรือ "ทางตัน" สำหรับ PAE ครับผม?" มันก็เท่านั้นเอง (^_^) จากคุณ : Bata (Again-With-Love) เขียนเมื่อ : 9 มี.ค. 54 10:35:09

ความคิดเห็นที่ 5 ประวัติ : นายอภิสิทธิ์  รุจิเกียรติกำจร รองกรรมการผู้จัดการใหญ่กลุ่มธุรกิจน้ำมันและการค้าระหว่างประเทศ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) (ตำแหน่งก่อนเกษียณ) ทำงานที่ป.ต.ท.ตั้งแต่ปี 2521 - 30 กันยายน 2548 รวมเวลา 28 ปี ประธานกรรมการส่งเสริมกิจการม.ขอนแก่น เกิดที่ อำเภอพล จังหวัด ขอนแก่น  เมื่อ 20 กันยายน 2488 ปัจจุบันอายุ 60 ปี ที่อยู่ 44/13 ถนนคอนแวนต์ สีลม บางรัก กทม.10500 E-mail : apisit.r@pttplc.com การศึกษา เริ่มต้น เรียนชั้นประถมที่บ้านเกิด รร.ซู่xxx มาต่อชั้นมัธยมที่ รร.ดอนบอสโก อุดรธานี และ รร. สารสิทธิ์ พิทยาลัย อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี ชั้นเตรียมฯที่ รร.เตรียมอุดมศึกษา พญาไท สำเร็จการศึกษา วิศวกรรมโยธา จากมหาวิทยาลัยขอนแก่น เมื่อ มีนาคม 2512 เรียนต่อโทที่ Lamar University, Beaumont, Texas USA. ทำงานอยู่กรมทางหลวง เกือบ5ปี ไปเรียนต่อที่ประเทศสหรัฐอเมริกา3ปี กลับมาเข้าทำงานกับ องค์การก๊าซธรรมชาติฯ ปี2521 ซึ่งต่อมาเปลี่ยนเป็นการปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย และ บจม.ปตท. หน้าที่ความรับผิดชอบเริ่มจากเป็นวิศวกร, หัวหน้าหน่วยจัดกรรมสิทธิ์ที่ดิน, หัวหน้าหน่วยก่อสร้าง, ผู้อำนวยการฝ่ายบำรุงรักษา, ฝ่ายวิศวกรรมบริการ, ผู้ช่วยผู้ว่าการดูแลงานบริหาร, ผู้จัดการใหญ่บริษัทปิโตรเอเซีย, รองผู้จัดการใหญ่โรงกลั่นสตาร์รีไฟนิ่ง,กรรมการผู้จัดการใหญ่บริษัททรานส์ไทย-มาเลเซีย, ตำแหน่งก่อนเกษียณ  คือตำแหน่งรองกรรมการผู้จัดการใหญ่กลุ่มธุรกิจน้ำมันและการค้าระหว่างระเทศ นอกจากงานประจำแล้ว ชอบการลงทุนไม่ว่าอสังหาริมทรัพย์ หรือหลักทรัพย์จดทะเบียน  ชอบปลูกต้นไม้ใหญ่ประเภท ดอกสวย ดอกหอม และไม้หายาก (ตอนนี้มีแล้วร้อยกว่าต้น) ชอบท่องเที่ยว   ชิมอาหารอร่อย ชอบอ่านหนังสือโดยเฉพาะประวัติศาสตร์ โบราณคดี สารคดีฯลฯ การออกกำลังกายขณะนี้คือ จ๊อกกิ้งในวันระหว่างสัปดาห์ ส่วนวันสุดสัปดาห์และวันนักขัตฤกษ์ จะเล่นกอล์ฟ ออกลีลาศบ้างเป็นครั้งคราว หลังเกษียณอายุ 30 กันยายน 2548 แล้ว จะทำงานประจำน้อยลง แต่สิ่งที่คิดทำเพิ่มคือ การเรียนภาษาจีนกลาง และภาษาสเปน อีทั้งจะทำงานเพื่อสังคมมากขึ้น   ปล. อ่านรายละเอียดทั้งหมดเพิ่มเติมได้ที่ http://www.thairunning.com/advisor_apisit/advisor_apisit.htm จากคุณ : Bata (Again-With-Love) เขียนเมื่อ : 9 มี.ค. 54 11:12:09

ความคิดเห็นที่ 6 พักหลังราคาผันผวนมาก คนที่คิดจะเข้าเวลานี้ก็ไม่กล้า จากคุณ : WTKn เขียนเมื่อ : 9 มี.ค. 54 11:37:57

ความคิดเห็นที่ 7 บางคนอยากจุดธูปอันเชิญ "เจ้ามือ" ให้มาประทับในหุ้นที่ตัวเองถือ แต่ถ้าผมเลือกได้... ผมอยากจะอันเชิญ "เจ้ามือ" ให้ออกไปไกลๆจังครับ!!! มี "เจ้ามือ" ทีไร หุ้นจะหวือหวามากจริงๆ ปวดหัว ดูแล้วเครียด โดนด่าว่าเป็น "หุ้นปั่น" อีก!!! ผมหล่ะ ไม่ชอบเลยจริงๆ ส่วนตัวแล้ว ผมมองว่า... "หุ้นขาดสภาพคล่อง ถือแล้วยังสบายใจกว่าหุ้นที่มีคนคอยปั่นราคาอย่างรุนแรง!!!" ผมคิดแบบนั้นนะ ปล. ฝากกระทู้ครับ เรื่อง "### ซันซิล...สู้สู้นะ(ฉันจะตอยเป็นกำลังใจให้แกเอง) ###" ที่ http://www.pantip.com/cafe/jatujak/topic/J10314345/J10314345.html แก้ไขเมื่อ 09 มี.ค. 54 14:38:05 จากคุณ : Bata (Again-With-Love) เขียนเมื่อ : 9 มี.ค. 54 13:55:51

ความคิดเห็นที่ 8 หุ้นเล็กราคาถูก คงเป็นเป้าหมายที่"เจ้ามือ"จะเลือกเข้า โดยเฉพาะหุ้นที่มีแวว "Turnaround" เพราะปั่นง่าย ไม่ทราบว่า เข้าใจถูกมั้ย จากคุณ : WTKn เขียนเมื่อ : 9 มี.ค. 54 14:24:40

ความคิดเห็นที่ 9 หากมันจะ Turnaround จริงคิดว่าเจ้ามือก็เอาไม่ลงละครับ 21 มี.ค. 54 Opp Day น่าจะะเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีของ PAE นะครับ จากคุณ : ขี่รถถีบไปจีบเธอ เขียนเมื่อ : 9 มี.ค. 54 14:41:42

ความคิดเห็นที่ 10 ไม่ใช่เพียงแต่ คุณอภิสิทธิ์ รุจิเกียรติกำจร ที่มีประสบการณ์ "ด้านปิโตรเลียม" แต่ในบริษัทฯ PAE ยังมีมือดี "ด้านปิโตรเคมี" เป็นกรรมการอีกด้วยนะครับ คุณอภิพร ภาษวัธน์...ท่านเคยดำรงตำแหน่งเป็นถึง "กรรมการผู้จัดการใหญ่ บจ. เคมีภัณฑ์ซิเมนต์ไทย" และปัจจุบัน นอกจากเป็นกรรมการของบริษัทฯ PAE แล้ว ท่านก็ยังคงดำรงตำแหน่ง "ที่ปรึกษา บมจ. ปูนซีเมนต์ไทย" เรามาดูประวัติของท่านกันนะครับ... ================================================== ชื่อ – สกุล : นายอภิพร ภาษวัธน์ ตำแหน่ง : กรรมการ สัญชาติ : ไทย อายุ : 61 ปี ที่อยู่ : 99/116 หมูบ้านเลควู๊ด ถ.บางนา-ตราด กม.8 ซอย 28 ตำบลบางโฉลง อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ 10540 วุฒิทางการศึกษา หลักสูตรบริหารสำหรับผู้บริหารระดับสูง จากมหาวิทยาลัยฮาวาร์ด สหรัฐอเมริกา ปริญญาโท บริหารธุรกิจ (การผลิต) มหาวิทยาลัยวิสคอนซิน สหรัฐอเมริกา M.S. (วิศวกรรมเคมี) มหาวิทยาลัยวิสคอนซิน สหรัฐอเมริกา ปริญญาตรี (เกียรตินิยมอันดับ 2) สาขาเคมีวิศวกรรม จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย หลักสูตรการอบรม DAP - Directors Accreditation Program 39/2005 จาก IOD ประวัติการทำงาน ปัจจุบัน - กรรมการ บมจ. พีเออี (ประเทศไทย) - ที่ปรึกษา บมจ. ปูนซีเมนต์ไทย - กรรมการและประธานกรรมการบริหาร บมจ. ไทยพลาสติกและเคมีภัณฑ์ - กรรมการและประธานคณะกรรมการบริหาร บมจ. ไทยอินดัสเตรียลแก๊ส - ประธานคณะกรรมการ บจ. ดับบลิวเอ็นเอสอาร์ แปซิฟิค - คณะกรรมการอำนวยการ วิทยาลัยปิโตรเลียมและปิโตรเคมี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย - กรรมการมูลนิธิซิเมนต์ไทย - กรรมการ บจ. กรุงเทพซินธิติกส์ - กรรมการ บจ. บีเอสที อิลาสโตเมอร์ส - กรรมการ มูลนิธิเพื่อสนับสนุนการผ่าตัดหัวใจเด็ก - กรรมการ บจ. สยามไบโอไซเอนซ์ - กรรมการ บจ. องค์การเภสัชกรรม – เมอร์ริเออร์ชีววัตถุ - กรรมการ บมจ. การบินไทย - กรรมการที่ปรึกษาภาคอุตสาหกรรมของศูนย์ปิโตรเลียมและเทคโนโลยีปิโตรเคมี - ที่ปรึกษา บจ. ทุนลดาวัลย์ - กรรมการ และกรรมการกำหนดค่าตอบแทน บมจ. อะโรเมติกส์ (ประเทศไทย) - กรรมการ บจ. บีเอสที อิลาสโตเมอร์ส - กรรมการ คณะกรรมการอำนวยการ สถาบันปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย อดีต - กรรมการผู้จัดการใหญ่ บจ. เคมีภัณฑ์ซิเมนต์ไทย - กรรมการ บมจ. อะโรเมติกส์ (ประเทศไทย) - กรรมการ บมจ. ปิโตรเคมีแห่งชาติ - ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ กลุ่มปิโตรเคมี บมจ. ปูนซิเมนต์ไทย - กรรมการ บมจ. ไทยโอเลฟินส์ - กรรมการผู้จัดการ บจ.ไทยโพลีเอททีลีน จากคุณ : Bata (Again-With-Love) เขียนเมื่อ : 13 มี.ค. 54 16:49:11

ความคิดเห็นที่ 11 วีดีโอ งาน OPP DAY วันนี้ ของ บริษัทฯ PAE นะครับ ฟังข้อมูล "อดีต ปัจจุบัน และแนวโน้มในอนาคต" ของ PAE จาก CEO โดยตรงครับผม ที่ http://www.dcs-digital.com/setweb/ondemandnew.php?onid=550&&size=s (^_^) จากคุณ : Bata (Again-With-Love) เขียนเมื่อ : 21 มี.ค. 54 20:09:07

ความคิดเห็นที่ 12 File ที่ใช้ในการ Presentation อยู่ที่ http://www.dcs-digital.com/setweb/downloads/2553q4/20110321_pae.pdf จากคุณ : Bata (Again-With-Love) เขียนเมื่อ : 21 มี.ค. 54 20:10:04

ความคิดเห็นที่ 13 รายชื่อผู้ถือหุ้นใหญ่ของ PAE ล่าสุดมาแล้วขอรับ!!! "5ผู้ถือหุ้นเดิม กับอีก 10ผู้ถือหุ้นใหม่" จากคุณ : Bata (Again-With-Love) เขียนเมื่อ : 4 เม.ย. 54 08:53:36