ความคิดเห็นที่ 1 ใน SCB easy net จะมีรายการแสดงจำหน่วยหน่วยลงทุน LTF ที่ซื้อในแต่ละปี เข้าใจว่า print ตรงนั้นออกมาแสดงให้เขาดูก็น่าจะได้น่ะครับ แต่ SCBAM อาจจะมีหนังสือแสดงต่างหากก็ได้ รอคำตอบด้วยครับ จากคุณ : pimmuno เขียนเมื่อ : 9 มี.ค. 54 18:20:31

ความคิดเห็นที่ 2 มองอีกมุมก็จะเห็นว่าสรรพากรขาดระบบในการตรวจสอบ แบบนี้ถ้าคุณไม่บอกกองทุนไม่บอกสรรพากรก็คงไม่รู้ ถ้าสารภาพแบบนี้ซื้อปีนี้ปีหน้าขาย ปีนี้ซื้อไทยพาณิชย์ ขายปีหน้าเอาเงินไปซื้อกสิกร แบบจะโทษใครดีรัฐบาลหรือราชการ จากคุณ : นายกว้าง เขียนเมื่อ : 9 มี.ค. 54 19:23:20

ความคิดเห็นที่ 3 ผมเคยขายกองทุนของบล.กสิกรไทยในเอกสารเขาจะระบุให้เลยว่าเราได้สิทธิทางภาษีแต่เอกสารที่ขายกองทุนของบล.ไทยพานิชย์ทำไมจึงไม่มีระบุให้ชัดเจนเพื่อสรรพากรจะได้ไม่ต้องตั้งข้อสงสัย จากคุณ : ตุ๊กแก007 เขียนเมื่อ : 9 มี.ค. 54 19:34:55

ความคิดเห็นที่ 4 เมื่อปีที่แล้ว ผมก็ขาย LTF 70/30 ที่ซื้อไว้ในปี49 เหมือน จขกท ผมได้รับหนังสือรับรอง SCBAM แจ้งวันและจำนวนที่ซื้อครบถ้วนนี่ครับ จากคุณ : Replica เขียนเมื่อ : 9 มี.ค. 54 19:54:19

ความคิดเห็นที่ 5 ผมยื่นขอคืนภาษี ในหนังสือรับรองการซื้อของ Kbank มีทั้งการซื้อระหว่างปี และการขายระหว่างปี ทีแรกคิดว่าใช้ใบรับรองการซื้อได้ แต่กรมสรรพากรเรียกเพิ่ม เอกสารรับรองการขาย เลยต้องเอาไปให้ แถมยังถ่ายสำเนาสมุดไว้ด้วย จากคุณ : yuanhan49 เขียนเมื่อ : 9 มี.ค. 54 20:21:55

ความคิดเห็นที่ 6 ผมโทรไปขอจาก SCBAM อีกครั้ง เขาส่งสำเนามาให้ มีรายละเอียดวันที่ซื้อ วันที่ขายด้วยครับ จากคุณ : banchap (banchap) เขียนเมื่อ : 9 มี.ค. 54 20:52:21

ความคิดเห็นที่ 7 รู้สึกผมจะไม่ได้รับหนังสือรับรองการขายคืนหน่วยลงทุนแบบ คห.4 ครับ พรุ่งนี้จะติดต่อ scbam อีกที ขอบคุณมากครับ จากคุณ : Andrew เขียนเมื่อ : 9 มี.ค. 54 21:31:35

ความคิดเห็นที่ 8 ผมเคยตั้งกระทู้เรื่องนี้ครั้งนึงแล้วครับ เรื่องก็คือว่า SCBAM ได้ส่งหนังสือตาม คห.4 ไปให้ลูกค้าหลังจากที่ได้ทำการขายจริงๆครับ และปัญหาที่ทำให้คนทั่วไปสับสนคือ SCBAM ดันส่งหนังสืออีกฉบับมาเมื่อตอนต้นปีนี้ โดยมี 2 copy ฉบับนึงให้ผู้ถือหน่วยลงทุนเก็บไว้เป็นหลักฐาน อีกฉบับให้ยื่นกรมสรรพากร พอดีผมสแกนมาเฉพาะฉบับแรก ถ้าใครอยากเห็นฉบับที่ใช้สำหรับยื่นกรมสรรพากรก็แจ้งมาครับ เดี๋ยวผมจะสแกนให้ดู เจตนาก็คือ อยากให้ทาง SCBAM รับรู้ว่าเอกสารที่ออกมานั้น มี 2 รอบ ทำให้สับสน และในรอบที่ 2 เนี่ย มันขาดข้อมูลสำคัญ ซึ่งทำให้เจ้าหน้าที่สรรพากรทำงานได้ช้าลง อาจแก้ไขโดยการออกหนังสือแค่ฉบับเดียวก็ได้ หรือเพิ่มเติมข้อมูลในฉบับที่ 2 ก็ได้ครับ อ้าว รูปไม่ขึ้นซะงั้น เอาลิ๊งค์ไปดูแทนละกันครับ จะได้เข้าใจมากขึ้น http://www.pantip.com/cafe/sinthorn/topic/I10300965/I10300965.html ที่คห.4 นะครับ ส่วนตัวผมสงสารทางเจ้าหน้าที่สรรพากรมากกว่า เพราะเขาต้องย้อนกลับไปดูข้อมูลของแต่ละคน ในปี 2549 ว่าหักลดหย่อนไว้เท่าไหร ทำให้งานช้าลงไป เพราะแค่ความเข้าใจผิดในเรื่องเอกสาร แก้ไขเมื่อ 09 มี.ค. 54 22:14:49 แก้ไขเมื่อ 09 มี.ค. 54 22:13:41 จากคุณ : หมูน้อยออมสิน เขียนเมื่อ : 9 มี.ค. 54 22:04:11

ความคิดเห็นที่ 9 หนังสือรับรองการขายคืน จำเป็นต้องออกให้ทันทีเมื่อมีการทำรายการ สำหรับกรณีที่ผู้ลงทุนขายผิดเงื่อนไข จะได้นำไปใช้แสดง เพื่อทำคืนภาษีได้ทันที เพราะถ้าไปรอจนถึง ม.ค. ของปีถัดไปที่จะได้หนังสือรับรองการซื้อ ... จะหมายถึงค่าปรับ 1.5% ต่อเดือน ที่เสียเพิ่มอีกหลายเดือนเลยครับ ทั้งนี้ ในทุกๆ ปี ทางสรรพากรได้มีการขอ Text File ของรายการที่เกิดขึ้น จากทุก บลจ. นำไปเก็บเข้าฐานข้อมูลของทางสรรพากรอยู่แล้วด้วยครับ .... ทำให้สรรพากกรเองก็จะ มีระบบตรวจสอบได้ว่า มีการขายคืนถูกต้องตามเงื่อนไขหรือไม่ได้ด้วยครับ ภาพตัวอย่างหนังสือรับรองการขายคืน ตาม คห. ของคุณ หมูน้อยออมสิน ครับ จากคุณ : pjuk เขียนเมื่อ : 10 มี.ค. 54 10:01:56