ความคิดเห็นที่ 1 2. Bearish divergent ก็ตรงข้ามกับ bullish divergent คือราคาทำจุดสูงสุดใหม่ตามลูกศรแต่ indicator ไม่ทำจุดสูงตาม ตำราให้ระวังการกลับตัวและให้ขายเมื่อมีสัญญาณขายตามภาพ อย่างไรก็ดีการใช้ divergent ก็มีจุดอ่อนเช่นกัน ในตลาดที่มี trend แรงๆ divergent อาจเกิดได้มากกว่า 1 ครั้ง นอกจากนี้ยังอาจมีการ clear สัญญาณ divergent และราคาหุ้นไปตามทิศทางเดิมโดยไม่กลับตัวอย่างที่คาด จากคุณ : talingchan เขียนเมื่อ : 12 มี.ค. 54 23:18:43

ความคิดเห็นที่ 2 มาถึงจุดที่อยากคุยกันนะครับ เราใช้ divergent เป็นสัญญาณให้ระวังการกลับทิศและ take action เมื่อมีสัญญาณซื้อขายคือ MA หรือ MACD ตัดขึ้นลง แต่ด้วยข้อจำกัดของการใช้ divergent ซึ่งเกิดขึ้นกับทุกเครื่องมือครับ หากมีสัญญาณที่สนับสนุนการกลับทิศเช่นแท่งเทียนที่อาจเป็น reversal pattern เช่น hammer มาสนับสนุนอีกแรงก็น่าจะทำให้จุดอ่อนของเครื่องมือเดียวน้อยลง แท่งเทียน hammmer อย่างเดียวก็มีจุดอ่อนเช่นกันครับ ลองมาดูของจริงที่เกิดกับ set เมื่อเร็วๆนี้กันครับ เราเห็น bullish divergent  และเห็นhammer มาพร้อมกัน และตามมาด้วยสัญญาณซื้อและการกลับตัวของ SET ในเวลาต่อมา ตรงจุดที่ก่อนกลับตัวใครอยู่ในเหตุการณ์จะรูสึกว่าเป็นเวลาที่คนกลัว แต่นักเทคนิคที่มีสติเห็นแรงซื้อกลับตอนตลาดปิดในวันนั้นจะซื้อหุ้นและ long TFEX ตามตอนตลาดปิด และวันรุ่งขึ้นเปิด gap ให้เห็นผู้เล่นที่ aggresive จะซื้อและ long เพิ่มอีกครับ จากคุณ : talingchan เขียนเมื่อ : 12 มี.ค. 54 23:39:55

ความคิดเห็นที่ 3 ลองมาดูอีกกรณีนะครับ TUF มี bearsh divergent ให้เห็นและตามมาด้วย hammer ก่อนจะมีสัญญาณซื้อและกลับตัวในเวลาต่อมา ในลักษณะเดียวกับ SET ดังข้างบน การกลับทิศนี้จะยาวนานหรือสั้นๆคงไม่มีใครรู้ เช่นกันครับในวันก่อน TUF กลับตัวอารมณ์ของผู้เล่นคือกลัว เพราะหุ้นลงลึกและแรง แต่ผู้เล่นที่จับตาอยู่เห็นแรงซื้อกลับจากสัญญาณ hammer ใน oversold area โดยมี divergent ค้ำอยู่จะเสี่ยงซื้อปิด และจับตาสัญญาณซื้อว่าจะตามมาในวันต่อไปหรือไม่ เพื่อวางแผนการเล่นต่อไป ทุกเครื่องมือทางเทคนิคมีจุดอ่อน แต่ก็สามารถช่วยในการซื้อขายได้ จุดประสงค์ของกระทู้นี้เพียงเห็นว่ารูปแบบทางเทคนี้น่าสนใจ เลยมาเล่าสู่กันฟัง เพื่อนๆท่านใดมีความเห็นตรงเห็นต่าง ช่วยออกความเห็นด้วย โชคดีทุกท่านครับ จากคุณ : talingchan เขียนเมื่อ : 12 มี.ค. 54 23:57:27

ความคิดเห็นที่ 4 อธิบายได้ดีเยี่ยมครับ  ขอบคุณที่ให้ความรู้ครับ จากคุณ : ลิงฮาวาย เขียนเมื่อ : 13 มี.ค. 54 00:32:00

ความคิดเห็นที่ 5 จากแท่งเทียนหนึ่งแท่ง ของกราฟเดย์       ย้อนกลับไปหาเบสิคว่ามาจากไหน            จาก ขีดบนเปิด แล้ววันนั้นไปปิด ต่ำกว่าเปิด คือปิดที่ขัดล่าง ก็ได้แท่งเทียนสีแดง            จากขีดเปิดเป็นขีดล่างแล้ว วันนั้นไปจบที่ปิดสูกว่าเปืด ก็ได้:-)เทียนสี เขียว           แต่ถ้าเปิดแล้วลงไปเรื่อยแรงๆๆ ในวันที่สาม แล้วเกิด มีแรงซื้อขึ้นมาดันให้ปิดเกือบเท่าตอนเปิด หรือสูงกว่าเล็กน้อย ก็จะได้แท่งเทียน          ใส้ยาวด้านล่าง ส่วนสีก็แล้วแต่ว่าปิดสูงกว่าเปิด (เขียว) หรือปิดต่ำกว่าเปิด(แดง)              ใส้เทียนบ่งบอกแรงซื้อถ้าวันใด ใส้ยาวมากด้านล่าง พึงให้นึกว่าวันต่อไป ถ้าอารมณ์ อยากซื้อยังมากอยู่วันต่อไป จะขึ้นแน่            ทำนองเดียวกัน  ถ้าเกิด ใส้เทียนด้านบนยาวๆๆ  วันนั้น หุ้นได้ขึ้นมาก แล้วเกิด การเทขาย กดราคาลงมายาวมาก จนถึงตอนตลาดปิด           นั่นก็แปลว่าอารมณ์คนในตลาดอยากขายมาก ถ้าวันต่อไปอารมณ์นั้นยังอยู่   ราคาก็ลงแน่นอน                   รูปมันมาเช่นนี้เอง               กราฟคือข้อมูลตัวเลขที่บันทึกไว้แล้วนำเสนอในรูปภาพ ให้ง่ายต่อการเข้าใจ                 จะเข้าใจแต่ละภาพให้ดีก็ต้องย้อนไปก่อนว่าภาพแต่ละภาพเกิดมาด้วยอารมณ์ตลาดแบบไหน              ภาพ ชีอตเด้ดๆๆจึง มีความหมาย ถ้าอารมณ์ ของภาพนั้นยังต่อเนื่องไปวันต่อไป                   หรือภาษา นักเทคนิคว่า " รอคอนเฟริม ด้วยแท่งพรุ่งนี้อีกที " จากคุณ : หมอสัจจะ เขียนเมื่อ : 13 มี.ค. 54 04:03:55

ความคิดเห็นที่ 6 แท่งเทียนในกลุ่ม กากะบาด สตาร์ ฆ้อนอะไรเหล่านี้          จึงเกิดจาก อารมณ์ตลาดแบบเดียวกัน              เมื่อวันนั้น ราคาปิด เกือบเท่าราคาเปิด ( แท่งเทียนลำตัวเทียนไม่มีหรือสั้นมาก)  แปลว่า อารมณืคนขายกับคนซื้อมีเท่าๆๆกัน  ถ้าใส้ ด้านบนล่างเท่ากัน          หรือใส้ด้านไหน สั้น           ก แรง ขายด้านบน ถ้าสั้น แสดงว่าว่าไม่อยากขายละ           ข แรงซื้อด้านล่าง ถ้าสั้นแสดงว่าไม่อยากซื้อ           ถ้าใส้ยาว             ก ด้านบน แรงขาย เยอะมาก พอมาไฮที่นั่น หรือมีข่าวร้ายมาด่วน จึงพานิค             ข ด้านล่างยาวๆๆ แรงซื้อ มากมาก จาก ตกมาจนถึงแนวต้านใหญ่ เด้ง ด้วยความรุนแรง  หรือข่าวดีกลับเข้ามาจึงเกิดแรงซื้อ รุนแรง           คำแปลเหล่านี้ ถ้ามีประสบการณ์แล้ว ตกเย็นพยายามดูแท่งเทียนว่าจบด้วยรูปแบบไหน กับเหตการ์สำคัญวันนั้ จะทำให้เข้าใจภาพ แท่งเทียนมีอารมณ์มากขึ้น          หรือถ้าข่าวจบไว             เหตการณ์นั่นไม่เกี่ยวข้องโดยตรงกับเรา                  การกลับทิศ ก็ไม่ต้องอาศัย สัญญาณบอกจากกราฟก้ได้            เหมือนที่เกิดบ่อยๆๆช่วงนี้ เขียวมาแดง แดงมาเขียว เอาไม่ทัน       และโลกสื่อสารไวไว  คงทำให้ตลาดต่อไปน่าจะเป็นแบบนี้ บ่อยๆๆ             เราก็ควรเพิ่มปรับระบบ การคาดการณ์พรุ่งนี้กันใหม่ละ รอมันทำให้ดู คงไม่ได้สำหรับ  การเล่นแบบใหม่ๆๆ เช่นฟิวเจอร์ เพราะเพียงวันเดียว เป็น10จุดก็เสทือนเงินในบัญชีเยอะมาก จากคุณ : หมอสัจจะ เขียนเมื่อ : 13 มี.ค. 54 04:20:18

ความคิดเห็นที่ 7 ขอบคุณครับบ จากคุณ : yinton เขียนเมื่อ : 13 มี.ค. 54 06:11:25

ความคิดเห็นที่ 8 แต่คนที่มีประสบการณ์ในตลาด  แค่เห็นของพวกนี้มา เค้าก็ "ใส่" กันก่อนแล้วล่ะ  เสร็จแล้วก็จะมีคนช่วยเฟริมเองแหละ จากคุณ : Duo-Core เขียนเมื่อ : 13 มี.ค. 54 10:45:12

ความคิดเห็นที่ 9 เยี่ยมมากครับ จากคุณ : นักโพส 12 ตำนาน (Samith) เขียนเมื่อ : 13 มี.ค. 54 11:26:25

ความคิดเห็นที่ 10 เยี่ยมด้วยอีกเสียง จากคุณ : kraft เขียนเมื่อ : 13 มี.ค. 54 16:50:40