ความคิดเห็นที่ 1 ถ้าเป็นของผมนะครับ  อะไรก็ได้  ขอให้มันขึ้น  จะตัวเดิมหรือตัวใหม่ก็ได้ จากคุณ : เมย์ฟลาวเวอร์ เขียนเมื่อ : 21 มี.ค. 54 12:48:53

ความคิดเห็นที่ 2 เป็นทั้ง2อย่างที่พี่คนจนที่อยากรวยกล่าวมาครับ.. โดยส่วนตัวมี watch list อยู่ ถ้าตัวไหนให้กำไรจนพอใจหรืแแม้กระทั้งเทคนิคเสียไป ก็ขายออกมาครับ เอาไปเข้าตัวอื่นที่เทคนิคยังรับได้อยู่หรือเอาออกมาอยู่เฉยๆรอมั่นใจค่อยเข้าอีกรอบ หรือแม้กระทั้งขายออกมาแล้ว ไม่เป็นตามที่เราคิด(โดนสัณญาณหลอกว่างั้น) ผมก็เข้าตามไปอีกรอบ แต่จำนวนเงินลดลงครับ... จากคุณ : Pogio เขียนเมื่อ : 21 มี.ค. 54 12:52:22

ความคิดเห็นที่ 3 ปัญหาของหลายๆ คน (รวมทั้งผมด้วย) คือ ไม่รู้จักการรอคอย พอขายแล้วมันมีหุ้นตัวอื่นรอให้ซื้อ ก็เลยโยกไปเล่นตัวอื่น แต่พอหุ้นที่ขายไปลงถึงตำแหน่งที่คาดหวังจะซื้อ เงินก็ไปอยู่ที่ตัวอื่นแล้ว โชคดีก็ไปกำไรตัวอื่น กลับมาซื้อได้ โชคร้ายกลายเป็นกำไรตัวนี้ แต่ไปโดนตัวใหม่ที่ซื้อ กว่าจะยอมหนีออกมา ไอ้ตัวนั้นก็เด้งไปราคาที่ขาย หรืออาจสูงกว่า ทำให้หุ้นตัวนั้นหลุดมือไป ต้องไปหาหุ้นใหม่ นี่แหละปัญหา จากคุณ : ปลานิลจิ๋ว เขียนเมื่อ : 21 มี.ค. 54 12:54:29

ความคิดเห็นที่ 4 ประเด็นแรกของคำถาม คือตามหัวข้อกระทู้ อีกประเด็นที่อยากถามเพิ่มเติมคือ นัก technical มีความเห็นอย่างไรกับมุมมองที่ว่า หุ้นตัวเดิม(ที่เทรดบ่อยๆ) กับการเคลื่อนไหวของราคาในอดีต จะสามารถทำความเข้าใจและวางแผนได้ง่ายกว่า หุ้นตัวใหม่(ที่ไม่เคยเทรด หรือเทรดไม่บ่อย) ซึ่งตัวเราเองยังไม่คุ้นเคยในพฤติกรรมราคาของหุ้นตัวนั้น อยากทราบความเห็นจากนัก technical ขอบคุณมากครับ แก้ไขเมื่อ 21 มี.ค. 54 13:04:53 จากคุณ : คนจนที่อยากรวย เขียนเมื่อ : 21 มี.ค. 54 12:57:20

ความคิดเห็นที่ 5 ต่างคนต่าง style ............. หุ้นตัวเดิมๆ เล่นง่ายกว่าครับ           จากคุณ : pitan เขียนเมื่อ : 21 มี.ค. 54 13:01:43

ความคิดเห็นที่ 6 ผมดูพฤติกรรมของหุ้นจากกราฟย้อนหลังครับ เวลาเทรดผมจะเทรดตาม Pattern ผมเปลี่ยนตัวเล่นไปเรื่อยๆ แต่มีหุ้นที่ชอบเล่นอยู่จำนวนหนึ่ง แต่จะไม่เล่นหุ้นที่ผลประกอบการไม่ดีเด็ดขาดครับ จากคุณ : จิ้งจกเขียว เขียนเมื่อ : 21 มี.ค. 54 13:08:38

ความคิดเห็นที่ 7 > ทั้ง 2 แบบ แก้ไขเมื่อ 21 มี.ค. 54 13:39:51 จากคุณ : สมาร์ท อินเวสเทอร์ เขียนเมื่อ : 21 มี.ค. 54 13:10:56

ความคิดเห็นที่ 8 กำไรแล้ว ก็นำไปซื้อหุ้นต้นทุนเป็นศูนย์ ... เช่น ETF ต่างๆ หรือแล้วแต่นักลงทุนท่านนั้น จากคุณ : สมาร์ท อินเวสเทอร์ เขียนเมื่อ : 21 มี.ค. 54 13:13:46

ความคิดเห็นที่ 9 ผมเปลี่ยนไปเรื่อยๆครับ แต่ยังเล่นมาไม่นานด้วย เลยไม่ค่อยได้เล่นตัวซ้ำ ปัญหาของ คุณปลานิลจิ๋วผมก็เจอเหมือนกันเลย แต่ทางแก้อาจจะใช้วิธีเผื่อทุนสำรองเอาไว้เสมอ เพราะโอกาสมันเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา แต่ผมทุนน้อย ถ้ายังเก็บเผื่อไว้อีก ก็แทบไม่มีให้เทรด :P แก้ไขเมื่อ 21 มี.ค. 54 13:28:21 จากคุณ : คืนนี้ไร้เรื่องราว เขียนเมื่อ : 21 มี.ค. 54 13:27:23

ความคิดเห็นที่ 10 สมัยก่อนตอนเล่นเทคนิคอลแบบงูๆ ปลาๆ ผมทำแบบนี้ครับ 1. ผมจะมีอยู่ใน list ที่เล่นอยู่ ไม่เกิน 10 ตัว เพราะจะจำความเคลื่อนไหวได้ 2. ถ้ากำไร ก็จะขาย แล้วก็สลับไปมาใน 10 ตัวนี้ แต่ถ้าไม่มีจังหวะ ก็เก็บเงินรอครับ 3. บางตัวก็เล่นรายวัน สัปดาห์ รายเดือน แต่ส่วนใหญ่จะเล่นรายสัปดาห์ครับ 4. ถ้าตลาดขึ้นมาสูงมาก ผมก็ลดพอร์ต จนถึง ล้างพอร์ตครับ รอรอบใหม่ (อย่างเช่นตอนนี้ สำหรับผม คิดว่าเล่นเก็งกำไรยากมาก) บางทีก็รอเป็นปีเหมือนกัน อย่างตอนปี 47, 51 นี่เล่นยาก ผมก็เลิกครับ กลับมาใหม่ตอนปี 52 กลายเป็นนักลงทุนแบบงูๆ ปลาๆ ในพอร์ตมี 80-100% ตลอดเวลา ทุกวันนี้ก็ยังคิดเหมือนเดิมว่าจะ take profit ดีไหมแล้วรอรอบใหม่ แต่ก็อดทนใช้เหตุผลสู้กับอารมณ์อยู่ครับ ผลจะเป็นยังไง ปลายปีนี้ว่ากันอีกที ดูเป็นปีๆ ไป ขอให้โชคดีครับ จากคุณ : โมโม่ (โมโม่จันทร์) เขียนเมื่อ : 21 มี.ค. 54 13:57:51

ความคิดเห็นที่ 11 สำหรับผม ส่วนที่เล่น TA ดูพื้นฐานก่อนเลย ประเภทหุ้นเน่าๆ เทคนิคดีผมไม่เล่น เวลาเล่นไม่จำกัดว่าต้องเป็นหุ้นตัวเดิม หุ้นพื้นฐานดีมีเต็มตลาดจะเล่น TA กับหุ้นเน่าไปทำไม จากคุณ : เขียนบน iPhone (opar156) เขียนเมื่อ : 21 มี.ค. 54 14:01:53

ความคิดเห็นที่ 12 ดูท่าคุณคนจน (ที่รวยแล้ว) อยากเล่นเทคนิคอลนะเนี่ย อยากเปลี่ยนสายเหรอครับ บอกได้เลยว่า ข้อดีอย่างหนึ่งสำหรับการเป็นนักลงทุนคือ สบายใจครับ ไม่ต้องคอยเปิดหน้าจอดูราคาหุ้นครับ แต่ข้อเสียคือ มันไม่ตื่นเต้นเอาซะเลย จากคุณ : โมโม่ (โมโม่จันทร์) เขียนเมื่อ : 21 มี.ค. 54 14:02:11

ความคิดเห็นที่ 13 เพิ่มเติมครับ หุ้นเทคนิคที่ผมเล่น มองระยะกลาง ส่วนใหญ่จะถือมากกว่า 1 เดือน ถ้าไม่มีสัญญาณเปลี่ยน trend จากคุณ : เขียนบน iPhone (opar156) เขียนเมื่อ : 21 มี.ค. 54 14:03:48

ความคิดเห็นที่ 14 คุณโมโม่จันทร์ โดยส่วนตัวมีความเชื่อว่า ศึกษาการเล่นแบบเทคนิคไว้เป็นพื้นฐาน น่าจะเกิดประโยชน์บ้างไม่มากก็น้อย ทั้งนี้ จุดสำคัญคือต้องรู้ให้จริง ซึ่งตอนนี้กำลังเริ่มต้นเรียนรู้อยู่ครับ ส่วนหุ้นที่เกิดจากการลงทุน ก็ยังคงถือทนต่อ รับปันผลไปเรื่อยๆครับ จากคุณ : คนจนที่อยากรวย เขียนเมื่อ : 21 มี.ค. 54 14:22:24

ความคิดเห็นที่ 15 ผมไม่ได้เล่นรอซื้อต่ำไปขายสูงครับ ผมใช้วิธีซื้อตัวที่ขึ้นแล้ว แล้วไปขายสูงกว่า 1. ผมจะเลือกหุ้นจาก set100 เพราะมาร์เก็ตแคปใหญ่พอสมควร 2. ใช้อินดิเคเตอร์ที่ใช้บอกเทรนด์ ดูว่าตัวไหนอยู่ในเทรนด์ขาขึ้น 3. เช็คว่าตัวไหนที่อยู่ในเทรนด์ขึ้น และพื้นฐานดี ดู PE ดูกำไรต่อหุ้น ฯลฯ 4. ซื้อ พร้อมตั้งจุด stop 5. ถ้าขึ้น ก็เลื่อนจุด stop ตามขึ้นไป 6. ถ้าลงถึงจุด stop ก็ขายออกหมด หรือมีสัญญาณเปลี่ยนเทรนด์ก็ขายออกเหมือนกัน 7. กลับไปข้อ 1 แก้ไขเมื่อ 21 มี.ค. 54 14:26:09 จากคุณ : ชาเขียว เขียนเมื่อ : 21 มี.ค. 54 14:22:44

ความคิดเห็นที่ 16 ของผมเป็นแบบ ขึ้นซื้อลงขายครับ ตามน้ำ... ตัวเดิม จัดเป็นกลุ่มอุตสาหกรรมครับ เฉลี่ยตัวละเท่าๆกัน กระจายความเสี่ยงไปในตัว ^ ^ จากคุณ : มะลิ บาน บาน เขียนเมื่อ : 21 มี.ค. 54 14:22:57

ความคิดเห็นที่ 17 คุณคนจนฯ นี่กลับกันกะผมแฮะ การศึกษามีประโยชน์เสมอครับ ลองดูครับ ส่วนผม รู้ไม่จริง ทั้งเทคนิคอล และ วีไอ ครับ กำลังมั่วอยู่ สองปีที่ผ่านมา น่าจะฟลุ้ค ปีนี้น่าจะเห็นล่ะ ว่าจะเป็นอย่างไร จากคุณ : โมโม่ (โมโม่จันทร์) เขียนเมื่อ : 21 มี.ค. 54 15:14:43

ความคิดเห็นที่ 18 ระวังธาตุไฟเข้าแทรก นะครับ.. จากคุณ : วิญญาณเทวดา เขียนเมื่อ : 21 มี.ค. 54 16:03:16

ความคิดเห็นที่ 19 ธาตุไฟเข้าแทรกแบบนี้เลยป่าวครับคุณวิญญาณเทวดา ? จากคุณ : คนจนที่อยากรวย เขียนเมื่อ : 21 มี.ค. 54 16:08:45

ความคิดเห็นที่ 20 คุณปลานิลจิ๋ว ตอบโดนใจดีครับ เหตุการณ์ที่กล่าวมามักเกิดขึ้นประจำ จากคุณ : โอกิม่า เขียนเมื่อ : 21 มี.ค. 54 17:03:01

ความคิดเห็นที่ 21 เลือกหุ้นมาจากพื้นฐานครับ 30 กว่าตัว จากหลายอุตสาหกรรม แล้วก็ไม่เคยเทรดตัวไหนที่นอกเหนือจาก 30 กว่าตัวนี้เลย การเข้าเทรดครั้งนึง 5-8 ตัวครับ วนกันไป มันจะสลับกันขึ้นสลับกันลงครับ มีรอบมีลูปให้เทรดกันได้ทุกวัน ตัวไหนที่พอคุ้นเคยกันมากๆแล้ว ก็ไม่ดูกราฟบ่อยๆแล้วครับ จากคุณ : winnie_the_kid เขียนเมื่อ : 21 มี.ค. 54 17:31:47

ความคิดเห็นที่ 22 เริ่มแรกของผมตั้งใจไว้ว่าจะเลือกหุ้นจากกลุ่มพลังงานและแบงค์มาอย่างละ 1 ตัว เหตุผลเพราะ มีความเชื่อว่า 1. เป็นหุ้น blue chip market cap ขนาดใหญ่ ซึ่งจะทำให้การเคลื่อนไหวของราคาเกิดสิ่งผิดเพี้ยนได้น้อยที่สุด 2. เจ้ามือปั่นหุ้น(สร้างราคา)ได้ยาก เพราะต้องใช้เงินจำนวนมากในการซื้อ-ขาย หลังจากนี้ก็ศึกษาพฤติกรรมการเคลื่อนไหวของราคา ให้คุ้นเคยให้มากที่สุดน่ะครับ ปล.จริงๆแล้วเลือกหุ้นกลุ่มอาหารมาอีก 1 ตัว รวมเป็นสาม ก็น่าสนใจไม่น้อย สามตัว ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนเล่นรอบกันไป น่าจะโอเคสำหรับมือใหม่อย่างผม (มั้งครับ) อิอิ แก้ไขเมื่อ 21 มี.ค. 54 17:49:39 จากคุณ : คนจนที่อยากรวย เขียนเมื่อ : 21 มี.ค. 54 17:47:16