|
แบงก์ไทยพาณิชย์ (SCB) พร้อมเปิดประมูลขายหุ้น SICCO ทั้งล็อต 38.65% จับตาใครให้ราคาสูงสุดจะได้หุ้นล็อตใหญ่ไปครอง ให้ช่วงราคา 5-6 บาทต่อหุ้น งานนี้ราคาหุ้นวิ่งเดือดอีกรอบ หลังมีการไล่ราคา เหตุราคาหุ้นต่ำกว่าพาร์ 5 บาท ส่วนบุ๊คแวลูสูงถึง 6.90 บาท
แหล่งข่าวจากวงการตลาดทุน เปิดเผยว่า ราคาเสนอซื้อหุ้นบริษัทเงินทุน สินอุตสาหกรรม จำกัด (มหาชน) หรือSICCO จากนี้ไปจะไม่ต่ำกว่าราคาเดิมที่ ธนาคารไทยเครดิตเพื่อรายย่อย จำกัด (มหาชน) เคยเสนอไว้ที่ราคา 4 บาทต่อหุ้น โดยรายใหม่ที่จะเข้ามาต้องมีเงินทุนประมาณ 2,400-2,800 ล้านบาท หรือคิดเป็นราคาเสนอซื้อประมาณ 5-6 บาทต่อหุ้น โดยจะแบ่งเป็นเงินที่จะใช้ซื้อในส่วนที่ถือโดยธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCB ถืออยู่ 38.65% ประมาณ 1,200-1,400 ล้านบาท กับส่วนของผู้ถือหุ้นรายย่อย
เม็ดเงินที่จะซื้อ SICCO จะอยู่ที่ประมาณ 2.4-2.8 พันล้านบาท หรือคิดเป็นราคา 5-6 บาทต่อหุ้น ซึ่งถือว่าเป็นราคาที่ไม่มากเกินไป เนื่องจากเป็นราคาที่ยังต่ำกว่ามูลค่าทางบัญชีปัจจุบันอยู่ที่ 6.90 บาท โดยเป็นจำนวนเงินที่ต้องกันไว้สำหรับทำคำเสนอซื้อ (เทนเดอร์ ออฟเฟอร์) จากผู้ถือหุ้นรายอื่น ซึ่งรวมถึงรายย่อยด้วย เพราะหุ้นที่ถือโดย SCB นั้นมีจำนวนเกิน 25%แหล่งข่าวกล่าว
ทั้งนี้ การเสนอซื้อหุ้นSICCO รอบใหม่ เป็นการเปิดให้นักลงทุนสถาบัน หรือกลุ่มทุนที่สนใจเข้าร่วมประมูล ทำให้ต้องมีการแข่งขันทางด้านราคา ซึ่งผู้ที่ชนะการประมูล คือผู้ที่มีคุณสมบัติพร้อม และให้ราคาสูงที่สุด ซึ่งการเสนอซื้อรอบนี้จะทำให้ผู้ถือหุ้นได้ประโยชน์มากที่สุด ปัจจุบันมีมูลค่าทางบัญชี (BV) อยู่ที่ 6.90 บาท ราคาพาร์ 5บาท
ก่อนหน้านี้ที่ดีลมีปัญหาการซื้อขายแต่ไม่สำเร็จ เนื่องจากราคาเสนอซื้อที่ให้มาที่ 4 บาทต่อหุ้นนั้น เป็นราคาที่นักลงทุนรายย่อยไม่พอใจ ทำให้ยากที่จะทำคำเสนอซื้อได้ เพราะเชื่อว่านักลงทุนรายย่อยคงไม่ยอมขายให้แน่ จึงต้องมีการกลับไปคิดและปรับปรุงราคาใหม่อีกครั้ง
สำหรับเงื่อนไขที่รายใหม่ต้องพิจารณานอกจากราคาแล้ว ยังติดปัญหาตรงที่ต้องนำธุรกิจหลักทรัพย์ออกมาด้วย ซึ่งถ้าเป็นธนาคารด้วยกันเองก็ต้องมีปัญหาที่ทับซ้อนกัน เนื่องจากธนาคารส่วนใหญ่มีธุรกิจหลักทรัพย์ไว้รองรับอยู่แล้ว โดยถ้าเป็นอย่างนั้นจริงก็อาจเกิดการควบรวมภายในเกิดขึ้น หรือ อาจจะขายออกไปก่อนการเปิดตลาดเสรีในปี 2555
ทั้งนี้ ถ้าเป็นบริษัทที่ทำเฉพาะลีสซิ่งอย่างเดียวก็อาจจะมีปัญหามากกว่าธนาคาร เนื่องจากไม่มีความชำนาญทางด้านหลักทรัพย์ ซึ่งอาจจะต้องคิดหนักนอกจากราคาที่ต้องเสนอให้กับ SCB และผู้ถือหุ้นรายย่อยแล้ว ยังต้องประเมินเหตุการณ์ถึงความจำเป็นที่จะต้องนำธุรกิจหลักทรัพย์เข้ามาบริหารต่อเนื่องด้วย
พอถึงปี 2555 ธุรกิจหลักทรัพย์ก็ไร้ความหมาย เพราะเขาเปิดตลาดเสรีแล้ว ถ้าไม่รีบทำ ใบไลเซนส์ก็เหมือนกระดาษเปล่าๆ ที่ไร้ค่า เพราะสิ่งที่สำคัญในธุรกิจหลักทรัพย์ คือ ทีมมาร์เก็ตติ้ง ถ้าซื้อไป แต่คนไม่ไปก็เปล่าประโยชน์ แหล่งข่าว กล่าว
รายงานข่าวจาก ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCB ชี้แจงว่า ที่ผ่านมาธนาคารพยายามลดสัดส่วนการถือหุ้นของธนาคารในบริษัทเงินทุน สินอุตสาหกรรม จำกัด (มหาชน) หรือ SICCO มาโดยตลอด ซึ่งในปัจจุบันธนาคารถือหุ้นร้อยละ 38.65 ของจำนวนหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมด
โดยที่ผ่านมามีการดำเนินการเพื่อขายหุ้น SICCO ให้กับธนาคารไทยเครดิตเพื่อรายย่อย จำกัด (มหาชน) ประกอบกับการดำเนินการดังกล่าวก็ยังไม่ประสบความสำเร็จ ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลจากภาวะการแข่งขันที่รุนแรงมากขึ้นของธุรกิจที่ SICCO ดำเนินการอยู่ โดยยังมีข้อจำกัดเกี่ยวกับเงื่อนไขตามระเบียบกฎเกณฑ์ที่นักลงทุนที่ไม่ได้เป็นสถาบันการเงินไทยที่มีใบอนุญาตประกอบธุรกิจสถาบันการเงินอยู่แล้วจะต้องปฏิบัติ
อย่างไรก็ตาม ธนาคารเชื่อว่าการจัดประมูลขายหุ้น SICCO เป็นการทั่วไปจะเป็นประโยชน์สูงสุดต่อผู้ถือหุ้นของ SICCO ทั้งหมด โดยวิธีการนี้จะสามารถเปิดโอกาสให้ผู้ซื้อได้อย่างกว้างขวางภายในกรอบระยะเวลาที่สั้นที่สุด และ มีความโปร่งใส โดยนักลงทุนที่สนใจจะถูกกำหนดให้เสนอคุณสมบัติที่แสดงถึงความสามารถในการเข้าซื้อหุ้น SICCO และต่อด้วยการทำคำเสนอซื้อหุ้นเป็นการทั่วไป (Tender Offer) จากผู้ถือหุ้นอื่น
นอกจากนี้ ธนาคารจะแจ้งรายละเอียดวิธี และขั้นตอนการประมูลให้กับนักลงทุนที่สนใจได้รับทราบต่อไป ประกอบกับธนาคารเคารพต่อสิทธิของผู้ถือหุ้นทุกราย และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าการดำเนินการในครั้งนี้จะประสบผลสำเร็จจนบรรลุข้อตกลงด้วยราคาที่สูงที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
ดีลนี้ล้มเพราะติดที่ ราคา4บาทครับ
ต้องทำ(เทนเดอร์ ออฟเฟอร์) จากผู้ถือหุ้นรายอื่น ซึ่งรวมถึงรายย่อยด้วย เพราะหุ้นที่ถือโดย SCB นั้นมีจำนวนเกิน 25%
http://www.kaohoon.com/daily/index.php?option=com_content&view=article&id=9677:siccolbrglbrg&catid=79:2010-04-19-17-57-26
จากคุณ |
:
สม293
|
เขียนเมื่อ |
:
22 มี.ค. 54 12:11:18
|
|
|
|
|