ความคิดเห็นที่ 1 กระทู้จะดราม่าหรือไม่นั้น จุดสำคัญคือต้องมีคู่กรณี คำถามคือ คุณ pak มีคู่กรณีแล้วหรือยัง ? ฮ่า ฮ่า ฮ่า จากคุณ : คนจนที่อยากรวย เขียนเมื่อ : 24 มี.ค. 54 19:20:42

ความคิดเห็นที่ 2 ตอนที่ 1 : หุ้น PAE หลายๆท่านอาจเรียก “พี่เป๋”  , บางท่านเรียก “พี่เป้”  หรือบางคนก็เรียก “หุ้นแพ้” (แล้วแต่ความชอบ หรือความแค้นส่วนบุคคล) หุ้นเล็กๆ , Market Cap. ก็เล็ก , จำนวนหุ้นในตลาดฯก็มีไม่มากมายนัก บริษัทฯที่มีประวัติยาวนานตั้งแต่สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 แต่ก็สร้างความเจ็บช้ำน้ำใจ ให้กับนักลงทุนหลายยุคหลายสมัยในอดีตที่ผ่านมา หุ้นที่มีแต่ความ Contrast กันอย่างแรงสุดๆ!!! หุ้นเล็ก...แต่ดันกำลังจะคิดการใหญ่(อยู่ในอุตสาหกรรมที่มีขนาดใหญ่ยักษ์) หุ้นอยากจะขยายตัว แต่ดันมีหน้าตัก(Equity)เพียงน้อยนิด หุ้นที่มีประวัติแย่ คนไม่ค่อยเชื่อถือ แต่กลับมีผู้บริหารและกรรมการที่น่าเชื่อถือเอาเสียมากๆ เอ๊ะ...ตกลงมันจะเอายังไงกันนี่ (ผู้เขียนก็เริ่มงงๆตาม) ผมอยากจะบอกมุมมองจริงๆจากหัวใจของผม ว่า.... “จริงๆแล้ว หุ้น PAE มันไม่มีคนเล่นหรอก มันคือหุ้นไม่ค่อยมีสภาพคล่องดีๆนี่เอง คุณเชื่อผมไหม? คนถือก็ไม่ขาย คนที่ขายก็ไม่ถือ (เอ๊ะยังไงกันวุ้ย!!!) โบรคส่วนตัวของผมบอกผมว่า... ”พี่รู้ไหม คนถือหุ้นตัวนี้ จริงๆแล้วมีน้อยมาก!!! ส่วนมาก เค้าก็เก็งกำไรกัน ถือแค่ปุ๊บปั๊บ ชั่วคราว(ไม่ค่อยค้างคืน)” บางคน ถึงขั้นกระซิบบอกผมว่า... “คนถือส่วนมาก กลุ่มหนึ่ง คือ คนปูนซีเมนต์ฯ เพราะเค้าเชื่อมือคุณอภิพร คนถือส่วนมากอีกกลุ่มหนึ่ง คือ คน ปตท. เพราะเค้าเชื่อมั่นคุณอภิสิทธิ์” ถ้าใครเฝ้ามองหุ้นตัวนี้ดีๆ จะพบว่า... “บางช่วงของการซื้อขาย ผ่านไปเป็นชั่วโมง แต่หุ้นแทบจะไม่มีการเคาะซื้อขายกันเลย!!!” จากประสบการณ์การลงทุนใน “หุ้น Turnaround” ของผม ผมบอกได้เลยว่า ราคาหุ้นที่ขึ้นหรือลง มันต้องมาจาก “เหตุและปัจจัย” ซึ่งเหตุและปัจจัยของหุ้น Turnaround นั้น มีเพียงอย่างเดียว คือ “ผลประกอบการ” 1 ปี จะประกาศเพียง 4 ครั้ง ดังนั้น จริงๆแล้ว หุ้นเหล่านี้ ควรจะมีการเปลี่ยนแปลงราคาแค่ปีละ 4 ครั้งใหญ่ๆเท่านั้น แต่เหตุการณ์ หาได้เป็นเช่นนั้นไม่!!! (โปรดติดตามตอนต่อไป) จากคุณ : Bata (Again-With-Love) เขียนเมื่อ : 24 มี.ค. 54 19:46:26

ความคิดเห็นที่ 3 เข้ามารอชมครับ จากคุณ : ลงทุนด้วยใจ เขียนเมื่อ : 24 มี.ค. 54 19:49:21

ความคิดเห็นที่ 4 ตามมา จากคุณ : Gunner_Noy_Skywalker_5 เขียนเมื่อ : 24 มี.ค. 54 20:00:05

ความคิดเห็นที่ 5 ตอนที่ 2 : ปั่น “หุ้น” เป็น “คำนาม” แต่ “ปั่น” เป็นคำ “กิริยา” ผมกำลังเขียนถึงการปั่นทั่วๆไป เขียนถึงธรรมชาติของมัน มิได้เจาะจงถึงหุ้นตัวใดตัวหนึ่งนะครับ ขอเปิดตอน ด้วยการสมมุติเหตุการณ์ง่ายๆครับ ว่า... “ถ้าคุณไปเที่ยวทะเลกับเพื่อนๆ แล้วเค้าชวนกันเล่นป๊อกเด้ง โดยให้คุณเป็นเจ้ามือ!!!” ผมอยากถามคุณว่า “คุณอยากให้มีคนเล่นกับคุณซักกี่ขารอบวง? 2 ขา หรือ 3 ขา หรือ ขายิ่งมากเท่าไหร่ยิ่งดี? แน่นอนครับว่า เจ้ามือก็ต้องอยากกินตังค์จาก “คนรอบวง” ถ้าวงเล็ก หรือมีขาน้อย เจ้ามืออย่างคุณจะไปรวยได้ไง? ถ้าวงยิ่งใหญ่ หรือขาเยอะซิ คุณคงแอบยิ้มในใจว่า “เสร็จตรูหล่ะ...งานนี้” โดยเฉพาะ ถ้าเล่นในเกมส์ที่คุณได้เปรียบทุกประตู หุ้นก็เช่นกัน... ยิ่งคนเข้ามาเล่นเยอะเท่าไหร่ ก็เหมือนมีขาไพ่มาแจมมากขึ้นเท่านั้น การจุดพลุ สร้างความหวือหวา จึงเกิดขึ้น!!! ลำพังแค่กำไรจาก “ราคาเป้าหมาย ลบด้วยราคาปัจจุบัน”...อาจจะน่าพึงพอใจสำหรับพวกเรา แต่มันไม่หอมหวานพอสำหรับ “เจ้ามือ หรือรายใหญ่” ซึ่งไม่ใช่เรื่องผิดกฏแต่อย่างใด เพราะการซื้อขายเป็นสิ่งที่ถูกต้องในตลาดเสรีเช่นนี้ ไม่ผิดที่รายใหญ่จะ "ลุยซื้อ" และก็ไม่ผิดที่เค้าจะ "หยุดซื้อ" และยิ่งไม่ผิดใหญ่ ถ้าเค้าจะ "ขายทำกำไร" ซักรอบ แล้วพอราคาตกลงไป เค้าก็กลับไปซื้อใหม่อีกรอบ นั่คือธรรมชาติของ "ตลาดแห่งผลประโยชน์" และ "การเก็งกำไร" เค้ากำลัง "สร้าง Cycle เล็ก ใน Cycle ใหญ่" อยู่...ก็เท่านั้นเอง การเคลื่อนไหวของราคา คือ Gap หรือช่องว่าง และไอ้ช่องว่างที่ว่านี่แหล่ะ คือ เงินทั้งนั้น!!! เพราะนั่นคือ “กำไรจากคนรอบวง” เพราะเจ้ามือหรือรายใหญ่ เค้าจะเล่นกับคุณตรงที่ “ความโลภ” และ “ความกลัว” หุ้นสภาพคล่องน้อย รายใหญ่เค้าก็สามารถ Dominate ตลาดได้อยู่แล้วอ่ะนะครับ ถ้ามองในมุมของ PAE นั้น คุณเชื่อเหมือนผมไหมว่า... “รายใหญ่เค้ากำหนดได้ว่า ที่ราคาหนึ่งบาทถ้วน เค้าจะให้ราคาตรงนี้ เป็นแนวต้าน หรือแนวรับก็ย่อมได้!!!” เพราะ "รอบใหญ่" ของการขึ้นลงราคา มันอยู่ที่ "ผลประกอบการ" เท่านั้น(ซึ่ง 1 ปีจะมีเพียง 4 วันเท่านั้น!!!) แต่สำหรับ "รอบเล็ก" มันก็คือ "ดราม่า" ที่เค้าสร้างขึ้นมาหลอกล่อเม่าอย่างเรา...มันก็เท่านั้นเอง ...นี่คือสัจธรรม ผมอยากรู้จริงๆครับว่า... ถ้าถอด Bid และ Offer จากรายใหญ่ออกให้หมด จะเหลือของรายย่อยอย่างพวกเรา จุ๋มจิ๋มเพียงไร? ที่เขียนมาทั้งหมด มิได้เป็นการใส่ร้ายต่อบริษัทฯแต่อย่างใด แต่อยากให้ข้อคิดดังๆตรงนี้ ว่า... “อยากให้พวกเราทุกคน มองให้ครบทุกด้าน โดยเฉพาะเรื่องปัจจัยพื้นฐาน และฝึกฝน ในการเป็น นักลงทุนระยะยาวที่ดี” ซึ่งผมเองก็กำลังฝึกเป็น “นักลงทุนระยะยาวที่ดีอยู่...เช่นกัน!!!” นักลงทุนระยะยาว จะมอง Trend ในภาพใหญ่ ดังนั้น ความผันผวนของราคา หรือ Mr.Market จะไม่มีผลต่อเค้าเลย ชนิดที่เรียกว่า “มีความสุขจัง ตังค์และจำนวนหุ้นอยู่ครบ” มิใช่เพียง PAE JAS , STA หรือ PTL ก็น่าจะเข้าข่ายบทความตอนนี้ทั้งหมด เพราะนี่คือ "ธรรมชาติของตลาดเก็งกำไร" ผมอยากสรุปว่า... "การปั่นหุ้น...ก็คือการสร้างความหวือหวา ความน่าสนใจ และสภาคล่องที่ดี เพื่อดึงดูดนักลงทุน ภาพ Bid ที่เห็น , ภาพ Offer ที่วางขวางดุจขุนเขา และภาพ Volume ที่ซื้อขายกันโครมๆ...ล้วนแล้วแต่เป็นเพียงภาพลวงตา!!! คุณคิดว่า...มันจะจริงซักกี่เปอร์เซนต์? ปลายทางของการสร้างราคา มันจะพาไปสู้จุดที่สูงเกินปัจจัยพื้นฐานมากๆ แล้วเชือดทิ้ง ปล่อยให้รายย่อยติดดอย แต่คุณจะไม่หลงกลเค้า ถ้าคุณรู้ว่า "ปัจจัยพื้นฐานของมัน ควรอยู่ที่จุดใด?" แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่ง่ายๆเลย และไม่ใช่เพียงแต่ หุ้น แม้แต่ "ราคาน้ำมัน ,ราคาทอง และค่าเงิน" ผมเชื่อว่ามันก็ปั่นได้ด้วยกันทั้งนั้น!!! โซรอส...คอนเฟริม์!!! อ่านมาตั้งนานสองนาน คุณอาจกำลังบ่นว่า... งงจริงวุ้ย "เผ คืออะไรของมันฟร่ะ?" - โปรดติดตาม ตอนจบในตอนต่อไปครับ - แก้ไขเมื่อ 24 มี.ค. 54 21:25:59 แก้ไขเมื่อ 24 มี.ค. 54 20:23:43 จากคุณ : Bata (Again-With-Love) เขียนเมื่อ : 24 มี.ค. 54 20:16:24

ความคิดเห็นที่ 6 ตอนที่ 3-1 : เผ นี่ตรูกำลังเขียนอะไรอยู่วุ้ยเนี๊ยะ ...ผู้เขียนเริ่มสบถในใจ 555+ "เผ... คือไพ่ ที่คล้ายๆ poker แจกไพ่ 5 ใบเหมือนกัน เพียงแต่ว่าเราจะไม่เห็นไพ่ของตัวเองและก็ไม่สามารถเปลี่ยนไพ่ได้ด้วย เมื่อแจกมาปุ๊บก็เรียงไพ่ 5 ใบกับโต๊ะแล้วเริ่มเรียก-ตาม-เกทับกันเลย" (Credit : ความหมายของ "เผ" ผมนำมาจาก คห.ของคุณ Go-Kung ในพันทิพนะครับ) สำหรับ "ความคิดเห็นส่วนตัวของผม" แล้ว ผมมองว่า... "การลงทุนในหุ้นเป๋ ก็เปรียบเสมือนการเล่นเผ หรือ Poker นะครับ" และนี่คือ โฉมหน้าไพ่...ที่พวกเรากำลังถือกันอยู่ v v v (ยังมีต่อ) แก้ไขเมื่อ 24 มี.ค. 54 21:08:52 จากคุณ : Bata (Again-With-Love) เขียนเมื่อ : 24 มี.ค. 54 20:34:35

ความคิดเห็นที่ 7 ตอนที่ 3-2 : เผ ใช่แล้วครับ หน้าไพ่ที่เรามี ถือว่า "แต้มต่ำมากๆ" และ "ไพ่ที่ยังคว่ำอยู่" ก็เปรียบเสมือน "ผลประกอบการในอนาคตของบริษัทฯ" ถ้าคุณเล่นไพ่เป็น คุณคงเริ่มอ่านเกมส์นี้ออกทั้งหมดแล้วใช่ไหม ^ ^ ที่ว่า "แต้มต่ำ" ก็คงเป็นเพราะ... "Equity...ที่มีอยู่น้อย การขาดทุน...ต่อเนื่องและสะสมยาวนาน การเคลื่อนไหวของราคา...ใครๆก็มักจะปรามาสหุ้นของเรา ว่าเป็นเพียง "หุ้นปั่น!!!" ถามผมว่า..."เจ็บไหม?" ผมก็คงต้องตอบตรงๆว่า..."เจ็บครับ" การถูกคนอื่นดูถูกนั้น ไม่ใช่เรื่องสนุกนัก (นั่นไง...ผู้เขียนเริ่มพาเข้าดราม่าจนได้) มาถึงบทสรุปครับ... 1) ถ้าผลประกอบการของ PAE ออกมาไม่ดี ก็คงเปรียบเสมือน "ไพ่อีก 2 ใบ" เมื่อหงายออกมา ก็กลายเป็นแต้มสะเปะสปะไป และผมเอง ก็คงต้องเสียเดิมพันไปหลายอยู่ แต่ถ้าไพ่แย่มากๆ ผมอาจจะเสียเดิมพันทั้งหมดไปเลยก็ได้ จริงไหมครับ? 2) แต่ถ้าผลประกอบการออกมาดี มีกำไร ไพ่ที่คว่ำอยู่ทั้งสองใบ ก็อาจจะโผล่ออกมาเป็น "เลข 5" กับ "เลข 10" ก็อาจจะเป็นไปได้นะครับ ถ้าเป็นเช่นนั้น บ้านผมเรียกว่า "FullHouse" ครับ มีโอกาส "ได้กินรอบวง"...ก็เท่านั้นเอง ปล. การลงทุนมีความเสี่ยง และมีความเสียวเป็นอย่างยิ่ง โปรดใช้วิจารณญาณอย่างสูงในการอ่าน และเสพกระทู้นี้อย่างยิ่งนะครับ แก้ไขเมื่อ 25 มี.ค. 54 16:40:39 แก้ไขเมื่อ 24 มี.ค. 54 20:51:22 จากคุณ : Bata (Again-With-Love) เขียนเมื่อ : 24 มี.ค. 54 20:46:21

ความคิดเห็นที่ 8 ผมว่าจะดียิ่งขึ้น ถ้าไพ่เปิดมาเป็น ห้าโพธิ์แดงกับหลามตัดนะครับ จากคุณ : อาปี้คุง เขียนเมื่อ : 24 มี.ค. 54 21:02:01

ความคิดเห็นที่ 9 บางครั้งมีเหตการณ์ตัวเองมั่นใจ แต่กลับทำให้เกิดแผลขึ้นมาเพราะความประมาท.  มีครั้งนึงผมมั่นใจมากเพราะในมือมี 4เหมือน. เลยทุ่มสุดตัว.   ปรากฎว่าเพื่อนมี  โรยัลเสตรทฟลัช.     จบกัน.   หมดก้นเลย จากคุณ : อาปี้คุง เขียนเมื่อ : 24 มี.ค. 54 21:11:03

ความคิดเห็นที่ 10 ATT : อาปี้คุง (คห.ที่ 8) นั่นไง!!! ซวยล่ะ...จขกท. หรือ ผมเอง ดันไปนึกถึงแต่ "Full House" ผมดันลืมคิดถึง "Four of a kind" ไปซะสนิทเลย!!! นี่หล่ะน้า...เค้าถึงว่า "ต้องดูให้ถ้วนถี่ และห้ามประมาท" 555+ "Pair < Two Pairs < Three of a Kind < Straight < Flush < Full House < Four of a kind < Straight Flush" ปล. จขกท. มานั่งอ่านทวนทั้งหมดอีกที แล้วบ่นในใจว่า... "ทำไมตรูจินตนาการไปไกลอย่างนี้ฟร่ะ อีกนิดเดียว เรียก เพ้อเจ้อ แล้วนะเนี๊ยะ!!!" แต่ผมก็ขอสรุปอีกครั้งว่า... "อะไรก็เกิดขึ้นได้ เพราะเราไม่ใช่เจ้าของหรือผู้บริหารระดับสูง แม้แต่เจ้าของเอง ยังประเมินความเสี่ยงไม่ได้หมดทั้งร้อยเปอร์เซนต์!!! ดังนั้น ผมจึงอนุมาน ว่า... "ผลประกอบการ(ในอนาคต) ก็เปรียบเสมือนหน้าไพ่ที่ยังคว่ำอยู่" เช่นนี้เอง... เค้าจึงว่ากันว่า การลงทุนมีความเสี่ยงอ่ะนะครับ!!!" จากคุณ : Bata (Again-With-Love) เขียนเมื่อ : 24 มี.ค. 54 21:43:54

ความคิดเห็นที่ 11 ภาพประกอบ...จากความเห็นของ "K.อาปี้คุง" ลืมจริงวุ้ยเรา 555+ จากคุณ : Bata (Again-With-Love) เขียนเมื่อ : 24 มี.ค. 54 21:50:26

ความคิดเห็นที่ 12 วันนี้อารมณ์ดี เพราะหุ้นขึ้น ไม่ได้แขวะนะ  แค่แซว เราก็มี มิใช่น้อย  แต่น้อยกว่าท่านจขกท.หลายขุม อิ อิ จากคุณ : WTKn เขียนเมื่อ : 24 มี.ค. 54 22:09:58

ความคิดเห็นที่ 13 ^ ^ หึๆๆ ตั้งแต่เล่นไพ่กับเพื่อนมา ผมยังไม่เคยได้ไพ่ตั้งแต่โฟว์การ์ดขึ้นไปเลย เหมือนโดนโกงยังไงก็ไม่รู้-*- ー　ー ー　ー 　く 　ー จากคุณ : baby_naked เขียนเมื่อ : 24 มี.ค. 54 22:10:35

ความคิดเห็นที่ 14 1) วันปิดสมุดทะเบียนเพื่อรวบรวมรายชื่อผู้ถือหุ้น : 30 มี.ค. 2554 2) วันกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่เข้าร่วมประชุม (Record date) : 29 มี.ค. 2554 3) วันที่ไม่ได้รับสิทธิเข้าประชุมผู้ถือหุ้น : 25 มี.ค. 2554 ^ ^ ^ แปลว่า "ใครถือหุ้นไว้วันนี้ จะมีชื่อแล้ว พรุ่งนี้ขายหุ้นได้แล้ว" ต่างหาก (น่าจะภายในประมาณสัปดาห์แรกของเดือน เม.ย. นี้นะ ที่ชื่อจะขึ้น) ก็เลยอารมณ์ ดี๊ ดี 555+ อ่ะนะ...พี่ก็พูดไปเรื่อยเปื่อย พี่ยังไม่ได้จะขายซักกะหน่อยวุ้ย ปล. พี่ก็มองโลกแต่แง่ดีเกินไป!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!! เกิดหงายไพ่มา 2 ใบ แล้ว กลายเป็นแบบนี้... *** งานเข้าแน่นอน!!!!!! *** ...ถ้าเช่นนั้น ก็ตัวใครตัวมันเด้อจ้า (ฮา........................) v v แก้ไขเมื่อ 24 มี.ค. 54 22:30:23 จากคุณ : Bata (Again-With-Love) เขียนเมื่อ : 24 มี.ค. 54 22:28:21

ความคิดเห็นที่ 15 เอิ่มม ม..  เราเป็นหุ้นส่วนกันนะ  อย่าทิ้งกันล่ะ  จะทิ้งเมื่อไหร่บอกด้วย แต่คิดว่า  มาถึงขนาดนี้คงไม่ทิ้งแล้ว  คงฮุบเพิ่มมากกว่า อิ อิ จากคุณ : WTKn เขียนเมื่อ : 24 มี.ค. 54 22:32:00

ความคิดเห็นที่ 16 พี่บาจา ขายไปแระวันนี้เองราคาปิด รอมาหลายวัน รอรอบต่อไปเน๊อะ จากคุณ : ฉลามบุก เขียนเมื่อ : 24 มี.ค. 54 23:43:19

ความคิดเห็นที่ 17 ข้างบน ขายหมู ขายหมู จากคุณ : ขี่รถถีบไปจีบเธอ เขียนเมื่อ : 24 มี.ค. 54 23:55:05

ความคิดเห็นที่ 18 ย้ายฐาน NC มา PAE ได้แล้วมั้งครับพี่ ถ้าใจพี่นิ่งพอ อิอิ ^_^ จากคุณ : deksaplay เขียนเมื่อ : 25 มี.ค. 54 08:02:48

ความคิดเห็นที่ 19 สนุึกดีเชียว จากคุณ : Untrue เขียนเมื่อ : 25 มี.ค. 54 09:17:44

ความคิดเห็นที่ 20 มาถึงบทสรุปของกระทู้นี้นะครับ v v v คำว่า "ดราม่าเวอร์ชั่น" ที่แท้จริงแล้ว หมายถึง "บทละครที่เจ้าหรือรายใหญ่เขียนขึ้นมาหลอกล่อพวกเม่าอย่างเรา" ก็เท่านั้นเอง หุ้น Turnaround จริงๆ ปีนึงเค้าเล่นกันแค่ 4 วันเท่านั้นจริงๆครับ (ในกรณีที่ไม่มีข่าวอื่นเข้ามากระทบ อย่างมีนัยะสำคัญ) แต่ที่มันหวือหวา บาดตา บาดใจพวกเรา มันเป็นเพราะ "คนเขียนบท" เท่านั้นเอง ละครทั่วไป เค้าต้องใช้ ตัวละคร ,ดารา ,ฉาก ,อุปกร์ประกอบฉาก, Acting ,แสง ,เสียง หรือเพลงประกอบ ในการทำให้ผู้ชมมี "อารมณ์ร่วม" แต่สำหรับ "ดราม่าเวอร์ชั่นของหุ้น" นั้น ไม่ต้องลงทุนอะไรเลยครับ ใช้สีแค่สามสีก็เกินพอแล้ว!!!! แดง เหลือง เขียว.................ครับผม By pak - จบบริบูรณ์ - จากคุณ : Bata (Again-With-Love) เขียนเมื่อ : 25 มี.ค. 54 16:13:55

ความคิดเห็นที่ 21 ขอถามคุณ จขกท. หน่อยนะครับ เผอิญเริ่มสนใจหุ้นตัวนี้น่ะครับ แต่สงสัยว่าทำไมวันที่ 28 ก.พ. หุ้น PAE ถึงได้ร่วงขนาดนั้นอะครับ ขอบคุณสำหรับคำตอบล่วงหน้านะครับ จากคุณ : Gunmy เขียนเมื่อ : 25 มี.ค. 54 16:40:39

ความคิดเห็นที่ 22 ATT : K.Gunmy (คห.ที่ 21) ผมเคยเขียนตอบไว้ในเว็บ THAIVI แล้ว ก็เลยขอคัดลอกมาอีกครั้งแล้วกันนะครับ ===================================== ในวันจันทร์ที่ผ่านมา 28 กพ. (วันก่อนที่งบจะออก 1 วัน) ในวันนั้น มีข่าวลือสะพัดออกมา จากบางโบรคเกอร์ว่า..."บริษัทฯจะล้มละลาย โดนแขวนเครื่องหมาย และจำเป็นต้องเข้าสู่แผนฟื้นฟู!!!" ข่าวลือนี้ หลุดออกมาพร้อมๆกับ ปฏิบัติการ "ทุบราคา"!!! ซึ่งเป็นการทุบราคาที่ "รุนแรง" และ "รวดเร็ว" ที่สุดครั้งหนึ่ง เป็นการ "ขายทิ้งทุกราคา และถล่มขายลงจนเกือบเห็นราคา Floor ของวันนั้น!!!" เร็วเสียจน...คนตั้งซื้อ "Bid ไม่ทัน" , "รอดูท่าที" หรืออีกทางหนึ่ง "ไม่กล้าที่จะ Bid ด้วยซ้ำไป" และถ้าจะ Bid คนส่วนมากจะ Bid ที่ราคา Floor ในส่วนของ Speculator เอง ก็ไม่กล้าซื้อสวน เพราะถ้าราคาลง Floor จริง จะหาเงินมาจ่ายไม่ทัน แต่สุดท้ายคนที่ตั้งรอราคา Floor ไม่ได้ของครับ เพราะเค้าไม่ทุบจนถึงราคานั้น ผลจาก "การทุบราคา" ผนวกกับ "ข่าวลือที่หลุดออกมา" ทำให้ผู้ถือหุ้นรายย่อยส่วนใหญ่ตกใจ และรีบขายหนีตายกันอย่างจ้าละหวั่น!!! ในวันนั้น มีคนสามารถเก็บหุ้นได้ในราคาถูก และมี Discount ที่มากกว่าในยามปกติ แม้ผมจะไม่อยากพูดถึง การเปลี่ยนแปลงราคาเป็นรายวัน แต่ Case นี้ ผมมองว่า "คลาสสิค" ครับ นี่คือการเล่นกับ "ความกลัว" และ "ความไม่รู้" ของนักลงทุนอย่างชัดเจนที่สุด ถามว่า "เค้า หรือคนทำ...ผิดไหม?" ผมมองว่า..."ไม่ผิดครับ!!!" แม้เค้าจะเล่นตามเกมส์ของเค้า แต่มันก็ไม่ได้ผิดกติกาแต่อย่างใด พวกเราต่างหาก...ที่ตกใจกันไปเอง!!! มีเพื่อนผมบางท่าน บอกว่า ให้ลองเทียบเคียงกับ Case ของ STPI ซึ่งก็เคยโดนทุบราคา ด้วยความรวดเร็วเช่นนี้เหมือนๆกัน ผมขอแชร์ "มุมมองส่วนตัว" ซักเล็กน้อยเพียงเท่านี้...ไม่ว่ากันนะครับ (^_^) จากคุณ : Bata (Again-With-Love) เขียนเมื่อ : 25 มี.ค. 54 16:53:48

ความคิดเห็นที่ 23 ครับ ขอบคุณมากนะครับสำหรับข้อมูล อยากรู้ว่า ช่วงตอนนั้นที่หุ้นมันไหลลงมา พี่รู้สึกยังไงมั่งอะครับ หรือว่ามั่นใจอยู่แล้ว ว่ามันเป็นแค่ข่าวลือ ถ้าเป็นมือใหม่อย่างผม ก็คงจะ panic เหมือนกันอะครับ เพราะว่าผมไม่ใช่คนวงในที่จะได้รู้อะไรๆ แก้ไขเมื่อ 25 มี.ค. 54 17:07:24 จากคุณ : Gunmy เขียนเมื่อ : 25 มี.ค. 54 17:03:25

ความคิดเห็นที่ 24 ATT : K.Gunmy (คห.ที่ 23) ถามว่า...รู้สึกอย่างไร? ก็ต้องเสียวเป็นธรรมดาครับ แต่ปลอบใจ และสอนใจตัวเองอยู่ตลอดเวลา ว่า... "จำนวนหุ้นของเรายังมีจำนวนเท่าเดิม และความเป็นเจ้าของในบริษัทฯของเราก็ยังเท่าเดิม!!! ...จงอย่าตกใจ" ^ ^ ผมก็คิดของผมแบบนี้อ่ะนะครับ วันนี้ผมเพิ่งเขียน Comment ถึง PAE เพิ่มเติมในเว็บ THAIVI ไว้ว่า... ======================================== พอพูดถึงคำว่า "เค้ก" ในทางการตลาด เรามักจะต้องคิดถึงเรื่อง "Market Share" สำหรับ PAE แล้ว... "เค้กสำหรับบางท่าน"...อาจจะหมายถึง งานรับเหมาก่อสร้าง หรือ Construction&Infrastructure แต่ "เค้กที่ผมมองเล็งอยู่"...มันคือ งานด้าน Oil&Gas Services ทั้งในส่วนของ Upstream และ Downstream ของ Petroleum Industry รวมไปถึงกลุ่ม Petrochem อีกด้วย (ซึ่ง "เค้ก" ก้อนนี้ ในประเทศไทย ท่านประธานเคยบอกว่ามี Size ในระดับแสนล้านบาท!!! ในขณะที่ PAE เพิ่งแย่งรายได้มาได้เพียงแค่หลักร้อยล้านบาทเท่านั้นเอง มันจึงยังมีโอกาสเติบโต) เวลาผมลงทุน ผมชอบบริษัทฯที่มี "Brand" หรือ "barrier" นั่นคือหลักการกว้างๆของผม ท่านประธานเคยบอกว่า บริษัทฯรับเหมาก่อสร้างทั่วไป ใครๆก็สามารถทำได้ ใครๆก็สามารถเข้ามาแย่งชิง "เค้กชื้นนี้" ได้ แต่มันเป็น ตลาดที่มีการแข่งขันสูง ,มีความเสี่ยงสูง และ Margin ต่ำ!!! มันจึงมีความน่าสนใจน้อยไปซักหน่อย ในขณะที่ บริษัทฯที่ทำเกี่ยวกับ Oil&Gas Services มันมี Barrier ของมันอยู่ ไม่ว่าจะเป็น บุคคลากร , Engineering , Facility , Knowhow หรือผู้บริหารที่มีประสบการณ์และได้รับความเชื่อถือ หรือแม้แต่ Umbrella Contract ซึ่งทั้งหลายเหล่านี้ ล้วนแล้วแต่เป็น Intangible Asset หรือห่านทองคำของบริษัทฯ "Hydrocarbon Secter" หรือ "Oil&Gas Services" ต่างหาก ที่เป็น "เค้ก" ก้อนที่ผมให้ความสนใจเป็นอย่างยิ่งครับ นี่เป็นแค่ความคิดเห็นส่วนตัวของผม (ซึ่งผมอาจจะคิดผิดก็ได้นะครับ) (^_^) จากคุณ : Bata (Again-With-Love) เขียนเมื่อ : 29 มี.ค. 54 17:55:20

ความคิดเห็นที่ 25 ปล. กระทู้ที่ผมแนะนำให้อ่านเพิ่มเติม เรื่อง "### PAE...ภายใต้การกุมบังเหียรของ "อภิสิทธิ์ รุจิเกียรติกำจร" ###" ที่ http://www.pantip.com/cafe/sinthorn/topic/I10321538/I10321538.html จากคุณ : Bata (Again-With-Love) เขียนเมื่อ : 29 มี.ค. 54 18:03:49