ความคิดเห็นที่ 1 มานั่งเรียน คนแรก ครับ จากคุณ : ธราธิป เขียนเมื่อ : 20 เม.ย. 54 11:11:38

ความคิดเห็นที่ 2 คุณอมหุ้นแล้วยิ้ม ถือหุ้นสองตัวนี้ไว้ในพอร์ต ผมจะขอรออ่านความเห็นครับ ใครอยากแจกกิฟท์  ช่วยแจกกิฟท์ให้กับความเห็นของคุณอมหุ้นแล้วยิ้มครับ ของผมไม่ต้อง  ต้องการแค่อยากให้ช่วยโหวต เพื่อได้อ่านความคิดเห็นดีๆ จากนักลงทุนที่ประสพความสำเร็จ ตามแนวทางที่ตัวเองเดินอย่างมุ่งมั่น + แก้ไขเมื่อ 20 เม.ย. 54 11:22:54 จากคุณ : endophine เขียนเมื่อ : 20 เม.ย. 54 11:11:39

ความคิดเห็นที่ 3 มานั่งเรียนด้วยค่ะ   จากคุณ : มดพัทยา เขียนเมื่อ : 20 เม.ย. 54 11:15:28

ความคิดเห็นที่ 4 มามุง จากคุณ : Attention Please* เขียนเมื่อ : 20 เม.ย. 54 11:16:32

ความคิดเห็นที่ 5 มาแล้่วคร๊าบบบบ จากเด็กเทคกะนิค 1. ซื้อที่ราคานั้นเพราะ กราฟไม่ทำนิวโลแล้ว เริ่มผงกหัวขึ้น 2.เหมือนข้อแรก ซื้อแล้วยังทำไฮขึ้นเรื่อยๆ ก็ถือต่อไปอ่ะครับ 3.ตั้งจุดขายไว้ที่เมื่อไม่ทำไฮใหม่ แล้วหลุดโลจากวันก่อนๆ อธิบายยากเนอะตรงเนี่ย จากคุณ : nong2011 เขียนเมื่อ : 20 เม.ย. 54 11:16:36

ความคิดเห็นที่ 6 คุณหน่อง อธิบายแบบกราฟได้สุดยอด รอเจ้าของหุ้น  อธิบายแนววีไอ ยังไงก็ช่วยโหวตให้หน่อย เสียดายความคิดเห็นดีๆ จะตกจอเร็วไป + จากคุณ : endophine เขียนเมื่อ : 20 เม.ย. 54 11:19:36

ความคิดเห็นที่ 7 น่าอายจังผม พอร์ตเล็กทำอะไรก็ง่ายครับเฮีย ก่อนอื่นต้องขอชี้แจงก่อน ที่จริงที่เห็นตัวเลข%กำไรสวยๆ เพราะเทคกำไร+ต้นทุนหมดแล้ว หุ้นที่เหลือก็เก็บไว้เฉยๆทำอะไรไม่ถูก นานๆเอามาโพสต์อวดพี่ๆ ในห้องคุยโขมง พอขำขำ จากคุณ : อมหุ้นแล้วยิ้ม เขียนเมื่อ : 20 เม.ย. 54 11:30:35

ความคิดเห็นที่ 8 น้องอม กำไรสวยๆ ไม่ใช่ว่าจะมีกันง่ายๆ เลยนะคับ ได้แบบนี้ต้องบอกว่า จากคุณ : nong2011 เขียนเมื่อ : 20 เม.ย. 54 11:33:45

ความคิดเห็นที่ 9 ยังไงก็ช่วยตอบให้ละเอียดที่ละข้อด้วยครับ จำได้ว่าหุ้น  symphony   คุณเตวี่ก็ซื้อมาหุ้นละ  8.80 บาท แล้วก็ถือมาเรื่อยๆ  ไม่ได้ขายทำกำไร bjc  ซื้อมาห้าบาทกว่า  ไม่แน่ใจว่าขายทำกำไรไปหรือยัง ? ผมเชื่อว่า  มันต้องมีเครื่องมืออะไรซักอย่าง ที่ทำให้ซื้อ  ถือ และขาย แก้ไขเมื่อ 20 เม.ย. 54 11:47:29 แก้ไขเมื่อ 20 เม.ย. 54 11:41:18 จากคุณ : endophine เขียนเมื่อ : 20 เม.ย. 54 11:39:11

ความคิดเห็นที่ 10 พ๊มมาปูเสี่อรอ น้อง symphony เพราะอะไรถึงซื้อ ิ่bjc เห็นอะไรดีดีหรือ จากคุณ : nong2011 เขียนเมื่อ : 20 เม.ย. 54 11:45:34

ความคิดเห็นที่ 11 พี่nongชมแบบนี้ ผมยุขึ้นด้วย คงต้องพยายามตอบละครับ ๑ ทำไมถึงซื้อที่ราคานั้น เวลาซื้อหุ้นผมซื้อจริงๆ ไม่ได้หวังส่วนต่างเลยในตอนซื้อ ดังนั้นหุ้นหลายๆตัวในพอร์ตผม ก็เป็นประเภทราคาไปช้าๆ ยกตัวอย่างเช่น วาโก้ จากทุนผม17.8 มา 34 เตาะแตะๆ ช่วงนี้ซื้อให้พอร์ตภรรยา และหุ้นก็มาเตาะแตะแถว40บาทอีก  แต่เป็นหุ้นที่ผมไม่เคยขายทิ้งซักหุ้น เมื่อไหร่ราคาร่วง เป็นซื้อเพิ่ม เมื่อไหร่บริษัทเจ๊ง(ยืนยันว่าเกิดได้กับทุกบริษัท) ก็นึกซะว่าตอนเกิดมาต้นทุน 0     ส่วนหุ้น alucon ผมซื้อแถว80บาทก่อนเพิ่มทุน หลังเพิ่มทุนผมขายไปที่150กว่าบาท ทีแรกกะว่าขายหมดเพราะราคายวนใจเหลือเกิน แต่ก็ติดนิสัยเก็บไว้เป็นที่ระลึก นิดหน่อย  ราคาพาร์10บาทที่เห็นเป็นราคาหุ้นเพิ่มทุนครับ ซีพี เป็นหุ้นเพียงตัวเดียวที่ผมเข้าเมื่อเซทตกหนักล่าสุด ตอนนั้นยอมรับว่ากลัวเหมือนกัน ตกอยู่ภายใต้อารมณ์กลัวของตลาด เนื่องจากผมยังใหม่ไม่เคยเจอตลาดลงหนัก  ทั้งๆที่กำเงินสดไว้3ล้านกว่าบาท แต่ก็ไม่กล้าทุ่มซื้อ ตามที่เฮียเอ็นโด ท่านเห็นว่าเป็นโอกาส ไม่งั้น.. ตอนนั้นสิ่งที่ผมเห็นคือซีพี มีการเปลี่ยนแปลงจากการขายของสด ไปแปรรูป ซึ่ง ตรงใจผมมากๆ  จากที่ไม่คิดจะซื้อซีพีก็เลยกลับมามอง ๒ ซื้อแล้ว ทำไมทนถือได้นานขนาดนั้น ๓ ได้ตั้งจุดที่จะขาย ไว้ที่ตรงไหน จากคุณ : อมหุ้นแล้วยิ้ม เขียนเมื่อ : 20 เม.ย. 54 11:48:16

ความคิดเห็นที่ 12 symphony ซื้อเพราะน้องผมทำงานอยู่ แต่เชื่อไหมผมแทบ ไม่ถามอินไซด์อะไรเลย สิ่งที่ผมยืนยันได้อย่างหนึ่ง เจ้าของบริษัทก็ไม่รู้ว่าหุ้นราคาจะขึ้นหรือลง แต่ผมเห็นบริษัทที่ดีผ่านตัวพนักงานที่ดีที่รักที่ทุ่มเทให้บริษัทคือน้องชายผม จากคุณ : อมหุ้นแล้วยิ้ม เขียนเมื่อ : 20 เม.ย. 54 11:55:12

ความคิดเห็นที่ 13 ๒ ซื้อแล้ว ทำไมทนถือได้นานขนาดนั้น  ทัศนคติในการลงทุนครับ ผมชอบคิดว่าเงินต้องด้อยค่าลงไปเรื่อยๆ  ขณะที่ธุรกิจที่ดีจะชดเชยได้ และค่อนข้างแน่นอนเลยว่าจะเพิ่มค่าได้  มากกว่ามาก  เงินใหม่เงินเก่าวนเวียนเข้าตลาดหุ้นมาเรื่อยๆ แต่หุ้นดีๆมีจำกัด  ดังนั้นไม่มีเหตุผลใดๆเลยที่ถือหุ้นบริษัทที่ดี แล้วต้องรีบขายทำกำไร  กล่าวอีกอย่างว่า การถือทน แปรผันตรง กับคุณภาพของบริษัทนั้นๆ จากคุณ : อมหุ้นแล้วยิ้ม เขียนเมื่อ : 20 เม.ย. 54 12:10:01

ความคิดเห็นที่ 14 สอบถามครับ คุณ อมหุ้นแล้วยิ้ม ลงทุนในหุ้นมานานแค่ไหนแล้วครับ ? จากคุณ : monomaniac }:-] เขียนเมื่อ : 20 เม.ย. 54 12:18:15

ความคิดเห็นที่ 15 ๓ ได้ตั้งจุดที่จะขาย ไว้ที่ตรงไหน ที่จริงข้อ3 นี้ตอบไปหมดแล้วใน2ข้อแรก ขายก็ตรงข้ามกับซื้อ  ในเมื่อซื้อแล้ว(ซื้อถูกซื้อผิดก็ซื้อมาแล้ว) ตอนซื้อไม่คิดจะขาย แต่ตอนขายคิดจะขาย งงไหมครับ ผมก็งง มันดูเหมือนขัดแย้งกัน แต่ก็เหมือนหลักทางพุทธศาสนา อิทธิบาท 4   อิทธิ  สำเร็จ   บาท หรือบาทาก็เครื่องให้เดินไปสู่ (ความสำร็จ) ฉันทะ  ต้องพอใจในการเล่นหุ้น ในตัวหุ้น ในตัวธุรกิจ ฯลฯ วิริยะ  ความเพียร  ศึกษาหาความรู้ จิตตะ  จดจ่อจัดพอร์ตอย่างมีสติ วิมังสา  พิจารณาทบทวน วิเคราะห์ดูผลดำเนินงาน เมื่อทำตามอิทธิบาท4แล้ว  ผลงานจะออกมาตามเป้าไม่ตามเป้า ก็ต้องมีสันโดษ คือความพอใจในตน ในสิ่งที่ตนมี ตนทำ วกกลับเข้าฝั่ง ดังนั้นการขาย ไม่ว่าขายหมู ขายไม่หมู  ไม่สำคัญให้วกกลับไปตาม ขึ้นตอนอิทธิบาท4 และสันโดษ เรื่อยๆไป จะดีเอง ไม่รู้จะตอบครบถ้วนตามที่เฮียเอ็นโดถามรึยังครับ ผิดพลาดประการใด ผมน้อมรับไว้เองครับ จากคุณ : อมหุ้นแล้วยิ้ม เขียนเมื่อ : 20 เม.ย. 54 12:34:22

ความคิดเห็นที่ 16 คุณเต่าหยวนเปียว สุดยอดมากๆครับ เป็นมุมมองที่ดีถูกต้อง ดีเลิศ ได้มาเก็บเกี่ยวศึกษา ถือเป็นวาสนาของผมแล้วครับ _/\_ จากคุณ : ธราธิป เขียนเมื่อ : 20 เม.ย. 54 12:39:29

ความคิดเห็นที่ 17 สวัสดีครับ เฮียเอ็นโดฯ ไม่ได้ทักทายเฮียนาน หนีไปเที่ยวดูซากุระบานอาบรังสีมาครับ กลับมาก็นั่งเปื่อยเล่นไปตามเรื่องราว เฮียตั้งกระทู้สาระให้ความคิดน้องๆ อีกแล้ว ผมไม่ได้ถือหุ้นที่ว่าทั้งสองสามตัวนะครับ แต่ขอออกความเห็นในแง่ VI แบบ Fisher ซึ่ง Buffett ก็นำมาใช้ คือ อยู่กับบริษัทที่ดีและ ตราบเท่าที่พื้นฐานไม่เปลี่ยนแปลง รายละเอียดว่าบริษัทที่ดีเป็นอย่างไรนั้น ร้อยคนก็คงมีร้อยความคิด เอาเป็นว่าในแง่ที่ผมสนใจก็คือ สินค้าและบริการต้องเป็นที่ต้องการ ของคนส่วนใหญ่และธุรกิจส่วนใหญ่ ถ้าขาดไม่ได้เลยยิ่งดีมาก และความต้องการสินค้าดังกล่าวเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เอาแค่ว่าเกาะธุรกิจเหล่านี้ ไม่ต้องเหนื่อยไปทำอะไร กระโดดขึ้นลงไปมา มันก็คงพาเราไปเรื่อยๆ ถ้ามองในแง่ Time frame เป็นหลักปี หุ้นทั้งสามตัวที่ว่ามาน่าจะเป็นอย่างนั้น CPF ขายไก่ ของกิน เป็นเจ้าตลาด Alucon สินค้าอุปโภคสมัยใหม่ ก็เลี่ยงไม่ได้ที่ต้องใช้ Symc อันนี้ก็อินเตอร์เน็ต ใยแก้ว ดูแล้วก็เชื่อว่าคงเป็นที่ต้องการมากขึ้นเรื่อยๆ เพิ่งเข้าตลาด ก็คงอาจจะต้องพิสูจน์อีกหน่อย อันที่จริงสิ่งที่ผมอยากได้มากอีกอย่างจากบริษัทที่ผมจะลงทุนคือ คุณภาพของพนักงานของบริษัทนั้นๆ พนักงานผู้บริหาร โดยรวมเป็นคนดี มีธรรมาภิบาล ขยันทุ่มเท คล้ายกับขึ้นรถทัวร์ ที่คนขับนิสัยดี มีความสามารถ ผมก็คงวางใจ นอนหลับ ปล่อยให้คนขับรถ ไปเรื่อยๆ อาจจะรถติดบ้าง ขรุขระบ้าง แต่ผมมั่นใจได้ว่า พนักงาน เจ้าหน้าที่ จะทำเต็มความสามารถ เพื่อจะทำให้องค์กรของตัวเองดีขึ้น ซื่งผมเชื่อเอาเองว่าคนดีและขยัน ในธุรกิจที่เป็นที่ต้องการ น่าจะเจริญก้าวหน้าขึ้นเรื่อยๆ โดยไม่ยากมากนัก แล้วขอขอบคุณคุณอมหุ้นแล้วยิ้มด้วยนะครับ กับความรู้ ความเห็นที่มีประโยชน์มากมาย จากคำตอบในกล่องที่ 12 ทำให้คิดได้ว่า ถ้ามีจังหวะที่ดี อาจจะขอร่วมขบวนใยแก้วด้วยคนนะครับ รูปซากุระครับ จากคุณ : gongort2 เขียนเมื่อ : 20 เม.ย. 54 12:41:41

ความคิดเห็นที่ 18 สอบถามครับ คุณ อมหุ้นแล้วยิ้ม ลงทุนในหุ้นมานานแค่ไหนแล้วครับ ? จากคุณ : monomaniac }:-]   ^ ไม่นานครับคุณ monomaniac  ผมจำได้ว่าหลังเครื่องบินชนตึก เวิลด์เทรด กระแสตื่นกลัวผู้ก่อการร้ายกำลังแรง ผมกำลังจะถูกส่งไปทำงานที่ญี่ปุ่น การฝึกงานถูกระงับหมด แต่กรณีผมต้องไปทำงานสำคัญ เค้าเลยให้ไปแบบระมัดระวัง แล้วยามว่างลูกน้องที่ไปด้วย ยื่นหนังสือตีแตกให้ผมไปอ่านเล่น กลับมาไม่นานไปงานเซทอินซิตี้ เปิดพอร์ต5หมื่น ดูๆบล.ไม่ต้อนรับเลย ซื้อหุ้นตัวแรกaprint  59บาท พาร์10 ปล  ตอบช้ามัวไปหาปีในอากู๋ น่าจะเริ่มปี 2002 (ข้ามปีมาหลังกรณีตึกเวิลด์เทรด 11/11/2001) 9ปีครับ ขอบคุณสำหรับความรู้ครับคุณgongort2 ดีจังเลยครับ ได้ไปชมซากุระปีนี้ ซากุระยังไงก็สวยทุกปี แก้ไขเมื่อ 20 เม.ย. 54 12:52:40 จากคุณ : อมหุ้นแล้วยิ้ม เขียนเมื่อ : 20 เม.ย. 54 12:47:45

ความคิดเห็นที่ 19 มานั่งรีเฟรชตลอดเลยค่ะ สงสัยต้องเปลี่ยนจากน้อง มาเป็น พี่ แทนแล้วค่ะ สุดยอดดดดดดดดดดดดด จากคุณ : Attention Please* เขียนเมื่อ : 20 เม.ย. 54 12:52:38

ความคิดเห็นที่ 20 ขอบคุณทุกๆความเห็นครับทั้งของจริง และพี่ๆเฟซฮอส อะไรๆที่เป็นประโยชน์ก็เพราะความเอื้อเฟื้อของเฮียเอ็นโดในการปลุกปั้น อะไรผิดพลาดผมขอน้อมรับและแก้ไขครับ จากคุณ : อมหุ้นแล้วยิ้ม เขียนเมื่อ : 20 เม.ย. 54 12:59:08

ความคิดเห็นที่ 21 เชื่อว่าเป็นกระทู้ที่ดีที่สุดกระทู้หนึ่งครับ คุณเต่าหยวนเปียว จากคุณ : ธราธิป เขียนเมื่อ : 20 เม.ย. 54 13:04:43

ความคิดเห็นที่ 22 เข้ามาอ่านคำแนะนำและมุมมองในการลงทุนของพี่อมหุ้นแล้วยิ้มครับ ผมเองก็เริ่มต้นด้วยหนังสือตีแตกเช่นกัน อ่านแต่ละกล่องความเห็น ก็ได้แต่พยักหน้า หงึกๆ (อารมณ์ประมาณว่า อืม ใช่ๆ อืมๆ เห็นด้วย) อิอิ แต่ตอนนี้ โดยส่วนตัว ผมหาหุ้นพื้นฐานดี(ที่ผมสามารถทำความเข้าใจในธุรกิจได้) ที่ราคามี mos ในระดับหนึ่ง ไม่ค่อยเจอแล้วครับ แต่ก็อย่างว่า มันเป็นเรื่อง subjective ของแต่ละบุคคล ขออนุญาตใช้พื้นที่บ่นหน่อย อย่าถือสาผมนะครับ แหะๆ ขอบคุณครับ ตอนนี้ผม หุ้นบางตัวอมแล้วยิ้ม บางตัวเหมือนจะเริ่มยิ้ม แต่บางตัว ... อมปุ๊ป หน้าบึ้งไม่ยอมยิ้มเลยครับ 555 แก้ไขเมื่อ 20 เม.ย. 54 13:18:36 จากคุณ : คนจนที่อยากรวย เขียนเมื่อ : 20 เม.ย. 54 13:11:31

ความคิดเห็นที่ 23 น้อง คห.12,13,15 สุดยอดมากค่ะ และขอบคุณคุณ gongort2 คห.17 ด้วยค่ะ แก้ไขเมื่อ 20 เม.ย. 54 13:21:43 จากคุณ : Mali_Mama เขียนเมื่อ : 20 เม.ย. 54 13:12:41

ความคิดเห็นที่ 24 สุดยอดครับ ขอบคุณครับ จากคุณ : ข้าวกระเพรา เขียนเมื่อ : 20 เม.ย. 54 13:14:09

ความคิดเห็นที่ 25 สงสัยต้องหันกลับมามองตัวเองบ้างซะแล้ว  เฮ้อ...นี่เรามันไม่เป็นเลยจริง ๆ หรือ จากคุณ : แวะดู เขียนเมื่อ : 20 เม.ย. 54 13:25:20

ความคิดเห็นที่ 26 เยี่ยมครับ ได้อ่านตีแตก เมื่อ 9 ปีก่อนแล้วนำแนวทางมาใช้ เวลาเป็นเพื่อนจริงๆครับ จากคุณ : monomaniac }:-] เขียนเมื่อ : 20 เม.ย. 54 13:30:46

ความคิดเห็นที่ 27 คห22 พี่คนจนน่ารักที่อยากรวย ครับ ใช้พื้นที่ตามสบายเลยครับ  บ่นแบบพลอยได้รับความรู้ด้วยดีเลยครับ คนเราหากมีเฉพาะหน้ายิ้มก็แอ๊บนอมอลละครับ เป็นเรื่องปกติที่ซื้อหุ้นแล้วราคาจะไม่ไปบ้าง ลงบ้าง (พี่ๆเก๋าๆบางคน กลับยิ้มแก้มปริ เพราะจะซื้อเพิ่ม) หากเรารู้ว่าเราทำอะไรและมีศรัทธา   ผลที่ต้องการยังไม่เกิดก็ไม่ทุกข์ร้อนอะไร "อมหุ้นแล้วฝืนยิ้ม"ก็ได้ครับ ปล  แอบเห็นกิ๊ฟ พี่บักไลฟ์ ด้วยครับ จากคุณ : อมหุ้นแล้วยิ้ม เขียนเมื่อ : 20 เม.ย. 54 14:26:53

ความคิดเห็นที่ 28 มาอ่านเพิ่มเติมครับ.. ขอบพระคุณ เฮียเอ็นโด ที่จุดประกาย ตั้งคำถาม ขอบพระคุณ คุณเต่าหยวนเปียว ที่มาแนะนำสิ่งดีดี กิ๊ฟหมด.. หนังสือหุ้นเล่มแรกที่อ่าน ก็ ตีแตก ด้วย แต่ป๋มยังไปไม่ถึงไหนเลย... จากคุณ : ธราธิป เขียนเมื่อ : 20 เม.ย. 54 14:37:21

ความคิดเห็นที่ 29 อีกอย่างที่อาจเป็นประโยชน์ในภาวะที่หุ้นกระทิง เราต้องเตรียมพร้อมสำหรับภาวะหมี ซึ่งมาแน่แต่ไม่รู้เมื่อไหร่ ทางสายกลาง คือ ไม่สุดโต่ง ไม่ว่ากระทิงกำลังแรง เราก็เตรียมพร้อมสำหรับหมี ไม่มัวระเริงกลายเป็นกระทิงห้าวแบบขาดสติ ในภาวะหมี เราก็อย่ามัวซบเซาจนไม่กล้าซื้อสักหุ้น และอย่าสับสน แยกแยะเอาหุ้นที่ดี กับ ภาวะตลาด ให้ออก คำว่าทางสายกลาง ของใครก็คงไม่เหมือนกันเสียทีเดียว แล้วแต่เครื่องมือ ความชำนาญ ประสบการณ์ของแต่ละท่าน แต่จงถือสันโดษ  พอใจในตนเอง  ไม่เปรียบเทียบเพื่อทุกข์ ปล  ที่ว่ามาผมยังทำไม่ค่อยได้นะ แต่เห็นว่าน่ามีประโยชน์ จากคุณ : อมหุ้นแล้วยิ้ม เขียนเมื่อ : 20 เม.ย. 54 14:42:31

ความคิดเห็นที่ 30 หนังสือหุ้นเล่มแรกที่อ่าน ก็ ตีแตก ด้วย แต่ป๋มยังไปไม่ถึงไหนเลย... จากคุณ : ธราธิป     เขียนเมื่อ : 20 เม.ย. 54 14 ^ ทางที่ไปมีทางเดียวแต่เครื่องมือที่พาไปมีหลายแบบ พี่ธราธิป ช่วงแรกไปลองวีไออาจไม่ประสบความสำเร็จ กลับมาใช้กราฟ ใช้เวลา3ปี  พอร์ตโต4เท่าตัว ไม่แค่ตีแตก เรียกว่าตีแหก เลยครับ จากคุณ : อมหุ้นแล้วยิ้ม เขียนเมื่อ : 20 เม.ย. 54 14:46:08

ความคิดเห็นที่ 31 แฮ่.. คุณเต่าหยวนเปียว ครับ ผมมองว่า จุดหมายปลายทางของการลงทุน น่าจะเป็นอะไรที่ง่ายๆ ไม่ยุ่งยากซับซ้อน ที่สุดแล้ว ควรเป็นให้ได้แบบคุณเต่าหยวนเปียว เฮียเอ็นโด ครับ สบาย สบาย ไม่รีบร้อน ให้การลงทุนเติบโตไปกับบริษัทที่เราถือไปนานๆ จากคุณ : ธราธิป เขียนเมื่อ : 20 เม.ย. 54 14:54:58

ความคิดเห็นที่ 32 น้อง พี่ซันนี่ความรู้น้อย ด้อยการศึกษา --- ขายก็ตรงข้ามกับซื้อ  ในเมื่อซื้อแล้ว(ซื้อถูกซื้อผิดก็ซื้อมาแล้ว) ตอนซื้อไม่คิดจะขาย แต่ตอนขายคิดจะขาย --- ช่วยขยายให้อ่านอีกนิดได้มั้ยคะ ตอนขายอ่ะ ดูจากอะไรคะ ไม่ได้ถามว่าคิดอะไรถึงขายนะ อิอิ --- "อมหุ้นแล้วฝืนยิ้ม"ก็ได้ครับ --- จากคุณ : Attention Please* เขียนเมื่อ : 20 เม.ย. 54 15:11:47

ความคิดเห็นที่ 33 #27  #29 ขอบคุณมากครับ พี่อมหุ้น(ที่น่ารัก)แล้วยิ้ม   จากคุณ : คนจนที่อยากรวย เขียนเมื่อ : 20 เม.ย. 54 15:29:40

ความคิดเห็นที่ 34 ช่วยขยายให้อ่านอีกนิดได้มั้ยคะ ตอนขายอ่ะ ดูจากอะไรคะ ไม่ได้ถามว่าคิดอะไรถึงขายนะ อิอิ ^ พี่ซันนี่ที่น่ารักครับ ทีแรกนึกว่ามาแค่เฟรชฮอร์ส เป็นที่ทราบกันดีว่า"ขาย"เป็นอะไรที่ลำบากใจกว่าซื้อมากครับ ขายหมูเป็นเรื่องธรรมชาติ ไม่มีใครขายได้สูงสุด หุ้นTWFP ผมซื้อมา30บาท ขาย100บาท  ขายปุ๊บราคาหล่นปุ๊เหลือ70ตั้งนาน ดีใจแทบแย่  เดี๋ยวนี้130กว่าแล้ว  แหะๆ เวลาขายผมก็คิดตรงข้ามกับตอนซื้อครับ ตอนซื้อให้มีMOS  Margin of Safety ตอนขายก็ให้มี Margin of Satisfaction พี่ซันนี่ นึกถึงเวลาไปเซ้งร้านค้าซักร้านซิครับ ตอนซื้อก็ขอให้เป็นกิจการทำเลที่ดี+ถูกเข้าไว้ แต่ทำไปทำมา กำไรดี  มีคนมาขอซื้อเซ้งร้านต่อ ถ้าเขาให้ราคาเราไม่เป็นที่พอใจมากๆ เราก็ยากที่จะขายต่อ เรื่องอะไรกิจการกำลังไปได้สวย เดี๋ยวบัดเหนี่ยว แต่พอเขาอยากได้จัดๆ จนหน้ามืดตามัว ทุ่มสุดตัว เราก็ใจละลาย ขายทิ้งซะงั้น มั้นก็มีเท่านี้เองครับ ไม่มีอะไรซับซ้อน และไม่มีอะไรที่จะเอาแต่ได้สุดๆ แก้ไขเมื่อ 20 เม.ย. 54 16:14:53 จากคุณ : อมหุ้นแล้วยิ้ม เขียนเมื่อ : 20 เม.ย. 54 16:12:10

ความคิดเห็นที่ 35 ภรรยากลับมาไว ยืนข้างๆ  (ต้องบุ้ยว่าเฮียเคลี่ทำให้ผมต้องมาพิมพ์อยู่ยังงี้) เพื่อเป็นกำลังใจให้พี่ๆคนที่เพิ่งจะตามกันมา ผมอยากบอกว่า ในทางสายหุ้น "สิ่งที่ทำผิดพลาดจะมีเรื่อยๆเสมอ ดีไม่ดีจะบ่อยกว่าสิ่งที่เราทำถูก" เพียงแต่สิ่งที่ผิด ขอให้จัดการควบคุมได้ และอย่าเสียกำลังใจนาน ผมนับๆดู ผมทำผิดมากกว่าทำถูก ไม่เว้นแม้ในพักหลังๆ จะดีจะเลวก็ฝีมือเราเอง  ขอให้กำลังใจคนที่กำลังพยายามครับ จากคุณ : อมหุ้นแล้วยิ้ม เขียนเมื่อ : 20 เม.ย. 54 16:32:35

ความคิดเห็นที่ 36 ^^^ รอพักใหญ่ ๆ แล้ว นึกว่ายุ่งอยู่ ขอบคุณมากค่ะ สำหรับคำตอบ อ่านไปก่อนรอบเดียว เดี๋ยวจะอ่านซ้ำ ๆ อีกค่ะ ขอบคุณนะคะน้อง ที่น่ารัก ปล.1. นาน ๆ จะมีข้อมูลดี ๆ มาเปิดเผย พี่อ่านหลายรอบ มีคำถามในใจ ก็ไปอ่านที่น้องเต่า เขียน 1 2 3 อิอิ ปล.2. อยากอมหุ้นแล้วหัวเราะค่ะ หุ้นจะร่วงออกจากปากป่าว จากคุณ : Attention Please* เขียนเมื่อ : 20 เม.ย. 54 16:33:34

ความคิดเห็นที่ 37 ฝากสวัสดีน้องสาวด้วยค่ะ ราชรถมาเกย ป่าว จากคุณ : ม่ายสาว-พราวเสน่ห์ เขียนเมื่อ : 20 เม.ย. 54 16:35:58

ความคิดเห็นที่ 38 จากคุณ : มิ่งกลิ้ง เขียนเมื่อ : 20 เม.ย. 54 18:51:24

ความคิดเห็นที่ 39 กระทู้สูบ gift ค่ะ อิอิ ขอบคุณมากค่ะ จากคุณ : PrinceAlwaysLate เขียนเมื่อ : 20 เม.ย. 54 19:27:58

ความคิดเห็นที่ 40 มุมมองสุดยอดไปเลยครับ ขอบคุณเฮียเอนโด ที่ไปดึง พี่อมหุ้นแล้วยิ้ม มาเปิดเผย มุมมอง ต่างๆ ครับผม จากคุณ : ลงทุนด้วยใจ เขียนเมื่อ : 20 เม.ย. 54 20:48:46

ความคิดเห็นที่ 41 ขอคารวะครับ เยี่ยมครับผม คุณ อมหุ้นแล้วยิ้ม เป็นหนึ่งในบุคคลอุดมคติของผมเลย จากคุณ : @power เขียนเมื่อ : 20 เม.ย. 54 21:16:22

ความคิดเห็นที่ 42 ขอบคุณครับ เป็นแนวทางการลงทุนที่ยอดเยี่ยมเลยครับ ผมจะได้นำไปปรับปรุงแนวทางการลงทุนของตนเองต่อไป จากคุณ : หยงอัน เขียนเมื่อ : 20 เม.ย. 54 21:28:00

ความคิดเห็นที่ 43 สุดยอดกระทู้แห่งปีครับ โหวตให้เลยทั้งคนตั้งกระทู้ ทั้งคนตอบกระทู้ จากคุณ : fee เขียนเมื่อ : 20 เม.ย. 54 21:36:53

ความคิดเห็นที่ 44 ขอบคุณสำหรับแนวคิดครับ จะเป็นให้ได้เหมือนพวกพี่ๆครับ จากคุณ : Blur_PoDz เขียนเมื่อ : 20 เม.ย. 54 22:54:32

ความคิดเห็นที่ 45 ขอบคุณทุกๆท่านที่ช่วยโหวตให้กระทู้นี้ครับ ขอบคุณคุณเตวี่  ที่เข้ามาไขรหัสลับดาวินซี่ให้อ่าน ทำเอากิฟท์แทบหมดเกลี้ยง   ไมรู้จะเหลือแจกตอนปลายเดือนหรือเปล่า เออ  แต่ว่า ยังขาด bjc ไปนะครับ   คืออยากรู้ว่า  ทำไมถึงเข้าไปซื้อ bjc ที่ราคาห้าบาทกว่าในตอนนั้น ? คุณ gongort 2 ขอแสดงความชื่นชมว่า ความคิดอ่านก้าวหน้าไปเร็วมาก พอความคิดอ่านก้าวหน้า  สิ่งที่จะตามมาก็คือ การกระทำที่ก้าวหน้าตามความคิดอ่าน มีอีกประโยคของคุณเตวี่ (ชื่อเล่นของเต่าหยวนเปียวหรืออมหุ้นแล้วยิ้ม) ที่ผมจำได้ดี   มันประมาณว่า คนที่หวังจะให้อะไรๆดีขึ้น   แต่ยังคิดแบบเดิม ทำแบบเดิม แล้วมันจะดีขึ้นได้อย่างไร ? สำหรับพอร์ตคุณหมู  ที่โตสามปี สี่เท่าด้วยกราฟ (ตอนนี้อาจจะกลายเป็นห้าหรือหกเท่าไปแล้ว) มันทำให้ผมอดคิดไม่ได้ว่า ซื้อขายแบบ VI  Value Investor ก็กำไรได้ ซื้อขายแบบ PS  Price Speculator  ก็กำไรได้ ช่วงนี้ทำกำไรได้มากกว่าและเร็วกว่า VI ด้วยซ้ำ แถมเมื่อสองอาทิตย์ก่อน   มีหลังใมค์จากหนุ่มหล่อคนหนึ่ง มาเล่าให้อ่านว่า  ปีที่แล้วพอร์ตโตสิบเท่า !!!!!! จากการผสมผสานแนววีไอ เข้ากับพีเอส น่าจะสรุปได้ว่า วินัยในการใช้เครื่องมือที่มีประสิทธิภาพกับพอร์ตของตัวเอง   เป็นเรื่องสำคัญที่สุด ? สมมติว่า ทุกคนตั้งเป้าว่าจะไปเชียงใหม่ คุณหมูกับหนุ่มหล่อพอร์ตโตปีเดียวสิบเท่า ไปเครื่องบิน คุณเตวี่ขับรถไปเอง ส่วนผมนั่งรถไฟไป ถ้าไม่เกิดอุบัติเหตุที่ไม่คาดฝัน สุดท้ายทุกคนก็สามารถไปถึงเป้าหมาย ตาม  margin of satisfaction   ของตัวเอง อย่าเอาเครื่องมือของเรา  พอร์ตของเรา ไปเปรียบเทียบกับความสำเร็จจากเครื่องมือของคนอื่น ผมเชื่อว่า  นักลงทุนแต่ละคน มีความสามารถตามปัจจัยพื็นฐานสะสมของแต่ละคนไม่เท่ากัน ต่อให้มีความรู้เท่าๆกัน  ผลลัพธ์ก็ยังต่างกัน แต่สิ่งหนึ่งที่ทุกคนทำได้แน่ๆ  ถ้าอยากจะทำก็คือ มีความพึงพอใจในชีวิตการเดินทางแสวงหาเงินของตัวเอง พอร์ตสองแสน สองล้าน ยี่สิบล้าน สองร้อยล้าน  สองพันล้าน ไม่มีใครตอบได้หรอกว่า  ใครมีความสุขทางใจมากกกว่า ตอบได้แค่ว่า  ใครจะมีเงินไปซื้อความสะดวก สบายทางร่างกายได้มากกว่ากัน + แก้ไขเมื่อ 21 เม.ย. 54 09:30:41 แก้ไขเมื่อ 21 เม.ย. 54 09:15:37 จากคุณ : endophine เขียนเมื่อ : 21 เม.ย. 54 09:12:54

ความคิดเห็นที่ 46 อย่างสไตล์การลงทุนของผมน่าจะเป็นPSนะครับเนี่ย ส่วนหนึ่งเป็นเพราะเรายังใจร้อนอยู่ เป็นคนชอบทดลอง สิ่งที่ทดลองในตลาดหุ้นและการลงทุนได้เร็วที่สุดก็คือการใช้กราฟและการเล่นจริงเ็จ็บจริง (เข้าไปเสียค่าเรียนน่ะเอง เสียมาหมดแล้วทั้งหุ้นทั้งTFEX) อาจจะเป็นเพราะเราเริ่มศึกษาจากทางด้านของโซรอสมาก่อนก็เป็นได้ ทุกวันนี้เราฝึกดูกราฟทุกวันๆ ถ้ามันใช่อย่างที่เราคิดไว้มีกำไรก็ถือต่อหรือซื้อเพิ่ม ถ้าผิดทางก็ตัดนิ้วเน่าทิ้ง(บางทีก็ต้องตัดขาเพราะตัดนิ้วไม่ทันฮ่าๆ) เพราะผมทำงานเป็นมาร์ด้วยล่ะมั้งเลยต้องปรับเปลี่ยนวิธีเล่นหุ้น( ผมใช้คำว่าเล่นนะไม่ใช่ลงทุน) ทดลองกับอารมณ์คนในตลาด ทดลองกับใจเราเอง เล่นกับเจ้ามือ (หรือโดนเล่นเองหว่าฮ่าๆ) พอถึงจุดเปลี่ยน จุดที่จะลาออกจากงาน ฮ่าๆ เราเริ่มมาจับด้านพื้นฐานหนักๆบ้างดีมั้ย? ยังจะทันอยู่หรือเปล่า?? ทุกวันนี้กำไรก็มาจากกราฟ ผมก็แอบกลัวว่าจะต้องสูญเสียวรยุทธ์อันเล็กน้อยที่มีอยู่ทั้งหมดไป (อารมณ์เหมือนโดนตัดเส้นเอ็น) หาหนังสือมาอ่านเยอะแยะไปหมด ไม่ใช่เพราะโลภอยากมีกำไรเป็นพันเปอร์เซ็นต์ ไม่ใช่เพราะอยากเขียนหนังสือขาย ไม่ได้อยากออกทีวี แต่ผมแค่อยากเป็นนักลงทุนจริงๆเท่านั้น (ถึงความฝันผมจะอยากเป็นผู้จัดการกองทุนก็เถอะ!! อยากเป็นแบบปีเตอร์ ลินช์!!) จะมีวันนั้นมั้ยหนอ??? จากคุณ : นักสืบจิ๋ว เขียนเมื่อ : 21 เม.ย. 54 09:41:20

ความคิดเห็นที่ 47 แต่สิ่งหนึ่งที่ทุกคนทำได้แน่ๆ  ถ้าอยากจะทำก็คือ มีความพึงพอใจในชีวิตการเดินทางแสวงหาเงินของตัวเอง พอร์ตสองแสน สองล้าน ยี่สิบล้าน สองร้อยล้าน  สองพันล้าน ไม่มีใครตอบได้หรอกว่า  ใครมีความสุขทางใจมากกกว่า ตอบได้แค่ว่า  ใครจะมีเงินไปซื้อความสะดวก สบายทางร่างกายได้มากกว่ากัน ^ ชอบ คห 45 มากๆๆๆ  ขอบคุณครับเฮียเคลี่ ทุกคนที่มาลงทุน มาเล่นหุ้น ต้องการแสวงหาทรัพย์ หาทรัพย์ไปเพื่อจุนเจือร่างกายให้ดำรงอยู่ได้ และเผื่อไว้ยามที่หาทรัพย์ไม่ได้ และเผื่อไปไกลถึงคนข้างหลัง ทั้งหมดเป็นไปเพื่อให้ได้ความสุข แต่อวิชชา มาบังตาใน ทำให้เกิดทุกข์แทนที่ โลภ   อยากมีพอร์ตโตๆอย่างใครเขา ก็ต้องมีอิทธิบาท4 พละ5         แล้วหากทำเต็มที่แล้วไม่ต้องเสียใจ ไม่เปรียบเทียบ มีสันโดษ โกรธ  พาลโกรธตัวเอง โสกะ แห้งเหี่ยวใจ ไปจนถึง สัปยาส คับแค้นใจ โมหะ  หลงไหลในทรัพย์ที่หามาได้จน ขาดสติ ขาดการบำรุงระวัง ประมาท         แม้ไม่เจ๊งหุ้น  แต่ชีวิตก็เจ๊งด้านอื่นได้ ปล  ผมล๊อคอิน ต เต่า มาแจกกิ๊ฟคืนครับ      พี่ๆที่มาทีหลังกิ๊ฟไม่ต้องครับ  อยากทำประโยชน์ด้วยความรู้เชยๆบ้าง จากคุณ : อมหุ้นแล้วยิ้ม เขียนเมื่อ : 21 เม.ย. 54 09:45:59

ความคิดเห็นที่ 48 แต่ผมแค่อยากเป็นนักลงทุนจริงๆเท่านั้น (ถึงความฝันผมจะอยากเป็นผู้จัดการกองทุนก็เถอะ!! อยากเป็นแบบปีเตอร์ ลินช์!!) จะมีวันนั้นมั้ยหนอ??? จากคุณ : นักสืบจิ๋ว   ^ เท่าที่ผมอ่านดู คุณนักสืบจิ๋ว ก็เป็นนักลงทุนจริงๆแล้วนี่ครับ   ลงทุน(เงินจริง)ไป  ได้ผลตอบแทนมา  ด้วยวิธีการวิธีการหนึ่ง       VI เป็นแค่ซับเซทหนึ่งของการลงทุน   VI ก็ผ่านขบวนการซื้อ ถือ ขาย   ปล  ผมไม่กวนนะครับ คนเราต้องรักงานที่ทำ           คนชอบงานแบบPS มาทำงานแบบVI คลั่งตายเลย         คนชอบงานแบบVI ไปทำงานแบบPS  หัวปั่นแน่         และไม่มีความสุขทั้งคู่  ระยะยาวบั่นทองผลงานและสุขภาพ         ในงานแบบPS  VI  ก็ยังมีปลีกย่อยยุ่บยับไปหมด         สรุปว่า หาแบบของตัวเองให้เจอ จะมีวันนั้นมั้ยหนอ??? จากคุณ : นักสืบจิ๋ว   ^ มีแน่นอนครับ มีทันทีเลยครับคุณนักสืบจิ๋ว แก้ไขเมื่อ 21 เม.ย. 54 10:01:42 จากคุณ : อมหุ้นแล้วยิ้ม เขียนเมื่อ : 21 เม.ย. 54 09:59:43

ความคิดเห็นที่ 49 คุณนักสืบจิ๋ว ทุกคนต้องค้นหาเครื่องมือในการเดินทางแสวงหาเงินให้ตัวเองครับ เวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์เองว่า   จริงๆแล้ว    ความสามารถตามปัจจัยพื้นฐานสะสมของเรา มันเหมาะกับแนวทางไหน  เครื่องมือแบบไหน ผมอ่านความคิดเห็นของคุณเตวี่ทีไร ยอมรับว่า  เป็นคนที่พูดเรื่องหุ้น ที่ให้อะไรมากกกว่าเรื่องเงินๆทองๆ ซึ่งมีคนพูดกันจนเต็มเวบบอร์ดไปหมดแล้ว คนที่พูดเรื่องหุ้น   เกินเรื่องเงินๆทองๆได้    ผมว่าหายากครับ ตอนที่ผมพูดเกี่ยวกับชีวิตของนักลงทุนในรายการมันนี่ทอลค์ ผมก็ต่อยอดมาจากความคิดของคุณเตวี่ ที่ว่า   VI ก็เป็นแค่ซํบเซทของนักลงทุนเท่านั้น ลองเปรียบเทียบให้ชีวิตของเรา เป็นเซทใหญ๋สุด ในเซทใหญ่สุดของชีวิตคนเรา   ก็จะมี "ผู้เดินทางแสวงหาเงินในตลาดหุ้น" เป็นหนึ่งในซับเซทย่อย และในซับเซทย่อยของผู้เดินทางแสวงหาเงินในตลาดหุ้น ก็มีทั้ง   ผู้เดินทางแสวงหาเงินในตลาดหุ้น  ด้วยการเล่นเกมล่าส่วนเกินทุน แบบ  VI   PS   VSOP  หรือ ฯลฯ ถ้าซับเซท ผู้เดินทางแสวงหาเงินในตลาดหุ้น   กลายเป็นซับเซทที่ใหญ่ที่สุดในชีวิตของเรา มันก็จะมีอิทธิพลต่อความสุข ความทุกข์ของเรามากที่สุดตามไปด้วย พอเดินทางแสวงหาเงินในตลาดหุ้นไปนานๆ   ก็จะรู้สึกเองว่า   ตลาดหุ้น  ไม่ใช่ชีวิตเราทั้งชีวิต ได้เงินจากตลาดหุ้นไปแล้ว  ก็อาจจะให้ได้ทั้งความสุขหรือความทุกข์ก็ได้ ถ้าซับเซทอื่นๆ ของชีวิตเราไม่ดี + แก้ไขเมื่อ 21 เม.ย. 54 14:39:00 แก้ไขเมื่อ 21 เม.ย. 54 11:20:31 จากคุณ : endophine เขียนเมื่อ : 21 เม.ย. 54 10:02:45

ความคิดเห็นที่ 50 เออ  แต่ว่า ยังขาด bjc ไปนะครับ   คืออยากรู้ว่า  ทำไมถึงเข้าไปซื้อ bjc ที่ราคาห้าบาทกว่าในตอนนั้น ? ^ โดนทวง แฮะๆ BJC ผมว่ามองในด้านราคาคือกำไร  แต่หากมองในแง่การลงทุนผมน่าเข้า CPALL มากกว่า ที่ต้องมาพาดพิงCPALL เพราะตอนนั้นภรรยาผมฝากตังค์ให้ช่วยซื้อหุ้น CPALL  แต่ผมใช้ความรู้สึกตัวเองว่าหุ้นมันแพง (30บาทได้มั๊ง) เพื่อปกปิดความผิดพลาดที่ผมซื้อหุ้นCPALL 6บาท(ซื้อก่อนแตกพาร์) 6หมื่นหุ้น แล้วขายหมูไปหมดมือที่16บาท (บอกแล้วว่าทำผิดมากกว่าถูก) มาว่าBJCกัน  หุ้นดีเช่นกันครับ เมื่ออวิชชาทำให้ไม่อยากเข้าCPALL ผมก็มองตัวที่ทดแทนกัน แม้ไม่มีร้านค้า แต่ก็โตไปตามโมเดิร์นเทรดเช่น เดียวกับฟาร์มเฮ้า   และที่สำมะคัญ คือราคาBJC ขณะนั้นมียังมี MOSสูง กำไรก็ดีวันดีคืน   และโดยส่วนตัวตอนทำงานผมเคยขายหัวเชื้อโลชั่นซึ่งผมทดลองทำใน Bench plant ให้กับBJC โดยBJCซื้อเพราะของดี(แน่แล้วผมทำกับมือ) และ ราคาถูกกว่าสั่งนอก (ทำให้ผมเข้าใจนโยบายลดต้นทุนอยู่ในสายเลือดบริษัทนี้) ทั้งหลายทั้งมวลยำมั่วๆบวกกับเฮง  เลยซื้อตอนล่วงจาก6บาท ไปขายชักต้นทุนคืนแถว21บาทกว่า ที่เหลือถือไว้ไม่ค่อยมองเลยครับ เป็นหุ้นในพอร์ตภรรยา+ลูกสาว จากคุณ : อมหุ้นแล้วยิ้ม เขียนเมื่อ : 21 เม.ย. 54 10:34:01

ความคิดเห็นที่ 51 แนวคิดสุดยอดมากๆ ค่ะ ทั้งเฮียเอ็นโดฟิน และ พี่อมหุ้นแล้วยิ้ม จากคุณ : คนน่ารักที่อยากรวย เขียนเมื่อ : 21 เม.ย. 54 10:47:23

ความคิดเห็นที่ 52 อ่านซ้ำแล้วซ้ำอีก ยิ่งได้ความรู้ความเข้าใจ มีเฮียเอ็นโดคอยป้อนคนเสริม คุณเต่าหยวนเปียว ขยายมุมมอง ได้ความรู้เพิ่มอีกมากมาย ซู๊ดดดดดดดดดดด ยอดดดดดดดดดดดดด จากคุณ : ธราธิป เขียนเมื่อ : 21 เม.ย. 54 10:50:03

ความคิดเห็นที่ 53 วิเคราะห์เยี่ยมไปเลย   เท่าที่อ่านดู   ก็ถือว่าทำได้ถูกต้องแล้ว เพราะ bjc  ขึ้นไปสามเท่ากว่าๆจากจุดเริ่มซื้อ ในขณะที่ cpall ขึ้นไปแค่เท่ากว่าๆจากจุดที่ขาย เท่ากับเงินตั้งต้นในหุ้น เซเว่น  สามแสนหกหมื่นบาท กลายเป็นเงินลงทุน สามล้านกว่าบาทๆ  ในที่สุด           พูดถึงเบอร์ลี่ยุกเกอร์ คริสปี้ครีมที่ฝอยว่า สั่งซื้อแป้งจากนอก ที่แท้ก็ย้อมแมว  สั่งซื้อกับเบอร์ลี่ยุกเกอร์ + แก้ไขเมื่อ 21 เม.ย. 54 11:16:07 จากคุณ : endophine เขียนเมื่อ : 21 เม.ย. 54 10:55:25

ความคิดเห็นที่ 54 แจ๋วไปเลย จากคุณ : แม่น้องอะตอม เขียนเมื่อ : 21 เม.ย. 54 11:11:57

ความคิดเห็นที่ 55 คุณแม่น้องอะตอม ถ้าจะให้แจ๋วไปเลย ก็ช่วยโหวตให้อยู่กระทู้แนะนำ  ไปจนถึงวันอาทิตย์ด้วยครับ เสียดายความคิดเห็นดีๆของคุณอมหุ้นแล้วยิ้ม + จากคุณ : endophine เขียนเมื่อ : 21 เม.ย. 54 11:18:48

ความคิดเห็นที่ 56 ขอบคุณอย่างเป็นทางการ สำหรับ มุมมอง รายละเอียด และคำชี้แนะจาก.....น้องอมหุ้นแล้วยิ้มเสมอ ขอบคุณสำหรับกระทู้สร้างสรรค์ ที่เปิดหู เปิดตา เปิดทางโดย....เฮีย endophine ขอบคุณความเห็นเพิ่มเติมจาก....หลายๆ ท่าน ขออนุญาต print เพื่ออ่าน ยอมแหกกฎว่าจะใช้ระบบpaperless   แบบว่ากระทู้ดี มีน้อย จน.......อดใจไม่ได้   จากคุณ : มดพัทยา เขียนเมื่อ : 21 เม.ย. 54 12:30:59

ความคิดเห็นที่ 57 ขอบคุณเซียนๆทุกท่านที่มาชี้แนะผู้น้อยครับ หวังว่าวันนึงจะมีมูลค่าพอร์ตได้ซัก 10% ของพี่ๆ ผมชอบหลักการ #13 มากครับพี่ อมหุ้นแล้วยิ้ม  แค่ข้อนี้ข้อเดียวก็ไม่จำเป็นว่าจะต้องเอาเงินไปแช่ใน Bank ให้เสียอารมณ์ จากคุณ : ^MoOn_Man^ เขียนเมื่อ : 21 เม.ย. 54 13:44:18

ความคิดเห็นที่ 58 เข้ามาอ่าน ได้ทั้งความรู้แลแง่คิด เมื่อไหร่หนอเราจะปฏิบัติอย่างพี่เต่าฯได้ ของเราซื้อแล้วแทนที่จะยิ้ม ต้องพูดว่ารู้งี้น่าจะ......ก่อน จากคุณ : สมชาย บางพลี เขียนเมื่อ : 21 เม.ย. 54 14:39:09

ความคิดเห็นที่ 59 มาแวะอ่านตอนค่ำ  กระทู้ดีที่เฮียคลายเครียดขึ้นให้อ่านกัน ดีใจกับการลงทุนครับที่คุณเต่าประสพความสำเร็จ เป็นตัวอย่างที่ดี  จะได้ขอเลียนแบบบ้าง ขอบคุณครับ จากคุณ : รูปของคุณปลิงไทย (P_ปรัชญา) เขียนเมื่อ : 21 เม.ย. 54 19:39:23

ความคิดเห็นที่ 60 ขอบคุณ.. ที่นำประสบการณ์ดีๆ มาแชร์ครับ..... จัดกิ๊บ และ โหวต....แทนคำขอบคุณครับ.... จากคุณ : maxtao เขียนเมื่อ : 21 เม.ย. 54 20:17:57

ความคิดเห็นที่ 61 ขอบคุณค่ะ จากคุณ : กังสดาล เขียนเมื่อ : 21 เม.ย. 54 20:52:22

ความคิดเห็นที่ 62 กระทู้ดีๆ เป็นแบบนี้เอง ^____^ จากคุณ : opar156 เขียนเมื่อ : 21 เม.ย. 54 21:05:41

ความคิดเห็นที่ 63 ขอเสนอให้เฮียเอนโด ออกหนังสืออีกสักเล่มครับ แล้วนำกระทู้ที่ดีๆอย่างนี้ไปลงด้วยครับ จากคุณ : หยงอัน เขียนเมื่อ : 21 เม.ย. 54 21:45:56

ความคิดเห็นที่ 64 ขอบคุณพี่เอนโดและพี่อมหุ้นแล้วยิ้มค่ะ อ่านแล้วได้ทั้งความรู้เรื่องหุ้นและเรื่องการใช้ชิวิต สุดยอดค่ะ จากคุณ : Kading เขียนเมื่อ : 22 เม.ย. 54 09:05:12

ความคิดเห็นที่ 65 มาอ่านเก็บเกี่ยวความรู้ครับ ขอบคุณพี่เอ็นโดฟีน พี่อมหุ้นแล้วยิ้ม พี่เต่า และทุกท่านนะครับ จากคุณ : พิราบเงิน เขียนเมื่อ : 22 เม.ย. 54 09:06:22

ความคิดเห็นที่ 66 ขอบคุณทุกท่านเช่นกันครับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเฮียเอ็นโดฟิน ซึ่งเป็นผู้ให้ที่แท้จริงอย่างเสมอทั้งต้น คงพูดคุยกระทู้นี้ เป็นความเห็นสุดท้ายแล้ว วันที่เฮียเอ็นโด โยนลูกมาให้ ผมไม่ได้เตรียมลำดับเรื่องไว้เลย อาจทำให้ตอบได้วกวนไปบ้าง ขาดตกไปบ้าง เท่าที่นึกได้ในตอนนั้น คือ อะไรที่จะเป็นประโยขน์ต่อผู้มาอ่านมากที่สุด ผมก็ได้ข้อสรุปในใจทันทีว่า ข้อเท็จจริง เท่านั้น ไม่ว่าด้านดี หรือด้านไม่ดี ข้อเท็จจริงจะให้ประโยชน์สูงสุด เมื่อกี๊ผมลองอ่านทวนดูแล้ว  อยากจะเล่าเรื่องsymc เพิ่มเติมนิดหน่อยครับ อย่างที่ว่าไว้ใน คห ต้นๆว่าน้องชายผมทำงานที่นี่ เมื่อก่อนซิมโฟนี่เข้าตลาด น้องชายผมโทรมาหาบอกว่าได้หุ้นอีศพจำนวนหนึ่ง จะแบ่งห้าหมื่นหุ้นให้ผมกับพี่สาว ผมก็เลยต้องโชว์พาว ในฐานะเป็นพี่และดูเหมือนนักเล่นหุ้น โดยบอกน้องไปว่า "เฮียไม่ต้อง เดี๋ยวรอซื้อในตลาดเองให้อาแจ้ไปทั้งหมด" ตกลงพี่สาวผมได้ไป ทั้งหมด จากที่เคยสะสมแต่ทองก็จะได้มีหุ้นบ้าง อิอิ คราวนี้ที่มาเล่าให้อ่านยืดยาว อาจจะมีประโยชน์ก็ตอนต่อไปนี้ คือการสอนลูกเรื่องการลงทุน เห็นที่ไหนพูดๆกันมาก ผมอยากบอกว่า ไม่ง่ายเลย เหมือนดาบสองคม ต้องบาล้านซ์ให้ดี อยู่มาวันหนึ่ง ลูกผมมายืมหนังสือเรื่องหุ้นของ วอเรน บัฟเฟต ไปให้เพื่อนอ่าน และก็ดูเที่ยวนี้จะสนใจเรื่องหุ้นเอง(ตามเพื่อน)  ไม่เหมือนตอน10ขวบ ที่ผม เคยมาโพสต์เป็นตุเป็นตะว่า ลูกผมรู้เรื่องหุ้น ผมซื้อหุ้นBECL ด้วยเงินลูก สอนอะไรลูกเข้าใจหมดเลย สบายแล้วผมมีทายาท (เฮียปลาฯ น่าจำเรื่องนี้ได้) ทุกวันนี้ ผมถามลูก ลูกบอกจำอะไรไม่ค่อยได้เลย กลับมาเรื่องปัจจุบัน  ลูกผมต้องการเอาเงินออมมาลงทุนหุ้น (ไม่มีการฟอร์สบาย ใดๆทังสิ้น)  คราวนี้ไม่เหมือนเก่า เพราะจากเด็กเล็กซึ่งสอนอะไรก็ดูเหมือน โอเค เริ่มเป็นเด็กโต ซึ่งมีความโลภความกลัวเพิ่มตามอายุ  5555   คราวนี้ผมกลับคิดหนักกว่าเก่า เอาไงดี ปล่อยให้ลองของจริง หรือพยุงหน่อยๆ ด้วยความงก และผมไม่อยากให้ลูกเสียกำลังใจแต่ต้น (อาจไม่เป็นผลดีในระยะ ยาวก็ได้ ที่ไม่ล้มเหลวซะก่อน)  ก็เลยไปขอพี่สาวให้แบ่งหุ้นsymc ให้ลูกหมื่นหุ้น ที่ราคา3.5 บาท    (นี่เห็นเปิดช่อง9 คอยชะแง้ มองราคาบนจอ 555 ) พร้อมๆ กันนั้นผมก็ซื้อหุ้นที่ราคาตลาด ให้ภรรยา (ซึ่งไม่สนใจหุ้นจะขึ้นจะลง) ลูกผมจะได้เรียนรู้ไปในตัว ได้ผลหลายประการ ลูกเริ่มมีคำถามเกี่ยวกับการลงทุนมาถามผมเป็นระยะ ได้ปลูกฝังทัศนคติที่ดีให้ลูกก็คราวนี้แหละครับ และก็อย่างที่เฮียเอ็นโดว่าไว้ความเห็นก่อนๆ  ไม่สอนเฉพาะด้านใดด้านหนึ่ง การลงทุนก็เป็นเพียงส่วนหนึ่งของชีวิต ขาดเสียก็ไม่ได้ แต่"อย่าสุดโต่งเกินไป" โม้ยาวเลยผม แก้ไขเมื่อ 23 เม.ย. 54 10:55:56 แก้ไขเมื่อ 23 เม.ย. 54 10:55:08 แก้ไขเมื่อ 22 เม.ย. 54 10:47:42 แก้ไขเมื่อ 22 เม.ย. 54 10:40:59 แก้ไขเมื่อ 22 เม.ย. 54 10:30:17 แก้ไขเมื่อ 22 เม.ย. 54 10:19:27 จากคุณ : อมหุ้นแล้วยิ้ม เขียนเมื่อ : 22 เม.ย. 54 10:17:53

ความคิดเห็นที่ 67 เพิ่งเข้าวงการครับ ขอมาเก็บความรู้ด้วยครับ ขอบคุณครับ จากคุณ : ป่าเหนือเมื่อหน้าดอกไม้บาน เขียนเมื่อ : 22 เม.ย. 54 14:12:19